ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Conan ] Butterfly Kiss จุมพิตนี้ต้องใจ (OC)

    ลำดับตอนที่ #3 : โมริ รัน กับเหตุการณ์ที่ถูกกำหนดไว้

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 66


    13 ปีก่อน
     

    การเป็นพ่อแม่มือใหม่ จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ทั้งชีวิต รวมถึง โมริ โคโกโร่ และ คิซากิ เอริ ที่เพิ่งได้รับของขวัญทั้งสองมา การเลี้ยงลูกทั้งสองคน ต้องใช้ทั้งความอดทนและความใส่ใจเป็นอย่างมาก

     

    สองพี่น้องก็มีกันแค่นี้

     

    “ จำได้ว่าวางไว้บนตู้รองเท้า คุณเห็นบ้างมั้ย? ”  

     

    “จะว่าตอนที่เอาช้อนรองเท้าออกมา ก็เห็นอะไรหล่นลงไปเหมือนกัน”

     

    แคร่ก! “ยึย! อ่ะ แย่ล่ะ เหยียบไปซะแล้วสิ ” เมื่อยกเท้าออก ก็ปรากฎเศษซากของอะไรบางอย่าง แน่นอนว่า เป็นของที่ตามหากันอยู่นั่นเอง

     

    “อ่า!!…” แฝดทั้งสองร้องเสียงหลง หันมามองหน้ากันเองอย่างช่วยไม่ได้ 

     

    “โกหกน่า แหลกหมดเลย” เอริอุทาน

     

    “ อ่ะ โทษทีนะ เอากาวติดสักหน่อยคงพอใช้ได้มั้ง ” โคโกโร่เก็บมันขึ้นมา แสดงสีหน้าหนักใจ และเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกช่วยไม่ได้ 

     

    “ฉันว่าแหลกขนาดนี้ คงซ่อมไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”

     

    “ งั้นฉัน ฉันต้องไปที่กรมแล้วล่ะ ”

     

    “ อ่ะ เดี๋ยวก่อนสิคุณ ”  

     

    ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องเล็กน้อยก็สำคัญน้อยกว่างาน นายตำรวจมือใหม่ก็รีบชิ่งไปทำงานก่อนซะแล้ว 

     

    “ แย่ละสิ ของรันซะด้วย ว่าแต่ของริเอะล่ะ? ” เข็มกลัดที่แตก มีแค่ของลูกสาวคนเล็กเท่านั้น

     

    เอริมองพื้นซ้ายขวา ก่อนหางตาจะหันไปเห็นเข็มกลัดอีกอันที่ยังคงวางอยู่บนชั้นวางรองเท้า เธอถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา “ แต่แย่เลยนะ แบบนี้ล่ะก็ คงต้องขอให้ครูที่โรงเรียนอนุบาลทำให้ใหม่ซะแล้วล่ะ ”

     

     “ อ่า ” รันหน้าหงอยลงเล็กน้อย ริเอะผู้เป็นพี่ มองใบหน้าที่เศร้าสร้อยลงของน้องสาวก็ครุ่นคิดเล็กน้อย 

     

    ระหว่างที่กำลังทำเข็มกลัดชั่วคราว 

     

    “ รันจังเอาของฉันไปใส่ก็ได้นะ ”

     

    “ เอ๊ะ? แต่มันเป็นของริเอะจังนะ ”

     

    “ อือ ฉันยกให้! แบบนี้รันจังจะได้ไม่ถูกแกล้งยังไงล่ะ! ”

     

    “ แต่ว่า …. ” 

     

    ไม่รอให้รันปฎิเสธ ริเอะเขียนชื่อของรันเสร็จ ก็เอามันมาสลับกับแผ่นชื่อของตัวเองบนเข็มกลัด และติดมันให้กับรันอย่างเบามือ 

     

    ดวงตาของทั้งคู่สบกัน 

     

    รันมองสายตาของที่ริเอะเหมือนที่พ่อแม่มองพวกเธอ ก็เผยรอยยิ้มสดใสออกมา 

     

    การมีพี่น้องวัยเดียวกันก็เหมือนมีเพื่อนรู้ใจ 

     

    “ รันจังจะดูแลอย่างดีใช่มั้ยละ ” 

     

    “ อืม! ”

     

     


     

    10 ปีก่อน

     

    พวกเธอนั้นจะถูกเปรียบเทียบอ้อมๆเสมอ มันอาจเป็นเพียงลมปากที่สามารถสร้างแผลใจให้กับเด็กได้ 

     

    รันก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เข้มแข็งพอจะไม่เก็บคำพูดของผู้อื่นมาใส่ใจ 

     

    แต่บางครั้ง คำพูดของคนใกล้ตัว มันกลับสร้างแผลลึกที่ยากจะรักษามากกว่าเสียอีก

     

    “ ริเอะจังเนี่ย เก่งจังเลยนะ ”

     

    “ แหม ฉลาดเหมือนแม่เลยนะ ”

     

    “ นั่นสินะ ทั้งสวยทั้งเก่งแบบเนี่ย อนาคตจะต้องเป็นเจ้าสาวที่ดีแน่นอนเลย ”

     

    “ เด็กดีจังนะ ลูกฉันที่บ้าน ไม่ได้ดั่งใจก็เอาแต่ร้องไห้ ร้องหานู้นหานี่ตลอด ถ้าเป็นอย่างริเอะจังได้ก็ดีน่ะสินะ ”

     

    บางครั้งมันก็แค่คำพูดลอยๆ 

     

    ด้วยความเป็นแฝดแล้ว รันมีริเอะอยู่เคียงข้างเสมอ ริเอะนั้นเกิดก่อนเธอเพียงสิบสองนาที แต่ไม่ว่าจะนิสัย ท่าทาง และการวางตัว ดูเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เธอจำความได้ 

     

    คนเป็นพ่อแม่ การมีลูกที่รู้ความและว่านอนสอนง่าย ถือว่าโชคดีที่สุดในชีิวิต 

     

    รันพยายามจะเป็นเหมือนพี่สาว พี่สาวที่ฉลาดหลักแหลม พี่สาวที่เป็นที่พึ่ง พี่สาวคนสำคัญของเธอ 

     

    เธอเลยเริ่มเก็บทุกอย่างไว้ในใจ เก็บความคิดต่างๆที่เห็นแก่ตัวของตัวเองเอาไว้ หลายครั้งเธอก็อยากจะเอาแต่ใจตัวเองเช่นเด็กคนอื่นๆ แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป ไม่กล้าแสดงออกให้เห็นถึงความอ่อนแอของตัวเอง 

     

    ก็เพราะ ริเอะน่ะ เข้มแข็งที่สุดนี่น่า 

     

    จนกระทั่งเมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น 

     

    พ่อกับแม่ทะเลาะกันหนักมาก และตัดสินใจแยกกันอยู่ 

     

    “ ถ้าพวกเขาอยากจะแยกกันอยู่ ก็ไม่เป็นไรหรอก ปัญหาของผู้ใหญ่ เด็กอย่างเราทำอะไรไม่ได้หรอก ” นั่นคือคำพูดที่ริเอะพูดกับเธอ ตอนที่เธอปรึกษาว่าไม่อยากให้พ่อแม่แยกกัน 

     

    ไม่รู้ริเอะรู้ถึงสาเหตุรึเปล่า แต่เธอไม่ได้บอกตรงๆ  

     

    แต่รันไม่เคยถาม ไม่กล้าที่จะถาม

     

    เพราะบางที …

     

    “ ไว้เราค่อยคิดแผนให้พวกเขาคืนดีกันก็ได้ เนอะ? ” ริเอะกระซิบบอก

     

    “ อืม ” 

     

    และเธอจะทำอะไรได้ล่ะ คิดว่าพวกเขาคงทะเลาะกันไม่นาน ก็จะคืนดีกันอย่างเคย 

     

    รันพยายามอย่างหนักเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว 

     

    จากเล็กๆน้อยๆ พอโตขึ้น ก็เริ่มรับผิดชอบมากขึ้น ริเอะไม่เก่งเรื่องงานในบ้านและเริ่มสนใจการแสดง ใช้เวลาไปกับการเรียนและการออกนอกสถานที่ เรื่องราวในบ้านเธอเลยจัดการแทน  

     

    ไม่ว่าจะเรื่องการทำอาหาร เย็บชุนผ้า ทำงานบ้าน ซื้อของเข้าบ้าน ควบคุมการใช้จ่ายเงิน 

     

    มีถูกชวนไปเที่ยวบ้างเป็นบางครั้ง ริเอะมีแบ่งไปนอนกับคุณแม่เพราะความสะดวก เริ่มปรึกษาการจะเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว 

     

    รันจัดสรรเวลาทุกอย่างได้อย่างดี การเรียนไม่ขาดตกบกพร่อง งานบ้านละเอียดเรียบร้อย ทั้งการวางตัว และท่าทางการแสดงออก 

     

    “ รัน!! จะรีบกลับแล้วเหรอ?! ” นอกจากริเอะ เพื่อนสนิทของเธอ ก็ยังมีโซโนโกะ เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ปฎิเสธเลยแม้สักครั้ง เมื่อเธอชวนไปทำกิจกรรมต่างๆ แม้คนอื่นจะบอกว่าน่าเบื่อ 

     

    เธอถนอมความสัมพันธ์นี้เอาไว้ 

     

    “ จ๊ะ วันนี้ต้องแวะไปซื้อของมาทำกับข้าวน่ะ จะว่าไป โซโนโกะอยากได้ขนมอะไรวันพรุ่งนี้ล่ะ? ริเอะบอกอยากกินมัฟฟิน ฉันเลยว่าทำเผื่อเธอด้วย ”

     

    “ โธ่ รัน ขนมที่เธอทำน่ะ อร่อยจะตายไป ฉันกลัวจะอดใจไม่ไหว กินหมดทุกอย่าง หากฉันอ้วน ฉันจะโทษเธอนะ ” โซโนโกะทำท่าทางโอดครวญเกินเหตุ รันเพียงยกมือปิดปากหัวเราะอย่างอารมณ์ดี 

     

    วันไหนที่เธอทำขนมมา มักจะเอามาแบ่งเพื่อนสนิทอยู่เสมอ และเพราะริเอะมีความเป็นผู้ใหญ่สูงมาตั้งแต่เด็ก โซโนโกะจึงสนิทกับรันมากกว่า 

     

    “ เธอน่ะ จะตามใจยัยนั่นมากเกินไปหน่อยแล้ว ให้ยัยนั่นหัดทำเองซะบ้างสิ ” ใบหน้าของคนที่ทำหน้าเบื่อโลกเดินเข้ามาด้านหลัง 

     

    คุณยอดนักสืบ ที่พูดอะไรก็ขัดคนอื่นเขาไปทั่ว

     

    นอกจากโซโนโกะแล้ว ก็ยังมีชินอิจิ เพื่อนสมัยเด็กของสองแฝด อาจจะเรียกคู่กัดกันซะมากกว่า เพราะริเอะมักจะหาเรื่องแซวชินอิจิเสมอ และชินอิจิก็มักจะชอบขัดทุกเรื่องที่ริเอะเสนอ 

     

    ตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้น ความสัมพันธ์ของริเอะและชินอิจิก็เหมือนน้ำกับไฟ ใครหลายคนต่างเอ่ยแซวว่า ยิ่งทะเลาะกันก็ยิ่งรักกัน แต่คงมีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่รู้ 

     

    รันยิ้มอย่างไม่ถือสา “ ริเอะเขาไม่ว่างน่ะ เห็นว่าพรุ่งนี้ต้องไปถ่ายงานนอกสถานที่ อาจจะลาเรียนสักสองสามวัน ”

     

    “ ให้ตายสิ เอาแต่ใจชะมัด ” ชินอิจิเบือนหน้าหนี 

     

    และแน่นอนว่า วันไหนที่ริเอะไม่อยู่ ชินอิจิจะอาสามาเป็นเพื่อนเธอ เพื่อช่วยถือของ และก็จะบ่นว่า 

     

    ‘ เธอน่ะหัดขอให้คนอื่นช่วยซะบ้างเถอะ แล้วก็ ตอนที่มีคนช่วย ต้องพูดว่า ขอบคุณ ไม่ใช่คำว่า ขอโทษ ’ 

     

    แรกๆก็อย่างที่ชินอิจิคิด รันขี้เกรงใจจะตายไป พอริเอะไม่อยู่ ก็ถือของพะรุงพะรังคนเดียว หากชินอิจิไม่เห็นรอยแดงที่แขนของเธอ ก็คงจะไม่รู้ 

     

    เด็กประถมมักใช้เวลาช่วงเย็นไปกับการละเล่นต่างๆ ชินอิจิที่ชื่นชมฟุตบอลก็ไม่ต่าง เขามักจะใช้เวลาช่วงเย็นในการเล่นฟุตบอลกับเด็กที่โรงเรียน 

     

    ตั้งแต่นั้น เมื่อไหร่ที่ริเอะไม่อยู่ ชินอิจิก็จะเดินกลับบ้านเป็นเพื่อนเธอเสมอ 

     

    “ ของชินอิจิเป็นมัฟฟินเลมอนหวานน้อยสินะ ” รันยิ้มกว้าง หันมาบอกคนข้างตัวที่เดินมาด้วยกัน

     

    “ อะ อืม .. ” 

     

    ชินอิจิเบือนหน้าหนีพลางเกาแก้ม เบื้องหลังใบหน้ายอดนักสืบคนเก่ง กลับเปื้อนแดงอย่างคนเขินอาย และเขาไม่คิดจะให้เธอเห็นใบหน้านี้เด็ดขาดเลย

     

    เขาไม่ได้ชอบของหวานซะหน่อย แต่เพราะรันตั้งใจทำ เขาเลยกินมันรองท้องแทนอาหารเช้า ยังไงซะ ของหวานก็ควรคู่กับกาแฟยามเช้าอยู่แล้ว

     

    “ จะว่าไป ” ชินอิจิรั้งเรียกเธอก่อนจะกลับเข้าบ้าน 

     

    “ อืม? ” เธอหันไปให้ความสนใจชินอิจิ

     

    เขาว่าดวงตาเป็นหน้าตาของหัวใจ ชินอิจิอาจจะฉลาดเรื่องการสืบสวน แต่สายตาของรัน เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้ทุกครั้ง

     

    ความรู้สึกผิดมันปิดปากเขาไว้

     

    “ ปะ เปล่าหรอก ไปก่อนนะ ” เขาส่ายหน้าพลางบอกปัด เดินหันหลังตัดสินใจกลับบ้านตัวเอง 

     

    “ อ่ะ จ๊ะ แล้วเจอกันนะ ชินอิจิ ” รอยยิ้มของรันจางลงไปเล็กน้อย แต่ก็เอ่ยบอกลาอีกฝ่ายได้อย่างไม่ผิดสังเกต 

     

    ในฐานะนักสืบ ชินอิจิคงจะพลาดที่สุด 

     

    ไม่ได้เห็นสายตาที่รันมองตามหลังตัวเองมาเลย 

     

    เหมือนม่านหมอกบางๆปกคลุมอยู่

     

    ทั้งที่มันก็ง่ายมากที่จะฝ่าเข้าไป

     

    ราวกับว่า เธอกำลังรอ รอคนที่ยื่นมือเข้ามาก็เท่านั้น

     

    เพราะบางที …

    เธออาจจะกลัวคำตอบก็ได้..

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×