คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : โมริ รัน กับเหตุการณ์ที่ถูกกำหนดไว้
13 ปีก่อน
การเป็นพ่อแม่มือใหม่ จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ทั้งชีวิต รวมถึง โมริ โคโกโร่ และ คิซากิ เอริ ที่เพิ่งได้รับของขวัญทั้งสองมา การเลี้ยงลูกทั้งสองคน ต้องใช้ทั้งความอดทนและความใส่ใจเป็นอย่างมาก
สองพี่น้องก็มีกันแค่นี้
“ จำได้ว่าวางไว้บนตู้รองเท้า คุณเห็นบ้างมั้ย? ”
“จะว่าตอนที่เอาช้อนรองเท้าออกมา ก็เห็นอะไรหล่นลงไปเหมือนกัน”
แคร่ก! “ยึย! อ่ะ แย่ล่ะ เหยียบไปซะแล้วสิ ” เมื่อยกเท้าออก ก็ปรากฎเศษซากของอะไรบางอย่าง แน่นอนว่า เป็นของที่ตามหากันอยู่นั่นเอง
“อ่า!!…” แฝดทั้งสองร้องเสียงหลง หันมามองหน้ากันเองอย่างช่วยไม่ได้
“โกหกน่า แหลกหมดเลย” เอริอุทาน
“ อ่ะ โทษทีนะ เอากาวติดสักหน่อยคงพอใช้ได้มั้ง ” โคโกโร่เก็บมันขึ้นมา แสดงสีหน้าหนักใจ และเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกช่วยไม่ได้
“ฉันว่าแหลกขนาดนี้ คงซ่อมไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”
“ งั้นฉัน ฉันต้องไปที่กรมแล้วล่ะ ”
“ อ่ะ เดี๋ยวก่อนสิคุณ ”
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องเล็กน้อยก็สำคัญน้อยกว่างาน นายตำรวจมือใหม่ก็รีบชิ่งไปทำงานก่อนซะแล้ว
“ แย่ละสิ ของรันซะด้วย ว่าแต่ของริเอะล่ะ? ” เข็มกลัดที่แตก มีแค่ของลูกสาวคนเล็กเท่านั้น
เอริมองพื้นซ้ายขวา ก่อนหางตาจะหันไปเห็นเข็มกลัดอีกอันที่ยังคงวางอยู่บนชั้นวางรองเท้า เธอถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา “ แต่แย่เลยนะ แบบนี้ล่ะก็ คงต้องขอให้ครูที่โรงเรียนอนุบาลทำให้ใหม่ซะแล้วล่ะ ”
“ อ่า ” รันหน้าหงอยลงเล็กน้อย ริเอะผู้เป็นพี่ มองใบหน้าที่เศร้าสร้อยลงของน้องสาวก็ครุ่นคิดเล็กน้อย
ระหว่างที่กำลังทำเข็มกลัดชั่วคราว
“ รันจังเอาของฉันไปใส่ก็ได้นะ ”
“ เอ๊ะ? แต่มันเป็นของริเอะจังนะ ”
“ อือ ฉันยกให้! แบบนี้รันจังจะได้ไม่ถูกแกล้งยังไงล่ะ! ”
“ แต่ว่า …. ”
ไม่รอให้รันปฎิเสธ ริเอะเขียนชื่อของรันเสร็จ ก็เอามันมาสลับกับแผ่นชื่อของตัวเองบนเข็มกลัด และติดมันให้กับรันอย่างเบามือ
ดวงตาของทั้งคู่สบกัน
รันมองสายตาของที่ริเอะเหมือนที่พ่อแม่มองพวกเธอ ก็เผยรอยยิ้มสดใสออกมา
การมีพี่น้องวัยเดียวกันก็เหมือนมีเพื่อนรู้ใจ
“ รันจังจะดูแลอย่างดีใช่มั้ยละ ”
“ อืม! ”
10 ปีก่อน
พวกเธอนั้นจะถูกเปรียบเทียบอ้อมๆเสมอ มันอาจเป็นเพียงลมปากที่สามารถสร้างแผลใจให้กับเด็กได้
รันก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เข้มแข็งพอจะไม่เก็บคำพูดของผู้อื่นมาใส่ใจ
แต่บางครั้ง คำพูดของคนใกล้ตัว มันกลับสร้างแผลลึกที่ยากจะรักษามากกว่าเสียอีก
“ ริเอะจังเนี่ย เก่งจังเลยนะ ”
“ แหม ฉลาดเหมือนแม่เลยนะ ”
“ นั่นสินะ ทั้งสวยทั้งเก่งแบบเนี่ย อนาคตจะต้องเป็นเจ้าสาวที่ดีแน่นอนเลย ”
“ เด็กดีจังนะ ลูกฉันที่บ้าน ไม่ได้ดั่งใจก็เอาแต่ร้องไห้ ร้องหานู้นหานี่ตลอด ถ้าเป็นอย่างริเอะจังได้ก็ดีน่ะสินะ ”
บางครั้งมันก็แค่คำพูดลอยๆ
ด้วยความเป็นแฝดแล้ว รันมีริเอะอยู่เคียงข้างเสมอ ริเอะนั้นเกิดก่อนเธอเพียงสิบสองนาที แต่ไม่ว่าจะนิสัย ท่าทาง และการวางตัว ดูเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เธอจำความได้
คนเป็นพ่อแม่ การมีลูกที่รู้ความและว่านอนสอนง่าย ถือว่าโชคดีที่สุดในชีิวิต
รันพยายามจะเป็นเหมือนพี่สาว พี่สาวที่ฉลาดหลักแหลม พี่สาวที่เป็นที่พึ่ง พี่สาวคนสำคัญของเธอ
เธอเลยเริ่มเก็บทุกอย่างไว้ในใจ เก็บความคิดต่างๆที่เห็นแก่ตัวของตัวเองเอาไว้ หลายครั้งเธอก็อยากจะเอาแต่ใจตัวเองเช่นเด็กคนอื่นๆ แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป ไม่กล้าแสดงออกให้เห็นถึงความอ่อนแอของตัวเอง
ก็เพราะ ริเอะน่ะ เข้มแข็งที่สุดนี่น่า
จนกระทั่งเมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
พ่อกับแม่ทะเลาะกันหนักมาก และตัดสินใจแยกกันอยู่
“ ถ้าพวกเขาอยากจะแยกกันอยู่ ก็ไม่เป็นไรหรอก ปัญหาของผู้ใหญ่ เด็กอย่างเราทำอะไรไม่ได้หรอก ” นั่นคือคำพูดที่ริเอะพูดกับเธอ ตอนที่เธอปรึกษาว่าไม่อยากให้พ่อแม่แยกกัน
ไม่รู้ริเอะรู้ถึงสาเหตุรึเปล่า แต่เธอไม่ได้บอกตรงๆ
แต่รันไม่เคยถาม ไม่กล้าที่จะถาม
เพราะบางที …
“ ไว้เราค่อยคิดแผนให้พวกเขาคืนดีกันก็ได้ เนอะ? ” ริเอะกระซิบบอก
“ อืม ”
และเธอจะทำอะไรได้ล่ะ คิดว่าพวกเขาคงทะเลาะกันไม่นาน ก็จะคืนดีกันอย่างเคย
รันพยายามอย่างหนักเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว
จากเล็กๆน้อยๆ พอโตขึ้น ก็เริ่มรับผิดชอบมากขึ้น ริเอะไม่เก่งเรื่องงานในบ้านและเริ่มสนใจการแสดง ใช้เวลาไปกับการเรียนและการออกนอกสถานที่ เรื่องราวในบ้านเธอเลยจัดการแทน
ไม่ว่าจะเรื่องการทำอาหาร เย็บชุนผ้า ทำงานบ้าน ซื้อของเข้าบ้าน ควบคุมการใช้จ่ายเงิน
มีถูกชวนไปเที่ยวบ้างเป็นบางครั้ง ริเอะมีแบ่งไปนอนกับคุณแม่เพราะความสะดวก เริ่มปรึกษาการจะเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว
รันจัดสรรเวลาทุกอย่างได้อย่างดี การเรียนไม่ขาดตกบกพร่อง งานบ้านละเอียดเรียบร้อย ทั้งการวางตัว และท่าทางการแสดงออก
“ รัน!! จะรีบกลับแล้วเหรอ?! ” นอกจากริเอะ เพื่อนสนิทของเธอ ก็ยังมีโซโนโกะ เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ปฎิเสธเลยแม้สักครั้ง เมื่อเธอชวนไปทำกิจกรรมต่างๆ แม้คนอื่นจะบอกว่าน่าเบื่อ
เธอถนอมความสัมพันธ์นี้เอาไว้
“ จ๊ะ วันนี้ต้องแวะไปซื้อของมาทำกับข้าวน่ะ จะว่าไป โซโนโกะอยากได้ขนมอะไรวันพรุ่งนี้ล่ะ? ริเอะบอกอยากกินมัฟฟิน ฉันเลยว่าทำเผื่อเธอด้วย ”
“ โธ่ รัน ขนมที่เธอทำน่ะ อร่อยจะตายไป ฉันกลัวจะอดใจไม่ไหว กินหมดทุกอย่าง หากฉันอ้วน ฉันจะโทษเธอนะ ” โซโนโกะทำท่าทางโอดครวญเกินเหตุ รันเพียงยกมือปิดปากหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
วันไหนที่เธอทำขนมมา มักจะเอามาแบ่งเพื่อนสนิทอยู่เสมอ และเพราะริเอะมีความเป็นผู้ใหญ่สูงมาตั้งแต่เด็ก โซโนโกะจึงสนิทกับรันมากกว่า
“ เธอน่ะ จะตามใจยัยนั่นมากเกินไปหน่อยแล้ว ให้ยัยนั่นหัดทำเองซะบ้างสิ ” ใบหน้าของคนที่ทำหน้าเบื่อโลกเดินเข้ามาด้านหลัง
คุณยอดนักสืบ ที่พูดอะไรก็ขัดคนอื่นเขาไปทั่ว
นอกจากโซโนโกะแล้ว ก็ยังมีชินอิจิ เพื่อนสมัยเด็กของสองแฝด อาจจะเรียกคู่กัดกันซะมากกว่า เพราะริเอะมักจะหาเรื่องแซวชินอิจิเสมอ และชินอิจิก็มักจะชอบขัดทุกเรื่องที่ริเอะเสนอ
ตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้น ความสัมพันธ์ของริเอะและชินอิจิก็เหมือนน้ำกับไฟ ใครหลายคนต่างเอ่ยแซวว่า ยิ่งทะเลาะกันก็ยิ่งรักกัน แต่คงมีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่รู้
รันยิ้มอย่างไม่ถือสา “ ริเอะเขาไม่ว่างน่ะ เห็นว่าพรุ่งนี้ต้องไปถ่ายงานนอกสถานที่ อาจจะลาเรียนสักสองสามวัน ”
“ ให้ตายสิ เอาแต่ใจชะมัด ” ชินอิจิเบือนหน้าหนี
และแน่นอนว่า วันไหนที่ริเอะไม่อยู่ ชินอิจิจะอาสามาเป็นเพื่อนเธอ เพื่อช่วยถือของ และก็จะบ่นว่า
‘ เธอน่ะหัดขอให้คนอื่นช่วยซะบ้างเถอะ แล้วก็ ตอนที่มีคนช่วย ต้องพูดว่า ขอบคุณ ไม่ใช่คำว่า ขอโทษ ’
แรกๆก็อย่างที่ชินอิจิคิด รันขี้เกรงใจจะตายไป พอริเอะไม่อยู่ ก็ถือของพะรุงพะรังคนเดียว หากชินอิจิไม่เห็นรอยแดงที่แขนของเธอ ก็คงจะไม่รู้
เด็กประถมมักใช้เวลาช่วงเย็นไปกับการละเล่นต่างๆ ชินอิจิที่ชื่นชมฟุตบอลก็ไม่ต่าง เขามักจะใช้เวลาช่วงเย็นในการเล่นฟุตบอลกับเด็กที่โรงเรียน
ตั้งแต่นั้น เมื่อไหร่ที่ริเอะไม่อยู่ ชินอิจิก็จะเดินกลับบ้านเป็นเพื่อนเธอเสมอ
“ ของชินอิจิเป็นมัฟฟินเลมอนหวานน้อยสินะ ” รันยิ้มกว้าง หันมาบอกคนข้างตัวที่เดินมาด้วยกัน
“ อะ อืม .. ”
ชินอิจิเบือนหน้าหนีพลางเกาแก้ม เบื้องหลังใบหน้ายอดนักสืบคนเก่ง กลับเปื้อนแดงอย่างคนเขินอาย และเขาไม่คิดจะให้เธอเห็นใบหน้านี้เด็ดขาดเลย
เขาไม่ได้ชอบของหวานซะหน่อย แต่เพราะรันตั้งใจทำ เขาเลยกินมันรองท้องแทนอาหารเช้า ยังไงซะ ของหวานก็ควรคู่กับกาแฟยามเช้าอยู่แล้ว
“ จะว่าไป ” ชินอิจิรั้งเรียกเธอก่อนจะกลับเข้าบ้าน
“ อืม? ” เธอหันไปให้ความสนใจชินอิจิ
เขาว่าดวงตาเป็นหน้าตาของหัวใจ ชินอิจิอาจจะฉลาดเรื่องการสืบสวน แต่สายตาของรัน เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้ทุกครั้ง
ความรู้สึกผิดมันปิดปากเขาไว้
“ ปะ เปล่าหรอก ไปก่อนนะ ” เขาส่ายหน้าพลางบอกปัด เดินหันหลังตัดสินใจกลับบ้านตัวเอง
“ อ่ะ จ๊ะ แล้วเจอกันนะ ชินอิจิ ” รอยยิ้มของรันจางลงไปเล็กน้อย แต่ก็เอ่ยบอกลาอีกฝ่ายได้อย่างไม่ผิดสังเกต
ในฐานะนักสืบ ชินอิจิคงจะพลาดที่สุด
ไม่ได้เห็นสายตาที่รันมองตามหลังตัวเองมาเลย
เหมือนม่านหมอกบางๆปกคลุมอยู่
ทั้งที่มันก็ง่ายมากที่จะฝ่าเข้าไป
ราวกับว่า เธอกำลังรอ รอคนที่ยื่นมือเข้ามาก็เท่านั้น
เพราะบางที …
เธออาจจะกลัวคำตอบก็ได้..
ความคิดเห็น