ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [The Maze Runner]Thomas X Newt ::Love Happens in The Maze ::

    ลำดับตอนที่ #2 : :: Love happens in The Maze :: 01

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 57


    [FICTION The Maze Runner]

    [YAOI] Thomas X Newt

    :: Love happens in The Maze :: 01

     

         “ฉันอยากเป็นนักวิ่ง”

     

         โทมัสพูดขึ้นในขณะที่เดินอยู่ข้างๆชัค เด็กชายตัวอวบอ้วนซึ่งคอยช่วยเหลือเขาหลังจากมาถึงทุ่ง ชัคย่นคิ้วแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน

     

         “สาบานได้ว่าถ้านายรู้ว่าในวงกตมีอะไรนายจะเปลี่ยนใจทันทีเลย”

     

         “นายหมายความว่าไง?

     

         “นิวท์ยังไม่ได้บอกนายเหรอ ฉันเห็นเมื่อวานพวกนายไปนั่งคุยกันอยู่”

     

         โทมัสนึกหวนไปช่วงเวลาของค่ำเมื่อวานที่เขากับนิวท์นั่งกินมื้อสุดท้ายของวันด้วยกัน เขาถามคำถามไปหลายอย่างและหนึ่งในนั้นคือคำถามที่ได้รับคำตอบกลับมาเป็นอาการหัวใจเต้นอย่างรุนแรง โทมัสละที่จะพูดมันกับชัค เพราะถ้ารู้ชัคจะต้องล้อเขาแน่

     

         “ไม่ เขาบอกว่าฉันจะได้รู้เร็วๆนี้”

     

         “นั่นก็หมายความว่าเขาจะพานายไปดูเองนั่นแหละเมื่อถึงเวลา อย่าใส่ใจเลยเราไปหาอัลบีกันดีกว่า”

     

         ชัคพาโทมัสเดินมาที่กระท่อมหลังหนึ่งคาดว่าคงจะเป็นที่ๆอัลบีอยู่หรือไม่ก็ทำงาน แต่ด้านหน้ากลับมีร่างของใครบางคนยืนอยู่ เขากำลังคุยกับอัลบีอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

     

         โทมัสอดดีใจไม่ได้ที่เห็นนิวท์ ไม่รู้ทำไม

     

         “ไงนิวท์...เฮ้ อัลบี นายกำลังจะไปไหนน่ะ” ชัคตะโกนเมื่ออัลบีทำท่าจะวิ่งออกไปทางช่องว่างของกำแพง “ไหนบอกให้ฉันพาเพียกนี่มาฝึกงานไง”

     

         “ฝากนายจัดการเพียกนั่นด้วยนะนิวท์ ฉันไม่มีเวลาอธิบายแล้ว” อัลบีพูด พยักพเยิดไปทางนิวท์ ร่างบางพยักหน้ารับ ส่วนอัลบีก็ออกวิ่งไปที่กำแพงและเข้าไปพร้อมกับเด็กหนุ่มชาวเอเชียคนหนึ่ง

     

         “มินโฮบอกว่าเจอซากโศกาตายน่ะ” นิวท์พูดขึ้น

     

         “ว้าว นั่นเป็นข่าวดีนะ”

     

         “ดีที่ไหน ถ้ามีตัวที่สามารถฆ่ามันได้ คนที่ลำบากก็คือพวกนักวิ่งนะ” นิวท์เอ็ดชัคเสียงดุ เด็กชายเงียบอึบไปทันทีที่โดนเขม่น “ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัยละกัน”

     

         “เอ่อ...โศกานี่อะไรเหรอ?” โทมัสถามขึ้นหลังจากเงียบไปนาน

     

         “ดีใจที่นายถามนะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง มาเถอะ ฉันจะพานายไปหาวินสตันเอง ส่วนนายชัค...” นิวท์ชี้หน้าชัค “ไปทำงานเก็บแผละของนายซะ ฉันรู้นะว่าที่นายรับดูแลเขาง่ายๆเพราะอยากอู้น่ะ”

     

         “โห่ ให้ฉันได้อู้บ้างเถอะน่า!” ชัคบ่นอุบก่อนจะเดินตัวกลมจากไปอย่างเซ็งๆ

     

         นิวท์พาโทมัสเดินเพื่อไปหาวินสตัน เขาเล่าว่าวินสตันเป็นผู้ดูแลโรงเชือด เพราะในทุ่งมีสัตว์เกษตรอยู่ 2-3 ชนิดทำให้อย่างน้อยชาวทุ่งก็ไม่อดตาย งานของวินสตันคือชำแหละ ตัด ผ่า เพื่อให้ฟรายแพนนำไปทำอาหาร ทั้งคู่คุยกันเพลินระหว่างเดินไปหาวินสตัน แต่ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นโทมัสก็ถามขึ้น

     

         “แล้วตกลงโศกาคืออะไร?

     

         “มันอยู่ในวงกตน่ะ...” นิวท์พูด “เป็นสัตว์ประหลาดน่ารังเกียจเหมือนก้อนแผละ เหตุผลที่พวกเราต้องกลับมาให้ทันกำแพงปิดก็เพราะพวกมันนั่นแหละ ตอนกลางคืนมันจะวิ่งกันเพ่นพ่านเลยล่ะ นายโชคดีมากที่กล่องไม่ไปอยู่ข้างนอกนั่น”

     

         “เราสู้ไม่ได้เหรอ?” เป็นครั้งที่สองที่โทมัสอยากจะตบปากตัวเองอีกครั้ง คำถามนี้มันงี่เง่าสิ้นดี “คือฉันคิดว่า...”

     

         “ถ้าสู้ได้คงไม่มายืนตรงนี้หรอก”

     

         “แล้วถ้าฉันอยาก...” โทมัสยังพูดไม่ทันจบนิวท์ก็ขัดขึ้น

     

         “ฟังนะทอมมี่ ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ หยุดและอย่าแม้แต่จะพยายาม สิ่งที่นายกำลังคิดไม่ดีเลย ไม่ดีจริงๆ”

     

         โทมัสเงียบไป นิวท์รู้ นิวท์รู้ว่าเขาคิดอยากจะเป็นนักวิ่ง เขาอยากจะออกไปจากทุ่งนี่ แม้จะรู้แล้วว่าข้างในมีสัตว์ประหลาดตัวร้ายที่ชาวทุ่งไม่กล้าต่อกรอยู่ เขารู้ว่าถ้าเข้าไปอาจจะหลงก็ได้แต่ความรู้สึกอันแรงกล้านี่ก็ไม่จางหาย โทมัสทำได้แค่เงียบ เขารับปากนิวท์ไม่ได้จริงๆว่าจะตัดใจจากเรื่องนี้

     

         นิวท์พาโทมัสมาหาวินสตัน ฝึกงานกันทั้งวาน โทมัสค่อยข้างจะขยะแขยงและรู้แน่ว่างานนี้เป็นไปได้ก็อยากจะหลีกจากโรงเชือดนี่ไปให้ไกลที่สุด ไม่มีอะไรเหมาะเลย การเป็นนักวิ่งดูจะเข้าท่า

     

         หลังจากฝึกงานกันเสร็จเรียบร้อย นิวท์กับโทมัสพากันเดินเล่นอยู่ด้วยกันสักพัก คุยเรื่องสัพเพเหระมากมาย ยอมรับเลยว่าการอยู่กับนิวท์ทำให้เขาผ่อนคลาย เมื่อเช้าโทมัสตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่หม่นหมอง แต่พอเห็นนิวท์เขากลับรู้สึกว่ามันค่อยๆจางหายไป สบายที่สุดเท่าที่เคยรู้สึก

     

         “นิวท์!!” เสียงแหบใหญ่ดังขึ้น นิวท์และโทมัสหันไปมองก็เห็นว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหา

     

         “ใจเย็นๆกัลลี่ มีอะไร?

     

         เด็กหนุ่มที่ชื่อกัลลี่หอบหายใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนิวท์ และมองโทมัสด้วยแววตาวูบวาบประหลาด กัลลี่มองโทมัสเหมือนจะหาเรื่องอยู่สักพักแต่ก็รีบเปลี่ยนไปบอกจุดประสงค์

     

         “กำแพงจะปิดแล้ว แต่อัลบีกับมินโฮยังไม่กลับมาเลย”

     

         “อะไรนะ!

     

         นิวท์ตกใจมาก เขาร้องเสียงหลง ทั้งสามคนรีบวิ่งไปที่กำแพงซึ่งบัดนี้เปลี่ยนจากสีเทากระด่างกระดำเป็นสีส้มๆอมแสรดจากแสงของดวงตะวันที่กำลังจะลับฟ้า มีชาวทุ่งจำนวนมายืนออกันอยู่ที่ช่องว่างนี้แต่ไม่มีใครเข้าไป เมื่อมาถึงนิวท์ กัลลี่ และโทมัสก็เบียดฝูงคนมายืนอยู่หน้าสุด ชัคเองก็ยืนอยู่ข้างๆโทมัส

     

         “ปลวกเอ้ย! ทำไมพวกเขายังไม่กลับมาอีก” ชัคสบถอย่างร้อนรน โทมัสอดสงสัยไม่ได้ในเวลาแบบนี้ หากแต่เขาก็เก็บคำถามเอาไว้ในใจ

     

         “เราไม่ควรส่งคนไปตามเหรอ?” โทมัสหันไปถามนิวท์ เขามีท่าทีรนยิ่งกว่าชัคเสียอีก อาจเป็นเพราะนั่นคือผู้ดูแล ผู้ดูแลถึงสองคนที่หายไป “มันอาจจะทันก่อนกำแพงนี่ปิด”

     

         “คิดง่ายไปแล้วไอ้อ่อน!” กัลลี่พูดขึ้น โทมัสมองข้ามหัวนิวท์ไปมองหน้าเขา “นายอยากให้เพื่อนๆตายรึไง”

     

         “กัลลี่พูดถูกนะ เรายอมเสี่ยงให้คนไปตายเพิ่มไม่ได้ ที่เราทำได้มีเพียงแค่รอเท่านั้น” นิวท์เห็นด้วย จู่ๆโทมัสก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เข้าไม่อยากให้นิวท์เข้าข้างกัลลี่

     

         “แต่นั่นผู้นำของนายไม่ใช่เหรอ?!” โทมัสแย้ง ไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ว่าจะมีคนตายจริงๆข้างนอกนั่น

     

         “ถ้านายเป็นผู้นำ นายคงไม่อยากให้ทุกคนทำผิดกฎใช่มั๊ย?” นิวท์พูดขึ้น ท่าทีของเขาแม้จะเย็นลงบ้างแล้วแต่แววความกังวลยังคงอยู่ในดวงตา “เราทำได้เพียงแค่รอ”

     

         “...” โทมัสเงียบไป

     

         ก่อนที่จะได้คุยอะไรกันอีก มีเสียงๆหนึ่งตะโกนขึ้น โทมัสหันไปมองก็พบว่าในช่องว่างนั้นมีเด็กหนุ่มชาวเอเชียที่น่าจะชื่อมินโฮกำลังกึ่งลากกึ่งแบกอัลบีที่ตัวอ่อนปวกเปียกจนหมดสภาพอย่างไม่น่าเชื่อ ห่างไปเพียงไม่กี่ฟุต หากแต่กำแพงกลับเริ่มเขยื้อน

     

         “ไม่ๆๆๆ!

     

         ชาวทุ่งทุกคนต่างตะโกนเร่ง พยายามส่งเสียงให้ดังที่สุดหวังให้มินโฮและผู้นำกลับออกมาได้ กำแพงค่อยๆเลื่อนและทำให้ช่องว่างเริ่มน้อยลง โทมัสร้อนรนอย่างหนักเมื่อมองเห็นนิวท์ที่กำลังส่งเสียงดังมากๆ ทุกคนอยากเข้าไปช่วย หากแต่มันเป็นกฎ กฎที่ต้องรักษาไว้เพื่อความอยู่รอด

     

         “นิวท์” โทมัสเรียก นิวท์หันมามองโทมัส เบ้าตาคู่สวยเต็มไปด้วยน้ำตาหยดเล็กๆที่กำลังจะร่วงหล่น โทมัสชะงักก่อนจะดึงนิวท์เข้ามากอดแน่น ร่างบางยังไม่ทันได้ทำอะไร เขาตกใจมากที่จู่ๆโทมัสก็กอดเขาแน่นขนาดนี้ ซุกหน้าลงกับไหล่เขา นิวท์ยืนทื่อพอๆกับชาวทุ่งบางคนที่เห็นว่าพวกเขากอดกัน

     

         โทมัสผละออกก่อนจะพุ่งตัวแทรกเข้าไปในกำแพงอย่างรวดเร็ว นิวท์และคนอื่นๆที่เพิ่งตั้งสติได้พยายามคว้าแขนเขาไว้แต่ไม่สำเร็จ โทมัสวิ่งผ่านกำแพงที่ปิดลง

     

         “โทมัส! ไม่!!

     

         ตึง!...

     

         เสียงของนิวท์เป็นสิ่งสุดท้ายที่โทมัสได้ยินหลังจากเสียงกำแพงปิดลงแนบกันสนิท

     

         เหมือนร่างของเขากับนิวท์ที่แนบสนิทกันเมื่อโทมัสคว้าเขามากอดไว้เมื่อครู่...

     

         “แฮ่กๆๆ” เสียงหอบหายใจของโทมัสดังระงมไปทั่ว เขาเดินเข้าไปใกล้ๆมินโฮก้มมองลงดูอัลบีที่นอนหมดสติแน่นิ่ง “เขา...เขาเป็นอะไร”

     

         “โดนต่อยน่ะ” มินโฮตอบ “ขอบใจที่มาตายเป็นเพื่อนนะ นายมีประโยชน์มากเลยไอ้อ่อน”

     

         “ฉันอาจจะมีก็ได้ ไอ้ประโยชน์น่ะ ก่อนอื่นนะเราต้องหาทางกลับไป” โทมัสพยุงอัลบีขึ้น ตัวเขาหนักกว่าที่คิด

     

         “ไม่มีประโยชน์หรอก ทั้งนายและทุกอย่าง แผละอย่างนายเข้ามาในนี้หลังจากกำแพงปิด เราอยู่ในนี้ขณะที่พระอาทิตย์ตกดิน นั่นเท่ากับว่าเราตายไปแล้วเท่านั้น” มินโฮพูดตัดรอน แต่สำหรับโทมัส นั่นเป็นคำพูดที่ขี้ขลาด “ขอบใจที่ทำให้ฉันเห็นฉากโรแมนติกมากๆเมื่อกี้นะ ฉันจะร้องไห้แน่ๆถ้านายกอดนิวท์ สละชีวิตตัวเองเข้ามาในนี้แล้วช่วยเราได้น่ะ”

     

         “...”

     

         “ยังไงก็เถอะ อยู่ให้รอดนานที่สุดแล้วกัน”

     

         โทมัสนิ่งงัน เขาลืมไปเลยว่าในนี้มีสิ่งที่เรียกว่าโศกาอาศัยอยู่ มันไม่ต่างอะไรกับการเอาตัวเองมาตายเลย การเข้ามาในนี้ไม่บ้าหรือโง่ ก็คงอยากตายมากจริงๆ

         หากแต่ความหวังเล็กๆก็ยังคงดังกึกก้องอยู่ในใจ ให้พูดกันตามตรงโทมัสไม่เชื่อว่าพวกเขาจะตาย อย่างน้อยก็ยังเชื่อว่าทั้งสามคนยังหนีได้ อาจจะถึงเช้า มันยังมีความหวัง ยังมีประกายแสงเล็กๆตรงปลายทางรอให้พวกเขากลับไป...

     

         ฉันจะต้องกลับออกไปรับอ้อมกอดนั่นอีกแน่ นิวท์! โทมัสคิด

     

    --------------------------------------------------

     

         บางคนสงสัย อะไร? มีแค่นี้อ่ะนะ?! จริงๆมันก็ดำเนินไปเรื่อยๆนะ แค่เชื่องช้าตามสปีดคนแต่งเท่านั้นเอง-///- เราอยากให้ความสำคัญกับความรู้สึกของทั้งคู่มากกว่า จริงๆแล้วคนอ่านนิยายจะรู้นะว่าสำนวนเป็นยังไง เราก็ดัดแปลงเอา กากเว่อร์ 55555

         อีกอย่างที่อยากบอกคือฟิคนี้ถึงมันจะตามเนื้อเรื่องแต่มันก็ไปแบบเนิบๆนาบๆ คิดจะจบก็จบ หรือถ้าอยากต่อก็ค่อยมาต่อ ตามใจคนแต่ง //โดนตบ

     

         แต่ยังไงก็ค่อยๆฟูมฟักความสัมพันธ์และความทรงจำไปเรื่อยๆพร้อมกับคอยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปให้กันและกัน นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนิวท์แล้วก็โทมัส เพราะบางอย่างเราก็เร่งรัดไม่ได้

     

         ฝากติดตามฟิคกากๆ แอบหวานเรื่องนี้ด้วยนะคะ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×