ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [The Maze Runner]Thomas X Newt ::Love Happens in The Maze ::

    ลำดับตอนที่ #1 : :: Love happens in The Maze :: 00

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 57


    [FICTION The Maze Runner]

    [YAOI] Thomas X Newt

    :: Love happens in The Maze :: 00

     

         ความกลัว...

     

         โทมัสไม่อาจลืมความรู้สึกนี้ได้แม้จะขึ้นมาจากกล่องแล้ว ความมืดที่เขาเพิ่งพานพบกลายเป็นประสบการณ์ฝันร้ายเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆความทรงจำในท้องทุ่ง ตอนนี้โทมัสไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น เขาอยากอยู่คนเดียว ทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

     

         ทำไมเขามาอยู่ที่นี่? ใครเป็นคนส่งเขามา? หรือทำไมเขาจำอะไรไม่ได้เลย

     

         โทมัสนั่งอยู่เกือบริมสุดของกำแพง ตั้งแต่ขึ้นมาจากกล่องนี่ก็ผ่านไปนานหลายชั่วโมงแล้ว ชัคพาเขาไปสำรวจตรงนู้นตรงนี้พอสังเขป เขาได้เห็นชาวทุ่งแต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเอง ทุกคนมีงาน มีผู้ดูแล มีชาวทุ่งบางคนเพิ่งออกมาจากกำแพงและวิ่งหายลับไปในสิ่งก่อสร้างหลังหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานกำแพงก็ขยับเขยื้อน มันปิดชิดกันสนิทแบบไม่น่าจะเป็นไปได้ ด้วยความสูงและใหญ่ของสิ่งที่เรียกว่ากำแพงนี้ทำให้โทมัสเกิดความฉงนว่าเหตุใดมันถึงขยับได้ ฉีกทุกกฎฟิสิกส์ เขามองมันปิดไปด้วยความทึ่ง

     

         ในขณะเดียวกันทุกคนก็เลิกทำงานแล้วเดินไปรวมกันที่บ้านอีกหลัง มีควันลอยออกมาเหมือนกับว่าที่นั่นมีงานเลี้ยงใหญ่ โทมัสไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงยังใจเย็นอยู่ได้ทั้งๆที่อยู่กับสถานที่แปลกประหลาดเช่นนี้

     

         “มาอยู่นี่เองไอ้อ่อน นึกว่านายจะกำลังปล้นดินเนอร์ของฟรายแพนอยู่กับชัคเสียอีก”

     

         เสียงดังมากจากข้างหลังโทมัส เขาหันไปมอง เป็นเสียงของเด็กหนุ่มรูปร่างผอมบาง ใบหน้าขาวกับผมสีบลอนด์ที่สะท้อนกับแสงพระอาทิตย์ตกยามเย็นทำให้โทมัสเผลอจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอยู่เนิ่นนาน เกือบจะลืมไปแล้วว่าควรจะพูดอะไร

     

         “นาย...”

     

         “ฉันนิวท์” นิวท์ยิ้ม

     

         นิวท์ยื่นมือเรียวมาทางโทมัส เขาเอื้อมไปจับมันยึดเป็นหลักยืนขึ้นก่อนจะต้องย่นคิ้วสงสัยในตัวเอง ทั้งๆที่เมื่อกี้เขากังวลมากแท้ๆ ทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกอุ่นวาบในใจอย่างน่าประหลาด ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากฝ่ามือของนิวท์ทำให้โทมัสเผลอลืมตัว เขารีบปล่อยก่อนจะกระแอมเบาๆ

     

         “โทมัส”

     

         “อ่าฮะ ฉันรู้ นายต้องมีชื่อ”

     

         ทั้งคู่เงียบไป นิวท์เฝ้ามองโทมัสด้วยตาคู่ใสเหมือนรอให้เขาถาม โทมัสนึกไม่ออกว่าเขาควรถามอะไร ความรู้สึกอึดอัดเล็กๆระหว่างทั้งคู่บีบให้เขาไปไม่ถูก ทำไมโทมัสจะต้องประหม่าด้วย ทีตอนคุยกับชัคยังไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย ตอนฟังอัลบีบ่นก็ด้วย เขาไม่เห็นจะรู้สึกว่าต้องระวังคำพูดขนาดนี้เลย

     

         “เอ่อ...หลังกำแพงยักษ์นั่นมีอะไรเหรอ?” ในที่สุดโทมัสก็เค้นคำพูดออกมาได้

     

         “วงกตน่ะ มันเป็นวงกต” นิวท์พูด ชำเลืองสายตาไปทางกำแพงที่เพิ่งปิดกัน

     

         “แล้ว...”

     

         “แล้ว?” นิวท์ทวนคำ บางทีโทมัสก็คิดว่านิวท์เองก็คงจะอยากระวังคำพูดกับเขาเหมือนกัน มันแย่นิดหน่อยที่ไม่สามารถสนิทสนมกันได้ทันที “นายคงอยากรู้ว่าทำไมพวกเราถูกส่งมานี่ ทำไมพวกเราถึงไม่หนีออกไปทางวงกต ทำไมกำแพงพวกนั้นถึงขยับได้...ใช่มั๊ย”

     

         “ใช่ นั่นแหละ”

     

         นิวท์ส่ายหัวทุยๆของตัวเองก่อนจะเอามือตบไหล่โทมัสเบาๆ “ถ้าเรารู้ว่าถูกส่งมาเพื่ออะไร นั่นจะมีประโยชน์หรือเปล่าล่ะ?

     

         “เอ่อ...ฉันคิดว่า..ไม่นะ ใช่มั๊ย?” โทมัสพูดตะกุกตะกัก ยอมรับได้เลยว่าเขาตื่นเต้นที่นิวท์มองเขาด้วยแววตาจริงจัง

     

         “เพราะไม่มีประโยชน์ไงทอมมี่ พวกเราถึงทุ่มเทเพื่อหาทางออกในวงกต และถ้าเกิดนายอยากรู้ถึงเหตุผลจริงๆ ไว้เราออกไปได้ฉันจะช่วยนายตั๊นหน้าคนที่ส่งเรามาและเค้นเอาความจริงมาให้ได้”

     

         โทมัสเหลือบมองนิวท์ เขามีแววขี้เล่นเล็กน้อยดูจากคำพูดและท่าทาง แน่นอนว่านิวท์ดูเป็นคนใจดีและอ่อนโยนกว่าทุกคนที่เขาเห็นครั้งแรก ซึ่งคนเหล่านั้นหัวเราะเขาในตอนที่เห็นเขากลัวจนหัวหด มีเพียงนิวท์เท่านั้นที่เขาสังเกตว่าเจ้าตัวทำหน้าไม่ยินดีอะไรเลยที่เขามา นิวท์ที่ยืนอยู่ท่ามกลางชาวทุ่งและกำลังมองต่ำลงมาที่เขาซึ่งอยู่ในกล่อง

     

         คิดแล้วก็น่าอายจริงๆที่นิวท์ต้องมาเห็นสภาพแบบนั้นของเขา

     

         “ฉันว่าเราไปกินอาหารเย็นกันดีกว่า ฟรายแพนจะโมโหถ้าเราไปช้ากว่าเวลามื้อค่ำ” นิวท์หันมาทิ่มนิ้วเลยไหล่ขวาเป็นเชิงบอกให้ไปด้วยกัน โทมัสมองเด็กหนุ่มที่อายุไม่น่าจะต่างจากเขาเท่าไหร่โดยไม่ละสายตา “ไปกันเถอะ กินเสร็จแล้วฉันจะป้อนข้อมูลให้สมองปลวกๆที่เต็มไปด้วยแผละของนายเอง ทุกอย่างที่นายอยากรู้เลย”

     

         “อืม เตรียมรับคำถามล้านแปดของฉันไว้ได้เลย”

     

         “ฮะฮะ อวดดีจริงๆเลยนายเนี่ย เป็นแค่เพียกที่ยังอ่อนอยู่แท้ๆ”

     

         นิวท์หัวเราะจนตาหยีกับความอวดดีของหน้าใหม่ โทมัสจ้องมองภาพเด็กหนุ่มหัวเราะตาลอย ไม่รู้ทำไมเขาถึงโดนนิวท์สะกดได้ง่ายดายขนาดนี้เพียงแค่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะทันได้รู้ตัวนิวท์ก็เดินมาคล้องคอเขาแล้วพูดประโยคที่ทำให้ผีเสื้อในใจของโทมัสกระพือปีก

     

         “ฉันชักจะชอบนายแล้วสิ ไปกันเถอะ”

     

         อย่างน้อยทุ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดแล้วล่ะมั้ง? โทมัสคิด

     

         “ฉันก็เหมือนกัน”

     

         ...

     

         ..

     

         .

     

         “นี่มันอร่อยมากๆเลย”

     

         โทมัสสบถออกมาทั้งๆที่ปากก็ยังเคี้ยวกลืนไม่หยุด นิวท์มองเขายิ้มๆก่อนจะส่งจานของตัวเองให้เด็กใหม่แล้วดื่มน้ำตาม ตอนนี้ทั้งคู่แยกมาหาที่นั่งพักผ่อนจากความวุ่นวายที่ครัวของฟรายแพน ชาวทุ่งหลายสิบคนกรูกันเข้าไปเมื่อรู้ว่ามื้อนี้ฟรายแพนจัดเต็มเพื่อฉลองให้โทมัส

     

         “นายไม่กินเหรอ?

     

         “ฉันจะกินเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นั่นต้องหลังจากพ่อครัวของเราหลับแล้วนะ” นิวท์พูดติดตลก

     

         “ฉันคิดว่าถ้าเป็นนายเขาต้องยอมให้กินอยู่แล้วแหละ” โทมัสยกน้ำขึ้นดื่มให้หายคอแห้งก่อนจะวางจานเปล่าที่อาหารหายไปเพียงพริบตาเดียวไว้ข้างๆตัว “นิวท์ เรื่องที่ฉันอยากจะถามน่ะ...”

     

         “พวกเราอยู่ที่ทุ่ง ถูกล้อมรอบไปด้วยวงกต” นิวท์เริ่มอธิบาย โทมัสจึงได้แต่นั่งฟังนิ่ง “กำแพงที่นายเห็นมันขยับน่ะ มันจะเปิดทุกเช้าและปิดในทุกๆเย็นของวันนั้น เราไม่รู้ว่าใครส่งเรามาและไม่รู้ว่าเพื่ออะไร ที่เราทำมีเพียงแต่พยายามหาทางออกไปทางที่นี่เท่านั้น”

     

         “ทางวงกตน่ะเหรอ?

     

         “ใช่ เรามีนักวิ่งแปดคน พวกเขาเร็วและแข็งแรง เพราะแน่นอนว่าถ้านายกะเวลาไม่ถูก นายจะกลับมาไม่ทันเวลากำแพงปิด และติดอยู่ในนั้นทั้งคืน เท่าที่ฉันอยู่มาไม่เคยมีใครอยู่รอดข้ามคืนในวงกตบ้าๆนั่น” นิวท์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง โทมัสกลืนน้ำลายดังเอื๊อกด้วยความลุ้นเหมือนกำลังฟังเรื่องเล่าที่เป็นจริง นักวิ่ง เขารู้สึกกับคำๆนี้แปลกๆ

     

         “นายอยู่มานานเท่าไหร่แล้ว?

     

         “ก็ฉันเป็นคนกลุ่มแรกในทุ่ง นายคิดว่าฉันอยู่มานานแค่ไหนล่ะ”

     

         “อ่อ แล้วทำไมถึงไม่เคยมีใครรอดข้ามคืนได้ล่ะ” โทมัสถามอีกครั้ง เขาอยากรู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เขาอยากลองเข้าไปดูด้วยตัวเอง อยากสำรวจหาทางออก

     

         “ช่างสงสัยดีนะไอ้อ่อน นายจะได้รู้เร็วๆนี้แหละ” นิวท์พูดปัด แต่แน่นอนว่าเขาจะให้โทมัสได้รู้ในเร็ววันนี้แน่นอนที่สุด “แต่ก่อนอื่น...”

     

         “??

     

         “นายต้องทำตามกฎ กฎง่ายๆของเราที่ถ้านายอยากมีชีวิตรอดนายต้องทำ นั่นคือห้ามมีเรื่องกันเอง ทำหน้าที่ ทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด และสุดท้ายคือห้ามเข้าไปในวงกตถ้าไม่ได้รับอนุญาต” นิวท์พูดและมองโทมัสด้วยแววตาอธิบายลำบาก โทมัสจ้องดวงตาคู่สวยนั้นอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งคนถูกมองตาต้องเป็นคนเมินหน้าหนีเสียเอง แล้วจึงพูดต่อ “สัญญานะว่านายจะทำตามกฎ”

     

         “ฉันสัญญา”

     

         “ดี นายสงสัยอะไรอีกหรือเปล่า?

     

         “มีอีกอย่าง”

     

         นิวท์ขมวดคิ้ว นี่เขายังบอกอะไรไม่หมดอีกเหรอ หรือว่าโทมัสอาจจะกังวลมากจนไม่อยากให้เขาหยุดคุย นิวท์รู้สึกดีนิดหน่อยที่อย่างน้อยโทมัสก็เต็มใจจะคุยกับเขา มันคงจะง่ายขึ้นถ้าจะได้สนิทสนมกัน

     

         “อะไรล่ะ?

     

         “นายมีคนที่ชอบหรือเปล่า?

     

         นิวท์ย่นคิ้วหนักกว่าเดิม โทมัสแทบจะดึงปากตัวเองออกมาแล้วกระทืบให้จมดิน นี่เขาถามบ้าอะไรออกไป แทนที่จะถามถึงวิธีที่จะได้ออกไปจากวงกต ถามเรื่องงานที่จะต้องทำพรุ่งนี้ ถามเรื่องชาวทุ่ง หรือเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับกับชีวิตตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงสนใจเรื่องของนิวท์เป็นพิเศษ ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง เขากลับอยากรู้เรื่องมากมายที่เป็นเรื่องของนิวท์ ตอนถามออกไปก็ไม่ทันได้คิด

     

         โทมัส! แกมันโง่!

     

         “บ..บ้าหรือเปล่าไอ้อ่อน จะบอกอะไรให้นะว่าความทรงจำฉันก็แผละเหมือนกับนายนั่นแหละ ตื่นขึ้นมาในกล่องมืดๆอับๆนั่นและมาที่ทุ่งนี่ อีกอย่างนะ ที่นี่มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น ฉันคงจะใจเต้นเวลาคุยกับเพียกมีดุ้นพวกนี้อยู่หรอก”

     

         “อ่า...นั่นสินะ โทษที ฉันโง่เองแหละที่ถามไปแบบนั้น”

     

         “ฉ..ฉันไปดูคนอื่นๆก่อนนะ นายไปหาชัคแล้วบอกให้เขาหาที่นอนให้เถอะ”

     

         นิวท์เดินจากไปทิ้งไว้เพียงคำพูดที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงประหม่า เมื่อร่างบางเดินจากไป โทมัสก็ยกยิ้มที่มุมปาก เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้เมื่อรู้คำตอบของคำถามเมื่อครู่ คำถามโง่ๆที่เขาเพิ่งพ่นมันออกไปจากปาก มีอีกหลายคำถามที่เขาสามารถถามได้แต่เขาก็เลือกประโยคงี่เง่านี่ และมันก็ทำให้โทมัสรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด เขารู้สึกเหมือนในตัวร้อนวูบวาบ หัวใจเต้นระส่ำเสียงดังเหมือนจะทะลุออกมาข้างนอก เขาหุบยิ้มไม่ได้แม้นิวท์จะเดินจากไปแล้ว โทมัสนั่งทบทวนคำตัวเองพร้อมกับยิ้มเองคนเดียวสักพักจนสรุปกับตัวเองได้

     

         เขาดีใจ...

     

         ดีใจที่รู้ว่านิวท์ไม่มีคนที่ชอบ...

     

         ทำไมกันนะ?...

    --------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×