ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blood Of Vampire เลือดรักแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #2 : ตามจีบ

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 63


    Chapter 2

    ตามจีบ

    -

    “แม่…”

    “แม่ครับ…”

    .

    .

    .

    “แม่ !!”

    .

    เฮือก !!

    .

    เบลตื่นขึ้นจากความฝันหลัง เขานั่งคิดทบทวนอยู่ว่าสิ่งที่เขาฝันมันคืออะไร แต่เขาเลิกคิดไปคิดซะว่ามันก็แค่ฝันธรรมดา 

    เขาลุกขึ้นไปอาบน้ำและใส่ชุดนักศึกษาของตัวเองแล้วเดินลงมาหานันที่กำลังจัดข้าวเช้าอยู่

    เบลมานั่งกินข้าวเช้าที่นันเตรียมไว้ด้วยสีหน้าเซ็งๆ คนพ่อหันมามองลูกที่ทำหน้าง่อยจึงถาม

    “ทำไมทำหน้าอย่างงั้นละ”

    “ฝันร้ายอะพ่อ”

    “ฝันเจออะไรเหรอ”

    “เบลฝันถึงแม่อีกแล้วอะ”

    “ก็แค่ฝันร้ายเอง จะไปซีเรียสทำไม”

    “แต่มันเหมือนจริงนะพ่อ แม่มาหาเบลจริงๆ แต่อยู่ๆแม่ก็หายไปซะแล้ว”

    “แม่เขาอาจจะไปที่ของเขา เขาอยู่กับลูกได้ไม่นานหรอก”

    “แต่เบลคิดถึงแม่นะพ่อ ตั้งแต่โตมาเบลอยากเจอแม่อีกสักครั้ง”

    “พ่อเข้าใจนะ แต่คนเรามันเกิดแก่เจ็บเป็นเรื่องธรรมดา ตอนนี้แม่กำลังดูลูกบนสวรรค์อยู่ ในวันที่ลูกประสบความสำเร็จ

    “จริงเหรอพ่อ ถ้าแม่มองเบลอยู่ เบลจะพยายามครับ”

    เบลพูดจบแล้วกินข้าวต่อ นันยิ้มให้ลูกชายก่อนจะเข้าห้องครัวไปจากสีหน้าที่ยิ้ม กลายเป็นสีหน้าที่เป็นห่วงเหมือนแอบปิดบังไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ความจริง

    ……

    หลังจากกินข้าวที่บ้านเสร็จ ณัฐสิทธ์เดินออกมาจากหมู่บ้านแล้วเริ่มแปลกใจว่าทำไมโอ๊ตไม่มารับเขาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็ตกใจเพราะข้อความที่ส่งมาตั้งแต่เมื่อคืน

    Oat JK:พรุ่งนี้กูไม่ได้ไปเรียนและรับมึงนะ กูไม่สบาย ขอโทษที 

    เบลเอามือขมับหัวเพราะวันนี้เขามีเรียนวิชาหนึ่งไม่สามารถขาดได้แล้ว เนื่องจากเขาขาดถึง 3 ครั้ง เขาเขาตั้งสติและคิด 

    แต่ก็นึกขึ้นได้คนหนึ่งก็คือเบน เบลกดเบอร์ของเบนแล้วรอรับสาย…

    “ฮัลโหล”

    “เบน คือมึงมีเรียนปะ”

    “ไม่มี ทำไมเหรอ”

    “มึงมารับกูหน่อยดิ เพื่อนกูไม่สบายมารับไม่ได้”

    “อืม ก็ได้”

    “โอเค เจอกันตรงหน้าทางเข้าหมู่บ้านนะ”

    เบลวางสายแล้วรีบเดินออกมายืนรอที่ทางเข้าของหมู่บ้าน ไม่นานรถของเบนขับมาพอดี อีกฝ่ายลดกระจกลงเพื่อเรียกเบล

    “ขึ้นรถ”

    เบลขึ้นรถของเบนไปมหาลัยต่อทันที ในขณะที่อยู่ในรถ เบลแอบเกร็งไปทันตัว เพราะเขาไม่เคยนั่งหรูมาก่อน 

    เบนมองอีกฝ่ายที่นั่งเกร็งทั้งตัวก็แอบยิ้มขำนิดๆ

    “นายไม่ต้องนั่งแบบนั้นก็ได้ สบายๆ”

    “ก็กูไม่เคยนั่งรถแบบนี้มาก่อน”

    “จริงดิ นายคงนั่งรถเก่งเพื่อนนายสินะ”

    “ก็ใช่ แต่มันลำบากมึงเปล่าที่มารับกูอะ”

    “ไม่หรอก แค่นี้เอง แล้วทำไมนายดูรีบร้อนจัง”

    “ก็วิชานี้กูขาดไม่ได้แล้วอะดิ กูขาดมา 3 ครั้งแล้วด้วย”

    “แล้วนายทำไมถึงขาดเรียนละ ไปทำอะไร”

    “ก็….”

    คำถามของเบนที่ยิงใส่เบล ทำให้นึกถึงตอนที่เขามักจะตื่นสายหรือไม่ก็แอบไปเที่ยวห้างจนขาด 3 ครั้ง

    “สมน้ำหน้า”

    “มึงว่ากูเหรอ”

    “ก็มันจริงมั้ยละ ที่ไม่พูดคงทำอะไรมาไม่ดีละสิ”

    “เอ่อ…ถูกของมึง”

    เบลยิ้มแห้งเพราะความเด๋อของตัวเอง เบนยิ้มขำนิดๆก่อนจะหันมาขับรถต่อ

    ……

    พอมาถึงมหาลัยเบลก้าวลงจากรถก่อนคนแรก ตามด้วยเบน เบลสะพายเป้และหันมาบอกอีกฝ่าย

    “มึงจะไปไหนหรือกลับบ้าน ไปได้นะ ตอนเย็นกูกลับเองได้ 

    ไปละ”

    เบลวิ่งไปเรียนต่อทันที เบนไม่คิดจะกลับบ้านเพราะเขาอยากอยู่รอเบลเรียนเสร็จ เขาจึงเดินไปนั่งที่ร้านกาแฟใกล้ตึก เขาเข้ามาแล้วเดินไปหาพนักงานเขาสั่งกาแฟพร้อมของกินมากินอะไรก่อนเพื่อฆ่าเวลา

    “แกดูดิ หน้าตาหล่อมาก”

    “ใช่ แก เป็นเด็กฝรั่งด้วย”

    “แกไปขอเบอร์ดิ แกชอบไม่ใช่เหรอ”

    “จะดีเหรอแกรบกวนเขา”

    เบนจิกกาแฟอยู่เขาแอบได้ยินกลุ่มผู้หญิงพูดถึงเขา เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เขาหันมาจิกกาแฟของตัวเองต่อ

    ……

    เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงตรง เบลลงมาหลังจากเรียนเสร็จ เขากำลังจะเดินไปที่โรงอาหารเพื่อไปหาข้าวกิน แต่เขาต้องหยุดมองรถของเบนที่จอดอยู่ที่เดิม 

    “ไอ้หมอนี่ ยังไม่กลับอีกเหรอ” 

    เบลบ่นด้วยความอารมณ์เสีย แต่ด้วยความที่เขาเหงาอยู่คนเดียว เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเบน

    “ฮัลโหล”

    “มึงอยู่ไหนเบน”

    “อยู่ร้านกาแฟ”

    “โอเค เจอกันนะ กูหิวมาก”

    เบลไปที่ร้านกาแฟแล้วเห็นเบนกำลังนั่งรอเขาอยู่ โดยไม่สนใจว่ากลุ่มผู้หญิงคนนั้นกำลังแอบถ่ายรูปเขาอยู่ 

    เบลเดินมานั่งพร้อมวางกระเป่าเป้

    “นั่งตรงนี้นานมั้ย”

    “ไม่นานหรอก”

    “เดี๋ยวกูไปซื้อช็อกโกแลตกับแซนวิชก่อนนะ”

    เบลเดินไปสั่งพนักงาน เอาช็อกโกแลตเย็นกับแซนวิชหนึ่งชิ้น พนักงานบอกรอสักครู่ก่อน….ไม่นานช๊อกโกแลตและแซนวิชได้แล้ว เบลรับแล้วเอามาวางที่โต๊และนั่งลงกินด้วยความหิว

    “กินเด็กไปเลยนะนาย”

    “ก็กูหิวนิ”

    เบลพูดพร้อมกินแซนวิชไปด้วย เบนยิ้มขำนิดๆที่อีกฝ่ายกินเหมือนเด็ก

    “ที่บ้านฉันสอนมารยาทบนโต๊ะนะ”

    “ก็บ้านมึง ไม่ใช่บ้านกู”

    “เปื้อนปากหมดแล้ว มาเดี๋ยวเช็ดให้”

    เบนหยิบทิชชู่ข้างๆโต๊ะมาเช็ดปากเบล เขามองสายตาที่อบอุ่นของเบน เขาไม่คิดว่าจะมุมแบบนี้ด้วย 

    “แก เขาเช็ดปากให้ด้วย”

    กลุ่มผู้หญิงเก็บอาการไม่อยู่ บางคนแอบถ่ายรูปไว้เพื่อลงเพจ เบลเห็นพอดีจึงคว้าทิชชู่ในมืออีกฝ่ายมาเช็ดเอง

    “กูเช็ดเอง”

    เบลเช็ดปากจนหมดแล้วทิ้ง เขามองหน้าเบนจาที่ดูนิ่ง 

    “มึงโอเคเปล่า”

    “ไม่เป็นไร ฉันชินกับเรื่องนี้แล้ว

    แล้วนายจะไปไหนต่อมั้ย”

    “วันนี้ว่าจะซื้อของให้พ่อน่ะ ที่บ้านของกินไม่มีละ”

    “งั้นฉันไปด้วย”

    “ไม่เป็นไร กูไปเองได้ มึงกลับไปก่อนเลย”

    “ฉันจะไปด้วย นายไปคนเดียวไม่ไหวหรอก”

    “ไม่เอา กูไหวจะได้”

    “แต่ฉันจะไป”

    “โอเคๆ ก็ได้ มึงไปได้”

    “ก็แค่นี้แหละ”

    …….

    เบนกับเบลมาที่ห้างสรรพสินค้ากัน เบลเข็นรถแล้วเลือกวัตถุดิบที่จะซื้อกลับบ้านโดยมีเบนอยู่ข้างหลัง 

    ในตอนแรกเบลบอกให้อีกฝ่ายไปเดินเล่นก่อนก็ได้ แต่อีกฝ่ายก็ปฏิเสธและขอเดินตามดีกว่า จนเขายอมตามใจ

    เวลาผ่านไปถึงบ่ายเย็นไปเบลและเบนกลับมาที่รถเอาของที่ซื้อมาใส่หลังรถ 

    จากนั้นทั้งคู่ขึ้นรถแล้วไปบ้านของเบลทันที

    “ซื้อของเยอะเลยนะ”

    “ก็ที่บ้านของขาดเยอะนิ ซื้อเผื่อๆไว้”

    “นายดูแลบ้านดีนะ”

    “ตอนแรกพ่อกูจะไปหางานทำ แต่พ่อกูแก่เกินไปเขาเลยไม่รับ”

    “นายก็เลยต้องหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวสินะ”

    “อื้ม อีกอย่างกูต้องหาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอมอีกด้วย แต่โชคดีที่พ่อที่เงินเก็บอยู่ส่วนหนึ่ง”

     เป็นเงินเก็บที่พ่อไปเป็นพ่อครัวที่ร้าน”

    “แล้วพ่อนายลาออกทำไม”

    “พ่ออยากมีเวลาดูแลกูมากขึ้น ตอนเด็กกูต้องอยู่กับญาติ จนไม่มีเวลาเลี้ยง

    แต่กูโตขึ้น กูก็คิดว่าการที่ลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกคนเดียว มันก็ลำบากแล้วนะ”

    “ที่เขาทำก็เพราะรักนายต่างหาก เขาไม่อยากให้นายอยู่เหงาคนเดียวหรอก

    คนเป็นพ่อเขาก็อยากให้ลูกมีความสุข”

    “แต่ถ้าแม่กูยังอยู่ พ่อกูคงไม่ลำบาก”

    “แล้วแม่นายไปไหน”

    “แม่กูตายเพราะแท๊กซี่ที่นั่งเกิดพลิกคว่ำ ตั้งแต่กูยังเด็ก”

    “เสียใจด้วยนะ เรื่องแม่นาย”

    “ไม่เป็นไรหรอก แต่กูโชคดีที่มีพ่ออยู่ กูอยากอยู่กับเขาไปนานๆ ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”

    “พอเถอะ ยิ่งพูดนายก็ยิ่งเคลียด”

    “อื้ม…ก็ได้”

    เบนยิ้มตอบกลับก่อนจะหันมาขับรถต่อ ส่วนเบลมองถนนผ่านกระจกรถจนเผลอหลับไป

    เบนเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างที่หวั่นไหวทำให้เขาอยากอยู่กับเบล แต่เขาก็ยังคงเก็บความรู้สึกนี่ไว้

    เพราะมันเป็นความรู้สึกที่เขาคิดอะไรกับเบลตอนเจอกันครั้งแรก

    ……

    พระอาทิตย์ตกดินเบนขับรถมาจอดหน้าบ้านของเบล เบนช่วยเบลถือถุงที่ซื้อมาทั้งหมดเข้ามาในบ้าน

    นันเดินออกมาเพราะได้ยินเสียงคนเข้ามา

    “เบลพาใครมาอะลูก”

    นันออกมาก็ต้องเบิกตาชะงักเมื่อมองหน้าเบน

    “นี่เบนครับพ่อ เพื่อนเบลเอง”

    “สวัสดีครับคุณพ่อ”

    เบนยกมือไหว้นัน นันได้สติแล้วรับไหว้

    “นี่หนูมาส่งเบลเหรอ”

    “ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกลับก่อนนะครับ”

    “เดี๋ยวก่อนสิหนู หนูกินข้าวที่บ้านลุงก่อนมั้ย 

    นี่ก็หนึ่งทุ่มแล้ว หาอะไรกินก่อนดีกว่าเนอะ”

    “งั้นก็ได้ครับ”

    เบนพูดโดยไม่ปฏิเสธ เบลมองอีกฝ่ายด้วยความงง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายควรกลับบ้านของตัวเองดีกว่า

    …… 

    ไม่นานคนในบ้านนั่งกินข้าวกัน เบนกินข้าวไม่พูดสักคำ เบลมองอีกฝ่ายข้างๆ รู้สึกเหมือนกินข้าวภายใต้ความเงียบไม่มีเสียงเฮฮาสักนิด

    “กินให้เต็มที่เลยนะเบน ไม่ต้องเกรงใจลุงหรอก”

    “ครับ 

    แล้วคุณลุงอยู่กับเบลแค่สองคนเองเหรอครับ”

    “ใช่ แม่ของลุงเสียชีวิตก็เหลืออยู่กันแค่นี้แหละ”

    “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็ได้มีงานทำละ”

    “เรียนจบให้ได้ก่อนมั้ย”

    “พ่ออะ”

    พ่อและลูกเยาะล้อกันตามประสาครอบครัว เบนมองแล้วยิ้มกับความฮาของสองพ่อลูก

    ……

    เวลาผ่านไปหลังจากกินข้าวเสร็จ เบลพาเบนมาส่งรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน

    “พ่อนายดูใจดีมากเลยนะ”

    “ก็ปกติป่ะวะ มึงก็ตกลงง่ายเนอะ กินข้าวที่บ้านกูเนี่ย”

    “ทำไมละ ก็พ่อนายถามเอง ถ้าฉันปฏิเสธ 

    ฉันเหมือนไม่เกรงใจพ่อนาย”

    “มึงจะเกรงใจทำไม พ่อกูไม่ได้บังคับมึงสักหน่อย”

    “แต่ช่างเหอะ อาหารที่พ่อนายทำอร่อยดีนะ”

    “อื้ม ขอบคุณ”

    “เจอกันพรุ่งนี้นะ”

    “เจอกัน”

    เบนขึ้นรถแล้วขับกลับบ้านไป เบลกลับเข้ามาในบ้าน เห็นนันกำลังมองข้างนอกผ่านหน้าต่างกำลังคิดอะไรอยู่

    “พ่อ”

    “อะ อะ มีอะไรลูก”

    “พ่อมองอะไรอยู่เหรอ”

    “พ่อมองดาวบนท้องฟ้านะ สวยดีนะ”

    “แต่วันนี้เมฆมันเยอะนะพ่อ มองดาวไม่เห็นหรอก”

    เบลพูดพร้อมมองกลุ่มเมฆที่ปกคลุมพระจันทร์อยู่

    “เอ้าเหรอ สงสัยตาพ่อคงไม่ดีแหละ”

    “งั้นเบลขึ้นไปนอนก่อนนะ”

    “อื้ม ฝันดีลูก”

    เบลขึ้นไปห้องของตัวเองทันที นันหันกลับมามองท้องฟ้า ตอนนี้กลุ่มเมฆเริ่มสลายตัวไป 

    เห็นพระจันทร์เต็มดวงอย่างชัดเจน ในระหว่างนั้นเองก็มีเสียงหมาหอนกันข้างนอก 

    นันก็ไม่ได้คิดอะไรจึงเดินไปปิดไฟข้างล่างก่อนจะขึ้นไปข้างบนทันที

    ……

    วันต่อมาที่มหาลัยเบนลงจากรถพร้อมสะพายเป้ออกมาอยู่ๆก็ถูกใครบางคนชนเขา อีกฝ่ายหันมาขอโทษ

    “ขอโทษครับ”

    ชายหนุ่มที่ขอโทษมองเบนด้วยความประหลาดใจก่อนจะเดินหนีไปจากเขา เบนมองตามก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะรู้แล้วว่าคนที่ชนเขาคือใคร

    “ไอ้เบน”

    เบลเดินมาหาโดยโอ๊ตตามด้วย

    “ฉันมาช้าเหรอ”

    “เปล่าๆ คือเลิกเรียนมึงสนใจเข้าชมรมมั้ย”

    “ชมรมอะไร”

    “มีชมรมออกแบบบ้าน ชมรมวาดรูปศิลป์ แต่กูว่าจะเข้าชมรมออกแบบบ้านดีกว่า มึงสนใจเข้ากับพวกกูเปล่า”

    “อืม งั้นก็ได้”

    “โอเคเจอกันที่ชมรม หลังเลิกเรียนนะ”

    แล้วทั้งคู่แยกย้ายกันไปเรียนต่อ โอ๊ตสะกิดแขนถามเบลด้วยความสงสัย

    “ไอ้เบล ทำไมมึงดูสนิทกับไอ้เบนจังวะ”

    “ยุ่งอะไรด้วยวะ ไม่เสือกดิ”

    เบลด่าโอ๊ตแล้วเดินไป โอ๊ตมองตามด้วยความงง

    “หงุดหงิดใส่กูเฉย…”

    …….

    เวลาผ่านไปเลิกเรียนเสร็จ เบลกับโอ๊ตมาที่ห้องชมรมออกแบบบ้าน พี่รินรุ่นพี่ชมรมที่นั่งอยู่เห็นจึงลุกขึ้นเดินไปหา

    “สนใจเข้าชมรมเหรอ”

    “ใช่ครับ ผมกับเพื่อนเห็นชมรมนี่แล้วน่าสนใจมากครับ”

    “อ่อ พี่ชื่อรินนะ เป็นรุ่นพี่ชมรม

     พวกเราชื่ออะไรกันบ้าง”

    “ผมเบลครับ นี่โอ๊ตเพื่อนผม อ่อ พี่ริน เดี๋ยวมีเพื่อนคนมาเข้าด้วยนะครับ”

    “โอเคจ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปหยิบเอกสารก่อนนะ”

    พี่รินออกไปเอาเอกสาร สักพักมีคนเดินมาดูหาชมรมนี้เหมือนกัน

    “ขอโทษนะ นี่ใช่ชมรมออกแบบบ้านมั้ย”

    “ใช่ๆ”

    “เราก็หาตั้งนาน ที่แท้ก็ห้องนี่เอง”

    ชายหนุ่มบ่นพร้อมเดินเข้ามา โอ๊ตถามชื่อของเขา

    “นายชื่ออะไรเหรอ”

    “เราชื่อเจตต์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

    “เช่นกันเจตต์ เราโอ๊ตนะ นี่เบลเพื่อนเรา และก็…”

    “ไอ้เบนทางนี้”

    ในขณะที่โอ๊ตกำลังพูดคุยกับเพื่อนใหม่อยู่นั้น เบลเรียกเบนที่กำลังมองหาเขาอยู่นั้น

    เบนหันมาเห็นอีกฝ่ายกำลังเรียกจึงเดินเข้ามา

    “ฉันมาช้าเหรอ”

    “ไม่หรอก เอ่อ นี่เจตต์นะเบน”

    เบนมองหน้าเจตต์แต่เขาจำได้เพราะเจตต์คือคนที่ชนเขาเมื่อกี้

    “ฉันไม่อยากรู้จักใครหรอกนะ ฉันไม่ชอบคบกับใครเยอะ”

    “เบน มึงระวังปากหน่อยดิวะ”

    “ไม่เป็นไรเบล เราไม่ถือสาเพื่อนเบลหรอก”

    เจตต์พูดกับเบลก่อนจะหันมาเบนด้วยสายตาเหมือนจะไม่ถูกกันเพราะบางอย่าง

    ไม่นานพี่รินได้เข้ามาที่ห้องพร้อมเอกสาร

    “ไปแปปเดียว มาพร้อมกันเลยนะ”

    “พี่รินแล้วชมรมมีอะไรให้พวกเราทำมั้ยครับ”

    เบลถามคำถาม พี่รินได้อธิบายเกี่ยวกับชมรมนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการเอารูปภาพที่น่าสนใจเอาไปโชว์ แต่จะเป็นการเพิ่มคะแนนพิเศษให้กับวิชาของอาจารย์ รวมถึงการประกวดออกแบบวาดภาพบ้าน และจะได้หน่วยกิตด้วย 

    เบลเริ่มสนใจเขาอยากใช้ความสามารถในการวาดรูปบ้านของเขาให้คนสนใจมากขึ้น

    ต่างจากเบนที่เข้าไม่ได้สนใจอะไรนัก เพราะเขาสนใจแต่เบลมากกว่า

    ……

    เวลาผ่านไปหลังจากอยู่ชมรมเสร็จ ทุกคนกำลังเดินไปที่ลานจอดรถ เบล โอ๊ตกับเจตต์พูดคุยกันจนถูกคอ 

    ไม่ต่างจากเบนที่เดินข้างๆเบลเงียบๆไม่พูดอะไร

    พอมาถึงลานจอดรถ เบนเดินไปที่รถของเขาก่อนคนแรก 

    “แล้วเจอกันนะเบน”

    เจตต์โบกมือลาเบน แต่อีกฝ่ายกลับมองหน้าเงียบใส่ก่อนจะขับรถออกไป 

    เบลมองตามรถของเบนด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนักก่อนหันมาขอโทษเจตต์

    “เราขอโทษนะเจตต์ เพื่อนเราหยิ่งไปหน่อย”

    “ไม่เป็นไร เราเข้าใจ”

    “เราไม่รู้หรอกนะว่าเบนไม่ชอบหน้าเจตต์”

    “สงสัยเราคงชนเขามาเมื่อกี้อะ บังเอิญเนอะ”

    “โอเค ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เรากับเบลไปกันก่อนนะเจตต์”

    “อื้ม เจอกันพรุ่งนี้นะโอ๊ต”

    โอ๊ตกับเบลขึ้นรถแล้วขับออกไป

    ในขณะที่ขับรถอยู่นั้นโอ๊ตก็ได้พูดกับเบลเกี่ยวกับเจตต์

    “ไอ้เบล กูว่าเจตต์นิสัยดีกว่าไอ้เบนอีกนะ”

    “จริงเหรอ”

    “ใช่ ตอนกูคุยกับเขา โคตรไม่เบื่อเลย กูว่ากูกับเจตต์จะถูกกันเนอะ”

    “แต่ไอ้เบนแม่งกวนตีนจังวะ เจตต์คุยด้วย 

    แต่ตัวเองก็หยิ่งใส่ อะไรกันวะ”

    “ไอ้เบนมันก็อย่างงี้แหละมึงก็รู้ แต่กูไม่รู้ว่าเบนไม่ชอบหน้าเจตต์ขนาดนี้”

    “ช่างเถอะมึง แต่อย่างน้อยเจตต์ก็ไม่ได้สนใจคำพูดของเบนมาก”

    เมื่อการสนทนาจบลงโอ๊ตหันมาขับรถของเขา

    ส่วนเบลหันมามองถนนผ่านหน้าต่างเขายังขัดใจกับนิสัยเบนอย่างมาก

    …..

    ณ บ้านหลังใหญ่แห่งนึง เบนจอดรถที่ส่วนตัวของเขา เขาลงมาจากรถแล้วเดินเข้ามาในบ้าน คนรับใช้ต่างเข้ามาต้อนรับเขาอย่างดี ถามว่าจะเอาอะไรหรือไม่ แต่เขาก็ปฏิเสธอย่างเย็นชาก่อนจะเดินเข้าไปหาพ่อและแม่ของเขาที่โต๊ะกินข้าวที่จัดเตรียมอาหารที่จะหรู แก้วของพ่อที่เทด้วยเลือดปลอมที่คล้ายกับเลือดมนุษย์ ต่างจากแก้วของแม่ที่ใส่แค่น้ำใส่น้ำแข็งธรรมดา

    “กลับมาแล้วเหรอเบน”

    ฮาเวิร์ดผู้เป็นพ่อพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกชายนั่งลงกับเก้าอี้ที่จัดเตรียมอาหารสำหรับเขาไว้ 

    เขาหยิบช้อนส้อมขึ้นมารับประทานอาหาร

    น้ำทิพย์ผู้เป็นแม่ได้ถามเบนขึ้น

    “ไปเรียนสนุกมั้ยลูก”

    “น่าเบื่ออะครับ ผมไม่อยากไปเรียน”

    “ไม่ไปเรียนได้ไงละ ลูกต้องไปเรียนนะ 

    หาเพื่อน หาประสบการณ์”

    “ผมไม่อยากคบกับใครเยอะนะครับพ่อ

    ตระกูลเราเป็นแวมไพร์บริสุทธิ์ถ้ามีคนรู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลเราขึ้นมา

    จะเป็นเรื่องใหญ่นะครับ”

    “เอาเถอะลูก แล้วลูกมีเพื่อนหรือยังจ๊ะ”

    “ผมมีแล้วครับ เขาชื่อเบล”

    “เอ้า แล้วไหนบอกไม่อยากคบกับใครไง”

    “ผมแค่…อยู่สมองผมมันบังคับผม อยู่ๆผมเริ่มรู้สึกอะไรกับเขา”

    “แล้วรู้สึกยังไงจ๊ะลูก”

    “ผม…ผมชอบเขา 

    มันแปลกมั้ยครับพ่อ”

    “ไม่แปลงหรอกลูก

    ขนาดพ่อกับแม่ยังรักกันได้ แล้วลูกละจะรักกับมนุษย์ไม่ได้เหรอ”

    “แต่พ่อเป็นแวมไพร์นะครับ

    แล้วทำไมตอนนั้นแม่ถึงได้แต่งงานกับพ่อละครับ”

    “แม่คงโชคดีละมั้งลูก ไม่โดนพ่อดูดเลือดก็ดีแล้วละจ๊ะ”

    “ถ้าผมกับเขารักกันจริง มันจะไม่ผิดใช่มั้ย”

    “ไม่ผิดหรอกลูก ความรักมันเกิดขึ้นได้เสมอ”

    “โอเคครับ ผมเข้าใจแล้ว 

    ผมอิ่มแล้ว ขอตัวขึ้นห้องนะครับ”

    เบนลุกขึ้นขึ้นห้องของตัวเองไป แม่บ้านเข้ามาเก็บจานอาหารของเบน 

    ฮาเวิร์ดและน้ำทิพย์ต่างยิ้มกันเพราะลูกชายเริ่มจะมีความรักกับมนุษย์

    …….

    ตัดมาที่บ้านของเบล ภายในห้องนอนของเขา เขากำลังวุ่นวายกับการออกแบบบ้านในฝันของเขา 

    เขาอยากให้บ้านในฝันกลายเป็นจริงสักครั้ง แต่ขนาดนั้นเองโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น 

    เขาหยิบขึ้นมาเขาต้องถอนหายใจเป็นเบอร์ของพี่ต้นรรุ่นพี่ที่เป็นแฟนเก่าของเขาโทรมา

    เขาตัดสินใจรับสาย

    “ฮัลโหลพี่ต้น”

    “ฮัลโหลเบล สบายดีมั้ย”

    “สบายดีครับ พี่ต้นมีอะไรหรือเปล่า

    เบลไม่ว่างจะคุยกับพี่นะ”

    “เบล เดี๋ยวก่อน นี่เบลยังไม่หายโกรธพี่เหรอ”

    “คนอย่างผมมีสิทธิ์โกรธพี่เหรอ

    พี่คงจำได้ใช่มั้ย ว่าตอนที่เบลคบกับพี่ พี่นอกใจเบลไปอยู่กับผู้หญิง”

    “แต่พี่เลิกกับเตยแล้วนะ พี่ขอคบกับเบลอีกครั้งได้มั้ย

    พี่สัญญาว่าจะไม่นอกใจเบลอีก”

    “คนอย่างเบลไม่โอกาสให้คนนอกใจง่ายๆหรอก

    พี่จะคบกับใครคนใหม่ก็เชิญ ไม่ใช่ผม”

    “เบล เดี๋ยวก่อน--“

    เบลวางสายไปไม่ฟังพี่ต้นง้อเขา เขาหันมากลับวาดงานของเขา 

    แต่ด้วยความเครียดที่เขาสะสมมาบวกกับตอนที่พี่ต้นโทรมาหาเขา

    ทำให้เขาวางดินสอกับโต๊ะแล้วถอนหายใจ

    สักพักเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เบลคิดว่าพี่ต้นจะโทรมาอีกครั้ง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย

    แล้สตะโกนด่าใส่โทรศัพท์ที่ถือ

    “เลิกตามง้อผมสักที !!!!”

    “เบล นี่ฉันเอง”

    “เบน….

    คือกูขอโทษนะ กูเครียดนิดหน่อย”

    “ไม่เป็นไร”

    “แล้วมึงโทรมาหากูทำไมวะ”

    “เรื่องเมื่อที่ชมรม ฉันขอโทษนะ

    ที่ฉันพูดอะไรไม่ดีกับเพื่อนใหม่นาย”

    “ไม่เป็นไรหรอกมึง แต่คราวหลังห้ามทำแบบนี้อีกนะ

    โชคดีนะที่เจตต์ไม่ได้สนใจคำพูดมึงเท่าไหร่”

    “แต่ฉันที่พูดน่ะ ฉันหึงนายต่างหาก”

    “หึงกู…

    มึงพูดอะไรวะ”

    “ก็นายพูดกับเจตต์ทั้งที่ฉันเดินข้างๆนายอยู่ไง”

    “กูไม่ได้คิดอะไรกับเจตต์ รวมถึงมึงด้วย “

    “เหรอ ถ้านายเป็นเมียฉัน 

    ฉันจับนายจูบต่อหน้าไปแล้วละ”

    “ไอ้บ้า!!!!!! มึงพูดอะไรวะเนี่ย

    ไม่คุยด้วยแล้ว”

    เบลวางสายทันทีด้วยความเขินจนหน้าแดง จากนั้นเขาหันมาทำงานของเขาต่อ 

    แต่ด้วยคำพูดที่เบนพูดกับเขา “ถ้านายเป็นเมียฉัน ฉันจับนายจูบต่อหน้าไปแล้วละ”

    ทำให้เขาเก็บอาการไม่อยู่จึงลุกไปกระโดดล้มลงนอนบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มมาคลุมใบหน้าที่เริ่มแดงได้ชัดเจน

    “มึงมาพูดแบบนี้ตอนกูทำงานได้ไงวะ”

    …….

    ที่มหาลัย ตึกสนามบาส แม่บ้านกำลังเก็บไม้กวาดในห้องเก็บอุปกรณ์หลังจากที่เธอทำความสะอาดเสร็จ

    เธอกำลังเดินกลับบ้านอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงบางอย่างขนหัวลุก ทำให้เธอเริ่มระแวงมากขึ้น

    เธอหันซ้าย หันขวาเหมือนจะไม่มีอะไร 

    แต่พอเธอหันหลังกลับไปเท่านั้น….

    “กริ๊ดดดดดดดดดดดด!!!!!!”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×