คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่1-3
สองขาเรียวพาตัวเองเดินเข้ามาในตึงสูตระหง่านของบริษัทแห่งหนึ่งที่ตอนนี้เพิ่งเข้าบ่ายทำให้คนยังเยอะพอควรแทนที่เข้าเข้าไปทำงานในแผนกของตนเอง
สายตากวาดมองไปรอบๆ มือเรียวปล่อยประตูกระจกให้ปิดลง
เพ่งไปยังโต๊ะประชาสัมพันธ์ที่ตั้งเด่นอยู่ตรงหน้า ส่งรอยยิ้มพราวให้เจ้าหน้าที่พร้อมกับเอี้ยวตัวไป
“ฉันมาสมัครงานค่ะ”
ปทุมาเอ่ยบอก คนที่นั่งก้มหน้าจดอะไรสักอย่างเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะยิ้มตอบ
“มาสมัครตำแหน่งอะไรคะ”
เอ่ยถามออกไปเพราะตอนนี้มีหลายตำแหน่งยังว่างและรอคนมาสมัครและแต่ละตำแหน่งที่ต้องการก็สำคัญไม่น้อยอย่างนี้บริษัทถึงคัดคนแล้วคัดคนอีกผ่านมาจะสามเดือนแล้วยังหาคนมาใส่ตำแหน่งว่างไม่ได้เลย
“อ๋อ.....”
ปทุมาร้องก่อนจะก้มมองแฟ้มเอกสารที่ใส่เอกสารส่วนตัวก่อนจะเงยหน้ามองคนถามพร้อมรอยยิ้มที่สดใส
รู้สึกตื่นเต้นกับตำแหน่งที่จะมาทำไม่น้อย
“แม่บ้านค่ะ”
เท่านั้นแหละคนถามถึงกับต้องหุบปากฉับทันทียืดตัวขึ้นยืน สายตาที่เคยเป็นมิตรเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยสำรวจเธอใหม่ตั้งแต่หัวจรดปรายเท้าพร้อมถอนหายใจ
“งั้นเดี๋ยวกรอกใบสมัครตรงนี้และไปชั้น5 ที่แผนกบุคคลเขาจะสัมภาษณ์เธอเอง”
เอ่ยบอกแล้วโน้มตัวไปหยิบแผ่นกระดาษจากกะลังเก็บเอกสารและยื่นให้หญิงสาวที่ยืนตรงหน้า
ปทุมาฉีกยิ้มกว้างรับมันมาถือ
แม้จะระอากับท่าทีของนักประชาสัมพันธ์ของที่นี่แต่เธอก็เลือกที่จะมองข้ามผ่านไปและเดินไปยังจุดหมายที่เจ้าหล่อนบอกเมื่อครู่ทันที
ปทุมามาถึงก็นั่งกรอกรายละเอียดของตัวเองลงที่ใบสมัครงานก่อนจะมาหยุดที่ช่วงของสถานะภาพของตนเอง
เธอเว้นว่างไว้ก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวก็คงถามเธออีกว่าเว้นไว้ทำไม
จะตอบว่าโสดรึก็โกหก
ปทุมาเลยได้แต่ถอนหายใจออกแล้วจำใจใส่รายละเอียดของสามีที่แต่งงานกับเธอตั้งแต่อายุ18ปีลงไป.........................
“เอ๋”
คนที่อ่านรายละเอียดที่สอบสัมภาษณ์เธอเพียงคนเดียวเอ่ยถาม ปทุมายิ้มแหยๆ ให้คนที่เพ่งใบสมัครงานของเธออย่างตื่นเต้น
หัวใจเต้นราวกับกรองที่ตีรัวๆ
“เธอแต่งงานแล้วหรอ”
เงยหน้าเอ่ยถามคนที่นั่งตรงหน้า สายตาเพ่งพิศใบหน้าหวานของสาวเจ้าก็ต้องยิ้มออกมา
อายุ25ปีแถมน่ารักก็คงจะไม่โสดแล้ว
ก้มหน้ามองชื่อของสามีของคนที่มาสมัครงานก็ต้องขมวดคิ้ว
เพราะชื่อสามีต้องเขียนเป็นลายมือเลยทำให้คนที่ปกติต้องใส่แว่นอ่านแต่ไม่ได้ใส่เพ่งอยู่นาน
แต่อ่านเท่าไหร่ก็ไม่ออกเลยได้แต่ถอนหายใจและบอกช่างมัน
“ตำแหน่งอื่นก็มีทำไมมาสมัครตำแหน่งนี้”
ยืดตัวตรงเอ่ยถามคนที่นั่งเหงื่อตก ปทุมาถอนหายใจกับคำถาม
“ก็อยากลองทำดูค่ะ”
ปทุมาตอบตามความจริง เธออยากทำอะไรที่ท้าทายตัวเองและอำนาจของคนที่บ้านเธอที่ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้ารู้ว่าเธอมาทำงานที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น
แถมยังตำแหน่งนี้อีกต่างหาก
“มีอีกตำแหน่งหนึ่งที่วุฒิมัธยมปลายน่าจำทำได้และหน่วยก้านเธอก็ดีจะลองทำไหม
เงินเดือนก็ได้ดีกว่า”
เอ่ยถามอย่างใจปล้ำและอีกอย่างบริษัทกำลังหาคนเข้ามาทำงานอีกหลายตำแหน่งเห็นคนมีแววก็อยากจะสนับสนุน
“ไม่ค่ะ”
แต่คนที่มีความมุ่งมั่นก็ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยทำเอาแม่ม่ายวันใหญ่ถึงกับถอนหายใจออกมา
รู้สึกผู้หญิงคนนี้พิเศษและมีเสน่ห์อย่างที่นางยังคงหลงเอ็นดู
“เฮ้อ
งั้นก็เอาเถอะ เรารับเธอเข้าทำงานเดี๋ยวพรุ่งนี้มาเริ่มงานได้เลย สะดวกหรือเปล่า”
เอ่ยบอกอย่างจำยอมแล้วถามความสมัครใจ ปทุมายิ้มกว้างกับคำตอบก่อนจะยกมือไหว้
“ขอบคุณค่ะหนูจะตั้งใจและมาทำงานแต่เช้าเลย”
ปทุมาบอกก่อนจะรีบลุกเมื่อถูกคนสัมภาษณ์โบกมือบอกเชิงว่ากลับไปได้แล้วและเมื่อเปิดประตูออกมาใบหน้าที่ยิ้มกว้างก็ต้องหุบฉับทันทีพร้อมใบหน้าที่เริ่มจ๋อยลงน้อยๆ
“สวัสดีค่ะ”
คุณภารดีลุกขึ้นก่อนจะยกมือไหว้คนที่ยืนอยู่หน้าห้องหลังจากที่หญิงสาวเปิดประตูออกมาไป
แต่ทว่าสายตานั้นกลับจ้องมองคนที่เปิดประตูด้วยใบหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นักเลยนักว่าคนที่เพ่งได้งานจำโดนไล่ออกจึงปรี่ไปที่ท่านรองประธานทันที
“เอ่อ
ขอประทานโทษแทนเด็กด้วยนะคะ เธอเพิ่งมาสมัครงานเลยยังไม่รู้อะไร” ยกมือไหว้แทน
คนที่ถูกขอโทษแทนหันไปมองก่อนจะหันมามองพี่ชายตัวเอง
“เธอมาสมัครงานอะไรครับ”
เอ่ยถามคนที่ยกมือขอโทษแทนน้องสาวตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ติดดุๆ
“แม่บ้านค่ะ”
คุณภารดีเอ่ยบอก แอบกลัวจนเหงื่อไหลซึมตามไรผม หัวใจเต้นตุบๆ
“ใบบัว”
เอ่ยเรียกน้องสาวเสียงดุเมื่อรู้ว่าน้องตนเองมาสมัครงานตำแหน่งอะไร
คนที่ถูกเรียกสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะเงยหน้าแล้วส่งยิ้มแหยๆ ไปให้
“เฮีย”
เอ่ยเรียกคนที่ดุเสียงอ๋อยๆ
แต่คนบุคคลที่สามกลับงงหนักเมื่อพบว่าสองคนนี้รู้จักกันมาก่อน
“ไปคุยกับข้างใน”
กันตภัคน์เอ่ยบอกเสียงเฉียบก่อนจะเดินเข้าไปยังที่ที่ปทุมาเพิ่งจะเดินหันหลังให้
คนที่รู้ชะตากรรมของตัวเองทำท่าจะร้องไห้เมื่อดูเหมือนความสนุกของตัวเองกำลังจะจบลงตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
เดินคำตกไปนั่งที่ที่ๆ เดิมตรงข้ามพี่ชาย
“เชิญคุณด้วยครับคุณภารดี”
กันตภัคน์เอ่ยเรียกฝ่ายบุคคลที่ให้สัมภาษณ์น้องสาวตัวเองเมื่อเธอทำท่าจะเดินออกไป
คุณภารดีเหงื่อตกจำยอมปิดประตูแล้วเดินไปหาเจ้านายที่นั่งรออยู่
“ผมขอประวัติใบบัวด้วยครับ”
เอ่ยขอคนที่เดินมา คุณภารดีรีบไปหยิบเอกสารที่วางไว้ในลิ้นชักออกมาให้คนที่เอ่ยขอในทันที่ก่อนจะนั่งตามที่สายตาเจ้านายบอก
“แม่เพิ่งโทรมาบอกว่าบัวจะมาทำงานที่นี่” คนเป็นพี่เปิดประเด็นขึ้นมาทันที
ใบบัวยิ้มแหย
“รู้สึกโชคดีที่แม่โทรมาบอกเฮียกันต์”
ปทุมาร้องบอกอย่างจริงใจ
หากเป็นเฮียกิตป่านนี้เธอคงถูกลากไปบ่นไปยังห้องทำงานของตนเองเป็นแน่แล้ว
“ไม่ต้องมาโชคดี
ยังไงเฮียก็ไม่ยอม” คราวนี้พี่โตบอกเสียงดุทำเอาน้องน้อยหน้าเจื่อนกว่าเดิม นานๆ
ทีจะเห็นเฮียใหญ่อย่างกันตภัคน์หัวเสียขนาดนี้
“เฮีย.....บัวขอโทษแต่บัวอยากทำงาน”
ใบบัวบอกอย่างออดอ้อนทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่พี่ชายทำเอาคนที่นั่งเงียบๆ
ต้องตะลึงเพราะเมื่อจับใจความแล้วรู่ว่าคนที่มาสมัครตำแหน่งแม่บ้านเป็นน้องสาวของท่านรองประธานและท่านประธานสุดเนี้ยบของตัวเอง
“ไปทำตำแหน่งอื่น
ช่วยงานเฮียไม่งั้นก็ช่วยงานกิตเลือกเอา”
คำสั่งเฉียบขาดทำเอาปทุมาต้องหน้าจ๋องก่อนจะเงยหน้าทำหน้าไม่พอใจใส่พี่ชาย
“เฮียทะเลาะกับไอ้เอมมาแล้วมาลงที่บัวอ่ะ”
คนเป็นน้องพูดขึ้น คนที่ถูกคนเป็นน้องรู้ทันปรับสีหน้า
“ไม่ใช่”
ปฏิเสธเสียงดัง
“ใช่”
เพียงแต่เรื่องนี้มันใหญ่มากพี่ชายเธอเลยลงน้ำหนักได้เต็มที่และเป็นอย่างที่เห็น
กันตภัคน์ไม่ถูกกับเอมมิกาเพื่อนเธอแต่ไหนแต่ไรเมื่อไม่กี่วันก่อนเจอกันเอมมิกาก็ก่อเรื่องให้พี่ชายเธอเสียหน้าเอาไว้
พอทะเลาะกันทีไรเป็นหนังหน้าไปตลอด
“เฮีย
เขามีเรื่องจะทำสนธิสัญญา”
คนหัวใสร้องขึ้นเมื่อนึกได้ว่าจะทำอย่างไรให้คนเป็นพี่อารมณ์ดีและยอมให้เธอได้ทำงานที่นี่
นึกว่าจะต้องเจรจาตอนมาทำงานแล้วแต่ที่ไหนได้
ยังไม่เริ่มเธอก็ต้องเสียตัวช่วยไปหนึ่งแล้ว
“อะไร”
คนเป็นพี่หรี่ตากับความเจ้าเล่ห์ของน้องสาวตัวเองก่อนจะหันไปมองฝ่ายบุคคลที่นั่งหน้าเจื่อนข้างๆ
น้องสาวตนเอง
“คุณภารดีเป็นอะไรครับ”
เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง คนถูกถามสะดุ้ง
“ป่าวค่ะๆ
เอ่อ คุณบัวพี่ต้องขอโทษด้วยนะคะ” คนที่ถูกเรียกยกมือไหว้ขอโทษปทุมาทำเอาหญิงสาวต้องยกมือไหว้กลับแทบไม่ทัน
“พี่ขอโทษบัวทำไมคะ”
เอ่ยถามด้วยความสงสัยและตกใจกับท่าทีคนที่สัมภาษณ์งานตนเอง
“ที่พี่เสียมารยาทเมื่อกี้นี้ค่ะ
พี่ไม่รู้จริงๆ ว่าคุณบัวเป็นน้องสาวรองประธาน” เอ่ยบอกอย่างจริงจังเพราะกลัวตกงาน
ปทุมายิ้มๆ แหยๆ เมื่อรู้สาเหตุก่อนจะหันไปมองพี่ชายที่ยังคงสายตาดุๆ เอาไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ
พี่ออกไปได้เลยแต่ช่วยปิดเรื่องนี้ก่อนนะคะ”
ปทุมาบอกก่อนจะใช้มือป้องปากในประโยคสุดท้าย คุณภารดีพยักหน้าก่อนจะรับออกไปทันทีก่อนที่จะโดนรองประธานเล่นงาน
“เอาล่ะ
เลือกได้ยัง” เมื่อคุณภารดีออกไปคนเป็นพี่ก็เอ่ยถามเอาคำตอบจากน้องสาวทันที
ปทุมาหันมามองพร้อมยิ้มให้
“แหมยังไม่ฟังข้อเสนอของน้องสาวก็รีบเอาคำตอบซะแล้ว”
พูดออกมาอย่างเป็นต่อก่อนจะยื่นใบหน้าไปหาพี่ชาย
“คืออย่างนี้นะ
ถ้าเฮียยอมช่วยให้เขาได้ทำงานที่นี่เขามีวิธีแก้เผ็ดไอ้เอม” ปทุมาว่าก่อนจะยิ้มกระหยิ่มในใจเมื่อเห็นแววตาของพี่ชายสว่างวาบท่าทางเจ้าเล่ห์สะท้อนออกมา
“ว่าไงสนมะ”
เอ่ยถามย้ำ คนเป็นพี่สบตากับน้องสาว
“ถึงพี่ยอมถ้าแม่รู้หรือไอ้กิตรู้คงยอมเรา”
กันตภัคน์เอ่ยบอก ปทุมาพยักหน้า ก็จริงอย่างที่ว่า คนที่หนักที่สุดคือเฮียกิตแต่ทว่าเธอมีวิธีคิดไว้แล้ว
แต่สำหรับคุณแม่............
“แสดงว่าพี่ตกลง
โอเคตามนั้น” ปทุมาร้องบอกคิดเองเออเองก่อนจะถอยออกไปแล้วยืนขึ้น
“เดี๋ยว”
คนเป็นพี่เรียกคนที่ไม่ยอมฟังคำตอบแต่เลือกคำตอบไปเองแล้ว
“เอาน่าเฮีย
บัวนี่ใจปล้ำขายเพื่อนสุดๆ แล้วน้า” ปทุมาร้องบอก ได้แต่ขอโทษเพื่อนในใจแต่ก็จำใจยอม
ก็แหม เธอลุ้นมาหลายปีกับสองคนนี้แต่ลุ้นเท่าไหร่ก็ลุ้นไม่ขึ้น
พี่ชายเปลี่ยนแฟนอย่างกับยาสีฟันเล่นเปลี่ยนอาทิตย์ละคนส่วนเพื่อนเธอก็ห้ามจ๋าและเกลียดขี้หน้ากันซะขนาดนี้
ยุให้รักรักไม่ได้ก็ยุให้เกลียดกันไปเลย รับลองเธอได้อุ้มหลานแน่ๆ
“ไม่ใช่
เฮียมีข้อเสนอที่เด็ดกว่านั้น” คราวนี้คงเฮี้ยบพูดขึ้นด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนที่น้องสาวจะเป็นฝ่ายที่ต้องหวาดกลัวบ้าง
“เอาหูมาเฮียจะบอก”
กวักมือเรียกน้องสาวให้ขยับเข้ามาใกล้ ปทุมาเหล่ตามองพี่ชายแต่ก็ยอมขยับเข้าไปหาแต่โดยดี
กันตภัคน์กระซิบบอกแผนน้องสาวทำเอาปทุมาผงะออกมา
“โหยเฮีย
ไม่เอาหรอก” ปทุมาที่ได้ฟังก็ส่ายหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งที่พี่ชายเสนอ
“โอเคเป็นอันว่าตกลง”
พูดเองเออเองเลียนแบบตามน้องสาวก่อนจะลุกแล้วเดินออกไปไม่สนท่าทีโหยหวนของปทุมาแม้แต่น้อย
“เฮีย
เค้าบอกไม่เอ๊า” ปทุมาร้องตามพี่ชายที่เดินเปิดประตูออกไปแต่ดูเหมือนว่าคนที่เดินออกไปจะไม่สนใจเธอแม้แต่น้อยทำเอาเธอแทบจะลงไปชักดิ้นชักงอลงที่พื้น
“เอ่อ.....”
คุณภารดีที่เดินเข้ามาทำตัวไม่ถูก ปทุมาหน้ามุ่ยจากการแผงฤทธิ์ของพี่ชายเมื่อครู่
“บัวจะมาเริ่มงานพรุ่งนี้ค่ะ
ห้ามยกมือไหว้บัว ห้ามเรียกคุณบัวให้เรียกใบบัวหรือบัวเฉยๆ
ห้ามบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้คิดซะว่าบัวเป็นบัวที่มาสมัครงานตอนแรกบัวจะขอบคุณมากค่ะ”
ปทุมาบอกหยิบแฟ้มและกระเป๋าของตัวเองก่อนจะเดินออกไปทันทีทำเอาคุณภารดีต้องถอนหายใจออกมา
นึกสงสัยกับสิ่งที่พี่น้องตระกูลนี้เล่นกัน ทำเอานางหัวใจจะวาย..........
ความคิดเห็น