ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รัก นารี ฉบับ E-book

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่1-3

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 61


                  สองขาเรียวพาตัวเองเดินเข้ามาในตึงสูตระหง่านของบริษัทแห่งหนึ่งที่ตอนนี้เพิ่งเข้าบ่ายทำให้คนยังเยอะพอควรแทนที่เข้าเข้าไปทำงานในแผนกของตนเอง สายตากวาดมองไปรอบๆ มือเรียวปล่อยประตูกระจกให้ปิดลง เพ่งไปยังโต๊ะประชาสัมพันธ์ที่ตั้งเด่นอยู่ตรงหน้า ส่งรอยยิ้มพราวให้เจ้าหน้าที่พร้อมกับเอี้ยวตัวไป

                    “ฉันมาสมัครงานค่ะ” ปทุมาเอ่ยบอก คนที่นั่งก้มหน้าจดอะไรสักอย่างเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะยิ้มตอบ

                    “มาสมัครตำแหน่งอะไรคะ” เอ่ยถามออกไปเพราะตอนนี้มีหลายตำแหน่งยังว่างและรอคนมาสมัครและแต่ละตำแหน่งที่ต้องการก็สำคัญไม่น้อยอย่างนี้บริษัทถึงคัดคนแล้วคัดคนอีกผ่านมาจะสามเดือนแล้วยังหาคนมาใส่ตำแหน่งว่างไม่ได้เลย

                    “อ๋อ.....” ปทุมาร้องก่อนจะก้มมองแฟ้มเอกสารที่ใส่เอกสารส่วนตัวก่อนจะเงยหน้ามองคนถามพร้อมรอยยิ้มที่สดใส รู้สึกตื่นเต้นกับตำแหน่งที่จะมาทำไม่น้อย

                    “แม่บ้านค่ะ” เท่านั้นแหละคนถามถึงกับต้องหุบปากฉับทันทียืดตัวขึ้นยืน สายตาที่เคยเป็นมิตรเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยสำรวจเธอใหม่ตั้งแต่หัวจรดปรายเท้าพร้อมถอนหายใจ

                    “งั้นเดี๋ยวกรอกใบสมัครตรงนี้และไปชั้น5 ที่แผนกบุคคลเขาจะสัมภาษณ์เธอเอง” เอ่ยบอกแล้วโน้มตัวไปหยิบแผ่นกระดาษจากกะลังเก็บเอกสารและยื่นให้หญิงสาวที่ยืนตรงหน้า ปทุมาฉีกยิ้มกว้างรับมันมาถือ แม้จะระอากับท่าทีของนักประชาสัมพันธ์ของที่นี่แต่เธอก็เลือกที่จะมองข้ามผ่านไปและเดินไปยังจุดหมายที่เจ้าหล่อนบอกเมื่อครู่ทันที

                    ปทุมามาถึงก็นั่งกรอกรายละเอียดของตัวเองลงที่ใบสมัครงานก่อนจะมาหยุดที่ช่วงของสถานะภาพของตนเอง เธอเว้นว่างไว้ก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวก็คงถามเธออีกว่าเว้นไว้ทำไม จะตอบว่าโสดรึก็โกหก ปทุมาเลยได้แต่ถอนหายใจออกแล้วจำใจใส่รายละเอียดของสามีที่แต่งงานกับเธอตั้งแต่อายุ18ปีลงไป.........................

                    “เอ๋” คนที่อ่านรายละเอียดที่สอบสัมภาษณ์เธอเพียงคนเดียวเอ่ยถาม ปทุมายิ้มแหยๆ ให้คนที่เพ่งใบสมัครงานของเธออย่างตื่นเต้น หัวใจเต้นราวกับกรองที่ตีรัวๆ   

                    “เธอแต่งงานแล้วหรอ” เงยหน้าเอ่ยถามคนที่นั่งตรงหน้า สายตาเพ่งพิศใบหน้าหวานของสาวเจ้าก็ต้องยิ้มออกมา อายุ25ปีแถมน่ารักก็คงจะไม่โสดแล้ว ก้มหน้ามองชื่อของสามีของคนที่มาสมัครงานก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะชื่อสามีต้องเขียนเป็นลายมือเลยทำให้คนที่ปกติต้องใส่แว่นอ่านแต่ไม่ได้ใส่เพ่งอยู่นาน แต่อ่านเท่าไหร่ก็ไม่ออกเลยได้แต่ถอนหายใจและบอกช่างมัน

                    “ตำแหน่งอื่นก็มีทำไมมาสมัครตำแหน่งนี้” ยืดตัวตรงเอ่ยถามคนที่นั่งเหงื่อตก ปทุมาถอนหายใจกับคำถาม

                    “ก็อยากลองทำดูค่ะ” ปทุมาตอบตามความจริง เธออยากทำอะไรที่ท้าทายตัวเองและอำนาจของคนที่บ้านเธอที่ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้ารู้ว่าเธอมาทำงานที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น แถมยังตำแหน่งนี้อีกต่างหาก

                    “มีอีกตำแหน่งหนึ่งที่วุฒิมัธยมปลายน่าจำทำได้และหน่วยก้านเธอก็ดีจะลองทำไหม เงินเดือนก็ได้ดีกว่า” เอ่ยถามอย่างใจปล้ำและอีกอย่างบริษัทกำลังหาคนเข้ามาทำงานอีกหลายตำแหน่งเห็นคนมีแววก็อยากจะสนับสนุน

                    “ไม่ค่ะ” แต่คนที่มีความมุ่งมั่นก็ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยทำเอาแม่ม่ายวันใหญ่ถึงกับถอนหายใจออกมา รู้สึกผู้หญิงคนนี้พิเศษและมีเสน่ห์อย่างที่นางยังคงหลงเอ็นดู

                    “เฮ้อ งั้นก็เอาเถอะ เรารับเธอเข้าทำงานเดี๋ยวพรุ่งนี้มาเริ่มงานได้เลย สะดวกหรือเปล่า” เอ่ยบอกอย่างจำยอมแล้วถามความสมัครใจ ปทุมายิ้มกว้างกับคำตอบก่อนจะยกมือไหว้

                    “ขอบคุณค่ะหนูจะตั้งใจและมาทำงานแต่เช้าเลย” ปทุมาบอกก่อนจะรีบลุกเมื่อถูกคนสัมภาษณ์โบกมือบอกเชิงว่ากลับไปได้แล้วและเมื่อเปิดประตูออกมาใบหน้าที่ยิ้มกว้างก็ต้องหุบฉับทันทีพร้อมใบหน้าที่เริ่มจ๋อยลงน้อยๆ

                    “สวัสดีค่ะ” คุณภารดีลุกขึ้นก่อนจะยกมือไหว้คนที่ยืนอยู่หน้าห้องหลังจากที่หญิงสาวเปิดประตูออกมาไป แต่ทว่าสายตานั้นกลับจ้องมองคนที่เปิดประตูด้วยใบหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นักเลยนักว่าคนที่เพ่งได้งานจำโดนไล่ออกจึงปรี่ไปที่ท่านรองประธานทันที

                    “เอ่อ ขอประทานโทษแทนเด็กด้วยนะคะ เธอเพิ่งมาสมัครงานเลยยังไม่รู้อะไร” ยกมือไหว้แทน คนที่ถูกขอโทษแทนหันไปมองก่อนจะหันมามองพี่ชายตัวเอง

                    “เธอมาสมัครงานอะไรครับ” เอ่ยถามคนที่ยกมือขอโทษแทนน้องสาวตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ติดดุๆ

                    “แม่บ้านค่ะ” คุณภารดีเอ่ยบอก แอบกลัวจนเหงื่อไหลซึมตามไรผม หัวใจเต้นตุบๆ

                    “ใบบัว” เอ่ยเรียกน้องสาวเสียงดุเมื่อรู้ว่าน้องตนเองมาสมัครงานตำแหน่งอะไร คนที่ถูกเรียกสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะเงยหน้าแล้วส่งยิ้มแหยๆ ไปให้

                    “เฮีย” เอ่ยเรียกคนที่ดุเสียงอ๋อยๆ แต่คนบุคคลที่สามกลับงงหนักเมื่อพบว่าสองคนนี้รู้จักกันมาก่อน

                    “ไปคุยกับข้างใน” กันตภัคน์เอ่ยบอกเสียงเฉียบก่อนจะเดินเข้าไปยังที่ที่ปทุมาเพิ่งจะเดินหันหลังให้ คนที่รู้ชะตากรรมของตัวเองทำท่าจะร้องไห้เมื่อดูเหมือนความสนุกของตัวเองกำลังจะจบลงตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เดินคำตกไปนั่งที่ที่ๆ เดิมตรงข้ามพี่ชาย

                    “เชิญคุณด้วยครับคุณภารดี” กันตภัคน์เอ่ยเรียกฝ่ายบุคคลที่ให้สัมภาษณ์น้องสาวตัวเองเมื่อเธอทำท่าจะเดินออกไป คุณภารดีเหงื่อตกจำยอมปิดประตูแล้วเดินไปหาเจ้านายที่นั่งรออยู่

                    “ผมขอประวัติใบบัวด้วยครับ” เอ่ยขอคนที่เดินมา คุณภารดีรีบไปหยิบเอกสารที่วางไว้ในลิ้นชักออกมาให้คนที่เอ่ยขอในทันที่ก่อนจะนั่งตามที่สายตาเจ้านายบอก

                    “แม่เพิ่งโทรมาบอกว่าบัวจะมาทำงานที่นี่” คนเป็นพี่เปิดประเด็นขึ้นมาทันที ใบบัวยิ้มแหย

    “รู้สึกโชคดีที่แม่โทรมาบอกเฮียกันต์” ปทุมาร้องบอกอย่างจริงใจ หากเป็นเฮียกิตป่านนี้เธอคงถูกลากไปบ่นไปยังห้องทำงานของตนเองเป็นแน่แล้ว

                    “ไม่ต้องมาโชคดี ยังไงเฮียก็ไม่ยอม” คราวนี้พี่โตบอกเสียงดุทำเอาน้องน้อยหน้าเจื่อนกว่าเดิม นานๆ ทีจะเห็นเฮียใหญ่อย่างกันตภัคน์หัวเสียขนาดนี้

                    “เฮีย.....บัวขอโทษแต่บัวอยากทำงาน” ใบบัวบอกอย่างออดอ้อนทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่พี่ชายทำเอาคนที่นั่งเงียบๆ ต้องตะลึงเพราะเมื่อจับใจความแล้วรู่ว่าคนที่มาสมัครตำแหน่งแม่บ้านเป็นน้องสาวของท่านรองประธานและท่านประธานสุดเนี้ยบของตัวเอง

                    “ไปทำตำแหน่งอื่น ช่วยงานเฮียไม่งั้นก็ช่วยงานกิตเลือกเอา” คำสั่งเฉียบขาดทำเอาปทุมาต้องหน้าจ๋องก่อนจะเงยหน้าทำหน้าไม่พอใจใส่พี่ชาย

                    “เฮียทะเลาะกับไอ้เอมมาแล้วมาลงที่บัวอ่ะ” คนเป็นน้องพูดขึ้น คนที่ถูกคนเป็นน้องรู้ทันปรับสีหน้า

                    “ไม่ใช่” ปฏิเสธเสียงดัง

                    “ใช่” เพียงแต่เรื่องนี้มันใหญ่มากพี่ชายเธอเลยลงน้ำหนักได้เต็มที่และเป็นอย่างที่เห็น กันตภัคน์ไม่ถูกกับเอมมิกาเพื่อนเธอแต่ไหนแต่ไรเมื่อไม่กี่วันก่อนเจอกันเอมมิกาก็ก่อเรื่องให้พี่ชายเธอเสียหน้าเอาไว้ พอทะเลาะกันทีไรเป็นหนังหน้าไปตลอด

                    “เฮีย เขามีเรื่องจะทำสนธิสัญญา” คนหัวใสร้องขึ้นเมื่อนึกได้ว่าจะทำอย่างไรให้คนเป็นพี่อารมณ์ดีและยอมให้เธอได้ทำงานที่นี่ นึกว่าจะต้องเจรจาตอนมาทำงานแล้วแต่ที่ไหนได้ ยังไม่เริ่มเธอก็ต้องเสียตัวช่วยไปหนึ่งแล้ว

                    “อะไร” คนเป็นพี่หรี่ตากับความเจ้าเล่ห์ของน้องสาวตัวเองก่อนจะหันไปมองฝ่ายบุคคลที่นั่งหน้าเจื่อนข้างๆ น้องสาวตนเอง

                    “คุณภารดีเป็นอะไรครับ” เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง คนถูกถามสะดุ้ง

                    “ป่าวค่ะๆ เอ่อ คุณบัวพี่ต้องขอโทษด้วยนะคะ” คนที่ถูกเรียกยกมือไหว้ขอโทษปทุมาทำเอาหญิงสาวต้องยกมือไหว้กลับแทบไม่ทัน

                    “พี่ขอโทษบัวทำไมคะ” เอ่ยถามด้วยความสงสัยและตกใจกับท่าทีคนที่สัมภาษณ์งานตนเอง

                    “ที่พี่เสียมารยาทเมื่อกี้นี้ค่ะ พี่ไม่รู้จริงๆ ว่าคุณบัวเป็นน้องสาวรองประธาน” เอ่ยบอกอย่างจริงจังเพราะกลัวตกงาน ปทุมายิ้มๆ แหยๆ เมื่อรู้สาเหตุก่อนจะหันไปมองพี่ชายที่ยังคงสายตาดุๆ เอาไว้

                    “ไม่เป็นไรค่ะ พี่ออกไปได้เลยแต่ช่วยปิดเรื่องนี้ก่อนนะคะ” ปทุมาบอกก่อนจะใช้มือป้องปากในประโยคสุดท้าย คุณภารดีพยักหน้าก่อนจะรับออกไปทันทีก่อนที่จะโดนรองประธานเล่นงาน

                    “เอาล่ะ เลือกได้ยัง” เมื่อคุณภารดีออกไปคนเป็นพี่ก็เอ่ยถามเอาคำตอบจากน้องสาวทันที ปทุมาหันมามองพร้อมยิ้มให้

                    “แหมยังไม่ฟังข้อเสนอของน้องสาวก็รีบเอาคำตอบซะแล้ว” พูดออกมาอย่างเป็นต่อก่อนจะยื่นใบหน้าไปหาพี่ชาย

                    “คืออย่างนี้นะ ถ้าเฮียยอมช่วยให้เขาได้ทำงานที่นี่เขามีวิธีแก้เผ็ดไอ้เอม” ปทุมาว่าก่อนจะยิ้มกระหยิ่มในใจเมื่อเห็นแววตาของพี่ชายสว่างวาบท่าทางเจ้าเล่ห์สะท้อนออกมา

                    “ว่าไงสนมะ” เอ่ยถามย้ำ คนเป็นพี่สบตากับน้องสาว

    “ถึงพี่ยอมถ้าแม่รู้หรือไอ้กิตรู้คงยอมเรา” กันตภัคน์เอ่ยบอก ปทุมาพยักหน้า ก็จริงอย่างที่ว่า คนที่หนักที่สุดคือเฮียกิตแต่ทว่าเธอมีวิธีคิดไว้แล้ว แต่สำหรับคุณแม่............

    “แสดงว่าพี่ตกลง โอเคตามนั้น” ปทุมาร้องบอกคิดเองเออเองก่อนจะถอยออกไปแล้วยืนขึ้น

    “เดี๋ยว” คนเป็นพี่เรียกคนที่ไม่ยอมฟังคำตอบแต่เลือกคำตอบไปเองแล้ว

    “เอาน่าเฮีย บัวนี่ใจปล้ำขายเพื่อนสุดๆ แล้วน้า” ปทุมาร้องบอก ได้แต่ขอโทษเพื่อนในใจแต่ก็จำใจยอม ก็แหม เธอลุ้นมาหลายปีกับสองคนนี้แต่ลุ้นเท่าไหร่ก็ลุ้นไม่ขึ้น พี่ชายเปลี่ยนแฟนอย่างกับยาสีฟันเล่นเปลี่ยนอาทิตย์ละคนส่วนเพื่อนเธอก็ห้ามจ๋าและเกลียดขี้หน้ากันซะขนาดนี้ ยุให้รักรักไม่ได้ก็ยุให้เกลียดกันไปเลย รับลองเธอได้อุ้มหลานแน่ๆ

    “ไม่ใช่ เฮียมีข้อเสนอที่เด็ดกว่านั้น” คราวนี้คงเฮี้ยบพูดขึ้นด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนที่น้องสาวจะเป็นฝ่ายที่ต้องหวาดกลัวบ้าง

    “เอาหูมาเฮียจะบอก” กวักมือเรียกน้องสาวให้ขยับเข้ามาใกล้ ปทุมาเหล่ตามองพี่ชายแต่ก็ยอมขยับเข้าไปหาแต่โดยดี กันตภัคน์กระซิบบอกแผนน้องสาวทำเอาปทุมาผงะออกมา

    “โหยเฮีย ไม่เอาหรอก” ปทุมาที่ได้ฟังก็ส่ายหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งที่พี่ชายเสนอ

    “โอเคเป็นอันว่าตกลง” พูดเองเออเองเลียนแบบตามน้องสาวก่อนจะลุกแล้วเดินออกไปไม่สนท่าทีโหยหวนของปทุมาแม้แต่น้อย

    “เฮีย เค้าบอกไม่เอ๊า” ปทุมาร้องตามพี่ชายที่เดินเปิดประตูออกไปแต่ดูเหมือนว่าคนที่เดินออกไปจะไม่สนใจเธอแม้แต่น้อยทำเอาเธอแทบจะลงไปชักดิ้นชักงอลงที่พื้น

    “เอ่อ.....” คุณภารดีที่เดินเข้ามาทำตัวไม่ถูก ปทุมาหน้ามุ่ยจากการแผงฤทธิ์ของพี่ชายเมื่อครู่

    “บัวจะมาเริ่มงานพรุ่งนี้ค่ะ ห้ามยกมือไหว้บัว ห้ามเรียกคุณบัวให้เรียกใบบัวหรือบัวเฉยๆ ห้ามบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้คิดซะว่าบัวเป็นบัวที่มาสมัครงานตอนแรกบัวจะขอบคุณมากค่ะ” ปทุมาบอกหยิบแฟ้มและกระเป๋าของตัวเองก่อนจะเดินออกไปทันทีทำเอาคุณภารดีต้องถอนหายใจออกมา นึกสงสัยกับสิ่งที่พี่น้องตระกูลนี้เล่นกัน ทำเอานางหัวใจจะวาย..........

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×