ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รัก นารี ฉบับ E-book

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่1-2

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 61


    เสียงโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าบ้านทำให้นางผกาแม่บ้านคนเก่าคนแก่ต้องวิ่งมาหน้าบ้านอย่างรู้งานก่อนจะเปิดประตูรั้วบ้านของ “อนันตกูลรักษ์” พร้อมให้แขกประจำบ้านเข้ามาแล้วรีบปิดประตูรั้ว มีนางกับเจ้าของบ้านอีกสามคนเท่านั้นที่เข้าใกล้มันได้นอกนั้นโดนไล่ตีไม่สนหน้าพระอิฐพระพรหม สองเท้าที่เดินนำหน้าก้าวอย่างเชื่องช้าไม่รีบร้อน

    “เร็วๆ ไอ้ขนุน เอ็งจะเอื่อยอีกนานไหม” นางผกาว่าเมื่อมันยังเดินชมวิวและดูจะเชื่องช้ามากกว่าทุกวันทั้งที่แดดร้อนเปรี้ยงซะจนย่างมันให้สุกได้ ขนสีขาวของมันทำให้นางนึกอยากจะถลกมันทิ้งด้วยความหมั่นไส้ระคนเอ็นดู

    “แคว่กๆ” จ้าห่านแสนรู้ร้องตอบในภาษาของมันก่อนจะเดินไปฝั่งริมสวนดอกไม้แล้วนั่งแหมะลงตรงร่มไม้ นางผกาที่เห็นก็ได้ส่ายหน้า

    “เออ งอนก็เรื่องของเอ็งเถอะ ข้าจะเข้าไปในบ้านก่อนเดี๋ยวอีกสักพักจะเอาอะไรมาให้กิน ใครมันเข้ามาใกล้ก็ร้องเตือนมันก่อนถ้ามันไม่หยุดค่อยไล่จิก ไม่ใช่ไล่ไม่สนใคร” ว่าอย่างเบื่อหน่ายเรื่องนี้ เห็นใครเข้าใกล้หน่อยไม่ได้เป็นอันต้องไล่จิกชาวบ้านไปทั่วจนสาวใช้คนสวนพากันกลัวมันอย่างกับผี

    “แคว่ก” ตอบกลับราวกับรู้เรื่องพร้อมสยายปีกตีขึ้นลงไปมา

    “เออ เป็นห่านดีล่ะ” บอกแล้วเดินไปในตัวบ้าน ปากก็พร่ำบ่นห่านแสนรู้แต่ก็ยิ้มตลอดก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านแล้วเดินเข้าไปหาเจ้านายที่นั่งทานอาหารเช้าอยู่กับลูกชายและลูกสาว                                                                                                                                                                                                                                             

                    “ไอ้ขนุนมันมาหรอจ๊ะ” ปทุมาที่นั่งกินข้าวต้มเอ่ยถามป้าผกาที่เดินไปที่หน้าบ้าน นางพยักหน้ายิ้มก่อนจะเดินไปหยิบเหยือกกาแฟดำแล้วเติมให้กฤษฎาเจ้านายสุดหล่อประจำบ้านที่ดูจะพร่องไปมากแล้ว

                    “มันน่ารักดีนะลูก” คุณหญิงรดามารดาของกฤษฎาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ชมมันเป็นรอบที่พันได้แล้วมั้ง ชายหนุ่มที่ได้ยินมารดาชมไอ้ตัวยุ่งก็ส่ายหน้า วันๆ เอาแต่ขลุกอยู่แต่กับมันไม่งั้นก็ยุ่งกับไอ้ตัวยุ่งที่นั่งข้างๆ เขา

                    “แม่ขา มันไม่น่ารัก น่าเบื่อมากกว่าตื่นมาก็บ่นทุกวัน” ปทุมาเอ่ยถึงสัตว์เลี้ยงตนก่อนจะย่นจมูกให้คนที่ตนเรียกว่าแม่ ทุกคนพากันหัวเราะยกเว้นคนหน้านิ่ง

                    “เดือนนี้แม่ให้เงินยัยนี่เท่าไหร่ฮะ เห็นแอบเที่ยวบ่อยเหลือเกิน” กฤษฎาเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงราบเรียบแต่เบรกบทสนทนาก่อนหน้าเลยทีเดียว คุณหญิงรดาหันมามองลูกชายสลับกับมองลูกสาวนอกไส้ด้วยสายตามึนงง

                    “เอิ่ม เขาก็ได้เท่าเดิมนั่นล่ะ” หญิงสาวรีบพูดขึ้นเพื่อไม่ให้เรื่องผิดปกติ

                    “บอกให้เรียน จะแก่อยู่ละยังมีแค่วุฒิมอปลาย” ชายหนุ่มเอ่ยติปทุมาก่อนจะคว้าเสื้อตัวนอกสีดำของตนเองมาใส่แล้วเดินออกจาบ้านไป ปทุมาย่นจมูกให้พี่ชายอีกคน คนนี้ก็เหมือนกันบ่นได้ไม่ต่างจากไอ้ขนุนไอ้ห่านขี้บ่นนั่นสมแล้วที่ไอ้ขนุนมันเชื่อฟังเพราะนิสัยไม่ต่างกันเลย

                    “เมื่อกี้ที่พี่เขาว่าหมายความว่าไงลูก” ท่าทางใจดีของคุณหญิงรดาเปลี่ยนเป็นโหมดนิ่งเงียบเหมือนเริ่มจะไม่พอใจกับสิ่งที่เริ่มระแคะระคาย คนที่มีความผิดติดตัวเริ่มอยู่ไม่สุกราวกับมีคนเอาไฟมีจี้ตูด

                    “ก็เฮียกิตนั่นแหละค่ะตามใจใบบัวยกบัตรเครดิตให้แล้วก็เห็นใบบัวชอบไปเป็นเพื่อนเอมเรื่องงานบ่อยเลยโบ้ยความผิดให้คุณแม่” เธอว่าก่อนจะยิ้มประจบ นางรดาต้องมองหญิงสาวครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้ม

                    “ถ้าหนูเงินไม่พอใช้บอกแม่นะลูก ส่วนเที่ยวหนูโตแล้วตากิตยังเอาแต่กะเกณฑ์หนูอยู่ได้ เดี๋ยวแม่ต้องว่าซะแล้ว” นางรดาเข้าข้างลูกสาวนอกไส้อย่างออกนอกหน้าจนนางผกาต้องส่ายหน้า คนเป็นแม่ก็รักยิ่งกว่าลูก คนเป็นพี่ก็รักก็หวงน้องยิ่งกว่างูจงอางหวงไข่

    g

                    “ไม่ต้องหรอกค่ะ เงินที่เฮียกิตก็เยอะมากแล้ว” เธอว่าก่อนจะเอี้ยวตัวไปหอมคนที่เธอรักและนับถือดั่งแม่ตัวเองแท้ๆ คุณหญิงรดายิ้มกับความขี้อ้อนของปทุมา

                    “หนูนี่ใครได้เป็นภรรยานี่โชคดีตาย น่ารักอ่อนหวาน” เอ่ยชมด้วยความเอ็นดู ปทุมาที่ได้ยินก็หัวเราะ

                    “โชคร้ายมากกว่าค่ะ คุณแม่ก็รู้ดี” ปทุมาว่าก่อนจะนึกขำคำชม มีแต่คนชมเธอว่าน่ารักอ่อนหวานและขี้อ้อนแต่ใครจะรู้เธอนี่แหละตัวแสบประจำบ้านเลยล่ะ

                    “นั่นสิคะ” นางผกาว่า นึกถึงคนที่ปทุมาพูดถึงก่อนจะพากันหัวเราะกันให้ครื้นโต๊ะอาหาร เขาว่ากันว่าคนเรามักสูญเสียอะไรบางอย่างไปมันอาจจะยิ่งใหญ่แต่ฟ้าไม่เคยใจร้าย ฟ้ามักจะส่งสิ่งทดแทนมาให้เราแม้มันจะไม่ยิ่งใหญ่มากเท่าเดิม แต่นั่นคือความสุข เราไม่ควรจมอยู่กับอดีตที่สูญเสีย แต่ควรจะยินดีกับสิ่งที่มีในวันนี้มากกว่า

                    “คุณแม่ขา” เสียงหวานใสร้องขึ้นเมื่อคิดว่าถึงเวลาแล้วหลังจากที่เอาไปนั่งนอนคิดนั่งคิดเธอก็ว่าจริงอย่างที่พี่ชายเธอว่า เธอจบมาก็นานแล้วควรหางานทำ

                    “ว่าไงลูก” นางรดาเงยหน้ามองคนที่ร้องเรียกเสียงหวาน รอยยิ้มเอ็นดูเผยอขึ้นอย่างรู้ทันสาวเจ้าว่าจะต้องอ้อนขออะไรสักอย่างแน่นอน

                    “บัวอยากทำงานค่ะ” ใบบัวเอ่ยบอกพร้อมทำตาปิ้งๆ ใส่เชิงออดอ้อน นางรดาที่เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู

                    “ก็เอาสิลูก ไปทำกับพี่เราเดี๋ยวแม่จะให้คนหาตำแหน่งให้” นางรดาเอ่ยบอกอย่างใจดีทั้งที่จริงอยากให้ปทุมานั้นอยู่บ้านเฉยๆ แต่ก็นะวัยรุ่นให้อยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรก็คงเบื่อไม่น้อย

                    “ไม่เอาหรอกค่ะ บัวไม่อยากใช้เส้น” ปทุมาว่าพร้อมย่นจมูก เข้าไปทำงานเพราะใช้เส้นมีหวังโดนนินทาทั้งบริษัทแน่ๆ

                    “อ้าว แล้วหนูจะไปทำที่ไหนล่ะ” นางรดาร้องขึ้น ปทุมาจบแค่มัธยมปลายหากหางานทำจริงๆ คงจะต้องเหนื่อยและเงินเดือนถูกแน่ๆ เรื่องเงินนางไม่สนเท่าไหร่หรอกสนเพียงแค่กลัวคนที่รักดั่งลูกสาวจะต้องเหนื่อยเท่านั้น

                    “เรื่องนี้.........” ปทุมาเว้นวรรคไว้พร้อมยิ้มร้ายๆ ออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น นางรดาและนางผกาที่มองอยู่ถึงกับขนลุก จำได้ว่ารอยยิ้มนี้ไม่ใช่รอยยิ้มที่เป็นนิมิตรหมายที่ดีสักเท่าไหร่นัก................

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×