คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่1-2
เสียงโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าบ้านทำให้นางผกาแม่บ้านคนเก่าคนแก่ต้องวิ่งมาหน้าบ้านอย่างรู้งานก่อนจะเปิดประตูรั้วบ้านของ
“อนันตกูลรักษ์” พร้อมให้แขกประจำบ้านเข้ามาแล้วรีบปิดประตูรั้ว
มีนางกับเจ้าของบ้านอีกสามคนเท่านั้นที่เข้าใกล้มันได้นอกนั้นโดนไล่ตีไม่สนหน้าพระอิฐพระพรหม
สองเท้าที่เดินนำหน้าก้าวอย่างเชื่องช้าไม่รีบร้อน
“เร็วๆ ไอ้ขนุน เอ็งจะเอื่อยอีกนานไหม”
นางผกาว่าเมื่อมันยังเดินชมวิวและดูจะเชื่องช้ามากกว่าทุกวันทั้งที่แดดร้อนเปรี้ยงซะจนย่างมันให้สุกได้
ขนสีขาวของมันทำให้นางนึกอยากจะถลกมันทิ้งด้วยความหมั่นไส้ระคนเอ็นดู
“แคว่กๆ” จ้าห่านแสนรู้ร้องตอบในภาษาของมันก่อนจะเดินไปฝั่งริมสวนดอกไม้แล้วนั่งแหมะลงตรงร่มไม้
นางผกาที่เห็นก็ได้ส่ายหน้า
“เออ งอนก็เรื่องของเอ็งเถอะ
ข้าจะเข้าไปในบ้านก่อนเดี๋ยวอีกสักพักจะเอาอะไรมาให้กิน
ใครมันเข้ามาใกล้ก็ร้องเตือนมันก่อนถ้ามันไม่หยุดค่อยไล่จิก ไม่ใช่ไล่ไม่สนใคร”
ว่าอย่างเบื่อหน่ายเรื่องนี้
เห็นใครเข้าใกล้หน่อยไม่ได้เป็นอันต้องไล่จิกชาวบ้านไปทั่วจนสาวใช้คนสวนพากันกลัวมันอย่างกับผี
“แคว่ก”
ตอบกลับราวกับรู้เรื่องพร้อมสยายปีกตีขึ้นลงไปมา
“เออ เป็นห่านดีล่ะ” บอกแล้วเดินไปในตัวบ้าน
ปากก็พร่ำบ่นห่านแสนรู้แต่ก็ยิ้มตลอดก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านแล้วเดินเข้าไปหาเจ้านายที่นั่งทานอาหารเช้าอยู่กับลูกชายและลูกสาว
“ไอ้ขนุนมันมาหรอจ๊ะ”
ปทุมาที่นั่งกินข้าวต้มเอ่ยถามป้าผกาที่เดินไปที่หน้าบ้าน
นางพยักหน้ายิ้มก่อนจะเดินไปหยิบเหยือกกาแฟดำแล้วเติมให้กฤษฎาเจ้านายสุดหล่อประจำบ้านที่ดูจะพร่องไปมากแล้ว
“มันน่ารักดีนะลูก”
คุณหญิงรดามารดาของกฤษฎาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ชมมันเป็นรอบที่พันได้แล้วมั้ง ชายหนุ่มที่ได้ยินมารดาชมไอ้ตัวยุ่งก็ส่ายหน้า
วันๆ เอาแต่ขลุกอยู่แต่กับมันไม่งั้นก็ยุ่งกับไอ้ตัวยุ่งที่นั่งข้างๆ เขา
“แม่ขา
มันไม่น่ารัก น่าเบื่อมากกว่าตื่นมาก็บ่นทุกวัน”
ปทุมาเอ่ยถึงสัตว์เลี้ยงตนก่อนจะย่นจมูกให้คนที่ตนเรียกว่าแม่
ทุกคนพากันหัวเราะยกเว้นคนหน้านิ่ง
“เดือนนี้แม่ให้เงินยัยนี่เท่าไหร่ฮะ
เห็นแอบเที่ยวบ่อยเหลือเกิน” กฤษฎาเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงราบเรียบแต่เบรกบทสนทนาก่อนหน้าเลยทีเดียว
คุณหญิงรดาหันมามองลูกชายสลับกับมองลูกสาวนอกไส้ด้วยสายตามึนงง
“เอิ่ม
เขาก็ได้เท่าเดิมนั่นล่ะ” หญิงสาวรีบพูดขึ้นเพื่อไม่ให้เรื่องผิดปกติ
“บอกให้เรียน
จะแก่อยู่ละยังมีแค่วุฒิมอปลาย”
ชายหนุ่มเอ่ยติปทุมาก่อนจะคว้าเสื้อตัวนอกสีดำของตนเองมาใส่แล้วเดินออกจาบ้านไป
ปทุมาย่นจมูกให้พี่ชายอีกคน
คนนี้ก็เหมือนกันบ่นได้ไม่ต่างจากไอ้ขนุนไอ้ห่านขี้บ่นนั่นสมแล้วที่ไอ้ขนุนมันเชื่อฟังเพราะนิสัยไม่ต่างกันเลย
“เมื่อกี้ที่พี่เขาว่าหมายความว่าไงลูก”
ท่าทางใจดีของคุณหญิงรดาเปลี่ยนเป็นโหมดนิ่งเงียบเหมือนเริ่มจะไม่พอใจกับสิ่งที่เริ่มระแคะระคาย
คนที่มีความผิดติดตัวเริ่มอยู่ไม่สุกราวกับมีคนเอาไฟมีจี้ตูด
“ก็เฮียกิตนั่นแหละค่ะตามใจใบบัวยกบัตรเครดิตให้แล้วก็เห็นใบบัวชอบไปเป็นเพื่อนเอมเรื่องงานบ่อยเลยโบ้ยความผิดให้คุณแม่”
เธอว่าก่อนจะยิ้มประจบ นางรดาต้องมองหญิงสาวครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้ม
“ถ้าหนูเงินไม่พอใช้บอกแม่นะลูก
ส่วนเที่ยวหนูโตแล้วตากิตยังเอาแต่กะเกณฑ์หนูอยู่ได้ เดี๋ยวแม่ต้องว่าซะแล้ว” นางรดาเข้าข้างลูกสาวนอกไส้อย่างออกนอกหน้าจนนางผกาต้องส่ายหน้า
คนเป็นแม่ก็รักยิ่งกว่าลูก คนเป็นพี่ก็รักก็หวงน้องยิ่งกว่างูจงอางหวงไข่
“ไม่ต้องหรอกค่ะ
เงินที่เฮียกิตก็เยอะมากแล้ว”
เธอว่าก่อนจะเอี้ยวตัวไปหอมคนที่เธอรักและนับถือดั่งแม่ตัวเองแท้ๆ
คุณหญิงรดายิ้มกับความขี้อ้อนของปทุมา
“หนูนี่ใครได้เป็นภรรยานี่โชคดีตาย
น่ารักอ่อนหวาน” เอ่ยชมด้วยความเอ็นดู ปทุมาที่ได้ยินก็หัวเราะ
“โชคร้ายมากกว่าค่ะ
คุณแม่ก็รู้ดี” ปทุมาว่าก่อนจะนึกขำคำชม
มีแต่คนชมเธอว่าน่ารักอ่อนหวานและขี้อ้อนแต่ใครจะรู้เธอนี่แหละตัวแสบประจำบ้านเลยล่ะ
“นั่นสิคะ”
นางผกาว่า นึกถึงคนที่ปทุมาพูดถึงก่อนจะพากันหัวเราะกันให้ครื้นโต๊ะอาหาร
เขาว่ากันว่าคนเรามักสูญเสียอะไรบางอย่างไปมันอาจจะยิ่งใหญ่แต่ฟ้าไม่เคยใจร้าย
ฟ้ามักจะส่งสิ่งทดแทนมาให้เราแม้มันจะไม่ยิ่งใหญ่มากเท่าเดิม แต่นั่นคือความสุข
เราไม่ควรจมอยู่กับอดีตที่สูญเสีย แต่ควรจะยินดีกับสิ่งที่มีในวันนี้มากกว่า
“คุณแม่ขา”
เสียงหวานใสร้องขึ้นเมื่อคิดว่าถึงเวลาแล้วหลังจากที่เอาไปนั่งนอนคิดนั่งคิดเธอก็ว่าจริงอย่างที่พี่ชายเธอว่า
เธอจบมาก็นานแล้วควรหางานทำ
“ว่าไงลูก”
นางรดาเงยหน้ามองคนที่ร้องเรียกเสียงหวาน รอยยิ้มเอ็นดูเผยอขึ้นอย่างรู้ทันสาวเจ้าว่าจะต้องอ้อนขออะไรสักอย่างแน่นอน
“บัวอยากทำงานค่ะ”
ใบบัวเอ่ยบอกพร้อมทำตาปิ้งๆ ใส่เชิงออดอ้อน
นางรดาที่เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู
“ก็เอาสิลูก
ไปทำกับพี่เราเดี๋ยวแม่จะให้คนหาตำแหน่งให้” นางรดาเอ่ยบอกอย่างใจดีทั้งที่จริงอยากให้ปทุมานั้นอยู่บ้านเฉยๆ
แต่ก็นะวัยรุ่นให้อยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรก็คงเบื่อไม่น้อย
“ไม่เอาหรอกค่ะ
บัวไม่อยากใช้เส้น” ปทุมาว่าพร้อมย่นจมูก
เข้าไปทำงานเพราะใช้เส้นมีหวังโดนนินทาทั้งบริษัทแน่ๆ
“อ้าว
แล้วหนูจะไปทำที่ไหนล่ะ” นางรดาร้องขึ้น ปทุมาจบแค่มัธยมปลายหากหางานทำจริงๆ
คงจะต้องเหนื่อยและเงินเดือนถูกแน่ๆ
เรื่องเงินนางไม่สนเท่าไหร่หรอกสนเพียงแค่กลัวคนที่รักดั่งลูกสาวจะต้องเหนื่อยเท่านั้น
“เรื่องนี้.........”
ปทุมาเว้นวรรคไว้พร้อมยิ้มร้ายๆ ออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น
นางรดาและนางผกาที่มองอยู่ถึงกับขนลุก
จำได้ว่ารอยยิ้มนี้ไม่ใช่รอยยิ้มที่เป็นนิมิตรหมายที่ดีสักเท่าไหร่นัก................
ความคิดเห็น