คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : บทที่8-1
“อะไรวะ ทำไมมันถึงดวงแข็งขนาดนี้”
คนที่ได้รับรายงานอาการล่าสุดของคนที่อยู่โรงพยาบาลหัวเสียไม่น้อย
แววตาสีดำสนิทวาวขึ้นอย่างพิโรธโกรธากับสิ่งที่ได้ยิน
พยายามมากี่ครั้งมันสองคนพี่น้องก็ดวงแข็งรอดมาได้ทุกที
“เอาไงต่อดีครับนาย”
ลูกน้องเอ่ยถามคนเป็นนายที่นั่งอยู่ตรงหน้า
พยายามไม่สั่นกับท่าทางของนายใหญ่ที่ดูไม่พอใจกับผลงานที่เกิดขึ้นสักเท่าไหร่
“รอไปก่อน”
ตอนนี้มันคงระวังตัวแจยิ่งบุ่มบ่ามจะทำให้มันตื่นและสุดท้ายจะพังเอาซะเอง
มือที่คีบบุหรี่ยี่ห้อหรูยกขึ้นจรดลงที่ริมฝีปาก
ควันออกมาจากริมฝีปากดำคล้ำจนลอยคละคลุ้ง
“ว่าแต่ประวัติของเด็กข้างบ้านได้มาหรือยัง”
เอ่ยถามลูกน้องที่ยืนอยู่ พยายามทำให้เย็นที่สุด
“ได้แล้วครับ
ผมส่งให้นายทางเมลล์แล้ว” ลูกน้องรายงาน คนเป็นนายพยักหน้า ดูดบุกรี่เข้าไปอีกอึกใหญ่
ใช้ลิ้นดังกระพุงแก้มพร้อมยิ้มเหยาะ ตอนนี้เขาคงต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่
เพราะว่าจุดอ่อนของไอ้นั่นกำลังเผยตัวออกมาแล้ว
“นายจะทำแผลไหมครับ”
เอ่ยถามเพราะรู้สึกเจ็บแทนกับแผลที่ถูกมีดบาดบนใบหน้า คาดว่าคงจะเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิตเพราะจากขนาดไม่น้อยเลยทีเดียว
“ไอ้แผลนี่น่ะหรอ
ไม่ต้องหรอก ยิ่งเจ็บยิ่งสะใจ” เอ่ยบอกน้ำเสียงเย็นๆ
ยกมือจับแผลที่บาดอยู่ตรงหน้าเพราะการต่อสู้เมื่อครู่
ดวงตาสีดำทอประกายความก้าวร้าวไปยังเสือโคล่งตัวใหญ่ที่ถูกสตาร์ฟเอาไว้มานานหลายปี............
“ตื่นแล้วหรอ”
เอมมิกาที่นั่งอ่านหนังสือรอเอ่ยถาม มองหน้าที่ซีดเผือดของปทุมาก็ได้แต่ส่ายหน้า
“เฮียล่ะ”
คำถามแรกที่คนหลับไปเอ่ยถามขึ้นทำเอาเอมมิกายิ้มกว้าง
ยกมือดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองก่อนจะมองเพื่อนรักที่นอนอยู่
“ออกจากห้องผ่าตัดแล้ว
ทุกอย่างราบรื่นพักอยู่ห้องตรงข้ามแกเนี่ยแหละ” อธิบายให้คนที่ดูห่วงพี่ชายซะจนออกหน้าออกตา
“ฉันจะไปหาเขา”
อยากไปดูให้แน่ใจว่าเขายังอยู่ ไม่ได้ทิ้งเธอไปไหน
ปทุมาทำท่าจะลุกขึ้นแต่เอมมิกาที่ละมือจากดหนังสือผลักร่างบางของเพื่อนรักให้นอนลงเหมือนเดิมก่นจะมองไปที่ขวดน้ำเกลือที่เพิ่งถูกเปลี่ยนแล้วถอนหายใจ
“รอก่อน
ยังไม่ใช่ตอนนี้” เอ่ยบอกเพื่อน ปทุมาที่ได้ยินส่ายหน้า
“ฉันจะไปตอนนี้”
ปทุมาร้องบอกอย่างไม่ยอมแล้วจุลุกแต่เอมมิกาก็ไวกว่าที่จะดันให้หญิงสาวนอนแบบเดิมในตอนแรกเพียงแต่ตอนนี้มือของเอมมิกากลับกดลงที่ไหล่าบางของเพื่อนรักเพื่อไม่ให้ลุกไปได้
“ก่อนจะไปแกต้องตอบคำถามก่อน”
เอมมิกาเอ่ยบอกอย่างจริงจัง ปทุมานิ่วหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อเพื่อนถ่วงเวลาของตนเอง
หัวใจดวงน้อยร่อนรุ่มเพราะความเป็นห่วงอีกคนที่อยู่ตรงข้ามห้อง เขาจะเป็นยังไง
จะเจ็บมากไหมหัวใจของหญิงสาวมีแต่คำถามนี้ที่ถามตัวเองซ้ำๆ
“มันใช่เวลาที่จะถามไหมเอม
แล้วแกจะถามอะไร” ตำหนิเพื่อน
เอมมิกายิ้มส่ายหน้ายอมปล่อยมือและนั่งลงที่เดิมเพราะดูเหมือนว่าเพื่อนของตนเองจะยอมให้ความร่วมมือแล้ว
“ไม่ใช่คำถามของฉัน
แต่เป็นคำถามของแก คำถามของแกที่ฉันคิดมาทั้งคืนก็ยังหาคำตอบไม่ได้” เอมมิกาว่า
ยิ้มแล้วมองตาของเพื่อนรัก ปทุมาย่นคิ้วย่นอย่างไม่เข้าใจ
“ตอนนี้หัวใจของแกกำลังบอกอะไรอยู่
บอกฉันได้ไหม” เอมมิกาถามพร้อมกับยิ้มเมื่อเห็นความวูบไหวในดวงตาของเพื่อน
ไม่ธรรมดาเลยที่คนฉลาดอย่างปทุมาจะเข้าไปในบริษัทพี่ชายเพื่อเป็นแม่บ้านและอ้างความสนุกเพราะไม่มีอะไรทำ
ไม่ง่ายเลยที่เพื่อนรักของเธอจะร้องไห้เพราะครั้งล่าสุดที่จำได้คือตอนที่ปทุมาเสียพ่อแม่
คนที่เข้มแข็งแต่ร้องไห้ให้พี่ชายต่างสายเลือดมันน่าตกใจไม่น้อยสำหรับเธอ.........
“บอกอะไรของแก”
ปทุมาแสร้งไม่เข้าใจคำถามของเพื่อนรักหลบตาคนที่หรี่ตามองเธออย่างจับผิด
นอนนิ่งไม่ได้พยายามลุกขึ้นเหมือนครั้งแรกๆ
“เหมือนแกจะยังไม่พร้อมจะตอบ
แต่รู้อะไรไหม ฉันเคยได้ยินประโยคๆ หนึ่งมันบอกว่าถ้าหัวใจเราไม่พูดความจริง
ความเจ็บปวดจะเป็นคำตอบ” เอมมิกาว่า ใช้มือตบบ่าของเพื่อนรักก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ลุกสิฉันจะพาแกไปหาพี่ชายของแก”
เอมมิกาบอกเมื่อเพื่อนรักนอนนิ่ง ปทุมาลุกขึ้นนั่งก่อนจะคว้าเสาน้ำเหลือมาถือ
แล้วลงจากเตียง แต่มือของเธอช่างสั่นเทาเหลือเกิน คนที่เห็นก็ได้แต่ส่ายหน้า
“เอารถเข็นไหม”
เอ่ยถามเมื่อดูเหมือนว่าปทุมาจะไม่พร้อมเดินสักเท่าไหร่
แถมตัวสั่นเหมือนว่ากำลังกลัวอะไรสักอย่าง
“ไม่”
ปทุมาส่ายหน้าบอก น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา เธอไม่ได้เพลียหรือไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเดิน
แต่เธอแค่กลัว ความกลัวทำให้ร่างของเธอสั่นเทา เธอกลัวว่าเดินไปแล้วไม่เจอเขาอีก
“หัวใจแกกำลังประท้วงเอาความจริงใช่ไหม”
เอมมิกาว่า ปทุมากัดริมฝีปากเงยหน้ามองเพื่อนรักที่จ้องมองตนเองอยู่
สะอื้นออกมาเพราะความเจ็บปวดที่อักแน่นอยู่ในหัวใจ
“ฉันจะทำยังไงดี”
ปทุมาเอ่ยถามพร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมา มือเรียวกำแน่นอย่างเก็บกักความรู้สึก
เธอพยายามแล้ว พยายามที่จะย้ำเตือนว่าเขาเป็นพี่ชาย
ย้ำเตือนว่าเขาอยู่ไกลเกินเอื้อมและเธอไม่ควรที่จะคิดเกินเลย
แต่หัวใจของเธอไม่รักดีเอาเสียเลย
“ไปหาพี่แกกันเถอะ” เอมมิกายิ้มกับท่าทางของเพื่อน ราวกับเห็นน้ำตาของเพื่อนรักเป็นเรื่องสนุก
การยอมรับความจริงว่าเจ็บปวดแล้วแต่สำหรับเธอการที่เก็บเอาความรู้สึกเอาไว้ในใจและปกปิดมันไว้เจ็บปวดยิ่งกว่า
ยกมือตบไหล่ที่สั่นไหวอย่างให้กำลังใจก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องที่อยู่แล้วเดินไปอีกสามเก้าเพื่อเปิดประตูห้องของพี่ชายของเพื่อนรักแล้วหันไปมองคนที่ค่อยๆ
เดิมมา มือเรียวยกปาดน้ำตาของตนเองกลั้นน้ำตาจนสะอื้น
“มาสิ”
เอ่ยเรียกคนที่เอาแต่เช็ดน้ำตาและข่มความเสียใจ ปทุมาพยักหน้าค่อยๆ
ไปเดินไปยังห้องของเขาที่ดูเหมือนว่าจะไม่รู้การมาของเธอเพราะยังได้ยินเสียงคุยกับไม่หยุด
ปทุมาเดินตามเอมมิกาเข้ามาก่อนที่เสียงของทุกคนจะเงียบลงเมื่อเห็นเธอและเอมมิกา
สายตาสามคู่จ้องมองมาทางเธอแต่ทว่าหญิงสาวกลับสนใจแต่คนที่อยู่บนเตียง
ดวงตาที่ฉ่ำวาวเพราะหยาดน้ำตาสำรวจร่างกายของเขา เธอเห็นแค่เพียงมือข้างขวาที่ใส่ที่พยุงแขนเอาไว้เพื่อไม่ให้ขยับแผลจะได้ไม่สะเทือน
“เข้ามาสิลูก”
นางรดาเอ่ยเรียกคนที่ยืนนิ่งเอาแต่สำรวจบุตรชายคนเล็ก
“ฮึก”
เธอไม่ได้ขยับเข้าไปตามที่นางรดาชักชวนแต่ยืนกัดริมฝีปากกลั้นน้ำตาอยู่ที่เดิม
มองคนที่อยู่บนเตียงไม่ละสายตา หูของเธออื้อไปหมด การรับรู้ของเธอแทบจะไม่เหลือ
สายตาเอาแต่จับจ้องเขา
“บัว”
เสียงทุ้มเรียกคนที่ยืนกัดริมฝีปากจนเขากลัวว่ามันจะเป็นแผลเลือดออก
มือเรียวที่ถือเสาน้ำเหลือสั่นเทาจนเห็นได้ชัด แต่เสียงของกฤษฎาเหมือนจะเป็นตัวกระตุ้นให้ความอดทนของหญิงสาวหมดลง
น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมาพร้อมกับร่างบางที่ปล่อยโฮอย่างไม่อายทรุดลงนั่งที่พื้นเพราะหัวใจที่บีบรักจนเจ็บไปหมด
เธอกลัวว่าเขาจะหายไป กลัวจะไม่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของเขาเรียกชื่อเธอ
“เฮ้อ”
คนที่นอนถอนหายใจเมื่อหญิงสาวทำราวกับเขาตายเสียอย่างนั้น ส่ายหน้าน้อยๆ
ฝืนตัวลงจากเตียง มือข้างที่ไม่ได้โดนคมกระสุนลากเสาน้ำเกลือรวมทั้งกระปุกอื่นๆ
มาหา นั่งลงตรงหน้า ใช้มือเชยคาดเรียวให้เงยหน้ามองตนเอง
“จะร้องทำไม
พี่ไม่ได้เป็นอะไร” แม้น้ำเสียงจะติดดุแต่ทว่าสายตากลับแฝงไปด้วยความอบอุ่น
ปทุมามองคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอ
มองดวงตาที่ทอประกายความอบอุ่นส่งมาให้ทำให้หัวใจที่เหมือนถูกมีดกรีดได้ยาบรรเทาความเจ็บปวด
“บัวขอโทษ”
เมื่อคืนเขาขอโทษเธอ วันนี้เธอขอโทษเขา ขอโทษที่เธองี่เง่าจนเกือบทำให้เขาตาย
“ขอโทษทำไม
บัวไม่ได้ยิงพี่สักหน่อย” เอ่ยปลอบ
มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาที่เลอะใบหน้าเรียวให้อย่างเบามือ ปทุมาสะอื้น
“ห้ามเป็นอะไรอีกนะ ห้ามเฮียทิ้งบัวอีก”
ปทุมาเอ่ยสั่งมองตาของคนที่เช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน
“เอ้า
ปลอบกันเสร็จก็กลับมานอนที่เตียงเดี๋ยวก็แผลฉีกหมด” คนที่ทำลายบรรยากาศยักคิ้วกวนๆ
ให้น้องชายที่ตวัดสายตามามอง
“เฮ้อ”
กฤษฎาถอนหายใจยืนขึ้นก่อนจะยื่นมือมาให้คนที่ยังนั่งอยู่ที่พื้น
ปทุมาเงยหน้ามองคนที่ยื่นมือมาให้ ก่อนจะค่อยๆ ส่งมือไปให้เขาจับ
แรงดึงทำให้เธอลุกขึ้นยืนก่อนที่มือหนาจะปล่อยมือเธอแล้วเดินกลับไปนอนที่ของตัวเองโดยมีน้องน้อยของบ้านเดินตามามายืนอยู่ข้างๆ
เตียง ดวงตาของเธอยังแดงก่ำ
“แม่ว่าบัวมานั่งดีกว่าลูก
ยิ่งไม่สบายอยู่”
นางรดาเอ่ยขึ้นเมื่อสถานการณ์ปกติก่อนจะลุกขึ้นดึงปทุมาเขามานั่งที่ตัวเอง
“บัว
ฉันกลับก่อนนะเดี๋ยวเจอกัน” เอมมิกาพูดขึ้นเมื่อคิดว่าจบธุระของเธอแล้ว
ทุกคนหันไปทางสาวห้าว
“เอ้า
ทำไมรีบกลับล่ะลูก แม่สั่งกับข้าวจากโรงแรมมาอยู่กินด้วยกันก่อน” นางรดาบอก
เอมมิกายิ้มแหยสายตาเหลือบไปมองคนที่เอาแต่จ้องเธอราวจะมองให้ทะลุ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า
เอมกลับเลยดีกว่า” เอมมิกาบอกเธอไม่อยากเจอหน้าเขานานกว่านี้
“เรียกป้าทำไมคนกันเอง
เรียกว่าแม่เหมือนบัวก็ได้ลูกแล้วยังไม่ต้องกลับหรอก อยู่ด้วยกันก่อนแม่ขอ” เอ่ยบอกแล้วยิ้มให้อย่างใจดี
เอมมิกาอึกอักกับบทสนทนา เธออึดอัดและดูเหมือนปทุมาจะรู้เลยเอ่ยขอให้แทน
“ให้เอมกลับเถอะค่ะ
มันจะไปหาแฟน” ปทุมาว่า
เอมมิกาถลึงตาให้เพื่อนแต่ทุกคนชะงักกับสิ่งที่ได้ยินไม่เว้นกระทั่งกฤษฎา
“หนูมีแฟนแล้วหรอ”
ผู้อาวุโสเอ่ยถามด้วยความตกใจ เอมมิกายิ้มแห้งๆ
เป็นอีกครั้งที่เธออยากจะบอกความจริงแต่พูดไม่ออก อย่าว่าแต่แฟนเลย
แค่ผู้ชายที่เฉียดเข้ามาในชีวิตคิดจะจีบเธอยังไม่มี
“หึ”
ชายที่อารมณ์เสียงทำเสียงในลำคอก่อนจะหุนหันเดินออกจากห้องไป เอมมิกามองตามเขาก่อนจะหันมามองคนตรงหน้า
“เอมขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ”
เลือกที่จะตัดบทแล้วยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกมา
นางรดามองแผ่นหลังของเอมมิกาอย่างสงสัยก่อนจะหันมามองหน้าของปทุมาที่นั่งอยู่
“ตกลงเพื่อนหนูมีแฟนแล้วหรอลูก”
เอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ ปทุมายิ้มส่ายหน้า
“บัวเอ่ยเย้ามันไปอย่างนั้นเองค่ะ”
ปทุมาเฉลย ก่อนจะหันไปมองคนที่หัวเราะออกมาน้อยๆ อย่างสงสัย นางรดาทำหน้าตกใจ
“ตายแล้วเล่นอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ”
นางรดาว่าอย่างจริงจังก่อนจะรีบลุกออกไป
ปทุมาที่นั่งอยู่คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความงงเพราะไม่รู้ว่าทำอะไรผิด
“เขาทำอะไรผิด”
เอ่ยถามคนที่นอนมองตนเอง กฤษฎาส่ายหน้าน้อยๆ
ยกมือไปวางบนศีรษะของหญิงสาวก่อนจะยีมันด้วยความเอ็นดู
“ไปแหย่หมาบ้าน่ะสิ”
เอ่ยตอบคนที่สงสัยก่อนจะกดยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจ
ปทุมาอาจจะไม่รู้เพราะไม่ค่อยคลุกคลีหรือตัวติดกับพี่ชายของเขามาดเท่าไหร่แต่ทว่าทั้งมารดาเขาและคนที่บริษัทรู้ดีว่าตอนนี้กันตภัคน์เหมือนหมาบ้ามากแค่ไหนยิ่งตอนนี้เหมือนหมาบ้าที่ได้รับแรงกระตุ้นจากน้ำทำให้คุ้มคลั่งหนักกว่าเดิม..................
มาแล้ว ใครอยากอ่านจบก่อนไปโหลดนะ
ความคิดเห็น