ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รัก นารี ฉบับ E-book

    ลำดับตอนที่ #21 : บทที่8-1

    • อัปเดตล่าสุด 13 ม.ค. 62


                   “อะไรวะ ทำไมมันถึงดวงแข็งขนาดนี้” คนที่ได้รับรายงานอาการล่าสุดของคนที่อยู่โรงพยาบาลหัวเสียไม่น้อย แววตาสีดำสนิทวาวขึ้นอย่างพิโรธโกรธากับสิ่งที่ได้ยิน พยายามมากี่ครั้งมันสองคนพี่น้องก็ดวงแข็งรอดมาได้ทุกที

                    “เอาไงต่อดีครับนาย” ลูกน้องเอ่ยถามคนเป็นนายที่นั่งอยู่ตรงหน้า พยายามไม่สั่นกับท่าทางของนายใหญ่ที่ดูไม่พอใจกับผลงานที่เกิดขึ้นสักเท่าไหร่

                    “รอไปก่อน” ตอนนี้มันคงระวังตัวแจยิ่งบุ่มบ่ามจะทำให้มันตื่นและสุดท้ายจะพังเอาซะเอง มือที่คีบบุหรี่ยี่ห้อหรูยกขึ้นจรดลงที่ริมฝีปาก ควันออกมาจากริมฝีปากดำคล้ำจนลอยคละคลุ้ง

                    “ว่าแต่ประวัติของเด็กข้างบ้านได้มาหรือยัง” เอ่ยถามลูกน้องที่ยืนอยู่ พยายามทำให้เย็นที่สุด

                    “ได้แล้วครับ ผมส่งให้นายทางเมลล์แล้ว” ลูกน้องรายงาน คนเป็นนายพยักหน้า ดูดบุกรี่เข้าไปอีกอึกใหญ่ ใช้ลิ้นดังกระพุงแก้มพร้อมยิ้มเหยาะ ตอนนี้เขาคงต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ เพราะว่าจุดอ่อนของไอ้นั่นกำลังเผยตัวออกมาแล้ว

                    “นายจะทำแผลไหมครับ” เอ่ยถามเพราะรู้สึกเจ็บแทนกับแผลที่ถูกมีดบาดบนใบหน้า คาดว่าคงจะเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิตเพราะจากขนาดไม่น้อยเลยทีเดียว

                    “ไอ้แผลนี่น่ะหรอ ไม่ต้องหรอก ยิ่งเจ็บยิ่งสะใจ” เอ่ยบอกน้ำเสียงเย็นๆ ยกมือจับแผลที่บาดอยู่ตรงหน้าเพราะการต่อสู้เมื่อครู่ ดวงตาสีดำทอประกายความก้าวร้าวไปยังเสือโคล่งตัวใหญ่ที่ถูกสตาร์ฟเอาไว้มานานหลายปี............        

     

                    “ตื่นแล้วหรอ” เอมมิกาที่นั่งอ่านหนังสือรอเอ่ยถาม มองหน้าที่ซีดเผือดของปทุมาก็ได้แต่ส่ายหน้า

                    “เฮียล่ะ” คำถามแรกที่คนหลับไปเอ่ยถามขึ้นทำเอาเอมมิกายิ้มกว้าง ยกมือดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองก่อนจะมองเพื่อนรักที่นอนอยู่

                    “ออกจากห้องผ่าตัดแล้ว ทุกอย่างราบรื่นพักอยู่ห้องตรงข้ามแกเนี่ยแหละ” อธิบายให้คนที่ดูห่วงพี่ชายซะจนออกหน้าออกตา

                    “ฉันจะไปหาเขา” อยากไปดูให้แน่ใจว่าเขายังอยู่ ไม่ได้ทิ้งเธอไปไหน ปทุมาทำท่าจะลุกขึ้นแต่เอมมิกาที่ละมือจากดหนังสือผลักร่างบางของเพื่อนรักให้นอนลงเหมือนเดิมก่นจะมองไปที่ขวดน้ำเกลือที่เพิ่งถูกเปลี่ยนแล้วถอนหายใจ

                    “รอก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้” เอ่ยบอกเพื่อน ปทุมาที่ได้ยินส่ายหน้า

                    “ฉันจะไปตอนนี้” ปทุมาร้องบอกอย่างไม่ยอมแล้วจุลุกแต่เอมมิกาก็ไวกว่าที่จะดันให้หญิงสาวนอนแบบเดิมในตอนแรกเพียงแต่ตอนนี้มือของเอมมิกากลับกดลงที่ไหล่าบางของเพื่อนรักเพื่อไม่ให้ลุกไปได้

                    “ก่อนจะไปแกต้องตอบคำถามก่อน” เอมมิกาเอ่ยบอกอย่างจริงจัง ปทุมานิ่วหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อเพื่อนถ่วงเวลาของตนเอง หัวใจดวงน้อยร่อนรุ่มเพราะความเป็นห่วงอีกคนที่อยู่ตรงข้ามห้อง เขาจะเป็นยังไง จะเจ็บมากไหมหัวใจของหญิงสาวมีแต่คำถามนี้ที่ถามตัวเองซ้ำๆ

                    “มันใช่เวลาที่จะถามไหมเอม แล้วแกจะถามอะไร” ตำหนิเพื่อน เอมมิกายิ้มส่ายหน้ายอมปล่อยมือและนั่งลงที่เดิมเพราะดูเหมือนว่าเพื่อนของตนเองจะยอมให้ความร่วมมือแล้ว

                    “ไม่ใช่คำถามของฉัน แต่เป็นคำถามของแก คำถามของแกที่ฉันคิดมาทั้งคืนก็ยังหาคำตอบไม่ได้” เอมมิกาว่า ยิ้มแล้วมองตาของเพื่อนรัก ปทุมาย่นคิ้วย่นอย่างไม่เข้าใจ

                    “ตอนนี้หัวใจของแกกำลังบอกอะไรอยู่ บอกฉันได้ไหม” เอมมิกาถามพร้อมกับยิ้มเมื่อเห็นความวูบไหวในดวงตาของเพื่อน ไม่ธรรมดาเลยที่คนฉลาดอย่างปทุมาจะเข้าไปในบริษัทพี่ชายเพื่อเป็นแม่บ้านและอ้างความสนุกเพราะไม่มีอะไรทำ ไม่ง่ายเลยที่เพื่อนรักของเธอจะร้องไห้เพราะครั้งล่าสุดที่จำได้คือตอนที่ปทุมาเสียพ่อแม่ คนที่เข้มแข็งแต่ร้องไห้ให้พี่ชายต่างสายเลือดมันน่าตกใจไม่น้อยสำหรับเธอ.........

                    “บอกอะไรของแก” ปทุมาแสร้งไม่เข้าใจคำถามของเพื่อนรักหลบตาคนที่หรี่ตามองเธออย่างจับผิด นอนนิ่งไม่ได้พยายามลุกขึ้นเหมือนครั้งแรกๆ

                    “เหมือนแกจะยังไม่พร้อมจะตอบ แต่รู้อะไรไหม ฉันเคยได้ยินประโยคๆ หนึ่งมันบอกว่าถ้าหัวใจเราไม่พูดความจริง ความเจ็บปวดจะเป็นคำตอบ” เอมมิกาว่า ใช้มือตบบ่าของเพื่อนรักก่อนจะลุกขึ้นยืน

                    “ลุกสิฉันจะพาแกไปหาพี่ชายของแก” เอมมิกาบอกเมื่อเพื่อนรักนอนนิ่ง ปทุมาลุกขึ้นนั่งก่อนจะคว้าเสาน้ำเหลือมาถือ แล้วลงจากเตียง แต่มือของเธอช่างสั่นเทาเหลือเกิน คนที่เห็นก็ได้แต่ส่ายหน้า

                    “เอารถเข็นไหม” เอ่ยถามเมื่อดูเหมือนว่าปทุมาจะไม่พร้อมเดินสักเท่าไหร่ แถมตัวสั่นเหมือนว่ากำลังกลัวอะไรสักอย่าง

                    “ไม่” ปทุมาส่ายหน้าบอก น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา เธอไม่ได้เพลียหรือไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเดิน แต่เธอแค่กลัว ความกลัวทำให้ร่างของเธอสั่นเทา เธอกลัวว่าเดินไปแล้วไม่เจอเขาอีก

                    “หัวใจแกกำลังประท้วงเอาความจริงใช่ไหม” เอมมิกาว่า ปทุมากัดริมฝีปากเงยหน้ามองเพื่อนรักที่จ้องมองตนเองอยู่ สะอื้นออกมาเพราะความเจ็บปวดที่อักแน่นอยู่ในหัวใจ

                    “ฉันจะทำยังไงดี” ปทุมาเอ่ยถามพร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมา มือเรียวกำแน่นอย่างเก็บกักความรู้สึก เธอพยายามแล้ว พยายามที่จะย้ำเตือนว่าเขาเป็นพี่ชาย ย้ำเตือนว่าเขาอยู่ไกลเกินเอื้อมและเธอไม่ควรที่จะคิดเกินเลย แต่หัวใจของเธอไม่รักดีเอาเสียเลย

                    “ไปหาพี่แกกันเถอะ” เอมมิกายิ้มกับท่าทางของเพื่อน ราวกับเห็นน้ำตาของเพื่อนรักเป็นเรื่องสนุก การยอมรับความจริงว่าเจ็บปวดแล้วแต่สำหรับเธอการที่เก็บเอาความรู้สึกเอาไว้ในใจและปกปิดมันไว้เจ็บปวดยิ่งกว่า ยกมือตบไหล่ที่สั่นไหวอย่างให้กำลังใจก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องที่อยู่แล้วเดินไปอีกสามเก้าเพื่อเปิดประตูห้องของพี่ชายของเพื่อนรักแล้วหันไปมองคนที่ค่อยๆ เดิมมา มือเรียวยกปาดน้ำตาของตนเองกลั้นน้ำตาจนสะอื้น

                    “มาสิ” เอ่ยเรียกคนที่เอาแต่เช็ดน้ำตาและข่มความเสียใจ ปทุมาพยักหน้าค่อยๆ ไปเดินไปยังห้องของเขาที่ดูเหมือนว่าจะไม่รู้การมาของเธอเพราะยังได้ยินเสียงคุยกับไม่หยุด ปทุมาเดินตามเอมมิกาเข้ามาก่อนที่เสียงของทุกคนจะเงียบลงเมื่อเห็นเธอและเอมมิกา สายตาสามคู่จ้องมองมาทางเธอแต่ทว่าหญิงสาวกลับสนใจแต่คนที่อยู่บนเตียง ดวงตาที่ฉ่ำวาวเพราะหยาดน้ำตาสำรวจร่างกายของเขา เธอเห็นแค่เพียงมือข้างขวาที่ใส่ที่พยุงแขนเอาไว้เพื่อไม่ให้ขยับแผลจะได้ไม่สะเทือน

                    “เข้ามาสิลูก” นางรดาเอ่ยเรียกคนที่ยืนนิ่งเอาแต่สำรวจบุตรชายคนเล็ก

                    “ฮึก” เธอไม่ได้ขยับเข้าไปตามที่นางรดาชักชวนแต่ยืนกัดริมฝีปากกลั้นน้ำตาอยู่ที่เดิม มองคนที่อยู่บนเตียงไม่ละสายตา หูของเธออื้อไปหมด การรับรู้ของเธอแทบจะไม่เหลือ สายตาเอาแต่จับจ้องเขา

                    “บัว” เสียงทุ้มเรียกคนที่ยืนกัดริมฝีปากจนเขากลัวว่ามันจะเป็นแผลเลือดออก มือเรียวที่ถือเสาน้ำเหลือสั่นเทาจนเห็นได้ชัด แต่เสียงของกฤษฎาเหมือนจะเป็นตัวกระตุ้นให้ความอดทนของหญิงสาวหมดลง น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมาพร้อมกับร่างบางที่ปล่อยโฮอย่างไม่อายทรุดลงนั่งที่พื้นเพราะหัวใจที่บีบรักจนเจ็บไปหมด เธอกลัวว่าเขาจะหายไป กลัวจะไม่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของเขาเรียกชื่อเธอ

                    “เฮ้อ” คนที่นอนถอนหายใจเมื่อหญิงสาวทำราวกับเขาตายเสียอย่างนั้น ส่ายหน้าน้อยๆ ฝืนตัวลงจากเตียง มือข้างที่ไม่ได้โดนคมกระสุนลากเสาน้ำเกลือรวมทั้งกระปุกอื่นๆ มาหา นั่งลงตรงหน้า ใช้มือเชยคาดเรียวให้เงยหน้ามองตนเอง

                    “จะร้องทำไม พี่ไม่ได้เป็นอะไร” แม้น้ำเสียงจะติดดุแต่ทว่าสายตากลับแฝงไปด้วยความอบอุ่น ปทุมามองคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอ  มองดวงตาที่ทอประกายความอบอุ่นส่งมาให้ทำให้หัวใจที่เหมือนถูกมีดกรีดได้ยาบรรเทาความเจ็บปวด

                    “บัวขอโทษ” เมื่อคืนเขาขอโทษเธอ วันนี้เธอขอโทษเขา ขอโทษที่เธองี่เง่าจนเกือบทำให้เขาตาย

                    “ขอโทษทำไม บัวไม่ได้ยิงพี่สักหน่อย” เอ่ยปลอบ มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาที่เลอะใบหน้าเรียวให้อย่างเบามือ ปทุมาสะอื้น

                    “ห้ามเป็นอะไรอีกนะ  ห้ามเฮียทิ้งบัวอีก” ปทุมาเอ่ยสั่งมองตาของคนที่เช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน

                    “เอ้า ปลอบกันเสร็จก็กลับมานอนที่เตียงเดี๋ยวก็แผลฉีกหมด” คนที่ทำลายบรรยากาศยักคิ้วกวนๆ ให้น้องชายที่ตวัดสายตามามอง

                    “เฮ้อ” กฤษฎาถอนหายใจยืนขึ้นก่อนจะยื่นมือมาให้คนที่ยังนั่งอยู่ที่พื้น ปทุมาเงยหน้ามองคนที่ยื่นมือมาให้ ก่อนจะค่อยๆ ส่งมือไปให้เขาจับ แรงดึงทำให้เธอลุกขึ้นยืนก่อนที่มือหนาจะปล่อยมือเธอแล้วเดินกลับไปนอนที่ของตัวเองโดยมีน้องน้อยของบ้านเดินตามามายืนอยู่ข้างๆ เตียง ดวงตาของเธอยังแดงก่ำ

                    “แม่ว่าบัวมานั่งดีกว่าลูก ยิ่งไม่สบายอยู่” นางรดาเอ่ยขึ้นเมื่อสถานการณ์ปกติก่อนจะลุกขึ้นดึงปทุมาเขามานั่งที่ตัวเอง

                    “บัว ฉันกลับก่อนนะเดี๋ยวเจอกัน” เอมมิกาพูดขึ้นเมื่อคิดว่าจบธุระของเธอแล้ว ทุกคนหันไปทางสาวห้าว

                    “เอ้า ทำไมรีบกลับล่ะลูก แม่สั่งกับข้าวจากโรงแรมมาอยู่กินด้วยกันก่อน” นางรดาบอก เอมมิกายิ้มแหยสายตาเหลือบไปมองคนที่เอาแต่จ้องเธอราวจะมองให้ทะลุ

                    “ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า เอมกลับเลยดีกว่า” เอมมิกาบอกเธอไม่อยากเจอหน้าเขานานกว่านี้

                    “เรียกป้าทำไมคนกันเอง เรียกว่าแม่เหมือนบัวก็ได้ลูกแล้วยังไม่ต้องกลับหรอก อยู่ด้วยกันก่อนแม่ขอ” เอ่ยบอกแล้วยิ้มให้อย่างใจดี เอมมิกาอึกอักกับบทสนทนา เธออึดอัดและดูเหมือนปทุมาจะรู้เลยเอ่ยขอให้แทน

                    “ให้เอมกลับเถอะค่ะ มันจะไปหาแฟน” ปทุมาว่า เอมมิกาถลึงตาให้เพื่อนแต่ทุกคนชะงักกับสิ่งที่ได้ยินไม่เว้นกระทั่งกฤษฎา

                    “หนูมีแฟนแล้วหรอ” ผู้อาวุโสเอ่ยถามด้วยความตกใจ เอมมิกายิ้มแห้งๆ เป็นอีกครั้งที่เธออยากจะบอกความจริงแต่พูดไม่ออก อย่าว่าแต่แฟนเลย แค่ผู้ชายที่เฉียดเข้ามาในชีวิตคิดจะจีบเธอยังไม่มี

                    “หึ” ชายที่อารมณ์เสียงทำเสียงในลำคอก่อนจะหุนหันเดินออกจากห้องไป เอมมิกามองตามเขาก่อนจะหันมามองคนตรงหน้า

                    “เอมขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ” เลือกที่จะตัดบทแล้วยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกมา นางรดามองแผ่นหลังของเอมมิกาอย่างสงสัยก่อนจะหันมามองหน้าของปทุมาที่นั่งอยู่

                    “ตกลงเพื่อนหนูมีแฟนแล้วหรอลูก” เอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ ปทุมายิ้มส่ายหน้า

                    “บัวเอ่ยเย้ามันไปอย่างนั้นเองค่ะ” ปทุมาเฉลย ก่อนจะหันไปมองคนที่หัวเราะออกมาน้อยๆ อย่างสงสัย นางรดาทำหน้าตกใจ

                    “ตายแล้วเล่นอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ” นางรดาว่าอย่างจริงจังก่อนจะรีบลุกออกไป ปทุมาที่นั่งอยู่คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความงงเพราะไม่รู้ว่าทำอะไรผิด

                    “เขาทำอะไรผิด” เอ่ยถามคนที่นอนมองตนเอง กฤษฎาส่ายหน้าน้อยๆ ยกมือไปวางบนศีรษะของหญิงสาวก่อนจะยีมันด้วยความเอ็นดู

                    “ไปแหย่หมาบ้าน่ะสิ” เอ่ยตอบคนที่สงสัยก่อนจะกดยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจ ปทุมาอาจจะไม่รู้เพราะไม่ค่อยคลุกคลีหรือตัวติดกับพี่ชายของเขามาดเท่าไหร่แต่ทว่าทั้งมารดาเขาและคนที่บริษัทรู้ดีว่าตอนนี้กันตภัคน์เหมือนหมาบ้ามากแค่ไหนยิ่งตอนนี้เหมือนหมาบ้าที่ได้รับแรงกระตุ้นจากน้ำทำให้คุ้มคลั่งหนักกว่าเดิม..................


    มาแล้ว ใครอยากอ่านจบก่อนไปโหลดนะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×