ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รัก นารี ฉบับ E-book

    ลำดับตอนที่ #19 : บทที่7-1

    • อัปเดตล่าสุด 11 ม.ค. 62


    จ๊ะเอ๋ ไรท์มาแล้ว ไปเกเรมา 555 มาอัพต่อๆ 
    ตอนนี้ให้ยาวๆ

    หลังจากที่กลับมาจากคอนโดเอมมิกาที่ไปหาหลังเลิกงานปทุมาก็เดินไปกลับเข้าซอยแทนนั่งวินเพื่อที่จะแวะซื้อซื้อแชมพูที่เพิ่งหมดไปเมื่อวานก่อนที่ร้านสะดวกซื้อ วันนี้เธอต้องสระผมหลังจากที่เดินเล่นให้ควันรถอบตัวซึ่งกว่าจะเดินไปถึงก็เกือบจะ 4ทุ่มแล้ว ปทุมาไขกุญแจเข้าบ้านมาเห็นห่านสีขาวที่นั่งอยู่บนโซฟาสีขาวตัวยาวที่มีเพียงตัวเดียวในบ้านนั่งรอเธออยู่

                    “ไม่ไปหานอนล่ะไอ้ขนุน” ปทุมาเอ่ยถามเมื่อเห็นมันยังมองเธอตาแป๋วไม่ยอมหลับยอมนอนมานั่งรอเธออยู่ข้างนอกห้องที่มันเคยนอน มีหลายคนห่วงเรื่องที่มันจะอดตายเพราะไม่มีใครให้ข้าวให้น้ำแต่สำหรับเธอ เธอรู้ว่ามันฉลาดพอที่จะเดินออกทางหลังบ้านแล้วไปร้องโวยวายกับแม่รดาและป้าผกาให้หาอะไรให้มันกิน

                    “แคว่ก” ไอ้ขนุนที่ถูกถามตอบมา ปทุมายิ้มให้มันเดินไปลูบหัวห่านสีขาวก่อนจะเดินไปห้องน้ำเพื่อโดยมีห่านอ้วนเดินตามไปด้วย ปทุมาไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาพาดที่บ่าก่อนจะเปิดประตูเข้าไปโดยที่มีห่านแสนรู้นั่งลงที่หน้าประตูห้องน้ำเหมือนทุกวัน ผ่านไปไม่นานนักปทุมาก็เดินออกมาในสภาพที่มีชุดคลุมร่างและผ้าขนหนู ปกติเธอจะขี้เกียจอาบน้ำแต่วันนี้เพราะมีเรื่องเครียดเธอเลยนั่งให้น้ำระบายความเสียใจออกไป

                    “แคว่ก” ร้องเสียงดังก่อนจะเดินหันตูดไปยังที่ที่ใช้นอนในตอนกลางวัน ปทุมาที่เห็นอย่างนั้นขมวดคิ้วก่อนจะรีบเดินไปห้องนอนของตัวเองแล้วเปิดประตูออก เป็นอย่างคาด ในห้องมีแสงไปจากโคมไฟหัวเตียง บนเตียงขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่มีร่างสูงใหญ่นอนอยู่ในฝั่งตัวเองเคยนอน ปทุมาชักสีหน้าก่อนจะหันไปมองไอ้ขนุนที่เอาหัวมุดผ้าปูนอนของตนเองไปเสียแล้ว

                    “แสบทั้งคนทั้งห่าน” หญิงสาวพึมพำก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนมือเรียวยกสะกิดคนที่หลับอยู่ ดวงตาสำรวจร่างกายสมส่วนที่ถูกใส่เสื้อผ้าชุดนอน เธอเบ้ปากใส่ เมื่อกลางวันเขายังบอกว่าตัดพี่ตัดน้องกับเธออยู่เลย

                    “เฮีย ลุกขึ้นเลยนะ” หญิงสาวแหวเสียงดังเมื่อเขย่าตัวแล้วยังไม่ไม่ลุกขึ้น เธอแน่ใจว่าเขาไม่หลับแต่ไม่ยอมลุกขึ้นจากที่นอน ละมือจากร่างหนา

                    “ไม่ลุกฉันตีเฮียจริงๆ นะ” เธอว่า เขายังเงียบมีเพียงเสียงลมหายใจของคนตัวโต ปทุมาแยกเขี้ยวก่อนจะกำมือแล้วทุบไปที่ไหล่หนาของคนตัวใหญ่ซ้ำๆ

                    “หยุด” เสียงทุ้มบอกเสียงต่ำ มือหนาคว้าหมับที่มือเรียวที่กำปั้นทุบตัวเองก่อนจะกระชากร่างของเธอเข้าหาตัวจนถลาล้มลงทับที่หน้าอกกว้างของคนเป็นพี่

                    “นี่” ปทุมาร้องพยายามดันตัวไม่ให้ตัวเองทับกฤษฎาไปเต็มตัวเพราะเกรงเขาจะหนัก ในใจก็ค่อนขอดคนเป็นพี่ชายที่ชอบแกล้งตนอยู่เรื่อง แม้จะพยายามลุกขึ้นแต่ทว่าคนที่ถูกทับจะไม่ให้ความร่วมมือกับเธอเอาซะเลย

                    “ปล่อยบัวนะ” หญิงสาวบอกพยายามลุกอีกครั้งแต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ แรงเธอไม่สามารถสู้แรงเขาได้เลย หัวใจเต้นกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมือหนาข้างที่ไม่ได้จับมือของเธอโอบเอวที่หนาประมาณหนึ่งของเธอไว้ มันอุ่นและร้อนวูบวาบจนเธอคิดอยากจะหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ ใบหน้าเรียวหวานพยายามเบนหนีสายตานิ่งๆ ที่จ้องจับผิด ลมหายใจของเขาเป่ารดพวงแก้มเธอจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ลามทั่วใบหน้าจนถึงทั้งตัว

                    “งอนอะไรนักหนา” เอ่ยถามเสียงดุสายตายังมองดวงตาของปทุมาเมื่อเธอพยายามลงจากร่างของตนเอง

                    “เปล่างอน” บอกเสียงเชิด กฤษฎาส่ายหน้า เรื่องวันนั้นยัยเด็กดื้อนี่ทำเหมือนเขาเป็นคนผิดทั้งที่ตัวเองเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองแถมยังงอนเขาโดยการไม่คุยทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนเสียอีก เขาเงียบ เธอเงียบ ต่างคนต่างเงียบจนกฤษฎาต้องเอ่ยขึ้นเสียก่อน

                    “พูดมา เฮียจะรับฟัง” กฤษฎาตัดสินใจถาม ปทุมาเม้มริมฝีปาก น้ำตาของเธอไหลเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ ทุกครั้งที่ทะเลาะกันเขายังไม่เคยเอ่ยตัดพี่ตัดน้องกับเธอเลยสักครั้ง มาครั้งนี้มันทำให้เธอกลัว กลัวว่าวันหนึ่งเขาเกลียดเธอขึ้นมาชีวิตเธอจะอยู่ยังไง

                    “ขอโทษ” เสียงทุ้มดังเมื่อให้โอกาสสาวเจ้าพูดแต่ปทุมากลับนิ่งเงียบเป็นเป่าสากไม่ยอมตอบคำถามซ้ำยังร้องไห้ออกมา แม้ไม่มีเสียงสะอื้นแต่น้ำตาไหลมาจากดวงตาคู่นั้นไม่ขาดสาย

                    “ไม่ต้องขอโทษหรอก บัวผิดเอง บัวน่าจะเจียมตัวว่าคนอย่างบัวไม่สมควรเป็นน้องเฮีย” ปทุมาตัดพ้ออย่างน้อยใจ ทำเอาคนที่อุตสาห์แบกหน้ามาขอโทษต้องถอนหายใจ

                    “ก็ขอโทษแล้วไง พี่ผิดเอง ทีหลังจะไม่พูดอีก” คนผิดบอก ปทุมาเบ้หน้า เขาทำร้ายจิตใจเธอด้วยคำพูดตั้งมากมายแค่คำขอโทษคำเดียวคิดว่าทุกอย่างจะจบหรือไง

                    “เฮียรู้อะไรไหม บัวเคยสงสัยว่าทำไมเฮียไม่เคยแทนตัวเองว่าเฮียเลยเอาแต่เทนตัวเองว่าพี่ วันนี้บัวก็พอจะรู้แล้ว บัวเหมือนส่วนเกินของบ้านเฮีย เหมือนตัวน่ารำคาญและถ่วงความเจริญของเฮีย บัวมันคนไม่สำคัญ ที่ทุกคนยอมให้บัวอยู่ในชีวิตเพราะสงสารใช่ไหมล่ะ แต่ต่อไปไม่ต้องแล้วนะ บัวโตแล้ว บัวจะไปลาออกจากบริษัท ขายบ้านให้นายหน้าที่มาขอซื้อ ไปอยู่ไกลๆ ฮึก ไปให้ไกลๆ” ปทุมาระบายออกมาอย่างไม่อยากจะกลั้นไว้ เธอพยายามจะลุกขึ้นจากบนตัวเขาแต่มือหนากลับโอบเอวไม่ยอมปล่อย

                    “อย่าเอาความคิดไร้สาระมาใส่ร้ายพี่” คนถูกกล่าวหาเอ่ยบอกอย่างไม่พอใจ

                    “บัวไม่อยากเป็นน้องเฮียแล้ว ไม่อยากยุ่งกับเฮียแล้ว” ปทุมาร้องยกมือทุบอกหนาของคนที่กอดเธอไว้ ส่วนคนได้ยินก็ใจหายกับคำนั้น ก่อนจะรั้งให้ปทุมาให้แนบชิด ใบหน้าซุกที่แผงอกของตัวเอง มือที่โอบเอวเลื่อนมาลูบหลัง

                    “จะไม่เป็นน้องพี่ก็ได้ แต่ห้ามเดินไปจากชีวิตพี่ ห้ามหนีไปไหน เพราะถึงหนีพี่ก็จะลากบัวกลับมาอยู่ข้างๆ” คนเป็นพี่ว่า ปทุมาเงยหน้ามองเขาที่เอาแต่ใจแล้วเบ้ปาก

                    “ซาตาน” เธอต่อว่าเขา สะอื้นฮักๆ แม้จะโกรธเขาแต่เพราะคำของเขาเมื่อครู่ทำให้เธอแทบจะหายโกรธ

                    “ขอโทษ” เอ่ยบอกอีกรอบ ปทุมาเบะปากแต่ก็ยอมพยักหน้า ก่อนจะซุกหน้าลงกับแผงอกแล้วสั่งน้ำมูกเข้ากับเสื้อ แทนที่คนเสื้อเปื้อนน้ำมูกจะโกรธกลับยิ้ม

                    “ทีหลังเฮียห้ามพูดว่าจะตัดพี่ตัดน้องกับบัวอีก บัวไม่ชอบ” ปทุมาสั่ง คนฟังส่ายหน้า

                    “ก็เรานั่นแหละงอนเฮียข้ามวันข้ามปี อรยังไม่เคยงอนเฮียขนาดนี้เลย” กฤษฎาบอก คราวนี้คนที่ฟังนิ่งเงียบ เธอแนบใบหน้าที่อกของเขาอีกครั้งปล่อยให้ความเงียบเกาะกินหัวใจของตัวเอง

                    “คิดยังไงกับเรื่องแต่งงานของพี่ ดีมั้ย” เขาถามเมื่อปทุมาเงียบไปหลังจากที่เขาเอ่ยคำเมื่อครู่ ในน้ำเสียงแม้จะราบเรียบแต่ก็แฝงไปด้วยความหมายบางอย่างที่ปทุมารู้สึกได้ แต่เวลานี้เธอไม่สามารถคิดได้ว่าในคำถามนั้นเขาต้องการอะไรจากเธอ ใบหน้าเรียวส่ายไปมาเงยหน้าสบตากับพี่ชาย เธอชะงัก เพราะเมื่อครู่โกรธเขาอยู่เลยไม่ทันสังเกตว่าเธออยู่บนตัวเขาและใบหน้าของเธอแทบจะชิดกับริมฝีปากหนาของพี่ชายก่อนจะตัดสินใจบอกบางอย่างไปเพื่อแก้เก้อ

                    “ก็ดี เขาอยากเลี้ยงหลาน” เธอบอกเสียงอ้อมแอ้มพยายามไม่ให้พวงแก้มที่ย้วยออกมาของตนเองชนกับริมฝีปากที่มีลมร้อนเป่ารดมันอยู่อย่างสุดความสามารถ

                    “งั้นหรอ” กฤษฎาว่า สายตายังเพ่งพิศคนที่ขึ้นชื่อเป็นน้องสาว มือหนาที่โอบเอวบางค่อยๆ คลายออกอย่างช้าๆ ปทุมาค่อยๆ หันมามองคนที่คลายแรงกอด เหมือนจะผิดหวัง เธอมองเขา ดวงตาทั้งสองสบกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

                    “แต่ฉันไม่อยากให้แต่งกับคนนี้” ปทุมาว่า เธอเห็นดวงตาประกายของคนที่โอบเอวเธอไว้แต่ใบหน้ายังเรียบนิ่ง ยังไม่เลิกเกมส์จ้องตา

                    “ถ้าไม่ใช่คนนี้แล้วจะให้เป็นคนไหน” กฤษฎาถามต่อ ปทุมาเบือนหน้า ไม่รู้ทำไมเธอไม่ชอบเกมส์จ้องตานี่เลย มันพาลทำให้เธอร้อนวูบวาบ ปกติก็เฉยๆ  นะแต่ไม่รู้ทำไมพักนี้ถึงแปลกไป เธอก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน

                    “ก็...ก็ใครก็ได้” เธอบอกอย่างส่งๆ

                    “อรวีก็ดีนะ เราเข้ากันได้ทุกเรื่อง” กฤษฎาบอกนึกถึงหญิงสาวสวยเผ็ดเข็ดฟันแล้วก็ต้องอมยิ้ม

                    “เรื่องไหนบ้าง” ถามกลับทันที คราวนี้กฤษฎายิ้มมุมปากอย่างชอบใจคำถามของหญิงสาว

                    “บนเตียง” เขาตอบเธอ และทั้งคู่ก็เงียบไปนานหลายวิจนปทุมาต้องเอ่ยขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายที่อยู่บนหน้า เธอเขินทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของเธอ

                    “เธอไม่คู่ควรกับเฮียหรอก” ปทุมาบอก

    “เธอรักพี่นี่ แต่ถ้ามีคนรักพี่นอกจากอรวีพี่ก็จะพิจารณาดู” เขาว่าอย่างนั้นแต่ไม่รู้ทำสายตาถึงมองมาที่เธอ ปทุมาเม้มริมฝีปาก ตอนนี้ผมเธอคลอเคลียที่ต้นคอของเขาจนกลัวว่าเขาจะจั๊กจี้เพราะเธอแค่เห็นก็จั๊กจี้แทนแล้ว

                    “ถ้าฉันบอกว่าเขามีคนอื่นนอกจากเฮียล่ะ” ลองถามดู เธอมองเขาอย่างรอดูคำตอบ กฤษฎาทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ ใบหน้าที่เชื่อมั่นในตัวคนรักแบบนั้นทำเอาปทุมารู้สึกน้อยใจมากกว่าเดิม

                    “ไม่มีทางที่อรจะทำอย่างนั้น” บอกอย่างเชื่อใจอรวี

                    “แม้ฉันจะเป็นคนเห็นกับตาแล้วมีรูปมายืนยัน” ปทุมาถามอีก ตอนนี้เธอจุกอย่างบอกไม่ถูกด เธอคาดหวังว่าเขาจะระแวงในตัวอรวีบ้าง

                    “พี่บอกแล้วอรไม่มีทางทำแบบนั้น ถึงเราไม่ถูกกับเขาก็ไม่จำเป็นต้องมองเขาในแง่ร้ายก็ได้” กฤษฎาว่า คราวนี้ความน้อยใจทำให้คนที่ทับอยู่บนตัวเองผลักมือไปที่พื้นที่นอนและดันร่างตัวเองขึ้นอย่างไม่พอใจ ขอบดวงตาร้อนผ่าว เธอลุกขึ้นยืนปลายเตียงขณะที่เขาก็ลุกขึ้นนั่งมองเธออย่างแปลกใจ ความน้อยใจแล่นเข้าสู่หัวใจ แม้เป็นเธอเขาก็ไม่คิดจะฟังก็คงต้องพอกันที

                    “ฉันอยากนอน กลับบ้านเฮียไปเถอะ” ปทุมา เบือนหน้าหนี น้ำตาแห่งความน้อยใจค่อยๆ ไหลมาอาบใบหน้าเรียว พยายามไม่หันมองคนที่มองเธออยู่

                    “เป็นอะไร” กฤษฎาลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมาจับไหล่บางที่สะท้านอยู่แต่ทว่ามือเรียวกลับปัดมือเขาออกอย่างไม่ใยดี

                    “ออกไป ฉันไม่เป็นไรก็แค่คนนอก” เธอบอกเขาก่อนจะหันมามองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ

                    “อะไรของเธอหึใบบัว”ถามเสียงเข้มเริ่มไม่พอใจกับท่าทางของหญิงสาว ดวงตาจับจ้องมองร่างบางที่ร้องไห้ออกมา นานแล้วที่เขาไม่เห็นน้ำตาของเธอ

                    “ออกไป ฉันเกลียดเฮียที่สุด เฮียพร้อมจะเชื่อใจทุกคน ยกเว้นฉัน” เธอบอก ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ เขาไม่เคยฟังเธอและเชื่อสิ่งที่เธอพูด และเธอคิดว่ามันคงจะพอกันที เธอไม่ใช่น้องเขาแท้ๆ และคงไม่มีวันจะได้เป็น

                    “เกลียด เออดี อยากเกลียดก็เกลียดไป พี่ก็เกลียดคนเอาแต่ใจเหมือนกัน” บอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจกับคนเอาแต่ใจ คนหัวเสียที่คิดว่าจะมาปรับความเข้าใจกับคนที่งอนแล้วขอนอนด้วยก็ต้องกลับไปด้วยแรงโทสะที่มากกว่าเดิม ดวงตาคมดุจเหยี่ยมจ้องมองใบหน้าเรียวที่เปื้อนน้ำตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไป

                     “คนใจร้าย” หญิงสาวพึมพำเสียงเบากับคนที่เดินจากเธอไป เสียงปิดประตูดังขึ้น น้ำตายิ่งทะลักไหลออกมาอย่างสุดแรงของความน้อยใจที่อัดอั้น มือเรียวยกปิดหน้าตัวเองเอาไว้ ร่างบางยืนสะท้าน

                    ปัง!

                    เสียงดังขึ้น ปทุมายกมืออกจากใบหน้าหันไปมองทางเสียงที่มาจากหน้าบ้านของตนเอง สมองนึกถึงคนที่เพิ่งเดินจากไป หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกกระตุก สัญชาตญาณบางอย่างทำให้หัวใจบีบรัดแน่นเจ็บปวดกว่าเดิม รางสังหรณ์บอกว่าเสียงนี้ราวกับเสียงมัจจุราชที่จะพรากคนที่อยู่ข้างนอกไปจากเธอ

    “เฮียกฤษ” เรียกชื่อคนที่เดินออกไปเมื่อครูก่อนจะตั้งสติแล้ววิ่งออกไปหน้าบ้าน ไม่มีอะไรนอกจากแสงไฟท้ายรถมอเตอร์ไซที่วิ่งไปจนลับสายตาพร้อมกับร่างของกฤษฎาที่ล้มลงที่หน้าบ้านของเธอ

                    “ไม่นะ” ปทุมากรีดร้องเสียงดัง วิ่งไปที่ร่างของกฤษฎาพร้อมช้อนศีรษะของเขาให้อยู่ในอ้อมแขนเธอ ใบหน้าคมซีดไปถนัดตาแต่ทว่ายังลืมตามองเธอ แววตาที่บอกเธอว่าเขาไม่เป็นไรแต่เธอกลับสติแตก เลือกสีแดงฉานที่ไหลมาเปื้อนมือเธอ

                    “ไม่จริง” ปทุมากรีดร้องอีก เธอกอดเขาไว้แน่น แม้คนในอ้อมแขนที่ถูกยิ่งที่หัวไหล่ด้านซ้ายจะพยายามยิ้มให้เธอ อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เพราะความเจ็บทำให้ได้แต่ส่งสายตาบอกว่าเขาไม่เป็นไรจริงๆ

                    “ช่วยด้วยค่ะ พี่ฉันถูกยิง ช่วยด้วย” หญิงสาวร้องเสียงดัง เธอกอดเขาไว้แน่น เธอกลัวเหลือเกินที่จะเสียเขาไป ดวงตายังมองใบหน้าคมเข้ม ปากก็พยายามร้องตะโกนให้คนอื่นได้ยิน

                    “ไม่เป็นไร” เขาบอกเธออย่างพยายามเต็มที่ ความเจ็บปวดทำให้เขาอยากจะหลับเต็มที  ปทุมาส่ายหน้า เธอจะไม่เชื่อเขา เลือดสีแดงฉานเปื้อนมือเธอเต็มไปหมด ใจของเธอเริ่มไม่ดีลงไปทุกที สบตากับคนที่อยู่ในอ้อมแขน ดวงตาของเขาเริ่มหรี่ลงทุกทีก่อนที่จะถูกเปลือกตาปิดไป น้ำตาของปทุมาไหลออกมาไม่ขาดสาย หัวใจปวดหนึบ ชายหนุ่มค่อยๆ หลับตาลงในอ้อมแขนของหญิงสาว ปทุมาสะอื้น เธอกลัวเขาจากเธอไปจนไม่มีเสียงกรีดร้องระบายความเจ็บปวดและความกลัวในหัวใจ


    มีอีบุ๊คแล้วนะ ใครอยากอ่านจบก่อนไปเลย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×