คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : บทที่7-1
หลังจากที่กลับมาจากคอนโดเอมมิกาที่ไปหาหลังเลิกงานปทุมาก็เดินไปกลับเข้าซอยแทนนั่งวินเพื่อที่จะแวะซื้อซื้อแชมพูที่เพิ่งหมดไปเมื่อวานก่อนที่ร้านสะดวกซื้อ
วันนี้เธอต้องสระผมหลังจากที่เดินเล่นให้ควันรถอบตัวซึ่งกว่าจะเดินไปถึงก็เกือบจะ 4ทุ่มแล้ว
ปทุมาไขกุญแจเข้าบ้านมาเห็นห่านสีขาวที่นั่งอยู่บนโซฟาสีขาวตัวยาวที่มีเพียงตัวเดียวในบ้านนั่งรอเธออยู่
“ไม่ไปหานอนล่ะไอ้ขนุน”
ปทุมาเอ่ยถามเมื่อเห็นมันยังมองเธอตาแป๋วไม่ยอมหลับยอมนอนมานั่งรอเธออยู่ข้างนอกห้องที่มันเคยนอน
มีหลายคนห่วงเรื่องที่มันจะอดตายเพราะไม่มีใครให้ข้าวให้น้ำแต่สำหรับเธอ เธอรู้ว่ามันฉลาดพอที่จะเดินออกทางหลังบ้านแล้วไปร้องโวยวายกับแม่รดาและป้าผกาให้หาอะไรให้มันกิน
“แคว่ก”
ไอ้ขนุนที่ถูกถามตอบมา
ปทุมายิ้มให้มันเดินไปลูบหัวห่านสีขาวก่อนจะเดินไปห้องน้ำเพื่อโดยมีห่านอ้วนเดินตามไปด้วย
ปทุมาไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาพาดที่บ่าก่อนจะเปิดประตูเข้าไปโดยที่มีห่านแสนรู้นั่งลงที่หน้าประตูห้องน้ำเหมือนทุกวัน
ผ่านไปไม่นานนักปทุมาก็เดินออกมาในสภาพที่มีชุดคลุมร่างและผ้าขนหนู
ปกติเธอจะขี้เกียจอาบน้ำแต่วันนี้เพราะมีเรื่องเครียดเธอเลยนั่งให้น้ำระบายความเสียใจออกไป
“แคว่ก”
ร้องเสียงดังก่อนจะเดินหันตูดไปยังที่ที่ใช้นอนในตอนกลางวัน
ปทุมาที่เห็นอย่างนั้นขมวดคิ้วก่อนจะรีบเดินไปห้องนอนของตัวเองแล้วเปิดประตูออก
เป็นอย่างคาด ในห้องมีแสงไปจากโคมไฟหัวเตียง
บนเตียงขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่มีร่างสูงใหญ่นอนอยู่ในฝั่งตัวเองเคยนอน
ปทุมาชักสีหน้าก่อนจะหันไปมองไอ้ขนุนที่เอาหัวมุดผ้าปูนอนของตนเองไปเสียแล้ว
“แสบทั้งคนทั้งห่าน”
หญิงสาวพึมพำก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนมือเรียวยกสะกิดคนที่หลับอยู่
ดวงตาสำรวจร่างกายสมส่วนที่ถูกใส่เสื้อผ้าชุดนอน เธอเบ้ปากใส่
เมื่อกลางวันเขายังบอกว่าตัดพี่ตัดน้องกับเธออยู่เลย
“เฮีย
ลุกขึ้นเลยนะ” หญิงสาวแหวเสียงดังเมื่อเขย่าตัวแล้วยังไม่ไม่ลุกขึ้น
เธอแน่ใจว่าเขาไม่หลับแต่ไม่ยอมลุกขึ้นจากที่นอน ละมือจากร่างหนา
“ไม่ลุกฉันตีเฮียจริงๆ
นะ” เธอว่า เขายังเงียบมีเพียงเสียงลมหายใจของคนตัวโต
ปทุมาแยกเขี้ยวก่อนจะกำมือแล้วทุบไปที่ไหล่หนาของคนตัวใหญ่ซ้ำๆ
“หยุด”
เสียงทุ้มบอกเสียงต่ำ มือหนาคว้าหมับที่มือเรียวที่กำปั้นทุบตัวเองก่อนจะกระชากร่างของเธอเข้าหาตัวจนถลาล้มลงทับที่หน้าอกกว้างของคนเป็นพี่
“นี่”
ปทุมาร้องพยายามดันตัวไม่ให้ตัวเองทับกฤษฎาไปเต็มตัวเพราะเกรงเขาจะหนัก
ในใจก็ค่อนขอดคนเป็นพี่ชายที่ชอบแกล้งตนอยู่เรื่อง
แม้จะพยายามลุกขึ้นแต่ทว่าคนที่ถูกทับจะไม่ให้ความร่วมมือกับเธอเอาซะเลย
“ปล่อยบัวนะ”
หญิงสาวบอกพยายามลุกอีกครั้งแต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ แรงเธอไม่สามารถสู้แรงเขาได้เลย
หัวใจเต้นกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมือหนาข้างที่ไม่ได้จับมือของเธอโอบเอวที่หนาประมาณหนึ่งของเธอไว้
มันอุ่นและร้อนวูบวาบจนเธอคิดอยากจะหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ ใบหน้าเรียวหวานพยายามเบนหนีสายตานิ่งๆ
ที่จ้องจับผิด
ลมหายใจของเขาเป่ารดพวงแก้มเธอจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ลามทั่วใบหน้าจนถึงทั้งตัว
“งอนอะไรนักหนา”
เอ่ยถามเสียงดุสายตายังมองดวงตาของปทุมาเมื่อเธอพยายามลงจากร่างของตนเอง
“เปล่างอน”
บอกเสียงเชิด กฤษฎาส่ายหน้า
เรื่องวันนั้นยัยเด็กดื้อนี่ทำเหมือนเขาเป็นคนผิดทั้งที่ตัวเองเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองแถมยังงอนเขาโดยการไม่คุยทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนเสียอีก
เขาเงียบ เธอเงียบ ต่างคนต่างเงียบจนกฤษฎาต้องเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“พูดมา
เฮียจะรับฟัง” กฤษฎาตัดสินใจถาม ปทุมาเม้มริมฝีปาก
น้ำตาของเธอไหลเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้
ทุกครั้งที่ทะเลาะกันเขายังไม่เคยเอ่ยตัดพี่ตัดน้องกับเธอเลยสักครั้ง
มาครั้งนี้มันทำให้เธอกลัว กลัวว่าวันหนึ่งเขาเกลียดเธอขึ้นมาชีวิตเธอจะอยู่ยังไง
“ขอโทษ”
เสียงทุ้มดังเมื่อให้โอกาสสาวเจ้าพูดแต่ปทุมากลับนิ่งเงียบเป็นเป่าสากไม่ยอมตอบคำถามซ้ำยังร้องไห้ออกมา
แม้ไม่มีเสียงสะอื้นแต่น้ำตาไหลมาจากดวงตาคู่นั้นไม่ขาดสาย
“ไม่ต้องขอโทษหรอก
บัวผิดเอง บัวน่าจะเจียมตัวว่าคนอย่างบัวไม่สมควรเป็นน้องเฮีย” ปทุมาตัดพ้ออย่างน้อยใจ
ทำเอาคนที่อุตสาห์แบกหน้ามาขอโทษต้องถอนหายใจ
“ก็ขอโทษแล้วไง
พี่ผิดเอง ทีหลังจะไม่พูดอีก” คนผิดบอก ปทุมาเบ้หน้า
เขาทำร้ายจิตใจเธอด้วยคำพูดตั้งมากมายแค่คำขอโทษคำเดียวคิดว่าทุกอย่างจะจบหรือไง
“เฮียรู้อะไรไหม
บัวเคยสงสัยว่าทำไมเฮียไม่เคยแทนตัวเองว่าเฮียเลยเอาแต่เทนตัวเองว่าพี่
วันนี้บัวก็พอจะรู้แล้ว บัวเหมือนส่วนเกินของบ้านเฮีย
เหมือนตัวน่ารำคาญและถ่วงความเจริญของเฮีย บัวมันคนไม่สำคัญ
ที่ทุกคนยอมให้บัวอยู่ในชีวิตเพราะสงสารใช่ไหมล่ะ แต่ต่อไปไม่ต้องแล้วนะ บัวโตแล้ว
บัวจะไปลาออกจากบริษัท ขายบ้านให้นายหน้าที่มาขอซื้อ ไปอยู่ไกลๆ ฮึก ไปให้ไกลๆ”
ปทุมาระบายออกมาอย่างไม่อยากจะกลั้นไว้
เธอพยายามจะลุกขึ้นจากบนตัวเขาแต่มือหนากลับโอบเอวไม่ยอมปล่อย
“อย่าเอาความคิดไร้สาระมาใส่ร้ายพี่”
คนถูกกล่าวหาเอ่ยบอกอย่างไม่พอใจ
“บัวไม่อยากเป็นน้องเฮียแล้ว
ไม่อยากยุ่งกับเฮียแล้ว” ปทุมาร้องยกมือทุบอกหนาของคนที่กอดเธอไว้
ส่วนคนได้ยินก็ใจหายกับคำนั้น ก่อนจะรั้งให้ปทุมาให้แนบชิด
ใบหน้าซุกที่แผงอกของตัวเอง มือที่โอบเอวเลื่อนมาลูบหลัง
“จะไม่เป็นน้องพี่ก็ได้
แต่ห้ามเดินไปจากชีวิตพี่ ห้ามหนีไปไหน เพราะถึงหนีพี่ก็จะลากบัวกลับมาอยู่ข้างๆ”
คนเป็นพี่ว่า ปทุมาเงยหน้ามองเขาที่เอาแต่ใจแล้วเบ้ปาก
“ซาตาน”
เธอต่อว่าเขา สะอื้นฮักๆ
แม้จะโกรธเขาแต่เพราะคำของเขาเมื่อครู่ทำให้เธอแทบจะหายโกรธ
“ขอโทษ”
เอ่ยบอกอีกรอบ ปทุมาเบะปากแต่ก็ยอมพยักหน้า ก่อนจะซุกหน้าลงกับแผงอกแล้วสั่งน้ำมูกเข้ากับเสื้อ
แทนที่คนเสื้อเปื้อนน้ำมูกจะโกรธกลับยิ้ม
“ทีหลังเฮียห้ามพูดว่าจะตัดพี่ตัดน้องกับบัวอีก
บัวไม่ชอบ” ปทุมาสั่ง คนฟังส่ายหน้า
“ก็เรานั่นแหละงอนเฮียข้ามวันข้ามปี
อรยังไม่เคยงอนเฮียขนาดนี้เลย” กฤษฎาบอก คราวนี้คนที่ฟังนิ่งเงียบ เธอแนบใบหน้าที่อกของเขาอีกครั้งปล่อยให้ความเงียบเกาะกินหัวใจของตัวเอง
“คิดยังไงกับเรื่องแต่งงานของพี่
ดีมั้ย” เขาถามเมื่อปทุมาเงียบไปหลังจากที่เขาเอ่ยคำเมื่อครู่
ในน้ำเสียงแม้จะราบเรียบแต่ก็แฝงไปด้วยความหมายบางอย่างที่ปทุมารู้สึกได้
แต่เวลานี้เธอไม่สามารถคิดได้ว่าในคำถามนั้นเขาต้องการอะไรจากเธอ
ใบหน้าเรียวส่ายไปมาเงยหน้าสบตากับพี่ชาย เธอชะงัก
เพราะเมื่อครู่โกรธเขาอยู่เลยไม่ทันสังเกตว่าเธออยู่บนตัวเขาและใบหน้าของเธอแทบจะชิดกับริมฝีปากหนาของพี่ชายก่อนจะตัดสินใจบอกบางอย่างไปเพื่อแก้เก้อ
“ก็ดี
เขาอยากเลี้ยงหลาน”
เธอบอกเสียงอ้อมแอ้มพยายามไม่ให้พวงแก้มที่ย้วยออกมาของตนเองชนกับริมฝีปากที่มีลมร้อนเป่ารดมันอยู่อย่างสุดความสามารถ
“งั้นหรอ”
กฤษฎาว่า สายตายังเพ่งพิศคนที่ขึ้นชื่อเป็นน้องสาว มือหนาที่โอบเอวบางค่อยๆ
คลายออกอย่างช้าๆ ปทุมาค่อยๆ หันมามองคนที่คลายแรงกอด เหมือนจะผิดหวัง เธอมองเขา
ดวงตาทั้งสองสบกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“แต่ฉันไม่อยากให้แต่งกับคนนี้”
ปทุมาว่า เธอเห็นดวงตาประกายของคนที่โอบเอวเธอไว้แต่ใบหน้ายังเรียบนิ่ง
ยังไม่เลิกเกมส์จ้องตา
“ถ้าไม่ใช่คนนี้แล้วจะให้เป็นคนไหน”
กฤษฎาถามต่อ ปทุมาเบือนหน้า ไม่รู้ทำไมเธอไม่ชอบเกมส์จ้องตานี่เลย
มันพาลทำให้เธอร้อนวูบวาบ ปกติก็เฉยๆ
นะแต่ไม่รู้ทำไมพักนี้ถึงแปลกไป เธอก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน
“ก็...ก็ใครก็ได้”
เธอบอกอย่างส่งๆ
“อรวีก็ดีนะ
เราเข้ากันได้ทุกเรื่อง” กฤษฎาบอกนึกถึงหญิงสาวสวยเผ็ดเข็ดฟันแล้วก็ต้องอมยิ้ม
“เรื่องไหนบ้าง” ถามกลับทันที
คราวนี้กฤษฎายิ้มมุมปากอย่างชอบใจคำถามของหญิงสาว
“บนเตียง”
เขาตอบเธอ
และทั้งคู่ก็เงียบไปนานหลายวิจนปทุมาต้องเอ่ยขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายที่อยู่บนหน้า
เธอเขินทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของเธอ
“เธอไม่คู่ควรกับเฮียหรอก”
ปทุมาบอก
“เธอรักพี่นี่
แต่ถ้ามีคนรักพี่นอกจากอรวีพี่ก็จะพิจารณาดู”
เขาว่าอย่างนั้นแต่ไม่รู้ทำสายตาถึงมองมาที่เธอ ปทุมาเม้มริมฝีปาก
ตอนนี้ผมเธอคลอเคลียที่ต้นคอของเขาจนกลัวว่าเขาจะจั๊กจี้เพราะเธอแค่เห็นก็จั๊กจี้แทนแล้ว
“ถ้าฉันบอกว่าเขามีคนอื่นนอกจากเฮียล่ะ”
ลองถามดู เธอมองเขาอย่างรอดูคำตอบ กฤษฎาทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
ใบหน้าที่เชื่อมั่นในตัวคนรักแบบนั้นทำเอาปทุมารู้สึกน้อยใจมากกว่าเดิม
“ไม่มีทางที่อรจะทำอย่างนั้น”
บอกอย่างเชื่อใจอรวี
“แม้ฉันจะเป็นคนเห็นกับตาแล้วมีรูปมายืนยัน”
ปทุมาถามอีก ตอนนี้เธอจุกอย่างบอกไม่ถูกด เธอคาดหวังว่าเขาจะระแวงในตัวอรวีบ้าง
“พี่บอกแล้วอรไม่มีทางทำแบบนั้น
ถึงเราไม่ถูกกับเขาก็ไม่จำเป็นต้องมองเขาในแง่ร้ายก็ได้” กฤษฎาว่า
คราวนี้ความน้อยใจทำให้คนที่ทับอยู่บนตัวเองผลักมือไปที่พื้นที่นอนและดันร่างตัวเองขึ้นอย่างไม่พอใจ
ขอบดวงตาร้อนผ่าว เธอลุกขึ้นยืนปลายเตียงขณะที่เขาก็ลุกขึ้นนั่งมองเธออย่างแปลกใจ
ความน้อยใจแล่นเข้าสู่หัวใจ แม้เป็นเธอเขาก็ไม่คิดจะฟังก็คงต้องพอกันที
“ฉันอยากนอน
กลับบ้านเฮียไปเถอะ” ปทุมา เบือนหน้าหนี น้ำตาแห่งความน้อยใจค่อยๆ
ไหลมาอาบใบหน้าเรียว พยายามไม่หันมองคนที่มองเธออยู่
“เป็นอะไร”
กฤษฎาลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมาจับไหล่บางที่สะท้านอยู่แต่ทว่ามือเรียวกลับปัดมือเขาออกอย่างไม่ใยดี
“ออกไป
ฉันไม่เป็นไรก็แค่คนนอก” เธอบอกเขาก่อนจะหันมามองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ
“อะไรของเธอหึใบบัว”ถามเสียงเข้มเริ่มไม่พอใจกับท่าทางของหญิงสาว
ดวงตาจับจ้องมองร่างบางที่ร้องไห้ออกมา นานแล้วที่เขาไม่เห็นน้ำตาของเธอ
“ออกไป
ฉันเกลียดเฮียที่สุด เฮียพร้อมจะเชื่อใจทุกคน ยกเว้นฉัน” เธอบอก
ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ เขาไม่เคยฟังเธอและเชื่อสิ่งที่เธอพูด
และเธอคิดว่ามันคงจะพอกันที เธอไม่ใช่น้องเขาแท้ๆ และคงไม่มีวันจะได้เป็น
“เกลียด
เออดี อยากเกลียดก็เกลียดไป พี่ก็เกลียดคนเอาแต่ใจเหมือนกัน”
บอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจกับคนเอาแต่ใจ
คนหัวเสียที่คิดว่าจะมาปรับความเข้าใจกับคนที่งอนแล้วขอนอนด้วยก็ต้องกลับไปด้วยแรงโทสะที่มากกว่าเดิม
ดวงตาคมดุจเหยี่ยมจ้องมองใบหน้าเรียวที่เปื้อนน้ำตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไป
“คนใจร้าย”
หญิงสาวพึมพำเสียงเบากับคนที่เดินจากเธอไป เสียงปิดประตูดังขึ้น
น้ำตายิ่งทะลักไหลออกมาอย่างสุดแรงของความน้อยใจที่อัดอั้น
มือเรียวยกปิดหน้าตัวเองเอาไว้ ร่างบางยืนสะท้าน
ปัง!
เสียงดังขึ้น
ปทุมายกมืออกจากใบหน้าหันไปมองทางเสียงที่มาจากหน้าบ้านของตนเอง
สมองนึกถึงคนที่เพิ่งเดินจากไป หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกกระตุก
สัญชาตญาณบางอย่างทำให้หัวใจบีบรัดแน่นเจ็บปวดกว่าเดิม
รางสังหรณ์บอกว่าเสียงนี้ราวกับเสียงมัจจุราชที่จะพรากคนที่อยู่ข้างนอกไปจากเธอ
“เฮียกฤษ”
เรียกชื่อคนที่เดินออกไปเมื่อครูก่อนจะตั้งสติแล้ววิ่งออกไปหน้าบ้าน
ไม่มีอะไรนอกจากแสงไฟท้ายรถมอเตอร์ไซที่วิ่งไปจนลับสายตาพร้อมกับร่างของกฤษฎาที่ล้มลงที่หน้าบ้านของเธอ
“ไม่นะ”
ปทุมากรีดร้องเสียงดัง
วิ่งไปที่ร่างของกฤษฎาพร้อมช้อนศีรษะของเขาให้อยู่ในอ้อมแขนเธอ
ใบหน้าคมซีดไปถนัดตาแต่ทว่ายังลืมตามองเธอ
แววตาที่บอกเธอว่าเขาไม่เป็นไรแต่เธอกลับสติแตก เลือกสีแดงฉานที่ไหลมาเปื้อนมือเธอ
“ไม่จริง”
ปทุมากรีดร้องอีก เธอกอดเขาไว้แน่น
แม้คนในอ้อมแขนที่ถูกยิ่งที่หัวไหล่ด้านซ้ายจะพยายามยิ้มให้เธอ
อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เพราะความเจ็บทำให้ได้แต่ส่งสายตาบอกว่าเขาไม่เป็นไรจริงๆ
“ช่วยด้วยค่ะ
พี่ฉันถูกยิง ช่วยด้วย” หญิงสาวร้องเสียงดัง เธอกอดเขาไว้แน่น
เธอกลัวเหลือเกินที่จะเสียเขาไป ดวงตายังมองใบหน้าคมเข้ม
ปากก็พยายามร้องตะโกนให้คนอื่นได้ยิน
“ไม่เป็นไร”
เขาบอกเธออย่างพยายามเต็มที่ ความเจ็บปวดทำให้เขาอยากจะหลับเต็มที ปทุมาส่ายหน้า เธอจะไม่เชื่อเขา
เลือดสีแดงฉานเปื้อนมือเธอเต็มไปหมด ใจของเธอเริ่มไม่ดีลงไปทุกที
สบตากับคนที่อยู่ในอ้อมแขน ดวงตาของเขาเริ่มหรี่ลงทุกทีก่อนที่จะถูกเปลือกตาปิดไป
น้ำตาของปทุมาไหลออกมาไม่ขาดสาย หัวใจปวดหนึบ ชายหนุ่มค่อยๆ หลับตาลงในอ้อมแขนของหญิงสาว
ปทุมาสะอื้น
เธอกลัวเขาจากเธอไปจนไม่มีเสียงกรีดร้องระบายความเจ็บปวดและความกลัวในหัวใจ
มีอีบุ๊คแล้วนะ ใครอยากอ่านจบก่อนไปเลย
ความคิดเห็น