ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รัก นารี ฉบับ E-book

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่5-2 จบตอน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 61


    วันนี้ปทุมามาทำงานสายหน่อยเพราะต้องรอให้พี่ชายออกจากบ้านและเธอก็โดนหัวหน้าเทศตั้งแต่มาถึงยันตอนนี้ เธออยากจะมาแต่เช้าอยู่หรอกแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้เขาถึงยังคงนั่งถ่วงเวลาจนเวลาล่วงเลยมาถึง9โมง ซึ่งมันสายมาสำหรับเธอ แต่สำหรับเขาที่เป็นประธานบริษัทนั้นต่อให้นอนอยู่บ้านก็ไม่มีใครกล้าไล่เขาออก

    “เดี๋ยวไปจัดการที่ห้องประชุมด้วยอีกสักพักคนประชุมเสร็จ” คุณรัชนีเอ่ยบอกคนที่นั่งตักข้าวเข้าปาก ปทุมาหันไปมองคนสั่งงานก่อนจะพยักหน้าแข็งขัน ตอนนี้เธอต้องทำดีให้มากๆ เดี๋ยวจะโดนหัวหน้าบ่นเอาอีก ปทุมายิ้มแหยๆ

    “พรุ่งนี้มาแต่เช้าถ้าสายฉันจะรายงานแผนกบุคคลให้ไล่เธออก” คนที่หัวเสียกับลูกน้องขู่ทั้งที่ไม่คิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ ปทุมาเป็นคนว่าง่ายสอนงานอะไรก็ทำได้ไม่เคยเกี่ยงงานเหมือนคนอื่นๆ ที่ประจำต่างชั้นนางเลยชอบมาอยู่ที่นี่ซะส่วนใหญ่

    “เข้าใจแล้วค่ะ” คนถูกคู่ขานรับพร้อมพยักหน้าแล้วหันไปกินข้าวต่อ ส่ายหน้าให้ลูกน้องก่อนจะเดินออกไป ปกติห้องประชุมใหญ่รัชนีจะเป็นคนไปดูด้วยตัวเองเพราะบางครั้งมีเอกสารสำคัญวางไว้ให้ตามเก็บแต่วันนี้ไม่ว่างจริงๆ ลูกค้าจากรายใหญ่จากศรีลังกามาคุยงานกับรองประธานเลยต้องไปจัดการส่วนนั้น

    “เดี๋ยวนี้หัวหน้าไว้ใจบัวมากนะเนี่ย ถึงขนาดยอมให้ไปทำห้องประชุมเอง” ชมพูนุชว่า เพราะกว่าตนเองจะได้เข้าไปยุ่งส่วนนั้นก็ทำงานตั้งเกือบปีแต่สำหรับปทุมายังไม่ถึงเดือนดีด้วยซ้ำ

    “หัวหน้ามีประชุมน่ะพี่” ปทุมาว่าก่อนจะวางช้อนเมื่อรู้สึกอิ่ม เมื่อหลานวันก่อนเธอไปสารภาพกับแม่รดาก็ถูกบ่นหูชาเรื่องมาทำงานนี้แต่โชคดีที่ท่านยังเอ็นดูไม่ส่งตัวเธอให้พี่ชายสุดเฮี๊ยบที่ช่วงนี้เงียบๆ ไปเชือด

    นั่งกินข้าวและคุยกับชมพูนุชได้สักพักก็ต้องพากันไปห้องประชุมที่อยู่ชั้นบนเมื่อเห็นว่าแผนกการเงินและการตลาดทยอยลงมากันหมดแล้ว ป่านนี้ห้องคงเต็มไปด้วยรอยเท้าและซากแก้วกาแฟเป็นตั้งๆ ที่ล้างจนมือเปื่อย ถอนหายใจแล้วเดินไป ประตูห้องถูกค้างไว้ภายในเงียบสนิทมีเพียงเสียงแอร์ที่ดัง ปทุมาวางกระถังลงก่อนจะก้มมองชุดตัวเองที่เป็นสีฟ้า เธอกลัวจะเปื้อนกาแฟเพราะทุกครั้งมันจะต้องมีเหตุให้ต้องเปื้อนและก็ซักอยู่นานจนกว่าจะออกให้เลยหันไปมองชมพูนุชที่ยังเอื่อยกับการผูกผ้ากันเปื้อนพร้อมส่ายหน้า

    “โหยไม่เอามาฝากบัวเลย” ปทุมาว่าพร้อมย่นจมูกแต่เพราะไม่อยากให้เสียเวลาเลยเดินเข้าไปทำงาน หากเปื้อนคงต้องซักใหม่ เริ่มจากการไปถอนปลั๊กโปรเจ็คเตอร์ที่เปิดค้างเอาไว้ หันไปเก็บแก้วกาแฟแล้วชะงักเมื่อสายตาสบเข้ากับกรอบรูปที่ข้างฝา น่าแปลกที่เธอทำงานที่นี่มาจะเดือนแล้วแต่ทว่าพี่ชายของเธอยังจับเธอไม่เลย อย่าว่าแต่จับเธอแทบจะไม่ได้เจอเขาในบริษัท คงเพราะฐานะมันต่างกัน คิดแล้วก็หัวเราะออกมา ก้มเก็บแก้วกาและของว่างก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารที่วางเอาไว้ อีกแล้ว ปทุมาว่าทำท่าจะเอ่ยเรียกให้พี่ชมพูนุชเอาไปคืนเจ้าของแต่ทว่าชื่อแฟ้มกับสะดุดเข้าเสียก่อน เธอมองไปที่คนที่กำลังขะมักขะเม้นเก็บแก้มและเลื่อนโต๊ะอีกฝั่งเมื่อเห็นว่าเขาไม่สนใจอะไรจึงค่อยๆ เปิดแฟ้มมันออกมา สายตาไล่มองตัวเลขที่เรียงลำดับตามบรรทัดมาเรื่อยๆ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน

    “ทำอะไรน่ะ” ชมพูนุชเอ่ยถามคนที่ก้มหน้าอ่านอะไรสักอย่างในแฟ้ม ทำเอาคนที่กำลังตั้งใจดูสะดุ้งรีบปิดมันลง

    “อ๋อๆ บัวเห็นเป็นภาษาอังกฤษเลยพยายามสะกดน่ะพี่” เอ่ยแก้ตัวก่อนจะยื่นมันให้ชมพูนุชเพราะตอนนี้เธอไม่สามารถยื้อมันไว้ได้

    “ให้พี่เอาไปคืนอีกแล้วน่ะสิ” ชมพูนุชพูดอย่างรู้ตัว พอมีใครลืมเอกสารต้องเป็นตนเองที่ต้องเดินเอาไปให้ทุกรบ ปทุมายิ้มให้ก่อนจะส่งให้คนที่ยื่นมือมารับ เมื่อชมพูนุชเดินออกไปร่างเพรียวก็นั่งลงที่เก้าอี้พร้อมถอนหายใจ สมองนึกสิ่งที่เห็นเมื่อครู่

    “เป็นแม่บ้านสบายจังเลยนะ” เสียงทุ้มดังขึ้นดังด้านหลัง ร่างเพรียวสะดุ้งเบาๆ หัวใจเต้นตึกๆ พยายามไม่หันไปมองคนที่ตำหนิเมื่อครู่ เธอเพิ่งบ่นว่าไม่ได้เจอเขาตอนนี้เธอกลับเจอจังๆ

    “ลืมโทรศัพท์ไว้น่ะ” คนที่อยู่ในชุดสูทเอ่ยบอกคนที่นั่งหันหลังเดินอ้อมไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองที่วางไว้ในตำแหน่งหัวโต๊ะก่อนจะมองเสียวหน้าของคนที่นั่งผวา ที่หน้าผากของเจ้าหล่อนมีเหงื่อซึมตามไรผม เขาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินมาหาสาวเจ้า

    “เข้าท่าดีนี่” เอ่ยชมคนที่นั่งอยู่ ดวงตาคมกวาดมองร่างที่อยู่ในชุดแม่บ้านแขนสั้นกางเกงขายาวสีฟ้า ผมยาวถูกรวบเอาไว้อย่างลวกๆ วางมือที่ไหล่บางของเจ้าหล่อนแล้วกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อคนที่ทำผิดสะดุ้ง

    “ฮะ เฮีย” ปทุมาหันมามองคนที่วางมือที่ไหล่ของเธอ มือหนาออกแรงกดลงมาเล็กน้อย ปทุมายิ้มเจื่อน เธออยากจะยิ้มกว้างกว่านี้ตามที่สิ่งที่วางแผนไว้ แต่พอสบตาเข้ากับดวงตาของคนที่จ้องมองเธอก็พูดไม่ออก ดวงตาคู่นั้นเหมือนมีไฟมังกรพ่นมาที่เธอทำเอาร้อนๆ หนาวๆ อย่างไงไม่รู้

    “มาแล้ว” เสียงร้องของคนที่เอาเอกสารไปคืนร้องก่อนจะก้มลงที่มือกำลังสาระวนเข้ากับประตูที่ทำท่าจะปิดลงเพราะถูกเปิดอ้าไม่สุดก่อนจะปล่อยมันอัตโนมัติเมื่อเงยหน้าเจอร่างของใครบางคนที่แสนคุ้นตัว เพราะความกลัวและตื่นเต้นทำให้ลืมไปทุกสิ่ง ลืมมองแม้กระทั่งของมือประธานที่จับไหล่ของเพื่อนร่วมงานอย่างปทุมา

    ปัง!

    ร่างของปทุมาสะดุ้งน้อยเมื่อเสียงดังของประตูดังขึ้น คนที่ได้แกล้งน้อยยิ้มมุมปาก เจ้าหล่อนคิดว่าสนุกที่ได้เล่นเกมส์ซ่อนหากับเขาแบบนี้แต่คิดผิดแล้ว เขาต่างหากที่เล่มเกมส์

    “จะไปหาเฮียที่ห้องหรือจะให้เฮียไล่คนที่รับเราเข้าทำงานก็เลือกเอา” เอ่ยบอกคนที่นั่งตัวสั่นเสียงหนักแน่น มือหนาละจากไหล่เมื่อคนที่ทำประตูปิดเปิดมันออกอีกครั้ง เอามือล้วงกระเป๋าแล้วเดินออกไปทันทีโดยไม่สนใจคนที่ยืนตัวแข็งเพราะความตื่นเต้น

    “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นอ่ะ ทำไมท่านประธานมาในนี้” ชมพูนุชเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อกฤษฎาเดินผ่านไปแล้ว ปทุมาที่ดูตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นหันมาส่ายหน้า

    “รีบทำงานเถอะ เดี๋ยวไปช้าจะซวย” เอ่ยบอกคนที่ถามเพื่อตัดปัญหาไม่ให้ถามอีกก่อนจะรับไปจัดการหน้าที่ของตัวเอง สมองก็ครุ่นคิด เขาดูไม่ตกใจเลยสักนิดที่เธอ ไม่ได้เกรี้ยวกราดอาละวาดแสดงว่ารู้นานแล้วแต่แค่รอ......ใบบัวอยากเอาหัวจุ่มแก้มกาแฟตาย

    “ทำท่าอย่างกับผัวมีเมียน้อย” คนที่เห็นอาการของรุ่นน้องก็แซวก่อนจะไปทำงานของตัวเอง ปทุมาเม้มริมฝีปาก ผัวไม่มีเมียน้อยหรอก แต่เธอจะโดนฆ่าตายมากกว่า ปทุมาคิดในใจก็สยองไปด้วย พยายามครุ่นคิดหาทางไม่ให้ตัวเองโดนทำโทษ

    เมื่อทำงานที่ห้องประชุมเสร็จเรียบร้องด้วยความว่องไวชนิดที่ว่าชุมพูนุชยังตกใจเธอก็ขอตัวออกมาทำธุระที่มีผู้นัดเธอเป็นประธานใหญ่ ปทุมากดปุ่มลิฟท์ตามที่เธอเคยไปในวันหยุดของเขาที่เธอตามพี่ชมพูนุชไป หัวใจเต้นแข็งกับเสียงลิฟท์ที่ลากครืดๆ ไปยังชั้นที่ตัวเองต้องการ เสียงร้องของมันทำให้คนที่เหม่อหันมาสนใจกับสิ่งตรงหน้า บานประตูเลื่อนออกจากกัน สองเท้าที่แข็งฝืนก้าวเท้าออกไป อยากจะโทรหาพี่ชายคนโตก็กลัวว่ากำลังคุยงานอยู่

    “สู้ๆ ไอ้บัว” สูดหายใจเรียกขวัญกำลังใจแล้วเอ่ยกับตัวเอง เดินไปยังทิศทางของห้องของพี่ชายที่คงรอเธออยู่ มองไปยังโต๊ะของเลขาก็พบว่าไม่มีใครเธอจึงถือวิสาสะเดินไปที่ประตูเลย มือเรียวยกจะผลักออกแต่ชะงักไว้ ความกลัวกำลังเล่นงานเธอ เสียงคุยกับข้างในทำให้เธอชั่งใจว่าจะเข้าไปดีไหม อยากจะเข้าข้างหัวใจตัวเองว่าให้กลับไปแล้วอ้างว่าเขาติดงานแต่เธอรู้ดี ถ้าทำอย่างนั้นวายุอัคคีจะพิโรธหนักกว่าเดิมเลยตัดสินใจผลักประตูเข้าไป

    “ก็อย่างที่บอกครับผมอยากให้งาน...” กฤษฎาหยุดพูดกับลูกน้องเมื่อประตูเปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะ ดวงคมจ้องมองคนที่มาใหม่ก่อนจะหันมาสั่งงานลูกน้องต่ออย่างไม่สนใจเพราะรู้ดีว่าปทุมานั้นรู้หน้าที่ว่าต้องทำอย่างไร

    “งานนี้เป็นงานที่ดีที่สุดประจำปีของบริษัท แบบตึกที่ผมอนุมัติไปดีที่สุดตามที่สถาปนิกของเราบอกไปแล้วบริษัทเราจะไม่เปลี่ยนแบบบอกลูกค้าด้วย” เอ่ยบอกพร้อมยื่นแฟ้มคืนให้ลูกน้องที่กำลังมองแม่บ้านที่เข้ามาใหม่อย่างตกใจเพราะเจ้าหล่อนเดินไปนั่งที่โต๊ะรับแขกของท่านประธานยังไม่พอยังหยิบขนมเข้าปากอย่างไม่เกรงกลัวสักนิด

    “เอ่อ” ชะงักค้างอยู่กับที่

    “บัว” คนที่คุยงานเสร็จเอ่ยตำหนิคนเห็นแก่กินก่อนจะมองคุณธีรเดชที่เป็นผู้จัดการแผนกออกแบบโครงสร้างที่ทำงานมาด้วยตั้งแต่รุ่นพ่อ

    “ขอโทษค่ะ” ปทุมาวางขนมลงก่อนจะเอ่ยขอโทษ ก็มันกลัวเธอเลยหาอะไรใส่ท้องจะได้มีแรงไว้แย้งพี่ชายตอนโดนดุนี่นา

    “คุณธีรเดชครับ นี่ปทุมาหรือบัวน้องสาวผมครับ” เอ่ยบอกก่อนจะผายมือไปยังคนที่จดจ้องอยู่ทีขนมที่เขาให้เลขาเอามาให้ ปทุมาหันมายิ้มให้คนที่พี่ชายแนะนำตัวก่อนจะยืนขึ้นแล้วยกมือไหว้ทำเอาคนที่ได้ยินตกใจไม่น้อย

    “เอ๋ น้องหรอครับ” คนที่ได้ยินตาโตร้องอุทานเพราะเป็นพนักงานทำความสะอาดที่เขาเห็นหน้าตาบ่อยครั้งช่วงหลังๆ มานี้ มือที่ถือแฟ้มสั่นน้อยกำลังจะยกมือไหว้แต่สาวเจ้ากลับร้องห้ามไว้ก่อน

    “ไม่ต้องไหว้ค่ะ เดี๋ยวบัวก็ตายก่อนวัยพอดี” เอ่ยบอกก่อนจะยิ้มให้คนที่ตะลึงไม่หาย ทำตัวเหมือนหัวหน้าฝ่ายบุคคลอีกแล้ว

    “บัว” คนเป็นพี่ดุเสียงต่ำเมื่อได้ยินถ้อยคำของน้องสาวที่ไม่เป็นมงคลเสียเลย คนถูกดุยิ้มเจื่อนๆ

    “ไปได้แล้วครับ” เอ่ยบอกคนที่ยังตะลึงไม่หาย ธีรเดชพยักหน้าเมื่อท่านประธานเอ่ยไล่ แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวคนที่ถูกแนะนำว่าเป็นน้องสาววิ่งมาคว้าแขนก่อนจะชะโงกหน้ามากระซิบเสียก่อน

    “อย่าบอกใครเรื่องบัวนะคะขอร้อง” ปทุมากระซิบบอกพร้อมทำตาอ้อนวอน

    “ปทุมา” คนขี้หงุดหงิดเอ่ยเรียกชื่อคนที่กระซิบกระซาบกับหัวหน้าแผนกออกแบบด้วยความไม่พอใจ คนถูกเรียกชื่อจริงถอยออกมาจากคนที่เธอกระซิบบอก เรียกชื่อจริงแสดงว่าเหลืออด ส่วนคนที่รู้ตัวว่าจะมีระเบิดลงก็รีบเผ่นออกจากห้องเจ้านายทันทีด้วยความสงสัยว่าทำไมน้องสาวประธานบริษัทถึงมาทำงานแม่บ้าน คนรวยก็แปลก.........

    “นอกจากจะไม่สำนึกผิดยังท้าทายพี่อีก” คนที่โมโหเอ่ยตำหนิมองน้องสาวนอกไส้ด้วยความโมโห ท่าทางทะเล้นของปทุมาทำเอาเขาอยากจะใช้ไม้เรียวฟาดก้นสักสองสามที นี่ถ้าไม่กลัวเจ้าหล่อนจะร้องโวยวายฟ้องแม่ฟ้องกันต์และงอนข้ามเดือนเขาจะไม่ลังเล

    “โดนตามใจจนเคยตัว” เอ่ยตำหนิคนที่ยู่ปากใส่พร้อมส่ายหน้าอย่างระอา

    “เฮียอ่ะใจร้าย” คนที่ถูกดุเอ่ยต่อว่าพร้อมน้ำเอ่อคลอ

    “เงียบไปเลย” เอ่ยบอกคนช่างเถียง เขามีคดีที่ต้องจัดการกับปทุมาเยอะแต่ทว่าตอนนี้เขาต้องต่อสายหาพี่ชายที่คุยธุระอีกที่ก่อนเพราะว่าหากรอคุยกับคนดื้อต้องเคลียนาน เขาหันไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะต่อสายหาพี่ชาย คนที่คิดว่าเขาไม่มีอะไรจะคุยด้วยแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไปเหมาะเจาะกับเลขาที่เดินหอบเอกสารเข้ามาพอดี

    “แปปนะกันต์” เอ่ยบอกพี่ชายก่อนจะตะวัดสายตาไปมองเลขาและน้องสาวที่ร้องไห้กำลังจะออกไป เขายังไม่ทันทำอะไรสาวเจ้าก็น้ำตานองเสียแล้ว

    “ถ้าปล่อยให้เธอออกจากห้องเตรียมหางานใหม่ได้เลย” เอ่ยบอกกับเลขาเสียงเข้ม คนที่รู้กิตติศัพท์ของเจ้านายรีบถอยหลังปิดประตูล็อกจากข้างนอกทันที ปทุมายืนอึ้งก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทีเคร่งเครียด เม้มริมฝีปาก ทำอะไรไม่ได้ก็กระฟัดกระเฟียดมานั่งที่เดิมที่เคยนั่งพร้อมหยิบขนมเข้าปาก น้ำตาก็ไหลไม่หยุด ร่างบางสะอื้นน้อยๆ เพราะความน้อยใจ

    “ทำตัวเป็นเด็กว่านิดว่าหน่อยก็เอาแต่ร้องไห้ ไม่โตสักที” เอ่ยต่อว่าคนที่ร้องไห้ไปกินขนมไปหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ เดินมานั่งตรงข้ามกับคนเจ้าน้ำตา

    “คิดสนุกอะไรอยู่” เอ่ยถามคนที่มาสมัครเป็นพนักงานทำความสะอาดแทนที่จะมาทำตำแหน่งดีๆ ถ้าปทุมาอยากทำแต่นี่เจ้าหล่อนดันมาแอบทำทำให้รู้ว่าคงนึกสนุกและมีคนอื่นๆ สนับสนุน ไม่มีทางที่คนติดบ้านอย่างปทุมาจะออกมาจากที่นั่นทั้งวันโดยไม่มีใครสงสัย เพราะขนาดเขาที่ทำงานเกือบทุกวันยังรู้ และรู้นานแล้วเพียงแต่รอให้น้องสาวเดินมาบอกเขาเอง แต่เจ้าหล่อนนั้นเล่นเกมส์เหมือนเรื่องสนุก ซึ่งเขาไม่สนุกสักนิด

    “ก็อยู่บ้านมันเบื่อ” เธอพูดความจริงพร้อมสูดน้ำมูกให้เขาทิศทางเดิม คนที่ได้ฟังก็ส่ายหน้า

    “ทำไมไม่บอกตำแหน่งดีๆ มีเยอะ” ถามอย่างระอาความคิดน้องสาว แต่คนที่ได้ฟังขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

    “แล้วตำแหน่งที่บัวทำไม่ดียังไง” คนที่ผูกพันกับสิ่งที่ทำถามพี่ชายด้วยความไม่พอใจ เป็นแม่บ้านเป็นพยักงานทำความสะอาดก็ไม่เห็นจะไม่ดีตรงไหน ไม่ได้ขอเงินใครกินทำงานแลกเงินมา

    “บัว” เรียกชื่อคนที่ขึ้นเสียงกับตน

    “เฮียก็ตอบมาสิ” เอ่ยถามพี่ชายจากที่กลัวๆ ก็กลายเป็นใจดีสู้เสือซะงั้น

    “พี่ไม่เคยบอกว่าไม่ดี แต่บัวเป็นคนของอนันตกูลรักษ์สมควรที่จะทำตำแหน่งดีๆ” เขาเอ่ยตอบก่อนจะกวักมือคนที่ทำท่าไม่ยอมกับสิ่งที่เขาบอกให้ฟัง

    “บัวสนุกที่ได้ทำ มีความสุขที่ได้ทำ ถ้าเฮียไม่บอกคนอื่นก็ไม่มีคนรู้หรอก” ปทุมาว่าก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งข้างพี่ชายที่กวักมือเรียกเมื่อเห็นว่าแววตาที่ลุกเป็นไฟอ่อนแสงลงเป็นอ่อนโยน คงเพราะสงบสติอารมณ์ตอนคุยกับกันตภัคน์

    “อยากทำจริงๆ หรอ มันเหนื่อยนะ” เอ่ยถามคนที่นั่งข้าง ก่อนจะใช้มือหนาทัดปอยผมที่ตกลงมาที่หน้าผากของคนที่นั่งอยู่

    “สนุกดี เฮียบัวมีความสุขจริงๆ นะ ให้บัวทำเถอะ แปปเดียวก็ได้” ปทุมาเอ่ยบอก เธอทำท่าทีอ่อนลงเพราะคิดว่าถ้าอ้อนนิดอ้อนหน่อยคนที่ดุคงจะยอมเธอ คว้ามือไปจับมือหนาที่ทัดผมตนเองเมื่อเขาทำเหมือนไม่สนใจคำพูดตนเอง

    “เฮีย ฟังบัวหน่อย บัวขอทำแค่ 3เดือนแล้วจะลาออกเองทีนี้เฮียจะให้บัวทำอะไรบัวก็ยอม” ปทุมาว่า คนที่ถูกเรียกให้ฟังมองตาน้องสาวพร้อมถอนหายใจกับความเอาแต่ใจ

    “งั้นก็เรียนต่อซะ” ชักมือกลับจากการเกาะกุมแล้วเอ่ยบอก ปทุมาย่นหน้าให้ ขออย่างอื่นไม่ได้หรือ สาวเจ้าบ่นในใจ

    “ถ้าไม่ก็กลับบ้านไปซะ” เอ่ยบอกเสียงเด็ดขาดก่อนจะลุกขึ้น

    “โอ๊ยเฮียๆ” คนที่ถูกยื่นคำขาดไม่ให้ต่อลองก็รีบคว้ามือพี่ชายสุดหล่อของตัวเองเอาไว้ แต่คงเพราะออกแรงดึงมากเกินคนตัวโตเลยเสียหลักล้มลงยังดีที่กฤษฎามีสติพอที่จะใช้มือค้ำตัวเองกับโซฟาไม่งั้นคงได้นอนทับคนที่กระชาก

    “ทำอะไร” เอ่ยถามคนดึงดุๆ ที่นอนอยู่ใต้ร่างเพราะเสียหลักเมื่อครู่ ปทุมายิ้มเจื่อนๆ ถอนหายใจออกมาก่อนจะค่อยๆ ดันให้ตัวเองลุกขึ้นนั่งข้างๆ คนที่นอน

    “เอ่อ” ปทุมาลุกขึ้นนั่งตามรู้สึกร้อนที่ผิวแก้ม เมื่อครู่ลมหายใจของพี่ชายเป่ารดที่ใบหน้าของเธอ แผงอกกำยำเบียดกับทรวงอกของเธอแบบเนื้อแนบเนื้อ เธอรู้ว่าเขาไม่คิดอะไรและเธอก็ไม่ได้คิดอะไรแต่หัวใจเจ้ากรรมกลับเต้นเร็วรัวจนชักจะระอายตัวเอง

    “หึ” หัวเราะในลำคอเมื่อเห็นริ้วแดงที่แก้มของคนที่นั่งก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไรต่างจากเมื่อครู่ จ้องมองจนพอใจก่อนจะกระแอมขึ้นอย่างกลบท่าทีตัวเอง

    “ตกลงจะเอายังไง จะกลับบ้านหรือทำตามที่บอก” เอ่ยถาม ปทุมาส่ายหน้าน้อยๆ ทำใจเงยหน้าสบตากับพี่ชายของตัวเอง

    “ก็ได้ แต่ระหว่างนี้เฮียอย่าบอกใครนะว่าบัวมีฐานะอะไรอ่ะ” เอ่ยบอกคนที่เอ่ยถามทั้งที่ก้มหน้า กฤษฎาพยักหน้าก่อนจะมองไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตู

    “คุณกิตคะ คุณอรดีมาค่ะ” เลขาเอ่ยบอกคนที่อยู่ด้านใน ปทุมาเงยหน้ามองพี่ชายก่อนจะลุกขึ้นเมื่อตั้งสติได้ ชื่อของอรดีดึงสติเธอขึ้นมาทันทีว่าเธอกำลังจะเดินหลงทาง

    “เค้าไปก่อนนะ อย่าลืมเรื่องที่ตกลงไว้ล่ะ ห้ามบอกใคร” ปทุมาเอ่ยย้ำก่อนจะเดินไปแล้วเปิดประตูก่อนจะชะงักเมื่อพบว่าอรดีนั้นยืนอยู่ตรงหน้าเธอพอดี ดวงตามองร่างบางน่าถะนุถนอมที่อวบอิ่มขึ้น

    “สวัสดีค่ะ” ปทุมายกมือไหว้ อรดีพยักหน้ารับก่อนจะมองเลยไปยังคนที่ยืนอยู่ตรงโซฟารับแขก

    “เอ๊ะ” ปทุมาร้องอุทานเมื่อสายตาสะดุดเข้าที่มือข้างซ้ายของอรดี แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เงยหน้ายิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปเลยโดยที่ไม่พูดอะไร หัวใจที่เต้นเร็วรัวเมื่อครู่เต้นแผ่วลงช้าๆ

    “เป็นอะไรของแก” เอ่ยถามตัวเองเมื่อเดินเข้ามาในห้องน้ำที่ไม่รู้ว่ามาในนี้ได้ยังไง จ้องมองในกระจกนึกถึงร่างอวบอิ่มของอรดีที่เจอเมื่อครู่ เขาว่ากันว่าคนที่จะแต่งงานมักจะมีราศีของเจ้าสาว และเธอก็เพิ่งจะเข้าใจวันนี้ ภาพที่เขายิ้มให้กันมันช่างมีความสุขและดูเหมาะสมกับเสียจริงๆ ต่างจากตัวเธอ ปทุมาส่ายหนาให้ตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเอาตัวเองไปเปรียบกับคนรักของพี่ชาย

     


    มาแล้ว จะทะยอยอัพวันละบทสองบทเนอะ ถ้าไม่มาก็รู้ไว้ว่าทำงาน

    อีบุ๊คกำลังดำเนิน ใครรอเก็บเงินเลยเน้อ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×