คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่5-2 จบตอน
วันนี้ปทุมามาทำงานสายหน่อยเพราะต้องรอให้พี่ชายออกจากบ้านและเธอก็โดนหัวหน้าเทศตั้งแต่มาถึงยันตอนนี้
เธออยากจะมาแต่เช้าอยู่หรอกแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้เขาถึงยังคงนั่งถ่วงเวลาจนเวลาล่วงเลยมาถึง9โมง ซึ่งมันสายมาสำหรับเธอ
แต่สำหรับเขาที่เป็นประธานบริษัทนั้นต่อให้นอนอยู่บ้านก็ไม่มีใครกล้าไล่เขาออก
“เดี๋ยวไปจัดการที่ห้องประชุมด้วยอีกสักพักคนประชุมเสร็จ”
คุณรัชนีเอ่ยบอกคนที่นั่งตักข้าวเข้าปาก
ปทุมาหันไปมองคนสั่งงานก่อนจะพยักหน้าแข็งขัน ตอนนี้เธอต้องทำดีให้มากๆ
เดี๋ยวจะโดนหัวหน้าบ่นเอาอีก ปทุมายิ้มแหยๆ
“พรุ่งนี้มาแต่เช้าถ้าสายฉันจะรายงานแผนกบุคคลให้ไล่เธออก”
คนที่หัวเสียกับลูกน้องขู่ทั้งที่ไม่คิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ ปทุมาเป็นคนว่าง่ายสอนงานอะไรก็ทำได้ไม่เคยเกี่ยงงานเหมือนคนอื่นๆ
ที่ประจำต่างชั้นนางเลยชอบมาอยู่ที่นี่ซะส่วนใหญ่
“เข้าใจแล้วค่ะ”
คนถูกคู่ขานรับพร้อมพยักหน้าแล้วหันไปกินข้าวต่อ
ส่ายหน้าให้ลูกน้องก่อนจะเดินออกไป ปกติห้องประชุมใหญ่รัชนีจะเป็นคนไปดูด้วยตัวเองเพราะบางครั้งมีเอกสารสำคัญวางไว้ให้ตามเก็บแต่วันนี้ไม่ว่างจริงๆ
ลูกค้าจากรายใหญ่จากศรีลังกามาคุยงานกับรองประธานเลยต้องไปจัดการส่วนนั้น
“เดี๋ยวนี้หัวหน้าไว้ใจบัวมากนะเนี่ย
ถึงขนาดยอมให้ไปทำห้องประชุมเอง” ชมพูนุชว่า
เพราะกว่าตนเองจะได้เข้าไปยุ่งส่วนนั้นก็ทำงานตั้งเกือบปีแต่สำหรับปทุมายังไม่ถึงเดือนดีด้วยซ้ำ
“หัวหน้ามีประชุมน่ะพี่”
ปทุมาว่าก่อนจะวางช้อนเมื่อรู้สึกอิ่ม
เมื่อหลานวันก่อนเธอไปสารภาพกับแม่รดาก็ถูกบ่นหูชาเรื่องมาทำงานนี้แต่โชคดีที่ท่านยังเอ็นดูไม่ส่งตัวเธอให้พี่ชายสุดเฮี๊ยบที่ช่วงนี้เงียบๆ
ไปเชือด
นั่งกินข้าวและคุยกับชมพูนุชได้สักพักก็ต้องพากันไปห้องประชุมที่อยู่ชั้นบนเมื่อเห็นว่าแผนกการเงินและการตลาดทยอยลงมากันหมดแล้ว
ป่านนี้ห้องคงเต็มไปด้วยรอยเท้าและซากแก้วกาแฟเป็นตั้งๆ ที่ล้างจนมือเปื่อย ถอนหายใจแล้วเดินไป
ประตูห้องถูกค้างไว้ภายในเงียบสนิทมีเพียงเสียงแอร์ที่ดัง
ปทุมาวางกระถังลงก่อนจะก้มมองชุดตัวเองที่เป็นสีฟ้า
เธอกลัวจะเปื้อนกาแฟเพราะทุกครั้งมันจะต้องมีเหตุให้ต้องเปื้อนและก็ซักอยู่นานจนกว่าจะออกให้เลยหันไปมองชมพูนุชที่ยังเอื่อยกับการผูกผ้ากันเปื้อนพร้อมส่ายหน้า
“โหยไม่เอามาฝากบัวเลย”
ปทุมาว่าพร้อมย่นจมูกแต่เพราะไม่อยากให้เสียเวลาเลยเดินเข้าไปทำงาน
หากเปื้อนคงต้องซักใหม่ เริ่มจากการไปถอนปลั๊กโปรเจ็คเตอร์ที่เปิดค้างเอาไว้
หันไปเก็บแก้วกาแฟแล้วชะงักเมื่อสายตาสบเข้ากับกรอบรูปที่ข้างฝา
น่าแปลกที่เธอทำงานที่นี่มาจะเดือนแล้วแต่ทว่าพี่ชายของเธอยังจับเธอไม่เลย
อย่าว่าแต่จับเธอแทบจะไม่ได้เจอเขาในบริษัท คงเพราะฐานะมันต่างกัน
คิดแล้วก็หัวเราะออกมา ก้มเก็บแก้วกาและของว่างก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารที่วางเอาไว้
อีกแล้ว
ปทุมาว่าทำท่าจะเอ่ยเรียกให้พี่ชมพูนุชเอาไปคืนเจ้าของแต่ทว่าชื่อแฟ้มกับสะดุดเข้าเสียก่อน
เธอมองไปที่คนที่กำลังขะมักขะเม้นเก็บแก้มและเลื่อนโต๊ะอีกฝั่งเมื่อเห็นว่าเขาไม่สนใจอะไรจึงค่อยๆ
เปิดแฟ้มมันออกมา สายตาไล่มองตัวเลขที่เรียงลำดับตามบรรทัดมาเรื่อยๆ
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
“ทำอะไรน่ะ”
ชมพูนุชเอ่ยถามคนที่ก้มหน้าอ่านอะไรสักอย่างในแฟ้ม ทำเอาคนที่กำลังตั้งใจดูสะดุ้งรีบปิดมันลง
“อ๋อๆ
บัวเห็นเป็นภาษาอังกฤษเลยพยายามสะกดน่ะพี่”
เอ่ยแก้ตัวก่อนจะยื่นมันให้ชมพูนุชเพราะตอนนี้เธอไม่สามารถยื้อมันไว้ได้
“ให้พี่เอาไปคืนอีกแล้วน่ะสิ”
ชมพูนุชพูดอย่างรู้ตัว พอมีใครลืมเอกสารต้องเป็นตนเองที่ต้องเดินเอาไปให้ทุกรบ
ปทุมายิ้มให้ก่อนจะส่งให้คนที่ยื่นมือมารับ
เมื่อชมพูนุชเดินออกไปร่างเพรียวก็นั่งลงที่เก้าอี้พร้อมถอนหายใจ
สมองนึกสิ่งที่เห็นเมื่อครู่
“เป็นแม่บ้านสบายจังเลยนะ”
เสียงทุ้มดังขึ้นดังด้านหลัง ร่างเพรียวสะดุ้งเบาๆ หัวใจเต้นตึกๆ
พยายามไม่หันไปมองคนที่ตำหนิเมื่อครู่ เธอเพิ่งบ่นว่าไม่ได้เจอเขาตอนนี้เธอกลับเจอจังๆ
“ลืมโทรศัพท์ไว้น่ะ”
คนที่อยู่ในชุดสูทเอ่ยบอกคนที่นั่งหันหลังเดินอ้อมไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองที่วางไว้ในตำแหน่งหัวโต๊ะก่อนจะมองเสียวหน้าของคนที่นั่งผวา
ที่หน้าผากของเจ้าหล่อนมีเหงื่อซึมตามไรผม เขาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินมาหาสาวเจ้า
“เข้าท่าดีนี่”
เอ่ยชมคนที่นั่งอยู่
ดวงตาคมกวาดมองร่างที่อยู่ในชุดแม่บ้านแขนสั้นกางเกงขายาวสีฟ้า
ผมยาวถูกรวบเอาไว้อย่างลวกๆ วางมือที่ไหล่บางของเจ้าหล่อนแล้วกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อคนที่ทำผิดสะดุ้ง
“ฮะ
เฮีย” ปทุมาหันมามองคนที่วางมือที่ไหล่ของเธอ มือหนาออกแรงกดลงมาเล็กน้อย
ปทุมายิ้มเจื่อน เธออยากจะยิ้มกว้างกว่านี้ตามที่สิ่งที่วางแผนไว้
แต่พอสบตาเข้ากับดวงตาของคนที่จ้องมองเธอก็พูดไม่ออก ดวงตาคู่นั้นเหมือนมีไฟมังกรพ่นมาที่เธอทำเอาร้อนๆ
หนาวๆ อย่างไงไม่รู้
“มาแล้ว”
เสียงร้องของคนที่เอาเอกสารไปคืนร้องก่อนจะก้มลงที่มือกำลังสาระวนเข้ากับประตูที่ทำท่าจะปิดลงเพราะถูกเปิดอ้าไม่สุดก่อนจะปล่อยมันอัตโนมัติเมื่อเงยหน้าเจอร่างของใครบางคนที่แสนคุ้นตัว
เพราะความกลัวและตื่นเต้นทำให้ลืมไปทุกสิ่ง
ลืมมองแม้กระทั่งของมือประธานที่จับไหล่ของเพื่อนร่วมงานอย่างปทุมา
ปัง!
ร่างของปทุมาสะดุ้งน้อยเมื่อเสียงดังของประตูดังขึ้น
คนที่ได้แกล้งน้อยยิ้มมุมปาก
เจ้าหล่อนคิดว่าสนุกที่ได้เล่นเกมส์ซ่อนหากับเขาแบบนี้แต่คิดผิดแล้ว
เขาต่างหากที่เล่มเกมส์
“จะไปหาเฮียที่ห้องหรือจะให้เฮียไล่คนที่รับเราเข้าทำงานก็เลือกเอา”
เอ่ยบอกคนที่นั่งตัวสั่นเสียงหนักแน่น
มือหนาละจากไหล่เมื่อคนที่ทำประตูปิดเปิดมันออกอีกครั้ง
เอามือล้วงกระเป๋าแล้วเดินออกไปทันทีโดยไม่สนใจคนที่ยืนตัวแข็งเพราะความตื่นเต้น
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นอ่ะ
ทำไมท่านประธานมาในนี้” ชมพูนุชเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อกฤษฎาเดินผ่านไปแล้ว
ปทุมาที่ดูตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นหันมาส่ายหน้า
“รีบทำงานเถอะ
เดี๋ยวไปช้าจะซวย”
เอ่ยบอกคนที่ถามเพื่อตัดปัญหาไม่ให้ถามอีกก่อนจะรับไปจัดการหน้าที่ของตัวเอง
สมองก็ครุ่นคิด เขาดูไม่ตกใจเลยสักนิดที่เธอ
ไม่ได้เกรี้ยวกราดอาละวาดแสดงว่ารู้นานแล้วแต่แค่รอ......ใบบัวอยากเอาหัวจุ่มแก้มกาแฟตาย
“ทำท่าอย่างกับผัวมีเมียน้อย”
คนที่เห็นอาการของรุ่นน้องก็แซวก่อนจะไปทำงานของตัวเอง ปทุมาเม้มริมฝีปาก
ผัวไม่มีเมียน้อยหรอก แต่เธอจะโดนฆ่าตายมากกว่า ปทุมาคิดในใจก็สยองไปด้วย
พยายามครุ่นคิดหาทางไม่ให้ตัวเองโดนทำโทษ
เมื่อทำงานที่ห้องประชุมเสร็จเรียบร้องด้วยความว่องไวชนิดที่ว่าชุมพูนุชยังตกใจเธอก็ขอตัวออกมาทำธุระที่มีผู้นัดเธอเป็นประธานใหญ่
ปทุมากดปุ่มลิฟท์ตามที่เธอเคยไปในวันหยุดของเขาที่เธอตามพี่ชมพูนุชไป
หัวใจเต้นแข็งกับเสียงลิฟท์ที่ลากครืดๆ ไปยังชั้นที่ตัวเองต้องการ
เสียงร้องของมันทำให้คนที่เหม่อหันมาสนใจกับสิ่งตรงหน้า บานประตูเลื่อนออกจากกัน
สองเท้าที่แข็งฝืนก้าวเท้าออกไป อยากจะโทรหาพี่ชายคนโตก็กลัวว่ากำลังคุยงานอยู่
“สู้ๆ
ไอ้บัว” สูดหายใจเรียกขวัญกำลังใจแล้วเอ่ยกับตัวเอง
เดินไปยังทิศทางของห้องของพี่ชายที่คงรอเธออยู่
มองไปยังโต๊ะของเลขาก็พบว่าไม่มีใครเธอจึงถือวิสาสะเดินไปที่ประตูเลย
มือเรียวยกจะผลักออกแต่ชะงักไว้ ความกลัวกำลังเล่นงานเธอ
เสียงคุยกับข้างในทำให้เธอชั่งใจว่าจะเข้าไปดีไหม
อยากจะเข้าข้างหัวใจตัวเองว่าให้กลับไปแล้วอ้างว่าเขาติดงานแต่เธอรู้ดี
ถ้าทำอย่างนั้นวายุอัคคีจะพิโรธหนักกว่าเดิมเลยตัดสินใจผลักประตูเข้าไป
“ก็อย่างที่บอกครับผมอยากให้งาน...”
กฤษฎาหยุดพูดกับลูกน้องเมื่อประตูเปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะ
ดวงคมจ้องมองคนที่มาใหม่ก่อนจะหันมาสั่งงานลูกน้องต่ออย่างไม่สนใจเพราะรู้ดีว่าปทุมานั้นรู้หน้าที่ว่าต้องทำอย่างไร
“งานนี้เป็นงานที่ดีที่สุดประจำปีของบริษัท
แบบตึกที่ผมอนุมัติไปดีที่สุดตามที่สถาปนิกของเราบอกไปแล้วบริษัทเราจะไม่เปลี่ยนแบบบอกลูกค้าด้วย”
เอ่ยบอกพร้อมยื่นแฟ้มคืนให้ลูกน้องที่กำลังมองแม่บ้านที่เข้ามาใหม่อย่างตกใจเพราะเจ้าหล่อนเดินไปนั่งที่โต๊ะรับแขกของท่านประธานยังไม่พอยังหยิบขนมเข้าปากอย่างไม่เกรงกลัวสักนิด
“เอ่อ”
ชะงักค้างอยู่กับที่
“บัว”
คนที่คุยงานเสร็จเอ่ยตำหนิคนเห็นแก่กินก่อนจะมองคุณธีรเดชที่เป็นผู้จัดการแผนกออกแบบโครงสร้างที่ทำงานมาด้วยตั้งแต่รุ่นพ่อ
“ขอโทษค่ะ”
ปทุมาวางขนมลงก่อนจะเอ่ยขอโทษ ก็มันกลัวเธอเลยหาอะไรใส่ท้องจะได้มีแรงไว้แย้งพี่ชายตอนโดนดุนี่นา
“คุณธีรเดชครับ
นี่ปทุมาหรือบัวน้องสาวผมครับ”
เอ่ยบอกก่อนจะผายมือไปยังคนที่จดจ้องอยู่ทีขนมที่เขาให้เลขาเอามาให้
ปทุมาหันมายิ้มให้คนที่พี่ชายแนะนำตัวก่อนจะยืนขึ้นแล้วยกมือไหว้ทำเอาคนที่ได้ยินตกใจไม่น้อย
“เอ๋
น้องหรอครับ” คนที่ได้ยินตาโตร้องอุทานเพราะเป็นพนักงานทำความสะอาดที่เขาเห็นหน้าตาบ่อยครั้งช่วงหลังๆ
มานี้ มือที่ถือแฟ้มสั่นน้อยกำลังจะยกมือไหว้แต่สาวเจ้ากลับร้องห้ามไว้ก่อน
“ไม่ต้องไหว้ค่ะ
เดี๋ยวบัวก็ตายก่อนวัยพอดี” เอ่ยบอกก่อนจะยิ้มให้คนที่ตะลึงไม่หาย
ทำตัวเหมือนหัวหน้าฝ่ายบุคคลอีกแล้ว
“บัว”
คนเป็นพี่ดุเสียงต่ำเมื่อได้ยินถ้อยคำของน้องสาวที่ไม่เป็นมงคลเสียเลย
คนถูกดุยิ้มเจื่อนๆ
“ไปได้แล้วครับ”
เอ่ยบอกคนที่ยังตะลึงไม่หาย ธีรเดชพยักหน้าเมื่อท่านประธานเอ่ยไล่
แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวคนที่ถูกแนะนำว่าเป็นน้องสาววิ่งมาคว้าแขนก่อนจะชะโงกหน้ามากระซิบเสียก่อน
“อย่าบอกใครเรื่องบัวนะคะขอร้อง”
ปทุมากระซิบบอกพร้อมทำตาอ้อนวอน
“ปทุมา”
คนขี้หงุดหงิดเอ่ยเรียกชื่อคนที่กระซิบกระซาบกับหัวหน้าแผนกออกแบบด้วยความไม่พอใจ
คนถูกเรียกชื่อจริงถอยออกมาจากคนที่เธอกระซิบบอก เรียกชื่อจริงแสดงว่าเหลืออด ส่วนคนที่รู้ตัวว่าจะมีระเบิดลงก็รีบเผ่นออกจากห้องเจ้านายทันทีด้วยความสงสัยว่าทำไมน้องสาวประธานบริษัทถึงมาทำงานแม่บ้าน
คนรวยก็แปลก.........
“นอกจากจะไม่สำนึกผิดยังท้าทายพี่อีก”
คนที่โมโหเอ่ยตำหนิมองน้องสาวนอกไส้ด้วยความโมโห
ท่าทางทะเล้นของปทุมาทำเอาเขาอยากจะใช้ไม้เรียวฟาดก้นสักสองสามที
นี่ถ้าไม่กลัวเจ้าหล่อนจะร้องโวยวายฟ้องแม่ฟ้องกันต์และงอนข้ามเดือนเขาจะไม่ลังเล
“โดนตามใจจนเคยตัว”
เอ่ยตำหนิคนที่ยู่ปากใส่พร้อมส่ายหน้าอย่างระอา
“เฮียอ่ะใจร้าย”
คนที่ถูกดุเอ่ยต่อว่าพร้อมน้ำเอ่อคลอ
“เงียบไปเลย”
เอ่ยบอกคนช่างเถียง เขามีคดีที่ต้องจัดการกับปทุมาเยอะแต่ทว่าตอนนี้เขาต้องต่อสายหาพี่ชายที่คุยธุระอีกที่ก่อนเพราะว่าหากรอคุยกับคนดื้อต้องเคลียนาน
เขาหันไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะต่อสายหาพี่ชาย
คนที่คิดว่าเขาไม่มีอะไรจะคุยด้วยแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไปเหมาะเจาะกับเลขาที่เดินหอบเอกสารเข้ามาพอดี
“แปปนะกันต์”
เอ่ยบอกพี่ชายก่อนจะตะวัดสายตาไปมองเลขาและน้องสาวที่ร้องไห้กำลังจะออกไป
เขายังไม่ทันทำอะไรสาวเจ้าก็น้ำตานองเสียแล้ว
“ถ้าปล่อยให้เธอออกจากห้องเตรียมหางานใหม่ได้เลย”
เอ่ยบอกกับเลขาเสียงเข้ม
คนที่รู้กิตติศัพท์ของเจ้านายรีบถอยหลังปิดประตูล็อกจากข้างนอกทันที ปทุมายืนอึ้งก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทีเคร่งเครียด
เม้มริมฝีปาก
ทำอะไรไม่ได้ก็กระฟัดกระเฟียดมานั่งที่เดิมที่เคยนั่งพร้อมหยิบขนมเข้าปาก
น้ำตาก็ไหลไม่หยุด ร่างบางสะอื้นน้อยๆ เพราะความน้อยใจ
“ทำตัวเป็นเด็กว่านิดว่าหน่อยก็เอาแต่ร้องไห้
ไม่โตสักที” เอ่ยต่อว่าคนที่ร้องไห้ไปกินขนมไปหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ
เดินมานั่งตรงข้ามกับคนเจ้าน้ำตา
“คิดสนุกอะไรอยู่”
เอ่ยถามคนที่มาสมัครเป็นพนักงานทำความสะอาดแทนที่จะมาทำตำแหน่งดีๆ
ถ้าปทุมาอยากทำแต่นี่เจ้าหล่อนดันมาแอบทำทำให้รู้ว่าคงนึกสนุกและมีคนอื่นๆ
สนับสนุน ไม่มีทางที่คนติดบ้านอย่างปทุมาจะออกมาจากที่นั่นทั้งวันโดยไม่มีใครสงสัย
เพราะขนาดเขาที่ทำงานเกือบทุกวันยังรู้
และรู้นานแล้วเพียงแต่รอให้น้องสาวเดินมาบอกเขาเอง
แต่เจ้าหล่อนนั้นเล่นเกมส์เหมือนเรื่องสนุก ซึ่งเขาไม่สนุกสักนิด
“ก็อยู่บ้านมันเบื่อ”
เธอพูดความจริงพร้อมสูดน้ำมูกให้เขาทิศทางเดิม คนที่ได้ฟังก็ส่ายหน้า
“ทำไมไม่บอกตำแหน่งดีๆ
มีเยอะ” ถามอย่างระอาความคิดน้องสาว แต่คนที่ได้ฟังขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“แล้วตำแหน่งที่บัวทำไม่ดียังไง”
คนที่ผูกพันกับสิ่งที่ทำถามพี่ชายด้วยความไม่พอใจ เป็นแม่บ้านเป็นพยักงานทำความสะอาดก็ไม่เห็นจะไม่ดีตรงไหน
ไม่ได้ขอเงินใครกินทำงานแลกเงินมา
“บัว”
เรียกชื่อคนที่ขึ้นเสียงกับตน
“เฮียก็ตอบมาสิ”
เอ่ยถามพี่ชายจากที่กลัวๆ ก็กลายเป็นใจดีสู้เสือซะงั้น
“พี่ไม่เคยบอกว่าไม่ดี
แต่บัวเป็นคนของอนันตกูลรักษ์สมควรที่จะทำตำแหน่งดีๆ” เขาเอ่ยตอบก่อนจะกวักมือคนที่ทำท่าไม่ยอมกับสิ่งที่เขาบอกให้ฟัง
“บัวสนุกที่ได้ทำ
มีความสุขที่ได้ทำ ถ้าเฮียไม่บอกคนอื่นก็ไม่มีคนรู้หรอก”
ปทุมาว่าก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งข้างพี่ชายที่กวักมือเรียกเมื่อเห็นว่าแววตาที่ลุกเป็นไฟอ่อนแสงลงเป็นอ่อนโยน
คงเพราะสงบสติอารมณ์ตอนคุยกับกันตภัคน์
“อยากทำจริงๆ
หรอ มันเหนื่อยนะ” เอ่ยถามคนที่นั่งข้าง
ก่อนจะใช้มือหนาทัดปอยผมที่ตกลงมาที่หน้าผากของคนที่นั่งอยู่
“สนุกดี
เฮียบัวมีความสุขจริงๆ นะ ให้บัวทำเถอะ แปปเดียวก็ได้” ปทุมาเอ่ยบอก
เธอทำท่าทีอ่อนลงเพราะคิดว่าถ้าอ้อนนิดอ้อนหน่อยคนที่ดุคงจะยอมเธอ คว้ามือไปจับมือหนาที่ทัดผมตนเองเมื่อเขาทำเหมือนไม่สนใจคำพูดตนเอง
“เฮีย
ฟังบัวหน่อย บัวขอทำแค่ 3เดือนแล้วจะลาออกเองทีนี้เฮียจะให้บัวทำอะไรบัวก็ยอม”
ปทุมาว่า คนที่ถูกเรียกให้ฟังมองตาน้องสาวพร้อมถอนหายใจกับความเอาแต่ใจ
“งั้นก็เรียนต่อซะ”
ชักมือกลับจากการเกาะกุมแล้วเอ่ยบอก ปทุมาย่นหน้าให้ ขออย่างอื่นไม่ได้หรือ
สาวเจ้าบ่นในใจ
“ถ้าไม่ก็กลับบ้านไปซะ”
เอ่ยบอกเสียงเด็ดขาดก่อนจะลุกขึ้น
“โอ๊ยเฮียๆ”
คนที่ถูกยื่นคำขาดไม่ให้ต่อลองก็รีบคว้ามือพี่ชายสุดหล่อของตัวเองเอาไว้
แต่คงเพราะออกแรงดึงมากเกินคนตัวโตเลยเสียหลักล้มลงยังดีที่กฤษฎามีสติพอที่จะใช้มือค้ำตัวเองกับโซฟาไม่งั้นคงได้นอนทับคนที่กระชาก
“ทำอะไร”
เอ่ยถามคนดึงดุๆ ที่นอนอยู่ใต้ร่างเพราะเสียหลักเมื่อครู่ ปทุมายิ้มเจื่อนๆ
ถอนหายใจออกมาก่อนจะค่อยๆ ดันให้ตัวเองลุกขึ้นนั่งข้างๆ คนที่นอน
“เอ่อ”
ปทุมาลุกขึ้นนั่งตามรู้สึกร้อนที่ผิวแก้ม
เมื่อครู่ลมหายใจของพี่ชายเป่ารดที่ใบหน้าของเธอ
แผงอกกำยำเบียดกับทรวงอกของเธอแบบเนื้อแนบเนื้อ
เธอรู้ว่าเขาไม่คิดอะไรและเธอก็ไม่ได้คิดอะไรแต่หัวใจเจ้ากรรมกลับเต้นเร็วรัวจนชักจะระอายตัวเอง
“หึ”
หัวเราะในลำคอเมื่อเห็นริ้วแดงที่แก้มของคนที่นั่งก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไรต่างจากเมื่อครู่
จ้องมองจนพอใจก่อนจะกระแอมขึ้นอย่างกลบท่าทีตัวเอง
“ตกลงจะเอายังไง
จะกลับบ้านหรือทำตามที่บอก” เอ่ยถาม ปทุมาส่ายหน้าน้อยๆ
ทำใจเงยหน้าสบตากับพี่ชายของตัวเอง
“ก็ได้
แต่ระหว่างนี้เฮียอย่าบอกใครนะว่าบัวมีฐานะอะไรอ่ะ” เอ่ยบอกคนที่เอ่ยถามทั้งที่ก้มหน้า
กฤษฎาพยักหน้าก่อนจะมองไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตู
“คุณกิตคะ
คุณอรดีมาค่ะ” เลขาเอ่ยบอกคนที่อยู่ด้านใน
ปทุมาเงยหน้ามองพี่ชายก่อนจะลุกขึ้นเมื่อตั้งสติได้
ชื่อของอรดีดึงสติเธอขึ้นมาทันทีว่าเธอกำลังจะเดินหลงทาง
“เค้าไปก่อนนะ
อย่าลืมเรื่องที่ตกลงไว้ล่ะ ห้ามบอกใคร”
ปทุมาเอ่ยย้ำก่อนจะเดินไปแล้วเปิดประตูก่อนจะชะงักเมื่อพบว่าอรดีนั้นยืนอยู่ตรงหน้าเธอพอดี
ดวงตามองร่างบางน่าถะนุถนอมที่อวบอิ่มขึ้น
“สวัสดีค่ะ”
ปทุมายกมือไหว้ อรดีพยักหน้ารับก่อนจะมองเลยไปยังคนที่ยืนอยู่ตรงโซฟารับแขก
“เอ๊ะ”
ปทุมาร้องอุทานเมื่อสายตาสะดุดเข้าที่มือข้างซ้ายของอรดี แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
เงยหน้ายิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปเลยโดยที่ไม่พูดอะไร
หัวใจที่เต้นเร็วรัวเมื่อครู่เต้นแผ่วลงช้าๆ
“เป็นอะไรของแก”
เอ่ยถามตัวเองเมื่อเดินเข้ามาในห้องน้ำที่ไม่รู้ว่ามาในนี้ได้ยังไง
จ้องมองในกระจกนึกถึงร่างอวบอิ่มของอรดีที่เจอเมื่อครู่ เขาว่ากันว่าคนที่จะแต่งงานมักจะมีราศีของเจ้าสาว
และเธอก็เพิ่งจะเข้าใจวันนี้
ภาพที่เขายิ้มให้กันมันช่างมีความสุขและดูเหมาะสมกับเสียจริงๆ ต่างจากตัวเธอ
ปทุมาส่ายหนาให้ตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเอาตัวเองไปเปรียบกับคนรักของพี่ชาย
ความคิดเห็น