คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่4-2
เอมมิกากำลังหัวเสียกับงานใหม่ที่เธอได้รับมอบหมายจากไอ้ประธานโรคจิตที่วันๆ
ไม่ทำอะไรนอกจากหาเรื่องแกล้งเธอตั้งแต่เช้า
เมื่อเช้าเธอมาแม้กันตภัคน์จะยังไม่ได้เข้ามาแต่ก็ให้ลุกน้องมาสั่งงานเธอ
สั่งงานเธอยังรับได้แต่เธออยู่แผนกการตลาดไอ้บ้านั่นกลับให้มานั่งคัดเอกสารที่กองโตเท่าภูเขานี่
“ทำไมไม่ให้แผนกที่รับชอบทำล่ะว้อย”
สาวทอมบอยที่อยู่ในชุดกางเกงยีนส์สไตล์ลุคบอยกับเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนคอปกของบริษัทบ่นออกมาเมื่อทำตั้งแต่เช้ามันก็ยังไม่มีทีท่าจะเสร็จ
แถมเธอยังต้องมานั่งทำในห้องเก็บของคนเดียว
ร้อนก็ร้อยเงียบก็เงียบและมันยิ่งทำให้เธอโมโห
“อ้าว
ไม่พักกินข้าวเที่ยงก่อนหรอ” วิกานดาเดินมาดูลูกน้องหลังจากที่ไปหาอะไรกินที่แคนทีนมาและไม่เจอเอมมิกาเลยเดินมาหาถึงที่
“ไม่อ่ะพี่
เอมไม่หิว” เอมมิกานั่งทำงานของตัวเองไปก็ตอบไป
ที่ไหนล่ะเธอหิวใจจะขาดแต่อยากทำให้เสร็จ
ใจจริงอยากจะลาออกเลยด้วยซ้ำตั้งแต่รู้ว่าไอ้ประธานคนใหม่คือกันตภัคน์พี่ชายของเพื่อนรักตนเอง
“ไปกินหน่อยเถอะเดี๋ยวก็หิวข้าวจนเป็นลม
ดูสิในนี้ร้อนก็ร้อน” เอ่ยว่าเมื่อตอนนี้เหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้าของตนเอง
เอมมิกาถอนหายใจ
เมื่อเช้าเธอใช้แรงจากการกินข้าวเช้าไปกับการโวยวายปทุมาที่พอเธอโทรไประบายและบ่นกับเพื่อนรักกลับไม่สนใจตัดสายทิ้งแถมยังไม่โทรกลับ
พอเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดรองลงมาคือห้องนี้ทั้งร้อยและอบมาก
แอร์ก็ไม่มีแม้แต่พัดลมสักตัวก็ยังไม่มี
“เพราะอย่างนี้เอมถึงจะรีบทำให้เสร็จ”
ตอบไปกัดฟันไป
หัวหน้าที่แสนห่วงลูกน้องก็ได้แต่พยักหน้าเพราะไม่รู้จะหว่านล้อมเอมมิกายังไงให้หยุดพักก่อนจึงหันหลังเดินกลับไปทำงานของตัวเอง
อยากจะช่วยนะเพราะตนเองก็เอ็นดูเอมมิกาเหมือนน้องเหมือนนุ่งแต่คำสั่งคือคำสั่ง
และตนเองยังไม่อยากหางานใหม่ทำในตอนนี้เพราะเกรงว่าจะหางานทำใหม่ได้ไม่
“ถ้าเจอหน้าจะด่าให้หายแค้นเลย”
เอ่ยบอกก่อนจะคัดแผ่นกระดาษต่อ
“เมื่อกี้ว่าจะทำอะไรนะ”
คนที่เดินมาดูผลงานของลูกน้องเอ่ยถาม
ใบหน้าที่มักจะนิ่งและติดดุเหมือนน้องชายดูเจ้าเล่ห์เมื่อเจ้าตัวกดยิ้มที่มุมปาก
คนที่ได้ยินเสียงหันไปมองก่อนจะแยกเขี้ยวให้
“ด่าควายมั้ง”
เอ่ยตอบ แม้จะเป็นเด็กกว่าแต่มันเหลืออดจริงๆ
มีอย่างที่ไหนเอาแต่แกล้งเธอได้ตลอดก่อนจะหันมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
พยายามไม่ต่อล้อต่อเถียงเพราะยิ่งเธอเดือดไอ้บ้านี่ก็จะยิ่งสนุกและแกล้งเธอต่อไป
“เพิ่งรู้ว่าบัวมีเพื่อนที่คุยภาษาควายรู้เรื่องถึงขนาดด่ามันภาษาควายได้”
คนที่ถูกหลอกด่ายังคงไม่สะทกสะท้านแถมยังต่อล้อต่อเถียงหญิงสาวไม่หยุดหย่อน
“ไปไกลๆ
หน้าฉันเลย” เอมมิกาละสายตาจากกองกระดาษหันไปมองเขา
เธอไม่สนว่าเขาจะเป็นใครแต่การที่เขามากวนโอ๊ยเธอแบบนี้มันทำให้คนที่กำลังหิวยิ่งโมโหมากเป็นทวีคูณ
“ไม่ไป
นี่มันบริษัทของฉัน” กันตภัคน์ตอบพร้อมยักคิ้วข้างเดียวให้เจ้าหล่อนที่กำลังโมโหหน้าดำหน้าแดง
ดอมมิกากำกระดาษจนยับคามือ
และเมื่อเขายักคงลอยหน้าลอยตากวนประสาทเธอเอมมิกาจึงหมดความอดทนปากระดาษในมือทิ้งพร้อมยืนขึ้น
“จะเอายังไงห๊ะ”
ตะคอกถามอย่างเหลืออดมือกำสั่นเพราะความโมโห คนที่เห็นอย่างนั้นแทนที่จะโมโหกลับยกยิ้มกว้างมากว่าเดิม
ตั้งแต่ไหนแต่ไรการที่ได้เห็นเอมมิกาโมโหหน้าดำหน้าแดงทำให้เขาอารมณ์ดีและมีความสุขอย่างที่สุดเลยล่ะ
“ไปกินข้าวดีกว่า”
ตัดบทก่อนจะเดินหลังออกไปทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะว่าเขาแค้เข้ามาเพื่อป่วนประสาทเอมมิกาเล่นเฉยๆ
เพราะตัวเองก็มีนัดเหมือนกัน
“ไอ้ประสาท”
เอมมิกาด่าไล่หลังคนที่หัวเราะเดินออกไป ยืนสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่จึงตัดสินใจไปหาอะไรกินเพราะขืนเธอยังนั่งทำงานต่อเธอต้องประสาทเสียแน่ๆ
เอมมิกาคว้ากระเป๋าสตางค์ตัวเองก่อนจะเดินออกไปยังแคนทีนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้มียังมีอะไรหลงเหลือให้เธอกินไหม
แวะเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา มือเรียวเอื้อมไปยังอ่างน้ำที่มีระบบเซ็นเซอร์
น้ำไหลลงฝ่ามือ
มือเรียวแต่กร้านเพราะทำงานหนักมาแต่เด็กถูเข้าหากันสามสี่ครั้งก่อนจะยกมืออกและสลัดเพื่อให้มือแห้งขึ้น
“อุ๊ย
ใจเย็นๆ สิคะกันต์” เสียงร้องครางกระเส่าของคนที่อยู่ในห้องน้ำทำให้เอมมิกาชะงัก
มือไปยังห้องน้ำเพียงห้องเดียวที่ถูกปิด
เงาสะท้อนจากด้านล่างที่พนังยกสูงทำให้เธอเห็นเงามันลางๆ เอมมิกาส่ายหน้ารู้สึกขยะแขยงกับพฤติกรรมของคนในออฟฟิตที่พากันมาพลอดรักกันในนี้
“อืม
ซินดี้” เสียงครางเรียกชื่อของเธอผู้หญิงทำให้เอมมิกาที่จะเดินออกชะงักอีกครั้ง
หัวใจของหญิงสาวที่ห้าวเหมือนผู้ชายชาวาบอย่างไม่ทราบสาเหตุเพียงเพราะเสียงนั้นเป็นเสียงของเขา
คนที่เพิ่งจะป่วนประสาทเธอ.........
“อ้า
ซินดี้จะไม่ไหวแล้วค่ะ” คนที่อยู่ในห้องน้ำด้วยร้องออกมาโดยไม่สนใจคนที่อยู่ด้านนอก
เอมมิกาหลับตา ซินดี้ เลาขาสาวหน้าห้องของกันตภัคน์ ร่างเธอสั่นเทา
ขาเรียวพยายามก้าวให้มั่นคงเพื่อพาตัวเองให้ออกมาจากตรงนั้น จากทีแรกที่คิดว่าจะไปหาอะไรกินเอมมิกากลับเดินมาอยู่ที่เดิมที่เธอนั่งทำงานเมื่อครู่
ทรุดนั่งลงที่เดิมก่อนจะทำงานของตัวเองต่อไปพยายามไม่เหม่อลอยและคิดเรื่องอื่นๆ
ให้วุ่นวายสมอง
“เกิดอะไรขึ้น”
ปทุมาเอ่ยถามเพื่อนหลังจากที่เลิกงานมาก็มาหาเอมมิกาที่ให้มาหาที่คอนโดที่เพื่อนรักอาศัยอยู่
หญิงสาวนั่งลงข้างๆ คนที่ดูซึมผิดปกติ ยกมือวางที่ไหล่
“เปล่า”
เอมมิกาส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
ท่าทางเซื่องซึมทำให้ปทุมารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เอมมิกาดูห้าวและมักแสดงออกว่าเข้มแข็งทั้งที่อ่อนแอมากทีเดียวสำหรับปทุมา
แต่ก็น้อยครั้งที่จะแสดงอาการแบบนี้ให้เห็น
“แกทำงานเป็นไงบ้าง
สนุกอย่างที่คิดไหม” เอ่ยถามเพื่อนรักแทน ปทุมาที่ถูกถามส่ายหน้าแต่ใบหน้ากลับเปื้อนรอยยิ้ม
“เหนื่อยเป็นบ้า
รู้อย่างนี้สมัครตำแหน่งอื่นดีกว่า” เอ่ยบอกเพื่อนก่อนจะนั่งลงข้างๆ เอมมิกา
ปทุมาคิดว่าตอนนี้เธอยังสนุกกับการซ่อนแอบวิ่งตามหากับพี่ชายนอกไส้อยู่
แต่หากเธอถูกจับได้ชีวิตเธอคงต้องกลับไปเหี่ยวเฉา
“ฉันว่าจะลาออกแล้ว”
อย่าเอมมิกาก็พูดออกมาทำเอาเพื่อนรักหันขวับไปมองด้วยความตกใจ
เพราะเอมมิกาทำงานมาที่นี่เกือบสิบปีแล้วและเคยเห็นเพื่อนบอกว่าต่อให้มีเงินพันล้านก็ไม่คิดที่จะเลิกทำงานที่นี่แต่มาวันนี้บอกจะลาออกทำให้ปทุมาตกใจไม่น้อย
“ทำไม”
ถามไปทันที เอมมิกายิ้มน้อยๆ กับคำถาม
สายตายังคงมองไปยังเบื้องหน้าที่เป็นวิวแม่น้ำเจาพระยามีพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินเป็นแบล็คกาวน์ให้
“บริษัทฉันถูกพี่ชายแกเทคโอเวอร์”
เอมมิกาพูดก่นจะหันมามองเพื่อนที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว
เอมมิกาเลื่อนมือไปจับมือเรียวของเพื่อน
“ฉันไม่รู้ว่าแกรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม
แต่เอาตรงๆ ฉันรู้สึกแย่” เอ่ยบอกไปตรงๆ ทำเอาคนฟังนิ่งอึ้งไปเลย
ปทุมาจะเอ่ยขอโทษเพื่อนก็พูดไม่ออก และเธอไม่เข้าใจเหตุผล
ปกติเพื่อนของเธอไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้นี่นา
“แกรักที่นั่นมากนะเอมทำไมถึงยอมทิ้งมันง่ายๆ”
ปทุมาเอ่ยถาม เอมมิกามองคนที่ถาม หัวใจอยู่ๆ ที่เคยเฉยชากับทุกสิ่งเจ็บแปลบ
“เพราฉันเหนื่อย
มีเงินก็อยากสบายไม่อยากลำบากแล้ว” บอกคนที่ถามเสียงเรียบๆ ปทุมานิ่งเงียบกับคำตอบ
รู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงของเพื่อนรักแต่ก็ไม่อยากจะซักอะไรมากมายเลยได้แต่เงียบ
สงสัยกลับบ้านไปเธอต้องไปคุยกับพี่ชายเธอแล้วล่ะ...........
ความคิดเห็น