คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สู่แผ่นดินใหม่(100%)
เมืองท่า เดลแอเรีย
"เอาเรือเทียบท่า!!!!!
ภาพเหล่านี้อาจจะเป็นภาพที่ชินตาของคนหลายคน หรือคนทั่วไป แต่ทุกอย่างที่ปรากฎอยู่ในคลองสายตาของเด็กหนุ่ม ที่โดยสารมากับเรือเหาะ นั้นสร้างความตื่นเต้น ให้กับเขาไม่น้อย สำหรับผู้ที่ไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนอย่างเขา ตอนนี้เขาอยู่ในชุดคลุมมีฮู้ดสีเทา ช่วยปิดบังเค้าโครงหน้าได้อย่างมิดชิด พร้อมกับเป้สัมภาระ ใบใหญ่สีหม่นไม่แพ้กันอีกใบหนึ่งสะพายอยู่ที่หลัง เขามองทัศนียภาพสุดท้าย ก่อนที่จะเดินลงเรือเข้ามาในสถานที่ที่ชายแก่ที่อยู่บนเรือเรียกว่าสถานีขนส่ง ช่างเป็นศัพท์แสงที่เขาไม่ชินหูเสียเหลือเกิน คนที่นี่ก็แต่งตัวพิลึกๆ แล้วมองเขาอย่างกับเด็กบ้านนอกเข้ากรุงก็ไม่ปาน ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากมายนัก แค่เขาสวมเสื้อคลุม แต่พวกนั้นใส่ชุดที่เหมือนขุนนางเก่าๆ ซึ่งมันก็ดูคล้ายๆกับที่อาณาจักรเขาใส่ไม่น้อย แต่อย่าหวังเลยว่าเขาจะใส่ รุ่มร่ามชะมัด อากาศที่นี่ก็พอๆกับที่ที่เขาจากมา แต่คงจะมีคนที่หนาวกว่านี้เป็นร้อยเท่าอยู่หรอก เขาเริ่มคิดถึงเธออีกแล้ว ถ้ามาด้วยกันได้ก็คงดีไม่น้อยสินะ เขาจะต้องรีบกลับเพื่อปลดปล่อยเธอให้ได้
"นี่เจ้า ..คนที่ใส่ฮู้ดน่ะ"เด็กหนุ่มหันไปตามเสียงเรียก ก็พบกับ เด็กหนุ่มผมเขียวอายุคงเท่าๆเขา กำลังโบกมือมาทางเขา ก่อนจะสาวเท้ามาหาเรื่อยๆ
"เจ้ามีที่พักรึยัง ดูท่านายจะมาจากเมืองอื่นล่ะสิ"
"ยังไม่มี"
"ไปพักบ้านข้ามั้ย" เด็กหนุ่มเอ่ยชวนขึ้นทันควัน
"หา ."
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
"ข้าชื่อ คราวน์ เจ้าล่ะ" เด็กหนุ่มถาม ขณะกำลังพาเหยื่อ เอ๊ย ผู้โชคดีของเขาเดินผ่านระเบียงทางเดิน ที่ทั้งซ้ายขวา แบ่งเป็นห้องๆ ในสัดส่วนที่เท่าๆกัน ดูเหมือนเด็กหนุ่มที่พามาด้วยจะรู้ตัวแล้ว จึงทำหน้าบึ้ง หัวเสียอยู่ข้างๆเขา แต่ก็ยังไม่ทิ้งมารยาท ด้วยการบอกชื่อของตน
"ฟีน"
"ฟีนเหรอ ชื่อเจ้าแปลกดีนะ แล้วมาทำอะไรที่นี่ล่ะ อ้อ ก็คงมาสอบเข้าสินะ แหม ใครก็อยากเข้าโรงเรียนนี้กันทั้งนั้นเนาะ ข้าก็เคยสอบเข้า แต่ไม่ติดซะนี่ เซ็งเลย แม่ข้าดุข้าซะบ้านจะแตก" เด็กหนุ่มยังพล่ามต่อไปไม่หยุด จนมาหยุดที่ห้องๆหนึ่ง บนชั้นสาม
"เอาล่ะ ถึงห้องเจ้าแล้ว อยากได้อะไรก็บอกนะ" คราวน์บอกแล้วส่งกุญแจให้ ไม่รอช้า เด็กหนุ่มไขเปิดห้องพัก ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที นี่เขาโดนหลอกเหรอเนี่ย แต่ก็ช่างเถอะ ถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายแล้วกัน ถ้าเขาไม่ถูกพามา ก็คงไม่รู้แม้กระทั่งจะออกจากสถานีนั่นยังไงเลยล่ะนะ คิดได้ก็เดินเข้าห้องน้ำทำธุระให้เรียบร้อย จากการเดินทางข้ามมิติมาก็ทำให้ล้าไม่น้อย แถมยังต้องตามหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่สร้างอัญมณีตามที่ท่านพ่อบอกอีก ทำไมชีวิตนี้ถึงได้ยุ่งยากขนาดนี้ก็ไม่รู้ ฟีนออกจากห้องน้ำมาในสภาพที่ดูสดชื่นขึ้น ก่อนจะออกไปรับลมที่ระเบียง สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด
" เสียงตะโกนโวยวายกัปตันผู้ที่กำลังสั่งการอยู่บนหัวเรือดังขึ้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเรือและรอขึ้นเรืออยู่บนฝั่งอีกด้าน ในภาพที่เห็นนี้ เรือที่ควรจะอยู่ในน้ำ เหมือนที่เคยเห็น กลับลอยลำอยู่ในอากาศ เปล่งประกายสีทองสวยงามออกมา เหมือนเทพนิยา การประยุกต์เวทมนตร์ให้เข้ากับการดำรงชีวิตเหล่านี้ ทำให้ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น และแน่นอน การคมนาคมเช่นนี้ จะต้องอยู่ที่สูงเพื่อที่จะได้ไม่ชนกับคนอื่น เมืองที่นี้ ลอยอยู่ในอากาศบนพื้นน้ำ และดูเหมือนจะมีเส้นทางต่อกับเมืองใหญ่อีกเมืองที่ตั้งเยื้องกันอยู่ด้านล่าง'
ฟีนร่ายมนตร์บทหนึ่งอย่างรวดเร็วแล้วจ้องทะลุผลึกอัญมณีสีดำใสที่ใส่ติดตัวอยู่ตลอดนั้น สะท้อนให้เห็นถึงร่างหญิงสาวที่กำลังนอนอยู่ในโลงแก้ว รอบตัวเป็นผลึกน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย กับดอกไม้สีขาวบานสะพรั่ง เหมือนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้นั้น อัญมณีคือสิ่งเดียวที่จะใช้สื่อสารกันได้ มองเห็นกันได้ แต่คงเป็นเขาฝ่ายเดียวที่จะได้เห็นภาพเหล่านี้ ก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีแสงจากดวงเดือนส่องมาให้ได้เห็นความสวยงามของเวลาแห่งรัตติกาล ซึ่งสำหรับฟีนแล้ว มันเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะโลกของเขา ไม่มีทั้งตะวันและจันทรา มีเพียงแสงสลัวๆ จากอัญมณีต่างๆที่ตั้งอยู่ตามบ้านเรือนเท่านั้น เขามองดวงจันทร์อยู่นานก่อนจะล้มลงบนเตียง และนอนหลับไปในที่สุด โดยไม่สนใจเสียงใดๆอีก
แสงแรกของแดดอ่อนๆยามเช้า สาดส่องเข้ามาทางร่องผ้าม่านที่แง้มเปิดอยู่ตามแรงลม
ทำให้ร่างๆหนึ่งที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มลืมตาขึ้น พร้อมสำหรับยามเช้าที่กำลังจะมาถึง เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็ทำการล็อกบานประตู ปิดผ้าม่านทั้งหมดให้มิดชิด แล้วมาหยุดที่บริเวณพื้นกลางห้องที่ไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ แท้จริงชาวเควนตัส ไม่จำเป็นต้องมีการร่ายเวทใดๆในการใช้พลังของตน แต่เขามีพลังเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น การที่จะใช้วิธีนั้น จึงเป็นการสิ้นเปลืองพลังโดยใช่เหตุ ถึงจะชักช้าไม่ทันใจไปหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร
"ข้าแต่กาลเวลาผู้ไม่เคยหยุดนิ่ง ณ แห่งหนใด ขอโปรดประทานพลังให้แก่ข้า ผู้เป็นลูกหลานของเหล่าผู้นำในอดีต ชี้ทางให้ข้าเห็นในสิ่งที่ปรารถนาจะเจอ โปรดนำข้าแม้สิ่งต่างๆจะดับสูญไป"
เขาเริ่มจากขยายวงเวทออกไปเรื่อยๆ ก่อนจะหลับตาทำสมาธิเพื่อหาจุดหมายของเขา ที่ที่ภารกิจของเขาจะสำเร็จ เขากำลังล่องลอยไปในที่ต่างๆ ที่ๆเขาจำได้ว่าเป็นในเมือง และหยุดลง ณ ที่ที่หนึ่ง รั้วสูงตั้งตระหง่านสร้างด้วยมนตร์กั้นอาณาเขตขวางทางเขาไว้ เขาตัดสินใจที่จะเข้าไปอีก แต่สติก็เหมือนถูกดึงให้กลับเข้าร่างอีกครั้ง
" ฟี ฟีน ..ฟีน นายเป็นอะไรนะ ตื่นสิ เฮ้" ภาพแรกที่เห็นคือเด็กหนุ่ม ผมตั้งสีเขียวเข้ม กับหน้าที่ตื่นตระหนกของเขา ฟีนพยุงตัวขึ้น สั่นหัวไล่ความเบลอ
"ฉัน .ไม่เป็นไร นายเข้ามาทำอะไรในห้องนี้"
"ก็พอดี ฉันจะไปสมัครเรียน แล้วกะจะชวนนายไปด้วยกันเลย เห็นนายไม่เคยมาที่นี่ พอเข้ามาก็เห็นนายล้มกองอยู่ตรงนี้อย่างที่เห็นน่ะแหละ แล้วตกลงจะไปด้วยกันมั้ย"
"สมัครเรียนอะไรนะ โทษที ฉันไม่ไป ต้องตามหาของอยู่"
"อ่าว ไอ้ฉันก็นึกว่า จะมาสอบเข้าเรียนซะอีก แต่ถ้าตามหาของก็ยิ่งต้องไปด้วยกันเลย ก็นายพึ่งบอกว่าเคยมาเมืองนี้จะไปหาเจอได้ยังไงล่ะ เมืองออกตั้งกว้าง เดี๋ยวไปกับฉันก่อนแล้วกัน สอบเสร็จแล้วค่อยไป ฉันจะช่วยอีกแรง สำหรับที่มาพักที่นี่ด้วยก็แล้วกัน" หนุ่มหัวเขียวสับเสร็จ ก็เดินคว้าคอเจ้าของห้องเดินไป โดยไม่ฟังคำทักท้วงของหนุ่มอีกคนที่กำลังจะขาดอากาศหายใจเพราะแขนของเขาที่รัดรอบคออยู่
สองหนุ่มกินข้าวที่ล็อบบี้โรงแรมเสร็จ ก็เดินออกมาจากโรงแรม เดินเลียบมาตามถนนที่
วันนี้ดูจะพลุกพล่านเป็นพิเศษ แต่คราวน์ก็ยังไม่วายที่จะซื้อ ขนมปังมาห่อนึงกับไอศครีมอีกถ้วย
โดยให้เหตุผลว่า เป็นของกินเล่น จะได้มีแรงไปสอบ แต่ปากเจ้ากรรมก็ยังไม่หยุดพูดอยู่เหมือนเดิม
"ทำไมนายถึงต้องใส่ไอ้เสื้อคลุมนี่ด้วยอะ เกะกะเทอะทะจะตาย ร้อนก็ร้อน หน้าก็ไม่ใช่ว่าดูไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถึงครึ่งของฉันก็เถอะ"
'ไอ้ไม่ถึงครึ่งของนายนี่คือดูไม่ได้ใช่มะ' ฟีนตอกกลับในใจ
"แล้วโรงเรียนนี้เป็นไง ทำไมคนถึงอยากจะเข้านัก" คราวน์ถึงกับทำหน้าเอ๋อ อ้าปากกว้าง เหมือนกับไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ เมื่อฟีนดูเหมือนไม่ได้เล่นตลก
"นี่นายไปมุดน้ำ มุดอากาศ ที่ไหนมาเนี่ย หรือว่าไปจำศีลที่แม่น้ำ โอเซ มาซักร้อยปีกันแน่ ถึงไม่รู้อะไรขนาดนี้เนี่ย อะอะ เอาเป็นว่า อืมมม ถ้าใครเข้าโรงเรียนนี้ได้ โอกาสที่จะมีงานทำสูงๆ หรือจะไปเข้าเรียนต่อเป็นโปรเฟสที่ไหน ก็สามารถทำได้ แล้วถ้าจบออกมาคะแนนดีๆนะ มีโอกาสถึงเป็นขุนนางในพระราชสำนักเลยนะเฮ้ย แล้วก็กำหนดอายุคนที่จะเข้าในแต่ละปีด้วย เห็นเขาว่าคนมันเยอะเกินอะไรประมาณเนี้ย ส่วนมากก็ประมาณ15-16ปีเนี่ยแหละ ไม่มากไม่น้อยกว่านั้น ปีที่แล้วชั้นพึ่ง15 ก็เลยอยากลองดู และที่สำคัญ เด็กนักเรียนโรงเรียนนี้จะได้รับสิทธิสามารถเข้าไปที่ไหนก็ได้ที่ทางการสั่งห้าม"
"ไม่เห็นอยากเป็นเลย ผูกโซ่ตรวนให้ตัวเอง หน้าดำคร่ำเคร่งเรียน"เด็กหนุ่มอดประชดเสียไม่ได้ แต่ก็แอบสนใจหน่อยๆ สิทธิจะไปไหนก็ได้งั้นเหรอ
"แต่ผลออกมาก็คุ้มไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่างที่นี่น่ะ ได้ยินเขาลือกันว่า สร้างโรงเรียนเป็นฉากบังหน้าเท่านั้นแหละ แต่ความจริง เป็นองค์กรอะไรบางอย่าง คล้ายๆ กับหน่วยสืบลับอะไรเงี้ย น่าสนใช่มั้ยล่า" คราวน์ยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่ก็ได้เพียง หน้าบึ้งๆ ที่กำลังทำปากยื่นของเพื่อนใหม่เท่านั้น จนทำให้เขาส่ายหัวอย่างหน่ายๆ แล้วก็กินไอติมในมือที่เริ่มจะละลายจนหมด พร้อมกับเดินชี้โน่นนี่ให้ฟีนดูไปเรื่อยๆตลอดการเดินทาง จนมาหยุดที่หน้าบานประตูบานใหญ่ รถม้ามากมายจอดรออยู่หน้าประตู ฉับพลันความรู้สึกบางอย่างก็เข้ามาที่ฟีนทันที
"เฮ้ย จะไปไหนน่ะ ฟีนนนน ไหนว่าไม่สนใจไงฟระ เข้าไปก่อนคนอื่นเขาเลย เขายังไม่ให้เข้าเว้ยยย"คราวน์ตะโกนอย่างหัวเสีย อยู่หน้าประตูบานใหญ่ ที่มี ป้ายเหล็กขัดมันวาววับ
" ขอต้อนรับผู้เข้าสอบทุกท่าน ...โรงเรียนมหาเวท แกรนด์ครอส"
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
'มนตร์กั้นอาณาเขต' คำแรกที่ผุดขึ้นกลางหัวหลังข้ามกำแพงมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฟีนสนใจมากมาย เพราะสิ่งที่สนใจยิ่งกว่ามันอยู่ข้างหน้าเขาไม่กี่ก้าว เด็กหนุ่มพุ่งตัวลัดสนามโรงเรียน พืชพรรณไม้ต่างๆอย่างรวดเร็ว
จนมาถึงอาคารแห่งหนึ่ง จะเรียกว่าปราสาทที่ใหญ่กว่าปราสาทก็คงไม่ผิด เพราะมันทั้งใหญ่ สวยงาม และ ตกแต่งด้วยรูปปั้น คล้ายๆกับปราสาทโบราณทั่วไป แต่มีมนตร์ขลังอย่างประหลาด แม้ข้างนอกจะดูสวยงาม แต่เหมือนปกปิดสิ่งลี้ลับอะไรซักอย่างที่น่าค้นหา
'ใกล้จะถึงแล้ว อีกนิดเดียว'เสียงตะโกนในใจพร้อมกับ สัญชาติญาณที่ดังก้องอยู่ในหัวดังขึ้นเรื่อยๆอย่างลิงโลด
"มาสมัครเรียนหรือ เจ้าหนุ่ม" เฮือกก ฟีนกลืนน้ำลายเอื๊อก
'จะให้ใครเห็นไม่ได้' ก่อนจะวิ่งหนีสุดชีวิตแบบหมายังเรียกพี่ แมงหวี่ยังเรียกพ่อไปทันที ปล่อยให้คนชราที่เด็กหนุ่มไม่เห็นแม้แต่หน้ายืนมองอย่างงงๆ
"อ่าว แล้วจะไปไหนล่ะนั่น เสียมารยาทรู้มั้ย ข้ามันก็แก่แล้ว จะไปวิ่งทันเจ้าได้ยังไง แต่ก็ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายซะนาน จะเล่นด้วยก็ได้" ว่าแล้วก็หายไปอีกคน
เด็กหนุ่มเกียร์หมาวิ่งมาเรื่อยๆ พอเห็นว่าไกลพอสมควร ก็ไปหลบหลังรูปปั้นเพกาซัสที่ตั้งอยู่ในมุมอับ ในใจก็คิดว่าคงไม่มีใครตามมาแล้ว พลางสูดอากาศเข้าเต็มปอดให้สบายใจ
ก่อนจะนั่งลงกับพื้นหญ้าเขียวๆนั้น แล้วก็ไพล่คิดไปถึง คราวน์ที่อยู่หน้าโรงเรียน สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับ เพราะคิดว่าได้อะไรมามากพอแล้ว ก่อนจะหายวับไปอย่างเงียบกริบที่สุดอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังมองมา
ความคิดเห็น