ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Latice

    ลำดับตอนที่ #5 : คืน

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 59


         เช้าวันนี้ เฟนเดอร์ตื่นขึ้นมาด้วยแรงที่มากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เขาบิดขี้เกียจไปมา ก่อนจะเดินไปล้างหน้าล้างตา เขาถอดเสื้อออกมาซัก เพราะเสื้อของเขานั้นทั้งขาดหลุดลุ่ย และเปื้อนไปด้วยรอยเลือด เฟนเดอร์ออกจากที่พักไปเพื่อเก็บผลไม้ เสียแต่แถวนี้ไม่มีผลไม้ให้กิน เขาจึงเก็บแต่ผักที่เขาจำได้ว่ามันสามารถกินได้มาแทน เขาเดินเลียบไปตามลำธาร จับปลาด้วยทักษะที่ตนเองถนัด ได้ของครบพอจะเป็นมื้อเช้าแล้วเขาก็เดินกลับ

              แล้วก็พบนางยักษ์หน้าบึ้งรออยู่

              “ไง ตื่นแล้วเหรอ ของกินเพียบเลยนะ” เขาพยักเพยิดหน้าไปทางของกิน เพื่อให้เซ ได้รู้แน่ชัดว่าเขาไม่ได้โกหก

              “ดีแล้วใช่ไหม?” เซถาม หน้าตาบูดบึ้ง เฟนเดอร์หายไปไม่บอกไม่กล่าว ทิ้งให้เธอรอคนเดียว ไม่มีอะไรทำ

              “ดีแล้ว” เขาว่า ก่อนจะนั่งลงจัดการกลับอาหาร เฟนเดอร์ใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่เพียงเล็กน้อย ทอดปลากับผัก เขาทอดได้ดีแม้จะมีไหม้บ้าง ทั้งนี้ก็เพราะเบลล่าสอนให้ตอนค่ายยังไม่ถูกเผา

              “นายไม่เก็บผลไม้มา แต่ทำผัดผักให้ฉันกินเนี่ยนะ” เซบ่นอิดออดเมื่อเห็นเขาเอาผัดผักมาวางไว้ตรงหน้าเธอ

              เขายิ้มร่า

              “ฉันหาผลไม้ไม่เจอ ไม่เห็นมี วันก่อนเธอไปหาได้ไงวะเนี่ย” เฟนเดอร์ถามพลางเกาหัว เขาฉีกเนื้อปลาเข้าปาก เขาไม่กินผัก จึงกินแต่ปลา และเหมือนเซจะนึกออกขึ้นมาว่าเขาไม่กินผัก

              “นายเอาผักมาให้ฉันกินโดยเฉพาะเลยใช่มั้ย?” เธอจึงเริ่มโวย “หามาแล้วก็ไม่กิน”

              เมื่อพวกเขาสองคนอิ่มกันแล้ว เซจึงเริ่มเข้าเรื่องเป็นงานเป็นการเสียที “ไอ้เฟนด์” เขาหันมามอง เขาชินเสียแล้วที่ผู้หญิงคนนี้มักจะขึ้นต้นชื่อเขาด้วยไอ้ เขาจะถือเป็นการให้เกียรติละกันนะ

              “นายมีอาวุธอะไรติดตัวมาบ้างไหม วันก่อนดาบที่นายพกมา ฉันก็เห็นมันกลายเป็นไม้หน้าสามไปแล้ว” เซพูดถึงสิ่งที่เห็นเมื่อวันก่อน

              เฟนเดอร์ส่ายหน้า

              “อันนั้นเพื่อนเสกให้ฉุกเฉิน” เขาแจง

              “แต่ดาบจริงๆฉันทิ้งไว้ที่เธอไม่ใช่เหรอ?”

              เซพยักหน้าน้อยๆ “แต่มันไม่ถูกใช้มาเจ็ดปีเลยนะ นายไม่มีของใหม่เหรอ?”

              “ชาวสวนไม่จำเป็นต้องใช้ดาบ” เขาตอบแล้วแบมือ “ขอยืมดาบหน่อย”

              “มันของนายนี่” เซเอ่ย พลางกรีดนิ้วออกไปด้านข้าง เกิดเป็นรอยเฉือนขึ้นมา เซยื่นมือไประหว่างรอยเฉือนนั้นเพื่อไปยังมิติอื่น เธอโยนของออกมาสี่ห้าชิ้น มีทั้งค้อน แซ่ ง้าว และตำราอีกนิดหน่อย

              “เธอเก็บบ้าไรไว้ในมิติมากมายเนี่ย” เฟนเดอร์เริ่มบ่น ตอนที่เขารู้จักกับเธอนั้น เธอชอบใช้พลังแบบนี้ในการเก็บของ แต่ยังไม่คล่องเท่านี้ และดูเหมือนของที่เธอเก็บไว้จะเพิ่มจำนวนอย่างมหาศาลเลยทีเดียว

              “ของสะสมเล็กน้อยน่ะ อ้ะนี่” เซตอบพลางหยิบของที่คิดว่าใช่ออกมาแล้วยื่นให้เฟนเดอร์ แล้วเธอก็จัดการเก็บของที่รื้อออกมา

              เฟนเดอร์รับไปแล้วกระตุกยิ้ม

              กลับมาอยู่ด้วยกันนะ เกล็ดมังกร

              “ไม่บิ่น ไม่ร้าว เงาวับดีทุกอย่าง เธอรักษาลูกฉันดีเหมือนกันนะเซ” เฟนเดอร์เอ่ยชม

              “เกล็ดมังกรเป็นดาบที่ดูแลยาก แต่การโยนไปในอีกมิตินี่ทำให้เรื่องพวกนี้หายห่วงไปเลย” เซพูดขึ้น เกล็ดมังกร เป็นดาบที่พ่อของเฟนเดอร์กับเฟนเดอร์ช่วยกันตี รูปร่างของดาบเป็นทรงง่ายๆ เรียว ขนาดพอเหมาะ น้ำหนักปานกลาง และไม่ค่อยมีลวดลาย แต่โดดเด่นก็ตรงที่ส่วนประกอบของมันเป็นเขาของลูกครึ่งมังกรไฟและมังกรจันทราที่พ่อของเฟนเดอร์เลี้ยงไว้ ดังนั้นจึงสวยสง่า หากยังคงความร้อนแรงเอาไว้ ดังนั้นเนื้อดาบจะอุ่นอยู่เสมอ

              “ความจริงก็คือเธอขี้เกียจเก็บ เลยโยนทิ้งไว้ในห้วงมิติสินะ” เฟนเดอร์ทักท้วงอย่างน้อยใจ เขาว่าจะไม่คิดมากแล้วนะ แต่พอคิดอย่างนี้มันก็รู้สึกเจ็บแปลบๆ เซเองก็เริ่มทำจิ๊จ๊ะไม่พอใจ ที่เฟนเดอร์ดูถูกน้ำใจเธอ นั่นทำให้ เฟนเดอร์เริ่มยิ้ม

              เธอไม่ได้ไม่สนใจขนาดนั้นเสียหน่อย

     

              และคืนนั้นเฟนเดอร์ก็ตัดสินใจลองดาบที่จากกันมานาน ด้วยการปลดเขตอาคมของเซออก ทำให้สัตว์ร้ายมากมายแวะเวียนมาทักทายเขา ถึงแม้ร่างกายของเฟนเดอร์จะยังไม่หายดี แต่ฤทธิ์ของเกล็ดมังกร ก็ทำให้เขาจัดการสัตว์เหล่านี้ได้ไม่ยากนัก      

              เขาไม่ใช่พวกชอบการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แต่เขาเป็นนักดาบ การหลีกเลี่ยงการปลิดชีวิตคงทำได้ยาก

              เซบ่นค่อนขอดเขาตลอดทั้งคืน เพราะการที่เขาให้เธอปลดเขตอาคมออกนั้นทำให้เธอไม่ได้นอนไปด้วย ถึงจะไม่ได้มาสู้รบปรบมืออย่างเขา แต่เสียงเอะอะโวยวายของการต่อสู้รบกวนเซมากทีเดียว เธอว่าเขาทุกครั้งที่สะดุ้งตื่นเลยทีเดียว ทั้งๆที่เธอเองก็ไม่จำเป็นต้องนอนอะไรเยอะแยะ ก็เพราะว่าวันนี้ พอเซเห็นว่าเขาเริ่มหายดี ทำนู่นทำนี่ได้แล้ว งานใช้แรงงาน และการทำกับข้าวทุกมื้อ ก็เป็นฝีมือเขา เธออ้างว่าเขาควรจะตอบแทนเธอบ้าง เธอบอกว่าเหนื่อยเหลือเกินในช่วงสามวันที่เขาสลบไป แล้วพอเขาอิดออด เธอก็ยกเรื่องที่อุตส่าห์เก็บเกล็ดมังกรนี่ไว้ขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาช่างพึ่งเธอเยอะเสียจริง

              และเมื่อรุ่งเช้ามาถึง เซก็อ้างว่าเพราะเขาทำให้เธอไม่ได้นอน ดังนั้น มื้อเช้านี้เขาต้องจัดการเตรียมมัน ก่อนที่เราจะออกเดินทางไปยังค่าย 5 ทางทิศตะวันออก

              ทิศตะวันออกนั้นหาง่าย จะเดินตามดวงตะวันก็ได้ หรือจะเดินทวนกระแสน้ำขึ้นไปก็ได้ สุดท้ายแล้วก็จะถึงที่หมายเหมือนกัน ลำน้ำเล็กๆ แต่สายยาวนี้ ก็เป็นอีกสายที่แตกมาจากเลทิส

              เขาเดินทางมาได้สองวันเศษ ไม่เจออุปสรรคมากนัก และก็ไม่มีข่าวการซุ่มโจมตีค่ายทหารของทั้งฝั่งเดมอสและฝั่งเอเดนอีก ตลอดระยะเวลาที่เขาออกมาอยู่ในป่า

              พึ่บ!

              เสียงการเคลื่อนไหวที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นในระยะไม่ไกลนัก เขาจึงชะงักเท้า

              เซหันมามองเหมือนจะสงสัย

              เขาเอานิ้วชี้มาแตะที่ริมฝีปากทำท่าบอกให้เซเงียบ และระวังตัวให้ดี และเมื่อสีหน้าของเซดูตึงเครียด เขาจึงยักคิ้ว เท่านั้นแหละ หล่อนแทบจะขว้างหินแถวๆนั้นใส่หัวเขาทันที เพียงแต่เขาจับมือนั้นไว้ทัน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นแหวนทองคำขาววงเกลี้ยงที่นิ้วนางข้างขวา แต่ไม่นานนัก ผู้บุกรุกที่น่าสงสัยก็โผล่ขึ้น

              ลำแสงพุ่งมาอย่างรวดเร็วเฉียดพวกเขาไปเล็กน้อย ฉับพลัน เฟนด์ก็พุ่งตัวไปยังทิศของลำแสงนั้น

              ลำแสงสีเขียว กำลังจะปะ กับคมเกล็ดมังกร

              ทั้งหมดนี้หยุดไป เพียงแค่นัยน์ตาสองคู่สบกัน

              “ทอช/เฟนด์” พวกเขาเรียกชื่อกันและกัน พลางสวมกอด

              ทอชมองสำรวจเพื่อน ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วมองกลับขึ้นมาตั้งแต่เท้าจรดหัวใหม่อีกรอบ “ฉันดีใจที่นายปลอดภัยดี” เขาลูบไปตามรอยแผล

              “เป็นจอมเวทย์ที่ดี แต่คงไม่ใช่สายรักษา” ทอชพูดพลางร่ายเวทย์ทับแผลของเฟนเดอร์ ก็จางลงไปอีกมาก

              และหางตาทอชก็ไปเจอกับอะไรบางสิ่ง

              เขาชำเลืองมองมือของเฟนเดอร์ที่กระชับข้อมือน้อยๆของผู้หญิงแปลกหน้าไว้แน่น ก่อนกระตุกยิ้มล้อเลียน

              “เหย เฟนด์ นี่นายหายไปแป๊บเดียวอย่าบอกนะว่าได้หวานใจกับเขาแล้ว” ทอชกล่าวพลางเอามือมาตีอกเขา ใบหน้านั้นทะเล้นขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่ปกติก็ดูทะเล้นอยู่แล้ว

              คำพูดนั้นทำให้เฟนด์ปล่อยมือทันที ใบหน้าเป็นสีชมพูน้อยๆจากการถูกล้อ และก่อนจะเอ่ยปากเถียงอะไร เจ้าคนปากดีก็ชิงพูดเสียก่อน

              “สวัสดีครับ ผม ทอช วิลสัน ครับ พ่อมดจากแอเรียส” ทอชโปรยยิ้มเจ้าชู้เล็กน้อยให้แก่เซ

              “เซ เคอร์คอฟค่ะ” เซตอบรับอย่างสุภาพ ว่าจะพูดแค่นั้น แต่พอสบกับ รอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “ฉันบังเอิญเจอเฟนเดอร์กำลังบาดเจ็บ เลยช่วยรักษาให้ ตอนนี้บาดแผลทุเลาลงแล้ว ก็เลยกลับค่ายค่ะ เผอิญว่าเมื่อกี้คุณโจมตีเข้ามา เฟนเดอร์ตกใจก็เลยคว้ามือฉันไว้แค่นั้นค่ะ”

              “อ้อ ครับ” ทอชพยักหน้าสองสามที พลางหันไปมองอาการเจ้าคนที่ปล่อยให้ผู้หญิงอธิบายอย่างไม่เป็นสุภาพบุรุษ

    เฟนเดอร์เกาหัวแกรกๆ

    “งั้นเรากลับค่ายกันนะครับ บังเอิญผมมาสำรวจเส้นทางน่ะ เพราะทางค่ายเค้าจะเอาคืนบ้างแล้ว” ทอชจึงว่าต่อ เขาพาเซและเฟนเดอร์กลับค่ายไปพร้อมๆกัน เราเดินทางกันต่อเพียงครึ่งวันเท่านั้นก็ถึงค่ายแล้ว  ระหว่างทางทอชสรรหาสิ่งมาพูดมากมาย ในขณะที่สองหนุ่มสาวนั้นทำได้แต่ฟัง อาจจะมีโต้ตอบบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก

    ทอชเล่าถึงคืนวันที่เกิดเหตุ ความสูญเสียที่แม้ไม่มากนัก มีเพียงทหารราบจำนวนไม่มากเสียชีวิต พลอากาศและพลธนูแทบจะรอดมาได้ทุกคน แต่ค่ายนั้นเหลือแต่ซาก มีคำสั่งเปลี่ยนแผนจากการกระจายกำลังตามค่ายต่างๆ ให้ทุกค่ายที่ถูกเผาไปรวมกับค่ายใหญ่ที่ใกล้ที่สุด เนื่องจากจำนวนคนที่มากเกินไปทำให้เสบียงที่ค่าย 5 มีอยู่ขาดแคลน แต่ปัญหาเหล่านี้ก็หมดไปเพราะอาหารประหลาดของเบน เชฟมือทองจากเจมิไนเตรียมไว้จนเกลือหมดนั่นแหละ และหลังจากการที่ทอชรอดมาได้ ตอนนี้เขาก็ไม่ใช่หน่วยพลาธิการอีกต่อไป ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะแผนการเรียนรู้หลักสูตรเชฟก็เป็นอันต้องพับเก็บไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×