ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Latice

    ลำดับตอนที่ #4 : เผา

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 58


    วันที่ 5 ของการเป็นทหาร

              เฟนเดอร์ รอย กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการก่อฟืน การตัดไม้ไม่ใช่งานที่ถนัดนักสำหรับเขา เพราะในสายตาผู้ปลูก การทำลายต้นไม้โดยการตัดเป็นเรื่องไม่ดีเท่าไรนัก แต่นี่ก็เป็นงานจำเป็น ฟืนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอาหาร และอย่างน้อย เขาเป็นแค่คนก่อฟืน ไม่ใช่คนตัด

              “เฟนด์” เสียงผู้หญิงสักคนตะโกนเรียกเขา เฟนด์หันไปตามทิศของเสียง

              “รับ” ผู้หญิงคนเดิมย้ำ ก่อนโยนขวดน้ำมาให้เขา เฟนเดอร์รับอย่างแม่นยำก่อนขานขอบคุณ ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าน้อยๆด้วยรอยยิ้ม ก่อนขว้างอีกขวดหนึ่งเข้าไปให้ทอช

              ปัก!

              แต่บังเอิญมันไปโดยที่กลางกบาลของทอช

              “โอ้ย! เบล

     โยนดีๆสิ” ทอชเริ่มโวยวายก่อนไปเก็บขวดน้ำที่ตกอยู่

              “ฉันชื่อ เบลล่า ย่ะ เรียกเต็มๆด้วย เบลล่า เดอราปุส ค่ะ” เด็กสาวเอ่ยเชิดๆ

              “เธอลอกคำพูดฉันนะ เบล” เฟนเดอร์แย้งเมื่อรู้สึกคุ้นชินกับคำพูดเมื่อสักครู่

              เด็กสาวหันมาแลบลิ้นก่อนจะเดินไปทางอื่น เพื่อแจกน้ำให้กับทุกๆคนในหน่วย เธอทำอย่างนี้เป็นประจำ แม้ว่ามันจะไม่ใช่หน้าที่ก็ตาม

              เฟนเดอร์เปิดขวดน้ำออกก่อนจะกรอกเข้าปากตัวเอง

              และเมื่อเดินแจกจ่ายน้ำทุกขวดจนหมดแล้ว เบลล่าจึงเดินมานั่งข้างๆเฟนเดอร์

              “ก่อฟืนเสร็จหรือยัง?” เธอถาม ก่อนจะเอามือข้างหนึ่งเสยผมที่ปรกหน้าแล้วพัดให้ตัวเองเพื่อคลายร้อน

              “เสร็จแล้ว ต่อไปตาเธอทำอาหารแล้วล่ะ เอาอร่อยๆนะ” เฟนด์ตอบ เธอกับเขาค่อนข้างสนิทกัน เพราะหน้าที่ในหน่วยมันสัมพันธ์กัน เขาก่อฟืน เธอทำอาหาร แต่บางทีเวลาจวนตัว เขาก็ต้องทำเองเหมือนกัน

              “เบล วันก่อนเธอทำซุปโคตรจืดเลย วันนี้เพิ่มเค็มให้ฉันหน่อยได้มั้ย?” ทอช ที่ทำงานของเขาเสร็จหันมาพูดบ้าง

    “ขอเกลือหน่อยสิ” เบลฮึดฮัดแล้วตอบพลางแบมือ

    “ไม่มีใช่มั้ย” เบลถามย้ำ “เกลือน่ะหมดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ฉันใช้นายไปหามาตั้งแต่เมื่อวานแล้วทำไมยังไม่ได้แล้ว แถมมีหน้ามาบ่นอีกนะ”

    “เห้ย! ฉันลืมอ้ะ ก็เมื่อวานมัวแต่ฝึก แล้วก็หัวเราะที่เจ้าเฟนด์มันโดนลงโทษ”

    “แล้วทำไมเกลือในเสบียงเราหมดเร็วนักล่ะ ปกติมันอยู่ได้เป็นเดือนไม่ใช่เหรอ?” เฟนเดอร์สงสัย และดูจากแววตา เมื่อทอชฉุกคิดได้ ก็สงสัยเช่นเดียวกัน เบลล่ายิ้มแหยๆแล้วส่ายหน้า “นายเห็นตายักษ์นั่นมั้ย?” เบลล่าชี้ไปที่ผู้ชายหนวดเฟิ้มตัวใหญ่ๆ ที่กำลังสับวัตถุดิบอยู่

    “เบน พ่อครัวที่มาจากเจมิไน ไอดอลฉัน ทำไมเหรอ” ทอชโพล่งขึ้นตอบ พองหันไปมองไอดอลหนวดเฟิ้มตาเยิ้ม

    “นายไม่ได้ชอบพวกชายด้วยกันใช่ไหมทอช” เฟนเดอร์ถามเมื่อทอชใช้สายตาเคลิบเคลิ้ม

    “เปล่านะ” ทอชส่ายหัวดิก ก่อนจะทำหน้าตาสยองพองขนก่อนพูดว่า 

    “เบนเกี่ยวอะไรกับเกลือ”

              และเขาก็พาบทสนทนากลับมาเรื่องเดิม

              เบลล่าหัวเราะเบาๆกับการหยอกล้อของเฟนเดอร์ ก่อนเอ่ย “เบนน่ะ ทำอาหารตุนสำรองไว้ ด้วยวิธีการหมักดองสูตรเจมิไนอะไรเนี่ยแหละ เขาบอกมาน่ะ เราจะได้ไม่ต้องป้องกันยุ้งเสบียงที่ติดไฟง่าย เผื่อค่ายถูกโจมตี เสบียงจะได้ไม่เสียหายมากนัก”

              “อาหารเสร็จแล้วใช่ไหม เบล ฉันชิมนะ” เฟนเดอร์พูดก่อนหยิบช้อนมาตักซุปในหม้อ ไม่ห่วงว่ามันจะขัดกับหลักอนามัยจ๋าจากเบื้องบน และไม่ห่วงด้วยว่ามันจะร้อนสักนิด แล้วทำหน้าเจื่อน

              “ชิมบ้างๆ” ทอชหันมาแย่งช้อนจากเฟนด์ แล้วแลบลิ้นออกมา “หวานเว่ออ้ะ ยัยเบล”

              “แหะๆ ก็ตอนพวกนายถามฉันมากๆอ้ะ ฉันเผลอทำน้ำตาลหกเยอะไปหน่อย”

              มื้อเย็นของพวกเขาจึงกลายเป็น สวีทมีล ในที่สุด

     

              ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

              เฟนเดอร์นอนหลับอยู่ในกระโจม หูได้ยินถึงสิ่งภายนอกที่กำลังโหมกระพือ และสิ่งมีชีวิตมากมายกำลังเคลื่อนที่ผ่านไปมา เขาตื่น แต่ยังไม่ขยับ

              จนกระทั่งรู้สึกว่ามีใครบางคนกระวนกระวายเข้ามาสะกิดเขา

              “เฟนด์ ค่ายหลักโดนเผา ไปช่วยกันดับไฟ” เขาพูดเสียงดัง เฟนเดอร์ลุกขึ้นทันที พลางวิ่งตามทอชไปเพื่อช่วยดับไฟ เขาไม่ได้งัวเงียมากนัก เพราะรู้สึกตัวมาได้ระยะหนึ่งแล้ว

              ไฟและควันที่กำลังโหมไหม้ ผสานกับแรงลมในยามค่ำคืน ทำให้เปลวเพลิงยิ่งลุกกระพือเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ และถึงแม้ว่าคนในค่ายจะขวักไขว่ไปมาเพื่อตักน้ำมาราดค่ายที่ติดไฟ ก็เหมือนจะไม่มีอะไรดีขึ้น

              เฟนเดอร์วิ่งมาพร้อมกับถังน้ำ เขาสาดเข้าไปในกองเพลิง เขาคลาดกับทอชตั้งแต่สิบห้านาทีที่แล้ว

              ฟู่! ฟู่! ฟู่!

              เสียงคำรามของอะไรสักอย่างดังขึ้น และเมื่อเฟนเดอร์หันไปมองเขาก็พบคำตอบ

              “ซวยแล้วไงล่ะ”

              กองทัพนกยักษ์ตัวประหลาดสีเพลิงบินโฉบเฉี่ยวพ่นไฟมาจากทิศตะวันตก ทิศที่ทำให้เขารู้ว่า ใครกันที่ส่งเพลิงนี่มา

              พวกปีศาจเดมอสผู้นิยมการเผาค่าย

              เสียงอึกทึกครึกโครมที่เกิดจากการดับไฟ จึงเปลี่ยนเป็นเสียงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับนกยักษ์ พลธนูประจำที่และแผลงศร ในขณะเดียวกัน ที่นกยักษ์ล้มตาย แต่กลับมีกำลังเสริมมากมายเพิ่มขึ้น เพลิงที่ถูกเป่าจากปากคร่าชีวิตทหารไปจำนวนมาก การรบกันทางอากาศทำให้เขาค่อนข้างลำบากในการหาที่ซ่อน เพราะหากเขาบุก เขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

              เขาเตะไม้หน้าสามที่พื้นแล้วดีดขึ้นมาไว้ในมือ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีอะไรไว้เพื่อป้องกันตัว

              เสียงหวีดร้องของนกยักษ์ก้องขึ้นอีกครั้งเมื่อ พลอากาศที่มีอยู่น้อยนิดของหน่วยรบนี้เรียกมังกรคู่ใจออกมารบ ทางนี้ฝ่ายของพวกเขาค่อนข้างได้เปรียบ พลอากาศ หรือ นักรบมังกร เป็นผู้ได้รับการฝึกมาดี ใช้ได้ทั้งดาบ และ เวทย์มนต์ เขาจึงหันไปทางลานกว้าง การสู้อย่างไม่ยุติธรรมระหว่าง ทหารราบ และ นกยักษ์ ค่อนข้างน่าเป็นห่วงกว่าอีกฝั่งหนึ่งนัก

              เฟนเดอร์กระชับไม้หน้าสามในมือ

              เพียงแต่มีไอ้นั่นอยู่ เขาจะได้เปรียบมากกว่านี้

              เฟนเดอร์คิด

              แล้วเขาก็ตัดสินใจเข้าไปประจันบานกับนกเพลิงนั่น

              นกเพลิงตัวหนึ่งที่จ้องเขาอยู่แล้วจึงพุ่งมาอย่างรวดเร็ว เขาฟาดไม้หน้าสามไปทีหนึ่ง เหมือนมันจะไม่ค่อยสะเทือน อย่างไรก็ตาม นกนี่มันก็นกปีศาจ อาวุธเก็บตกจะไปทำไรได้ มันตะครุบเขาไว้กับพื้น กรงเล็บของมันจิกเสื้อของเขาจนแหว่ง เขาฟาดไม้หน้าสามเข้าที่หัวมันอีกครั้งจนมันเซ มันส่ายหัวไปมา เขาว่ามันคงเจ็บบ้างเหมือนกัน เขาโถมตัวเข้าไปหามันเพื่อจะกอดมันไว้ เขาปีนไปฟัดมันจากด้านหลัง ก่อนที่นกไฟอีกตัวจะบินมาช่วยเพื่อนมัน

              ฟุ่บ! ตุ้บ!

              นกไฟอีกตัวหนึ่งกระเด็นหายไป ในขณะที่เขาฟาดไม้หน้าสามไม่ยั้งยังอีกตัวหนึ่งที่ดิ้นไป พ่นไฟไป ก่อนที่จะสลบไป ทิ้งรอยแผลไหม้ๆ เป็นแนวเลือดไว้ตามแขนเขา

              “ขอบใจ” เขาหันมาขอบคุณทอช ผู้วิเศษที่โผล่มาช่วยกำจัดนกลอบกัดอีกตัว ทอชยื่นมือมาหยิบไม้หน้าสามจากเขา พลันไม้หน้าสามเส็งเคร็งก็เปลี่ยนเป็นดาบหนาเล่มยาว แล้วยื่นคืนกลับไป“อย่างนี้ถนัดกว่ามั้งครับ เฟนเดอร์ รอย”

              “เห้อ! เป็นพ่อมดมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง” เฟนเดอร์ กระชับดาบในมือแน่น ก่อนจะรุดตัวไปตะลุมบอนกับนกไฟที่กำลังบินมาเพิ่มเป็นฝูง เหมือนนกพวกนี้มันจะรู้แล้วว่า สู้กับพวกทหารราบได้เปรียบกว่าพลธนู และพลอากาศเยอะ ขณะเดียวกัน พลธนูและพลอากาศ ก็เริ่มรุกมาทางนี้แล้ว

              เฟนเดอร์กวัดแกว่งดาบในมืออย่างคล่องแคล่ว ดาบนี้คมไม่น้อย มันสามารถซัดเจ้านกไฟตายได้เพียงดาบเดียว ผิดกับ ไม้หน้าสามเส็งเคร็งนั่น และเมื่อนกไฟเห็นว่า เขาสามารถกำจัดเพื่อนมันได้หลายตัว พวกมันจึงเริ่มรุมเขา

              มันมาทีละสอง

              มันมาทีละสาม

              มันมาทีละสี่

              มันมาทีละห้า

              เขาเริ่มไม่ไหว เจ้านกไฟไม่ใช่ตัวเดิม แต่เขานี่สิคนเดิม เหนื่อยเป็น เฟนเดอร์เริ่มถอยร่นใกล้กับแนวป่า แผลไหม้ที่ขาทำให้เขาเริ่มไม่มีแรงเดิน เขาตัดสินใจตวัดดาบฟันนกไฟตัวตรงหน้าเขาในขณะที่อีกสี่ตัวพยายามเข้ามาพร้อมๆกัน เขาตวัดดาบอีกครั้งอย่างแม่นยำ พวกมันก็ตายไปอีกสองในขณะที่สองตัวข้างหลังแผดเพลิงใส่หลังเขาจนร้อน แล้วพวกมันก็นิ่งไป

              เฟนเดอร์ล้มลงข้างหน้ามองดูการตายของนกไฟข้างหลัง

              มีใครคนหนึ่งมาช่วยเขาไว้ ดวงหน้าสงบนิ่ง เฉยชา ไร้ความรู้สึก อันคุ้นเคยมองตอบเขากลับอย่างไม่แยแส ก่อนจะลากร่างไร้เรี่ยวแรงของเขาเข้าไปในป่า

              เขาหลับตาลงไม่ได้สติ

              แต่สมองประมวลผล

              เขารู้แล้วว่าเขาเจอใครกำลังอาบน้ำอยู่

              และแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแล้ว

              เขากลับจำได้ทันทีเพียงเห็นเสี้ยวหน้า แม้ดวงตาจะพร่าเลือนเต็มที

              เธอผู้เป็นดวงจันทร์ของเขา

              แม้ว่าเขาจะไม่ใช่พระอาทิตย์ของเธอ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×