ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE LAST WOLF (Draco Malfoy X OC)

    ลำดับตอนที่ #2 : Leave one wolf alive and the sheep are never safe

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.36K
      53
      16 ส.ค. 64




    Leave one wolf alive and the sheep are never safe




    คืนเดือนดับแรกของฤดูร้อนนั้นเงียบงันทว่าคาวคลุ้งไปด้วยกลิ่นเลือดชวนคลื่นเหียน ทุกตารางนิ้วของปราสาทวินเทอร์ลินน์ปกคลุมไปด้วยความตาย ร่างไร้วิญญาณของหมาป่าทุกตัวถูกตัดหัวและเสียบประจานบนหอกแหลม เพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตรอดท่ามกลางการสังหารหมู่คือทารกตัวน้อยที่ถูกโอบอุ้มเอาไว้ด้วยคมเขี้ยวของสิงโต เสียงคำรามต่ำดังเครือไปกับสายลม ดวงตาคมกวาดมองไปยังกองศพของฝูงหมาป่าก่อนจะเปลี่ยนทิศแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากปราสาทพร้อมกับหมาป่าที่เหลือรอดตัวสุดท้าย


    ไม่กี่ไมล์จากพื้นที่ปกครองของวินเทอร์ลินน์ ชายร่างสมส่วนในเสื้อคลุมตัวยาวสีน้ำเงินเข้มยืนตระหง่านอยู่หน้าผาสูง ผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนปลิวไสวไปตามแรงลมร้อนในยามค่ำคืน ใบหน้าที่คมเข้มมีริ้วรอยเล็กน้อยบ่งบอกถึงช่วงอายุ นัยน์ตาสีน้ำตาลอมแดงเหม่อมองคลื่นทะเลที่ซัดเข้าใส่โขดหินครั้งแล้วครั้งเล่า เขามีท่าทางที่สงบนิ่งราวกับว่าไม่มีอะไรที่สามารถทำให้เขาไขว้เขวได้ ทว่าลมหายใจกลับสะดุดห้วงเป็นพัก ๆ แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังพยายามข่มจิตใจที่ร้อนรุ่มของตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น จู่ ๆ ใครคนหนึ่งก็ปรากฎกายขึ้นอย่างเงียบเชียบ


    “เวนท์วอร์ท”


    “ไง แซนเดอร์”


    เจรอสโลว์ แซนเดอร์หันมองคู่สนทนา อีกฝ่ายเป็นชายร่างผอมสูงในชุดสูทสีเทา เรือนผมน้ำตาลเข้มถูกจัดทรงไปข้างหลังอย่างเรียบร้อย เขาดูมีอายุขึ้นจากครั้งล่าสุดที่ได้เจอ ทว่าสิ่งที่ยังดูเหมือนเดิมก็คือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นยังคงทอประกายความทะเล้นเจ้าเล่ห์ไม่จางหาย


    “มีใครรู้เรื่องนี้บ้าง” แคสเปี้ยน เวนท์วอร์ทเข้าประเด็นในทันที


    “ฉัน นาย นิกซ์ และนาธาเนียลที่กำลังพาทายาทคนสุดท้ายของคลินส์ขึ้นเหนือ” เจรอสโลว์บอก “ฉันอยากให้นายช่วยกระจายข่าว เอาเป็นว่าตระกูลคลินส์ถูกสังหารหมู่และไม่มีใครรอดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้”


    “ข่าวการสังหารหมู่ในช่วงที่โลกผู้วิเศษสั่นคลอนเพราะจอมมารเถลิงอำนาจ จะทำให้ความหวาดกลัวแพร่ออกไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง”


    “ฉันรู้ตัวดีกว่ากำลังทำอะไรอยู่ ฉันเป็นพ่อทูนหัวของเด็กคนนั้น ฉันต้องปกป้องเธอ—”


    “เธอ?” แคสเปี้ยนพูดเสียงสูง “ทายาทคนสุดท้ายที่เหลือรอดของคลินส์คือผู้หญิงงั้นเหรอ?”


    “ลูกสาวเพียงคนเดียวของเบนจามิน คลินส์” เจรอสโลว์พยักหน้าเบา ๆ “ลีอานน่าเพิ่งให้กำเนิดเธอเมื่อปลายฤดูหนาวที่แล้ว เบนจามินเลือกที่จะปกปิดเรื่องทายาทของตัวเองเอาไว้ อาซาเซลไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นมีตัวตนอยู่ เธอจึงรอดจากการสังหารหมู่”


    “นายบอกว่านาธาเนียลกำลังพาเธอขึ้นเหนือ” แคสเปี้ยนพูดขึ้น


    “ใช่ คำสั่งของเบนจามิน” เจรอสโลว์หันไปทางทิศเหนือ “ส่งตัวเธอไปที่ตระกูลจี”


    “ให้ตายเถอะ นั่นมันยื่นเนื้อเข้าปากเสือชัด ๆ”


    “หมอนั่นตัดสินใจไปแล้ว ฉันแค่มีหน้าที่ทำตาม”


    “เธอชื่ออะไร” แคสเปี้ยนถาม “หมาป่าตัวสุดท้ายน่ะ”


    “เรสโซ่”


    “...”


    “เรสโซ่ คลินส์”







    คฤหาสน์หลังใหญ่ในแถบชนบททางตอนเหนือของนอร์เวย์ดูเก่าแก่และเปลี่ยวร้างราวกับว่าไม่มีใครอาศัยอยู่มานานหลายสิบปี ทว่าภายในกลับไม่มีแม้แต่ไรฝุ่นให้ได้เห็น การตกแต่งสไตล์นอร์ดิกดูสบายตาและทันสมัยแตกต่างจากภายนอกคฤหาสน์อย่างสิ้นเชิง


    นาธาเนียล แซนเดอร์เพิ่งจะเดินทางมาถึงที่นี่พร้อมกับลูกหมาป่าอีกหนึ่งตัว ใบหน้าของเขามีความคล้ายคลึงกันกับเจรอสโลว์อยู่หลายส่วน จะต่างกันก็แค่เขาดูหนุ่มและอ่อนโยนมากกว่า


    “แซนเดอร์” เจ้าของคฤหาสน์เอ่ยทักทายแขกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบขณะที่เดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสีเทาตรงกันข้ามกับเขา เธอเป็นหญิงสาววัยกลางคนที่มักจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าโทนสว่างตัดกับเรือนผมสีดำขลับของเธอ ใบหน้าคมเฉี่ยวดูดุแต่ก็มักจะมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่ตลอดเวลา ทว่าดวงตาสีเหลืองทองคู่นั้นกลับไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย


    “เจนิน จี”


    “มีธุระอะไร” เจนินถามอย่างไม่อ้อมค้อม สีหน้าและท่าทางแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอรู้ตัวว่าเขากำลังจะโยนปัญหามาให้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง


    “ก็แค่มาส่งของ”


    “ถ้านายหมายถึงลูกหมานั่น ฉันต้องบอกว่าฉันไม่ชอบหมา”


    “นี่คือทายานของตระกูลคลินส์”


    “ได้ยินข่าวว่าตายกันหมดแล้ว”


    “เธอคือทายาทคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่”


    “อ่า” เจนินเลิกคิ้วก่อนจะโคลงหัวอย่างเข้าใจ “พวกนายปิดข่าวของเธอ”


    “เบนจามินต่างหากล่ะ ฉันก็เพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน”


    “แล้วนายพาเธอมาที่นี่ทำไม”


    นาธาเนียลยกมือขึ้นโบกกลางอากาศเบา ๆ หนึ่งที แล้วจดหมายในเสื้อโค้ทสีน้ำตาลเข้มที่ห้อยอยู่บนที่แขวนเสื้อโค้ทก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าของเจนิน เสี้ยวนาทีที่หยิบจดหมาย ความเยือกเย็นก็เสียดแทงเข้าไปในกระดูกพร้อมกับตราสัญลักษณ์รูปหมาป่าสีขาวที่ปรากฎขึ้นบนข้อมือก่อนจะจางหายไปในเวลาต่อมา


    คิ้วของเจนินขมวดเป็นปมทันที รีบคลี่จดหมายเพื่อเปิดอ่านแล้วก็ต้องสบถออกมาพร้อมรอยยิ้มเหี้ยม


    “หมอนี่มันแสบชะมัด”


    “เธอเป็นคนให้สัญญาเองว่าจะตอบแทนเบนจามินไม่ว่าเขาจะขออะไรก็ตาม”


    “แต่ก็ไม่ได้คิดว่าต้องตอบแทนด้วยการเลี้ยงลูกของหมอนั่น” เจนินตอบกลับทันควัน


    “สัญญาศักดิ์สิทธิ์ปฏิเสธไม่ได้” นาธาเนียลบอก “เธอกับเรสโซ่ คลินส์ถูกสัญญาของเบนจามินผูกมัดเอาไว้แล้ว”


    “เอาเถอะ”


    เจนินหลับตาแล้วพ่นลมหายใจออกมา เธอนิ่งไปอยู่พักหนึ่งก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วพูดต่อว่า


    “ต่อจากนี้หมาป่านั่นคือทายาทของจี”







    เมื่อผู้นำตระกูลศักดิ์สิทธิ์เสียชีวิต ศพของพวกเขาจะถูกนำไปฝังที่สุสานเอโอลัสร่วมกับอดีตผู้นำคนอื่น ๆ บุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสุสานแห่งนั้นมีเพียงแค่ผู้นำคนปัจจุบันของสี่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ดังนั้นเบื้องหน้าของหลุมศพของเบนจามิน คลินส์ หมาป่าทิศเหนือจากวินเทอร์ลินน์จึงมีเพียงแค่คนสามคนที่ยืนไว้อาลัยให้กับเขา


    เจรอสโลว์ แซนเดอร์ สิงโตทิศใต้จากเฮฟิน, แคสเปี้ยน เวนท์วอร์ท จิ้งจอกทิศตะวันออกจากฟอนเดีย และ ซาไนเซียล นิกซ์ อินทรีทิศตะวันตกจากไอดาเนีย


    แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่การไว้อาลัยสักเท่าไหร่นักเพราะบทสนทนาที่เกิดขึ้นไม่ได้ให้ความเคารพกับเบนจามินเลยแม้แต่นิดเดียว


    “เด็กคนนั้นจะกลับมารับตำแหน่งผู้นำตระกูลเมื่อไหร่” ซาไนเซียล นิกซ์พูดขึ้น เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีที่มีโครงหน้าราวกับถอดแบบมาจากรูปปั้นกรีก ดวงตาคมสีเขียวอ่อนและเรือนผมสีทองถูกตัดสั้นให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง


    “ใจเย็นน่า” แคสเปี้ยนบอก “เธอยังอายุไม่ถึงหนึ่งขวบเลยด้วยซ้ำ”


    ซาไนเซียลจิ๊ปาก “เบนจามินชอบพาปัญหามาให้เราเสมอ”


    “เราต่างหากที่ชอบกระโดดเข้าใส่ปัญหา และเบนจามินก็คอยตามล้างตามเช็ดให้” เจรอสโลว์ว่า


    “ตอนนี้เบนจามินไม่อยู่แล้ว พวกนายคิดว่าหลังจากนี้อาซาเซลจะมาตามล่าใครต่อล่ะ” ซาไนเซียลยกมือขึ้นกอดอก ใช้สายตาไล่มองเพื่อนทั้งสองอย่างกดดัน “ศพต่อไปที่ต้องฝังอาจเป็นพวกเราคนใดคนหนึ่งก็ได้”


    ซาไนเซียลพูดถูก ตระกูลหมาป่าไร้ทายาทสืบทอด ทิศเหนือขาดผู้นำ สามตระกูลศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออยู่จึงระส่ำระส่ายเพราะอำนาจที่เอนเอียง


    “เกเบียล อาซาเซล” เจรอสโลว์เหล่มองไปทางหลุมศพของเบนจามิน “รู้ไหมคนอื่น ๆ เรียกหมอนั่นว่าอะไร — พายุคลั่ง ผู้นำกลุ่มกบฎต่อต้านสี่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์”


    “ที่ไอดาเนียพวกเราเรียกมันว่าหมาไม่รู้จักบุญคุณ” ซาไนเซียลบอก


    “ตอนนี้อาซาเซลเหลือผู้ติดตามอยู่ไม่กี่คน” เจรอสโลว์ว่า “นี่อาจจะเป็นช่วงที่หมอนั่นอ่อนแอมากที่สุดก็ได้ เรามีโอกาสในการตามล่า”


    “แล้วจะทำยังไงต่อ ตั้งศาลเตี้ยเองหรือไง” ซาไนเซียลตั้งคำถาม น้ำเสียงไม่พอใจปนประชดประชัน “เด็กคลินส์นั่นต้องเป็นคนลงดาบด้วยตัวเองตามกฎของวินเทอร์ลินน์”


    “เธอเป็นแค่เด็กนะ ไม่ใช่เพชรฆาต”


    “เด็กนั่นคือคลินส์ ทายาทคนสุดท้ายที่จะต้องขึ้นเป็นผู้นำ มือเธอต้องเปื้อนเลือดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”


    เจรอสโลว์กัดกรามแน่นจนเกิดเสียงลอดออกมา บ่งบอกได้เลยว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยิน แคสเปี้ยนเหลือบมองเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้นว่า


    “คำพยากรณ์บอกไว้ชัดเจนแล้ว แซนเดอร์ เราเลี่ยงมันไม่ได้หรอก”


    “ฉันรู้”


    เจรอสโลว์พยักหน้า


    “เลือดต้องแลกด้วยเลือด”







         คิดถึงนักอ่านทุกคนจังเลยค่ะ เราตัดวิดีโอเทรลเลอร์อันใหม่มาให้ด้วย > จิ้มตรงนี้ < เพื่อชมได้เลยค่า




            
    Z K T
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×