คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2 ดูตัว
ตอนที่ 1 ดูตัว
ณ โรงแรมหรูกลางกรุงโซล
“ผมจะรออีกแค่ 10 นาที ถ้าไม่มา ผมจะกลับ”
“แหม ใจเย็นซิจ๊ะ จีเฮเค้าติดสัมภาษณ์น่ะ อีกเดี๋ยวก็คงจะมาแล้วจ๊ะ ใจเย็นๆนะ”
ซองฮโยจินผู้เป็นมารดาของสาว ซองจีเฮรีบแกตัวให้ทันที
“เออ ใจเย็นดิว่ะ นายเองก็มาก่อนเวลาเองไม่ใช่รึไงนี่ก็ยังไม่ถึงเวลานัดเลยด้วยซ้ำไปอ่ะ”
จุนซู (เซีย) พูดขึ้นมาก่อนที่จะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ทุกคนในที่นี้อารมณ์ดีหมด ยกเว้น คิมแจจุง เพียงคนเดียวซึ่งนั่งอารมณ์เสียอยู่กลางโซฟา
+ให้ตายซิ นี่คุณเธอไม่คิดจะมาก่อนเวลาบ้างเลยรึไงกันนะ+
แจจุงได้แต่คิดในใจพลางนั่งถอนหายใจไปเรื่อยๆเพราะการดูตัวครั้งนี้แจจุงไม่ได้เห็นด้วย และไม่ได้อยากมาดูตัวด้วยเลยแม้แต่น้อย แต่ดันโดนแม่ตัวเองบังคับมา และตอนนี้แจจุงได้แต่นั่งเซ็งกับการกระทำของปู่ตัวเอง
+สนิทกันมากนัก ทำไมไม่หมั้นกันเองไปเลยว่ะเนี่ย+
อันนี้แจจุงก็ได้แต่คิดในใจเช่นเดียวกัน
“เฮ้ย เป็นไรไปว่ะ นั่งหน้าบูดเชียว มาดูตัวนะเว้ย อย่าทำหน้าตาเซ็งแบบนั้นดิ”
“เออใช่ๆ มาดูตัวนะเว้ย แล้วอีกอย่าง จากที่ฉันได้รู้จักกับ ซองจีเฮมาอ่ะนะ เธอก็น่ารัก ร้องเพลงเพราะแถมยังเต้นเก่งอีก เหมาะกับแกดีออกว่ะ”
ยูชอนกับซังมินพูดออกมาและหัวเราะกันอย่างสนุกสนานพร้อมกับวางนิตยสารที่ซองจีเฮถ่ายขึ้นปกโชว์ตรงหน้าของแจจุง แจจุงได้แต่เพียงมองค้อนเล็กๆใส่เพื่อนร่วมทีม แต่แล้วสายตาทุกคู่ก็โฟกัสไปที่ประตู ที่มีผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง เดินเข้ามาอย่างมาดมั้น จีเฮกวาดสายตาไปรอบๆห้องและหยุดสายตาที่แจจุง จีเฮค่อยๆเดินเข้ามานั่งที่โซฟาข้างๆแม่ตัวเองและตรงข้ามกับแจจุงพอดี
“เอาละ ลูกจ๊ะ นี่ คิมแจจุง เออ....คู่หมั้นในอนาคตของลูก”
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
จีเฮทักทายแจจุงด้วยสีหน้าเรียบเฉย แจเองก็เช่นกันใช้ใบหน้านิ่งๆมองตอบและทักทายตอบเช่นกัน
“ครับ สวัสดีครับ”
แล้วความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วห้องอีกครั้ง จนแม่ของแจจุงต้องเริ่มพูดก่อน
“เออ..ลูกแจ นี่ซองจีเฮคู่หมั้นลูกนะจ๊ะ ทำความรู้จักกันซะนะ แล้วแม่ว่า เราเออ....มาคุยกันเรื่องงานหมั้นเลยดีกว่าไหม”
“แม่ครับ ผมยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะครับว่าจะหมั้น เพราะวันนี้แค่มาดูตัว แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ชอบผู้หญิงไม่ตรงต่อเวลา”
ตอนแรกจีเอก็แอบยิ้มเพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากหมั้นสักเท่าไหร่ เธอเป็นคนที่เกลียดการบังคับ และ คลุมถุงชนมากที่สุด และเธอเองก็มั้นใจว่าแจจุงเองก็คิดเช่นเดียวกับเธอ คือ “ไม่อยากหมั้น” แต่คำพูดตบท้ายของแจจุงทำให้จีเฮหุบยิ้มและจ้องกลับไปที่แจจุงทันที
“อ้าวคุณ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ฉันน่ะมาตรงเวลานะ”
“มาตรงเวลาเหรอ? ผมมารอคุณเกือบครึ่งชั่วโมง แล้ววันนี้ผมเองก็มีมินิคอนเสิตร์ด้วย”
“นี่คุณคิมแจจุงค่ะใครใช้ให้คุณมาก่อนเวลามิทราบ ฉันมาตรงเวลา กรุณาถอนคำพูดของคุณด้วย”
ตอนนี้แจจุงและจีเฮกำลังจ้องหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย แจจุงถอนหายใจและเอาหลังพิงกับโซฟาด้วยใบหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม
+โถ่เอ๊ย นั่งเก๊กอยู่ได้คิดว่าดังแล้วจะมาว่าใครก็ได้รึไงย่ะ ฉันน่ะมาตรงเวลาพอดีเผง แต่นายนั่นแหละดันมาก่อนเวลาเอง+
+ผู้หญิงบ้าอะไรว่ะ ปากเก่งชะมัด ผิดแล้วยังไม่รับอีก คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงแล้วจะทำอะไรก็ได้รึไงกัน+
ตอนนี้ทั้งจีเฮ และแจจุงได้แต่นั่งเซ็งและคิดไปต่างๆนาๆ เจอกันครั้งแรกก็ดันไม่ถูกซะตากันซะแล้ว
แม่ของทั้งคู่เลยนำลูกของตัวเองแยกห้องและพยายามพูดเกลี้ยกล่อมกันสุดฤทธิ์
“โถ่แจจ๊ะ ทำไมไปว่าหนูจีเฮเค้าแบบนั้นล่ะ”
“แม่ครับ ก็มันจริงรึเปล่าล่ะถึงแม้ผมจะมาก่อนเวลาก็จริง แต่การเป็นนักร้องที่ดีน่ะ ต้องรู้จักให้เกีรติมารอก่อนเวลาบ้างไม่ใช่มาพอดีแป๊ะแบบนี้”
“ลูกจ๊ะ ก็จีเฮเค้ามีงานนี่นา”
“แล้วผมไม่มีรึไงครับ ผมทำงานทุกวัน เพิ่งจะได้พักก็วันนี้ แต่แม่ดันพาผมมาดูตัวบ้าบออะไรก็ไม่รู้ เป็นตายร้ายดียังไงผมก็ไม่หมั้นเด็ดขาด”
“โถ่ลูก ถือว่าเห็นแก่คุณปู่เถอะนะ ท่านแก่แล้ว ลูกอยากให้ท่านเป็นคนเสียคำพูดรึไง ท่าน-แก่-แล้วนะ”
แม่ของแจจุงพยายามเกลี้ยกล่องเต็มที่ ส่วนแจเองก็ได้แต่ทำหน้าเครียด
+ดูท่าทางยัยจีเฮอะไรนั่น ก็คงไม่อยากหมั้นเท่าไหร่นักหรอก ทางที่ดีเราตอบตกลงให้แม่สบายใจไปก่อนดีกว่า เพราะยัยนั้นคงรั้นไม่เบา+
แจจุงคิดและหันกลับไปหาแม่ พลางเดินเข้าไปกอด
“แม่ครับ ตกลงผมจะหมั้น”
แม่ของแจรีบหันกลับมาทันที
“แต่แม่ต้องไปถามฝ่ายนู้นก่อนนะครับว่าเค้าจะหมั้นกับผมรึเปล่า ท่าทางจีเฮจะไม่ยอมซะด้วยซิ ถ้าจีเฮตกลงแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกที”
“จริงๆนะลูก ขอบใจมากนะจ๊ะ แม่ว่าเราไปหาจีเฮทางห้องนู้นกันเลยดีกว่านะ”
แม่ของแจพยายามผลักให้แจเดินเข้าไปในห้อง แต่พอประตูเปิดทางฝ่ายจีเฮที่ยังไม่รู้ว่าแจจุงได้เข้ามาแล้วยังคงตกลงเรื่องหมั้นไม่ได้
“แม่ค่ะ ยังไงหนูก็ไม่ยอมหมั้นเด็ดขาด”
จีเฮตอบ แจจุงลอบยิ้มเพราะเป็นไปตามที่ตัวเองคาดไว้
“โถ่ลูก คุณปู่ไม่สบายมากนะจ๊ะ ทำให้คุณปู่สบายใจหน่อยไม่ได้เหรอ นะลูกถือว่าเห็นแก่แม่สักครั้ง”
“ไม่ค่ะ ยังไงหนูก็ไม่หมั้น แม่จะให้หนูไปทนใช้ชีวิตกับคนอย่างนาย
จีเฮพูดออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวว่าแจจุงยืนอยู่ข้างหลังและได้ยินทั้งหมด แจจุงทำได้เพียงแต่หลับตาและเก็บอารมณ์อย่างที่สุด
+ ยัยบ้าเอ๊ย ไม่เคยมีใครว่าฉันแบบนี้เลยนะ คิดว่าฉันอยากจะหมั้นกับเธอนักรึไงกันเล่า +
“เอ่อ...ลูก แม่ว่าเราหยุดคุยเรื่องนี้กันก่อนดีกว่านะจ๊ะ
แม่ของจีเฮพยายามบอกใบ้ว่าแจจุงยืนอยู่ข้างหลัง แต่จีเฮยังไม่รู้ตัวและพยายามจะพูดว่าร้ายแจจุงต่อ
“แม่ค่ะ แม่รู้ไหมตั้งแต่หนูเดินเข้ามาในห้องหนูก็รู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่นายนั่นแผ่ออกมาได้ คนอะไร อารมณ์ดีก็เฉย อารมณ์เสียก็เฉย มีความสุขก็เฉย ไม่พอใจก็เฉย โรคจิต!!”
จึก คำพูดของจีเฮ แทงเข้ามาในใจของแจจุง แม่ของแจพยายามจะร้องบอกว่าแจเข้ามาแล้ว แต่แจจุงจับแขนแม่ไว้และส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่าอย่าเพิ่งพูด แม่ของแจเลยได้แต่ยืนฟังอย่างเงียบๆ
“หนูเคยรู้สึกเสียดายเงิน เสียดายเวลาที่ไปซื้อ CD ของวงดงบัง หนูเคยรู้สึกชอบวงนี้เพราะเค้าเท่ห์ แต่พอมาวันนี้หนูเพิ่งจะตาสว่าง กลับบ้านไปหนูจะหอบเอาหนังสือ CD โปสเตอร์เผาทิ้งให้หมดเลย คนอะไรไร้มารยาทกล้ามาว่าหนูอย่างนั้นได้ไงกันอ่ะ แม่ค่ะ หนูคงทนหมั้นกับคนที่วันๆเอาแต่ตีหน้านิ่งไม่ได้หรอกค่ะ คิดว่าการที่เค้าไม่ยิ้มเนี่ย มันเท่นักรึไง”
“แล้วการที่ฉันไม่ยิ้มน่ะ มันเท่ไหมล่ะ”
“ก็เท่นะเซ่!”
จีเฮเผลอตอบ แต่พอเธอรู้สึกตัวว่าเสียงที่ถามไม่ใช่เสียงของแม่ตัวเอง เธอก็ค่อยๆหันกลับไปข้างหลัง และสิ่งที่เธอเห็นคือ แจจุงยืนกอดอกอยู่และพยักหน้าเป็นเชิงว่าพูดต่อซิ จีเฮค่อยๆหันกลับไปดูแม่ตัวเองที่กำลังยิ้มแหย่ๆ
“แม่ค่ะ แต่หนูก็รู้สึกว่า คิมแจจุงเนี่ย เท่เนอะ ร้องเพลงเพร๊าะเพราะอะค่ะ แล้วแถมยัง...”
“นี่ มันไม่ทันแล้ว”
แจจุงพูดแทรกและเดินไปยืนข้างๆจีเฮก่อนที่จะพูดกับแม่ของเธอ
“คุณน้าครับ ผมตกลงจะหมั้นกับเธอ แต่คุณน้าคงต้องพูดกับจีเฮเองก็แล้วกัน ผมลาแล้วนะครับมีคอนเสิตร์ต่อ ผมไม่อยากให้คนดูต้องรอนาน”
แจจุงพูดจบก็เดินออกจากห้องไป แต่อยู่ๆแจจุงก็หยุดและเดินกลับมาที่จีเฮพร้อมกับกระซิบที่ข้างหูเธอ
“ไปละนะ อ้อ ขอบใจล่ะที่ติดตามผลงานวงของผม และที่สำคัญผมหวังว่าคำตอบของคุณน่าจะเป็นที่พอใจนะ มันอยู่ที่ว่าคุณจะกล้ารึเปล่า หรือว่าเก่งแต่ปาก”
“นี่นาย!”
แจจุงยิ้มและเดินผิวปากออกไปทันที จีเฮกระแทกเท้าอย่างอารมณ์เสียแล้วหันกลับไปมองแม่ตัวเอง
“แม่อ่ะ ทำไมแม่ไม่บอกว่าเค้าอยู่ข้างหลังหนูล่ะ”
“แม่พยายามแล้วนะ แต่หนูไม่ฟังเลย...แล้วคำตอบละจ๊ะ หนูแจเค้าตกลงแล้วนะ”
“ไม่ค่ะ นายนั่นนะพยายามจะยั่วโมโหหนูแม่ก็เห็น หนูว่าเรามาเลิกพูดเรื่องนี้กันแบบถาวรเลยดีกว่า เพราะคำตอบของหนูยังไงก็คือ ไม่!!”
จีเฮตอบและเดินออกจากโรงแรมพร้อมกับเดินขึ้นรถของตัวเองทันที ส่วนแจเองก็เดินกลับห้องเพื่อบอกเพื่อนๆว่าให้กลับบ้านกัน
“ว่าไงว่ะ เป็นไงบ้าง”
“ปากร้ายซะมัด”
ยูนโฮตบไหล่แจจุงเพื่อเป็นกำลังใจ ขณะที่ทุกคนอยู่บนรถตู้เพื่อที่จะกลับบ้านเตรียมตัวไปชึ้นคอมเสิตร์ตอนเย็น แจจุงยังคงคิดเรื่องจีเฮไม่เลิก
+ โถ่เอ๊ย ไม่น่าไปทิ้งท้ายไว้อย่างนั้นเลย ถ้ายัยจีเฮเกิดบ้าจี้ตอบตกลงจะทำยังไงละเนี่ย +
แจจุงคิดพลางมองออกไปนอกกระจกรถ ยูนโฮที่นั่งติดกันสังเกตเห็นเลยทัก
“ยังไม่เลิกคิดอีกเหรอ”
“อืม นายรู้เปล่าว่ายัยนั่นน่ะว่าฉันต่างๆนาๆ ผิดแล้วยังไม่ยอมรับ แถมยังมาโทษว่าเป็นความผิดของคนอื่นอีก ร้ายซะมัด”
“เอาน่า ใจเย็นๆ”
“แต่รู้ป่ะ ว่ายัยนั่นน่ะเป็นแฟนคลับของวงเราด้วยนะ”
“จริงดิ แต่ก็อย่างว่าวงเรามันดังนี่นา”
ยูชอนพูดทีเล่นทีจริง แจจุงถอนหายใจอีกครั้งแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ยูนโฮได้แต่มองแจจุงด้วยสายตาเป็นห่วง?
ความคิดเห็น