คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 Disputation ปะทะคารม 100%
The Prince of Tennis :: Amazing Grace
Chapter 3 Disputation 100%
“เทะจังอา”
เสียงเรียกใสๆปนห้าวน้อยๆตะโกนขึ้นตรงหน้าประตูห้องชมรมเรียกให้ทุกคนในนั้นหันตกใจกับเสียงเรียก แต่ยังไม่ทันจะได้หันคนเรียกก็พุ่งมายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าของชื่อทันที ยิ่งทำให้ทุกคนตกใจไม่น้อยไปกว่าคุณกัปตัน
...ผู้หญิง!?!
เด็กสาวเรือนผมสีม่วงสลวยม้วนปลายเป็นลอนยาวถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีเดียวกับผมที่ดูร่าเริงสดใสมองไปยังคนสูงกว่าที่ยังคงยืนกอดอกมองมายังเธอด้วยสายตาเรียบๆเหมือนไม่สนใจ แต่สาวน้อยยังส่งยิ้มน้อยๆให้เทะสึกะและมองลงในดวงตาที่แสนเย็นชา ท่ามกลางความอึ้งของคนอื่นที่มองมายังกัปตันของตน ...กัปตันมีเพื่อนผู้หญิงสวยขนาดนี้เลยเหรอ?
“นี่เธอเข้ามาได้ยังไง...” โออิชิลุกขึ้นเพื่อจะห้าม ห้องนี้เข้าได้เฉพาะคนในชมรมเท่านั้น
“ก็แบบว่า...” เจ้าของเรือนผมสีม่วงหันมามองคุณรองกัปตันพร้อมกับททำตาใสกิ้งใส่จนคนที่ได้ฉายาว่า ‘คุณแม่ประจำชมรม’ เซไปทันที
“โออิชิ... นี่เธอเข้ามาได้ยังไง ยังไม่ตอบแลยนะ” เอจิเข้ามาประคองคู่หูแล้วถามเด็กสาวที่ยังยืนทำตาใสกิ้งจนดูออกแนว ‘แอ๊บ’
“ไม่จำเป็นต้องบอกนายซะหน่อย” เด็กสาวนัยน์ตาสีม่วงตอบเอจิพร้อมทำตาโกรธๆใส่แล้วหันมาหาเทะสึกะต่อพร้อมกับยิ้มให้ แต่ดูเหมือนเทะสึกะจะหลับตาอย่างไม่สนใจเด็กสาวตรงหน้า
“นี่เธอทำแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย” โมโมะพูดพร้อมกับเดินออกไปจะหาเรื่องเด็กสาว แต่ก็ถูกฟูจิห้ามเอาไว้
เด็กสาวผมม่วงหันมามองทางโมโมะที่ดูเหมือนจะมีเรื่อง แต่จู่ๆ
“รุ่นพี่โผล่มาก่อนแบบนี้ได้ไงเนี่ย” เสียงใสๆอีกเสียงดังขึ้นที่หน้าประตู พร้อมกับเสียงหอบแฮ่กๆของอีกคน
“เทะจัง แบบว่า...” เด็กสาวผมม่วงหันไปคุยกับเทะสึกะพร้อมกับเขย่งตัวขึ้นเล็กน้อย พร้อมๆกับที่โมโมะกำลังจะลุกเข้ามาใกล้เด็กสาว จนคนที่อยู่หน้าประตูทั้งสองคนวิ่งมาดึงตัวไว้ก่อนที่จะเกิดโศกนาฎกรรม
“ยัยบ้าทำอะไรของเธอฮะ!” เด็กสาวผมแดงพูดขึ้นเรียกให้โออิชิหันไปมอง
“พี่โซวอนหนูยึดแรงพี่ไม่ไหวนะ” เด็กสาวผมสีเงินอีกคนพูดเรียกให้โมโมะละสายตาจากบุคคลที่ถูกเรียกชื่อว่า ‘โซวอน’ หันไปมองเด็กสาวที่กำลังดึงร่างรุ่นพี่ของเธอ
“พารัม”
“แชวอน เอ่อ.. คุณชอง”
เด็กสาวสองคนลากเพื่อนสาวออกมาให้ห่างจากเทะสึกะแล้วโยนลงกับพื้นทันที ก่อนจะหันมาสนใจบุคคลที่เรียกชื่อของพวกตน
“โมโมชิโระคุง” เด็กสาวผมสีเงินหันมามองโมโมะที่ยกมือขึ้นเหมือนทำท่าจะต่อย
“โออิชิคุง” เด็กสาวผมสีแดงพูดพร้อมกับก้มหัวเล็กน้อย จนคนทักทายก่อนทำตัวไม่ถูก
“พวกนายรู้จักกันงั้นหรอ” คุณทากะหันมาถามโมโมะกับโออิชิ
“ใช่/ครับ”
เด็กสาวผมสีแดงเดินมาใกล้พวกตัวจริงเล็กน้อยพร้อมกับโค้งตัว90องศาอย่างเคารพ จนพวกตัวจริงมองอย่างงงๆ
“ต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะที่ทำอะไรบ้าๆไป” พูดอย่างสุภาพจนพวกตัวจริงพูดไม่ออก แต่ดูเหมือนคนที่ทำผิดจะยังไม่รู้ตัวลุกขึ้นมาจะหาเรื่องแต่ก็ถูกเด็กสาวผมสีเงินดึงตัวเอาไว้
“เอาเถอะ ว่าแต่มีอะไรรึเปล่า” โออิชิถามเด็กสาวตรงหน้า
“เทะสึกะคุง” เจ้าของชื่อหันไปมองตามเสียงเรียกเล็กน้อย “อาจารย์ริวซากิเรียกหานายน่ะ” เด็กสาวพูดพร้อมกับมองหน้าเขาเล็กน้อย
“อืม” เทะสึกะพยักหน้าตอบ
“นี่เธอแย่งฉันพูดได้ไงฮะ” เด็กสาวผมม่วงเดินเข้ามาหาเพื่อนสาวที่ชิ่งพูดก่อน
“เฮ้ย!”
เสียงตะโกนที่ดูไม่เหมือนคนทั่วไป มันดังจนส่งผ่านไปยังแก้วหูให้เกิดเสียงดังวี้ด!จนแสบแก้วหูกันทั้งห้องชมรม เด็กสาวผมม่วงเซถอยหลังไปเล็กน้อยเพราะเสียงจากเพื่อนสาวที่ส่งพลังโซปราโน่มาทำร้ายเธอ
“ไปกันได้แล้ว” เด็กสาวผมสีแดงลากเพื่อนสาวออกไปจากห้องชมรมทันทีก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์แย่ๆไปกว่านี้
“เฮ้ยๆ” เด็กสาวผมม่วงร้องออกมา พร้อมกับโดนลากออกไปจากห้องชมรม
เด็กสาวผมสีเงินมองรุ่นพี่ของตนที่ออกไปก่อนแล้วหันมาก้มหัวขอโทษอีกครั้งกับพวกตัวจริงแล้ววิ่งตามรุ่นพี่ของตนไปทันที
ท่ามกลางความตะลึงงันของพวกตัวจริงที่ยังงงๆและจี๊ดในแก้วหูไปหมดจนแทบไม่ได้ยินอะไรเลย มองเด็กสาวสามคนที่มาป่วนในห้องชมรมแล้วหายไปพร้อมกับความงุนงงของพวกเขา
“แปลกชะมัดเลย” ไคโดพูดพร้อมกับทำเสียงชู่วๆเพราะความชาของแก้วหู
“ใครกันน่ะ” เรียวมะถามขึ้นพร้อมกับมองไปทางประตูห้องชมรมอย่างสงสัย ...คนพวกนั้น
“ชอง แชวอนสินะ” ฟูจิพูดขึ้นหร้อมกับหันไปมองโออิชิ
รองกัปตันพยักหน้าเป็นเชิงว่าใช่ สายตาที่อ่อนโยนมองไปทางประตูชมรมอย่างอึ้งๆในน้ำเสียงเมื่อกี้นี้
...รู้แค่ว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านเปียโน แต่ไม่ยักจะรู้ว่า...
“คงจะจริงสินะ”
คำพูดชวนประหลาดใจเรียกให้ทุกคนในห้องนั้นร้อง ‘เอ๋’ กันถ้วนหน้า พร้อมกับมองเจ้าของข้อมูลที่ดูเหมือนจะรู้เยอะไปซะหมด
“หมายความว่าไงน่ะอินูอิ” คุณทากะถามอย่างงงๆ
“นั่นสิๆ” เอจิเสริม
มือหนาขยับแว่นเล็กน้อยเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ(?) นัยน์ตาที่มองไปเห็นมองข้อมูลในสมุดโน้ตสักครู่แล้วปิดลง
“รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นน่ะจะร้องเพลงด้วยน่ะ ทั้งบัลลาด ป๊อบ อาร์แอนบี แล้วก็...โอเปรา”
“โอเปรางั้นหรอ” เอจิพูดออกมาอย่างอึ้งๆ
“อยู่ในระดับโซปราโนน่ะ”
คำตอบที่พอจะไขข้อข้องใจของเหล่าตัวจริงได้ ...มิน่าถึงได้ทำเสียงสูงขนาดนั้นได้ เสียงที่ทำให้รู้ซึ้งถึงเส้นอารมณ์ที่เปราะบางจนขาดสะบั้นได้
“อืม... แบบนี้แถวบ้านฉันเค้าเรียกว่า เ-สื-อ-ก นะ” เสียงนุ่มเจือความขุ่นเคืองกล่าวขึ้นพร้อมกับพิงประตูห้องชมรม ปลายผมสีแดงที่ยาวถึงกลางหลังบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของคนที่พวกตัวจริงกำลังพูดถึงอยู่!!!!
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ... ฉันมั่นใจค่ะว่าพวกเค้าต้องยอม” น้ำเสียงเรียบก้องกังวานแฝงแววความมั่นใจดุจดั่งนางพญาตอบคนที่สื่อสารผ่านสี่เหลี่ยมเล็กๆสีดำ สายห้อยพวงกุญแจที่กระเป๋าสะพายข้างหนังสีน้ำตาลรูปตุ๊กตาถือแรกเก็ตเทนนิสที่กำลังเงื้อไม้จะตีลูกอย่างมั่นใจ
...แต่แววตาของมันกลับดูเศร้าๆอย่างบอกไม่ถูก
เรียวขายาวก้าวอย่างสง่างามดุจดั่งนางพญาเดินบนพรมแดงสวนกับเหล่านักเรียนมากมาย รวมถึงเขา... แต่ก็ไม่ได้สนใจหญิงสาวแปลกหน้านี้เลย
...อาจารย์ริวซากิเรียกหานายแน่ะ
คำพูดของเพื่อนร่วมห้องเรียกให้เขาออกมาพบอาจารย์ ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มาเรียนที่ห้องของเขา แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ว่าแต่อาจารย์ริวซากิมีอะไรถึงเรียกพบเขาในเวลานี้
“ต่อให้ดื้อดึงยังไง พวกเขาก็ไม่มีทางปฏิเสธได้หรอกค่ะ ไว้ใจสึจิโยะ เรย์กะได้ค่ะ” รอยยิ้มเหยียดอย่างมั่นใจบนใบหน้าเรียวสวยได้รูป นัยน์ตาคมราวกับพญาอินทรีที่น่าเกรงขาม คิ้วเรียวได้รูปสวยงาม เรียวปากเล็กบางอวบอิ่มจนน่าหลงใหล คำจำกัดความเดียวที่พอจะบอกได้ ...งดงามเหนือใคร
เพียงวูบหนึ่ง... ภาพของนักเรียนคนอื่นที่เดินสวนไปมาอย่างเชื่องช้าราวกับสโลว์ภาพให้ช้าเอาไว้ ภาพของคนสองคนที่เดินสวนกันอย่างปกติ นัยน์ตาเย็นชาไร้อารมณ์มองทางไปยังทางเดินของตน อีกคนหนึ่งเหยียดรอยยิ้มออกมาอย่างพอใจในขณะพูดโทรศัพท์ พร้อมกับมองทางเดินของตนไป บรรยากาศรอบข้างที่ดูเงียบสงบจนน่าวังเวงและขนลุก เสียงหัวใจเต้นของคนสองคนที่ฟังดูราวกับความมั่นใจอันแรงกล้า ที่ใครๆก็เทียบไม่ได้
เพียงแค่สองสามวินาที... หญิงสาวแปลกหน้าเดินสวนทางกับเทะสึกะไป โดยที่ต่างคนต่างไม่สนใจซึ่งกันและกันเลยแม้แต่น้อย ต่างสนใจทางเดินข้างหน้าของตนเอง เทะสึกะเดินเข้าไปในห้องพักครูพละอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนหญิงสาวแปลกหน้ายังคงคุยโทรศัพท์ต่อไป
“ต่อให้ฝีมือดีแค่ไหน... ก็สู้เล่ห์กลของฉันไม่ได้”
“เปิดเผยยข้อมูลโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เนี่ยมันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่นะ” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยอย่างขุ่นเคืองพร้อมกับมองเหล่าตัวจริงทุกคนด้วยแววตานิ่งๆ
บรรยากาศในห้องชมรมดูเล็กและเงียบไปถนัดตา แม้แต่เสียงลมยังได้ยินชัด แววตานิ่งๆที่ดูจิกกัดจากหน้าประตูห้องชมรมมองมายังแปดชีวิตที่เหมือนกับจะกลายเป็นประติมากรรมไปแล้ว รอยยิ้มเหยียดเผยขึ้นที่มุมปากของหญิงสาว
“ฉันไม่มีเวลามากหรอกนะกับการทำอะไรไร้สาระแบบเด็กๆ พวกนายก็เลิกสนใจฉันได้แล้วด้วย” น้ำเสียงที่เน้นจนทั้งแปดชีวิตมองตามอย่างทึ่งๆกับแชวอน ...เป็นเด็กม.ต้นจริงหรือเปล่าเนี่ย?
“แน่ใจนะว่าเด็กม.ต้นน่ะโออิชิ” เอจิถามคู่หูอย่างงงๆ เพราะการควบคุมอารมณและน้ำเสียงให้เรียบจนดูไม่เหมือนเด็กม.ต้นเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่คำพูดคำจาที่พูดตอนแรกแล้ว
“เพราะเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายเพลงน่ะ การแสดงความรู้สึกน่ะจะถูกฝึกมาอย่างดีเพื่อที่ว่ามีชื่อเสียงแล้วจะได้รักษาภาพพจน์ได้น่ะ” อินูอิตอบแทน
“มิน่าล่ะถึงได้ดูเป็นผู้ใหญ่”คุณทากะพูดขึ้นอย่างเข้าใจ
“นั่นสินะ” ฟูจิพูดขึ้นอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของคุณทากะ
“แต่ผมว่ามันแก่เกินไปนะ” น้ำเสียงเรียบนุ่มๆจากเรียวมะที่ตรวจสภาพเอ็นแร็กเรียกให้พวกรุ่นพี่ทั้งหลายหันไปหา
“นายสนใจเค้ารึไงหา! เอจิเซ็น” โมโมะเดินเข้ามาเอามือกอดคอเจ้าตัวแสบอย่างหมั่นเขี้ยวพร้อมกับจับโยกไปโยกมา จนคนตัวเล็กกว่าเริ่มมึนหัวแล้ว
เสียงหัวเราะหยอกล้ออย่างสนุกสนานดังมาจากในห้องชมรม แสดงให้บุคคลอีกคนที่อยู่หน้าห้องรู้ว่าคนข้างในเป็นอย่างไร เรียวขาสวยก้าวฉับๆออกไปพ้นจากบริเวณห้องชมรมมุ่งหน้าไปยังชมรมเทนนิสหญิง
“ก็อย่างที่ว่าน่ะแหละนะ ขึ้นอยู่กับเธอจะตัดสินใจแล้วล่ะเทสึกะ” โค้ชร่างอวบในชุดวอร์มสีชมพูกล่าวพร้อมกับหันไปมองบุคคลที่ยืนมองออกนอกหน้าต่าง
แสงสนธยายามเย็นทะลุผ่านกระจกกระทบใบหน้าคมเป็นประกายสีทองสวยราวกับเทพบุตรก็ไม่ปาน นัยน์ตาคมนิ่งไร้ความรู้สึกเช่นเดิม แต่ภายในลึกๆกลับฉายแววบางอย่างที่พอสัมผัสได้ว่า ...ลังเล
“แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะเป็นผลดีต่อเรา” น้ำเสียงเข้มกล่าวอย่างเรียบๆพร้อมทั้งย้ำคำว่า ‘เรา’ เรียกให้คนเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาหันมามองอย่างสนใจ
“ดาบถ้าเราใช้มันได้ถูกมันก็จะปกป้องเรา แต่ถ้าใช้ผิดๆมันก็จะทำร้ายเราเอง เธอก็น่าจะรู้นะว่าจะทำยังไงกับดาบนี้ดี”
คนอายุน้อยกว่าหันไปมองอาจารย์ที่ปรึกษาของตนอย่างตกใจเล็กน้อย เขาเข้าใจดี แต่การที่อาจารย์พูดแบบนี้... มันจะต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน ...แต่ทำไมอาจารย์ถึงไม่บอก?
“ลองไปคิดดูอีกทีนึงก็แล้วกัน ก็มีแค่นี้ล่ะนะ”
เทะสึกะนิ่งคิดถึงคำพูดของอาจารย์ริวซากิ มันยังเป็นปริศนาในหัวของเขาอยู่ดี แวเขาจะเลือกอะไรดี ถ้าเกิดเลือกไปแล้วมันเกิดเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็... เขาจะทำยังไงดี ยิ่งคิดก็ยิ่งหนักสมอง เทะสึกะโค้งตัวลาอาจารย์แล้วเดินออกจากห้องไป
“ฉันเชื่อในตัวเธอนะ... เทะสึกะ...”
ทางเดินระเบียงที่เริ่มบางตาลงจากเมื่อครู่ ใครหลายๆคนพากันกลับบ้านไปเยอะแล้ว เทะสึกะก้าวเดินไปอย่างช้าๆพร้อมกับคิดถึงเรื่องที่อจารย์ริวซากิพูด บางทีอาจจะเป็นคำแนะนำอะไรบางอย่างที่เขาเองยังลังเลอยู่ในใจ ...เขากลัวว่าเขาเองจะเป็นคนทำให้ชมรมต้องเสื่อมเสีย
“เจ้าพวกนั้นสั่งให้รีบแต่ตวเองดันไปอยู่ที่ชมรมเทนนิสหญิง มันน่าดีใจจริงๆ” น้ำเสียงหวานๆพูดขึ้นอย่างเคืองๆเล็กน้อย มือบางกำสายสะพายกล่องใส่ไวโอลินไว้แน่นอย่างโมโหๆ
“ยังไงซะที่นั่นมันก็เป็นทางผ่าน เดินๆไปเดี๋ยวก็เจอเองแหละ” น้ำเสียงนุ่มกล่าวปลอบเพื่อนสาวที่ทำท่าทางเหมือนจะโมโห
“นั่นสินะ”
เสียงใสๆสองเสียงดังก้องไปทั่วทางเดินระเบียง แต่ดูเหมือนเทะสึกะนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในภวังค์ของตนอยู่ จนไม่รู้สึกเลยว่าเขาจะเดินสวนทางกับใครไปบ้าง เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาสมควรคิดคือเรื่องของชมรม
“ถ้าควบคุมกันได้มันจะได้ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้หรอก” น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นกับเพื่อสาวอย่างหน่ายๆเมื่อเดินสวนเทะสึกะไป
“เพราะมัวแต่ถ้ามันก็ยังเป็นแบบนี้แหละ ลังเลกันทั้งสองฝ่าย” น้ำเสียงนุ่มตอบเพื่อนสาวอย่างสุขุมเยือกเย็น
ช่วงก้าวขาหยุดชะงักไปชั่วขณะ การสนทนาของเด็กหญิงสองคนกระทบโสตประสาทของเทะสึกะเข้าอย่างจัง บางสิ่งบางอย่างในหัวสมองของเขาแล่นขึ้นมา เหมือนเห็นแสงสว่างอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมนี้แล้ว
...ยังมีทางออกสินะ
“ฉันสอนพวกเธอไปกี่ครั้งแล้วฮะ! จับไม้แค่นี้ก็ยังจับผิดอีก” รุ่นพี่ปีสามแผดเสียงตะหวาดว่าเหล่าปี 1 ที่ยังจะไม้ไม่ถูกต้องสักที
เหล่าปี 1 ได้แต่ก้มหัวคอตกฟังรุ่นพี่เสียงแปดปรอทบ่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เสียงแหลมบ่นแว๊ดๆจนดังไปทั่วทั้งคอร์ท เรียกให้คนที่เหลือหันมามองอย่างงงๆ
“ฉันสอนพวกเธอไปกี่ครั้งแล้วฮะยังทำไม่ได้อีก ไปฝึกซ้อมมา ถ้าไม่ได้วันนี้ไม่ต้องกลับบ้าน!” เสียงแดปรอทแผดเสียงจนเหล่าปีหนึ่งพากันแสบแก้วหู แล้วรีบแยกย้ายไปซ้อมอย่างเลี่ยงไม่ได้
รุ่นพี่สาวมองรุ่นน้องกระฟัดกระเฟียดที่ทำไม่ถูกใจตน บางคนก็เหยาะแหยะไม่เอาไหน บางคนก็ท่าไม่ดี ท่าทางการจับไม่มั่นคง เหวี่ยงไม้ก็เหยาะๆ ไร้เรียวแรงเรี่ยวแรง เห็นแล้วหนักใจ พลันสายตาเหลืบไปเห็นเด็กสาวผมเปียที่ยืนเงอะๆงะๆอยู่ ความโกรธก็พลุ่งพล่านเข้ามาในสมองทันที
“นี่เธอน่ะ! ทำอะไรอยู่ฮะ ยืนเงอะๆงะๆอยู่นั่นแหละ!” เสียงแปดปรอทแผดเสียงแหลมใส่ซากุโนะจนเด็กสาวหดเหลืออยู่นิดเดียว
“ขอโทษด้วยนะคะ” ซากุโนะก้มหัวขอโทษยกใหญ่ด้วยความตกใจ รุ่นพี่สาวมองเธอด้วยสายตาหงุดหงิด ยื่นมือมาจับมือของซากุโนะให้จับอยู่ในท่าที่ถูกต้อง
“วิธีการจับไม้แบบอีสเทิร์นต้องจับเหมือนกับการจับมือแบบนี้เข้าใจไหม” รุ่นพี่สาวพูดพร้อมกับจับมือซากุโนะเหวี่ยงแร็กในท่าที่ถูกต้อง
“ทำแบบนี้ต่อไปเข้าใจไหม” รุ่นพี่สาวสั่งแล้วเดินกลับไปที่เดิม
“คราวนี้ไปฝึกตีเข้ากำแพงตรงนั้นนะ ทำให้ดีจะได้พัก” รุ่นพี่สาวสั่งพร้อมกับเดินไปยังกำแพงสำหรับฝึก
เด็กปี 1 เดินตามไปพร้อมกับหาที่ที่เหมาะ แล้วตีลูกเข้ากำแพงกัน
“วันนี้ฝึกอะไรกันเยอะแยะนะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ รุ่นพี่มิซึรุเค้าคิดอะไรอยู่นะ” เด็กสาวคนหนึ่งพูดขึ้น
“ทั้งๆที่วันนี้ไม่มีนัดซ้อมสำหรับปี 1 ซะหน่อย รุ่นพี่เค้าไม่มีอะไรทำแหงๆ” เด็กสาวอีกคนตอบ ซากุโนะมองเพื่อนสาวทั้งสองที่ยืนบ่นอยู่ข้างๆเธออย่างเนือยๆ แต่มันก็ซ้อมหนักจริงแหละนะ
“ตรงนั้นน่ะทำอะไรกันอยู่ฮะ!” เสียงแปดปรอทดังขึ้น เด็กปีหนึ่งทั้งสามสะดุ้งเฮือก! พร้อมกับหันไปมองด้านหลังตัวเอง
“ปะ... เปล่าค่ะ”
รุ่นพี่สาวหรี่ตามองอย่างสงสัยจนพวกปี 1 ขนลุกเป็นแนว
“ถ้าไม่มีอะไรก็ไปซ้อมไป” พูดพลางเดินกลับไปที่เดิม
เหล่าปีหนึ่งถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกว่าจะโดนทำโทษซะอีก ซากุโนะถอนหายใจแล้วเดินกลับไปซ้อมต่อตามเดิม
รุ่นพี่สาวที่ทำท่าว่าเดินออกไปไกลหยุดยืนพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเนือยๆ วันนี้เธอต้องควบคุมปีหนึ่งคนเดียว กว่าจะดัดนิสัยความเป็นหญิงบอบบางมาเป็นหญิงแกร่งเหนื่อยยิ่งกว่าจับลิงตีเทนนิสอีก ต้องทำตัวให้ดุ รุ่นน้องถึงจะยอมฟัง ...เหนื่อยจัง
“ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ”
น้ำเสียงอ่อนนุ่มกล่าวขึ้นข้างๆ เรียกให้คนที่กำลังท้อใจหันไปหา
“สึราระ”
เจ้าของชื่อยิ้มบางๆ พร้อมกับเอามือจับหัวไหล่เพื่อนเป็นกำลังใจ
“เด็กใหม่ก็เป็นอย่างนี้แหละรินนะ กว่าจะเป็นแบบเราได้ยังอีกนาน ไม่ต้องซีเรียสนะ”
“อืม... ขอบคุณนะ ว่าแต่ที่เค้าลือกันน่ะจริงหรือเปล่า?”
คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันพร้อมกับมองหน้าคนถาม “เรื่องนั้นน่ะเหรอ”
“อืม”
สึราระเบ้หน้านิดนึงพร้อมกับใช้ความคิด ...ควรจะบอกดีไหม?
“ว่าไงสึราระ! ถ้าจริงละก็... คนที่แย่คือเธอนะ” รินนะเน้นเสียงเค้นถามสึราระ แต่ดูเหมือนว่าคนถูกถามจะไม่ได้ยินที่รินนะพูด
“ถ้าจริงฉันก็สมควรโดนเกลียดสินะ” น้ำเสียงเรียบแต่ดูอ่อนหวานกล่าวขึ้น เรียกให้สองคนที่กำลังคุยกันหันมามองเป็นทางดียวกัน
รินนะเบิ่งตาโตด้วยความตกใจกับภาพเบื้องหน้า หญิงสาวผมน้ำตาลเข้มยืนกอดอกมองมายังเธอและสึราระ
“ซองอึน!”
นัยน์ตาสีน้ำตาลมองมาอย่างเรียบเฉยไร้ความรู้สึก พร้อมกับเปรยตาไปมองรินนะที่กำมือแน่นมองมาที่เธออย่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แววตานิ่งแต่แฝงนัยน์อะไรบางอย่างไว้ สึราระเองก็สัมผัสได้ ความรู้สึกที่อัดอั้นมาตั้งแต่ตอนนั้น
“ยังคิดกลับมาอีกงั้นเหรอ” รินนะเน้นเสียงถามอย่างเรียบๆ ออกเหน็บแนมซองอึนเล็กน้อย
“แล้วกลับไม่ได้เหรอ?” เสียงเรียบตอบพร้อมกับหลุบตาลงเล็กน้อยจนดูเหมือนเย้ยคนถาม
สึราระนิ่งเงียบไม่โต้ตอบอะไร คนๆนี้เค้าคิดอะไรอยู่ถึงได้กล้าพูดแบบนั้น ลืมไปแล้วเหรอว่าพูดแบบนั้นแล้วจะเป็นยังไง
“คิดว่าเลิศเลอมากสินะ แต่ที่นี่ไม่ใช่สาธิตริคไค และเธอก็ไม่ใช่สมาชิกของชมรมเรา เพราะฉะนั้นอย่ากลับมาอีก” รินนะเน้น เพราะตอนนี้เส้นด้ายบางๆเริ่มจะแยกออกจากกันแล้ว
...ไร้เสียงตอบ มีเพียงนัยน์ตาสีน้ำตาลมองอย่างเรียบๆ
“ซองอึน รีบไปเถอะ” เพื่อนสาวข้างๆซองอึนเรียกด้วยเสียงเบาๆพร้อมกับกุมกล่องใส่ไวโอลิน
“อืม” ซองอึนขานพร้อมกับขยับตัวตามไป แต่...
“ถ้างั้นก่อนไปก็มาแข่งดูหน่อยเป็นไงล่ะ” น้ำเสียงท้าทายดังขึ้นจนซองอึนที่กำลังจะเดินไปหันกลับมามองอย่างสงสัย
สึราระมองรินนะอย่างสงสัยที่พูดออกไปแบบนั้น ทั้งๆที่รู้แต่ก็ยัง...
“ฉันไม่มีเวลาจะมาเล่นอะไรหรอนะ” ซองอึนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พร้อมกับเปรยตามองรินนะเรียบๆ แล้วก้าวเดินตามเพื่อนสาวไปอย่างไม่สนใจว่ารินนะจะเดือดขึ้นเพียงไหน
รินนะกำมือแน่นอย่างโกรธแค้น ผู้หญิงคนนั้นกล้าปฎิเสธเธออย่างไม่สนใจ แถมสายตานั่นอีก มันหยามศักดิ์ศรีเธอมากเกินไปแล้วนะ!
“ไม่กล้างั้นเหรอ?”
ขาเรียวที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงักกับคำพูดที่แข็งกร้าวทันที เพื่อนสาวที่อยู่ข้างๆหันมามองซองอึนอย่างกังวลใจ ซองอึนหันกลับมามองเจ้าของเสียงที่กำลังยืนโกรธแค้นเป็นฟืนเป็นไฟ นัยน์ตาสีส้มส่องประกายระริกอย่างเย้ยหยัน ราวกับกำลังจะกระตุ้นให้ซองอึนเดือดขึ้นมา
เด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนมองเพื่อนสาวอย่างกังวลใจพร้อมกับเรียกเพื่อนสาวขึ้นมาเบาๆ
“ซองอึน...”
สึราระมองซองอึนที่มองมายังรินนะด้วยสายตาที่เริ่มไม่พอใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลเรียบหลุบตาลงเล็กน้อยจนมองดูเหมือนกับวิเคราะห์อะไรบางอย่าง แต่ท่าทางเหมือนจะมีอะไรบางอย่างในใจทำให้ซองอึนดูเหมือนลังเลไม่กล้าตัดสินใจ
“ต้องการอะไร?” น้ำเสียงเรียบถามขึ้นแฝงความลังเลใจไว้ แต่ดูเหมือนจะเข้าทางรินนะมาก นัยน์ตาสีส้มเย้ยหยันอย่างพอใจ
“แข่งกับประธานชมรมของเรา! ว่ายังไง?” รินนะพูดเย้ยๆ พร้อมกับส่งสายตาเย้ยหยันให้กับซองอึน ...ยังไงเธอก็ต้องยอม ตัวประกันก็อยู่ข้างๆเธอไงล่ะ
นัยน์ตาสีน้ำตาลมองอย่างสงสัยกับข้อเสนอ รินะส่งสายตาท้าทายสวนกลับเหมือนทั้งสองจะต่อสู้กันเอง สึราระหันมามองรินะอย่างอึ้งๆและตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่ารินะจะพูดออกไปแบบนั้น เด็กสาวที่ถือกระเป๋าไวโอลินมองรินนะอย่างตกใจแล้วหันไปมองเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ซองอึน!” เพื่อนสาวอุทานชื่อออกมาอย่างตกใจพร้อมกับมองหน้าเพื่อนสาวที่ดูเหมือนจะโกรธขึ้นมา นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงสั่นระริกอย่างกังวลใจ มืออีกข้างที่ไม่ได้กุมสายกระเป๋าไวโอลินยกขึ้นมากำที่บริเวณหน้าอกพร้อมกับหอบหายใจน้อยๆ
นัยน์ตาสีน้ำตาลที่กำลังจ้องเขม็งอยู่เหลืบมามองเพื่อนสาวข้างๆแล้วหันกลับมามองนัยน์ตาสีส้มต่อ ซองอึนมองหน้ารินนะอย่างไม่พอใจ มือเรียวกำแน่นอย่างคับแค้น เพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆยิ่งเห็นซองอึนมีสีหน้าเครียดเหมือนจะหายใจถี่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ไปหาเจ้าพวกนั้น”
น้ำเสียงเรียบๆพูดออกมาเบาๆ เพื่อนสาวข้างๆมองซองอึนอย่างงงๆ และตกใจหน่อยๆ แต่ใบหน้าของซองอึนยังคงนิ่งเหมือนเดิม นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววแข็งกร้าวจนดูน่ากลัว เหมือนเป็นคำตอบที่แด่นชัดว่าเธอต้องทำยังไง
มือเล็กบางที่อ่อนระโทยยื่นขึ้นไปจับแขนซองอึน อีกมือกำแน่นที่หน้าอก ใบหน้าเรียวได้รูปพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วหันหลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปอย่างทุลักทุเล เธอมั่นใจในการตัดสินใจของซองอึนดี และเธอเองก็ต้องก้าวต่อไป...
สึราระมองร่างเล็กบางที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปอย่างทุลักทุเลอย่างไม่สบายใจ แล้วหันมามองรินนะที่ยังคงเดือดเป็นไฟจ้องตาเขม็งกับซองอึน เธอเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมาแล้ว ในใจสึราระตอนนี้ภาวนาอย่างเดียวว่าอย่าเป็นไปอย่างที่คิดเลยนะ
“ตกลง”
น้ำเสียงเรียบกล่าว เรียกให้สึราระมองซองอึนอย่างงงๆก่อนจะปรับให้เป็นปกติ รินนะมองพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ ความรู้สึกร้อนรนและตื่นเต้นที่จะล้มคนทรยศด้วยคนที่เจ็บปวดที่สุดลุกโชติช่วงขึ้นจนแทบรอไม่ไหวแล้ว
“งั้นก็ดี! เริ่มกันเลย” รินนะพูดจบก็หันไปตะโกนบอกทุกคนในคอร์ทว่าจะมีโชว์พิเศษจากเด็กแลกเปลี่ยนให้ดูเป็นพิเศษ เรียกให้ทุกคนในคอร์ทต่างสนใจและเริ่มมามุงมากขึ้นด้วยความตื่นเต้น
แต่ในขณะที่ใครต่อใครต่างตื่นเต้นกับการแข่งอยู่นั้น นัยน์ตาของคนสองคนสบกัน แววตาสีน้ำตาลที่แฝงแววความเจ็บปวดแต่ถูกกลบด้วยความเยือกเย็น กับนัยน์ตาสีดำที่แฝงแววกังวลมากมายภายในใจจนไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ความรู้สึกที่มีเพียงคนสองคนต่างเข้าใจกันเท่านั้น ความรู้สึกที่สื่อสารกันด้วยเพียงการมองตา สึราระพยักหน้าและยิ้มออกมาน้อยๆให้แก่ซองอึน ซึ่งซองอึนเองก็พยักหน้าให้สึราระเช่นกัน
“ถ้าพร้อมแล้วก็เข้าแข่งกันได้” รินนะพูดพร้อมส่งสายตาเย้ยๆให้ซองอึน
“แต่ก่อนหน้านั้นฉันมีกฎอยู่ข้อนึง” ซองอึนพูดด้วยเสียงเรียบพร้อมกับจ้องตารินนะด้วยแววตานิ่งๆ
“ว่ามา” รินนะตอบเรีบๆแต่แฝงความไม่พอใจ ...ไม่ชอบสายตานั่นเลยจริงๆ
“พอดีฉันไม่มีเวลาว่างมากที่จะมาเล่น การแข่งนี้จะตัดสินกันในเกมเดียว ใครได้ก่อนถือว่าชนะ”
คำพูดของซองอึนทำให้ทุกตกใจกันหมด ตัดสินภายในเกมเดียว! แสดงว่ามั่นใจในฝีมือมาก รินนะชะงักไปกับคำพูดของซองอึน มันยิ่งทำให้เธอโกรธขึ้นอีกแต่ก็พยายามปรับตัวให้เป็นปกติพร้อมกับมองแววตาสีน้ำตาลที่ดูน่าหมั่นไส้ คงมีเพียงสึราระที่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ แววตาสีดำส่องประกายระริกอย่างพอใจ แต่ทว่าแววตาสีน้ำตาลที่ดูเหมือนจะจ้องมองไปยังรินนะกลับประสานตากับแววตาสีดำด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
...ต้องสนุกแน่ๆ
ความคิดเห็น