ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุพผาโปรยใต้จันทร์กระจ่าง

    ลำดับตอนที่ #5 : สัญญาสิบปี

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 49


    เหยี่ยวนับว่าเป็นนกซึ่งเสมือนราชันย์ในมวลวิหคทั่งปวง ด้วยขนาดอันใหญ่โต และลักษณะอันสง่างามปีกซึ่งยาวออกไปได้รูปและลักษณะอันแข็งแกร่ง บินอยู่อย่างสง่างามท่ามกลางนภาอันเวิ้งว้าง นับว่าเปรียบดังงานปฏิมากรรมอันสวยงามของธรรมชาติ

    เสียงเหยี่ยวแว่วมาจากที่ไกลแสนไกลท่ามกลางทะเล แม้ว่าท้องทะเลจะมืดมิดท่ามกลางท้องฟ้าซึ่งไร้แสงจันทร์ หากแต่สีขาวกระจ่างและบริสุทธ์ผิดจากสีปกติของเผ่าพันธุ์ ซึ่งโดดเด่นท่ามกลางดวงดาวซึ่งพร่างพรายเสริมด้วยขนาดกอปรด้วยลักษณะอันสง่างามย่อมบ่งบอกอย่างชัดเจนว่ามันเป็นราชันย์ในหมู่เหยี่ยวเช่นเดียวกับเจ้าของมันซึ่งเป็นมังกรในหมู่มวลมนุษย์ หากแต่ถิ่นกำเนิดของพญาเหยี่ยวล้วนอยู่ในท่ามกลางแดนเหนืออันแห้งแล้ง  พญาเหยี่ยวตัวนี้เดินทางข้ามแผ่นดินมาจากทะเลทรายอันไกลแสนไกลเพื่อส่งสารอันสำคัญยิ่งจากนายของมัน

    ยามนี้แม้ภาคเหนือจะอยู่ท่ามกลางฤดูตงเทียนอันหนาวเหน็บแต่เกาะซึ่งอยู่กลางทะเลใต้นี้กลับคล้ายชุนเทียนอันสดใสตลอดนิจนิรันด์ก็ไม่ปาน  ..................................

    ท่ามกลางคืนซึ่งไร้เดือนแต่ดวงดาวสุกสกาวเช่นนี้ กลับไม่อาจปล่อยให้ผ่านไปได้ ชายชราในชุดนักพรตนั่งทอดถอนใจภายใต้ต้นไม้โดดเดี่ยว ณ หน้าผาริมทะเลใต้ สุราอยู่ในมือ แต่ดวงดาวคล้ายอยู่ข้างกาย ดวงตาเปล่งประกายสุกใสกระจ่างดื่มด่ำกับบรรยากาศอันเงียบสงบที่ธรรมชาติสรรสร้างขึ้น

    นอกจากเสียงคลื่นซัดกระทบฝั่งอันแผ่วเบาแล้วหาได้มีเสียงอื่นใดมาทำลายบรรยากาศอันสุขสงบนี้ไม่ คลองจักษุอันเฉียบคมผิดกับวัยอันชราของมันคล้ายรอคอยบางสิ่งบางประการ ............

    เสียงเหยี่ยวซึ่งแว่วมาจากที่อันไกลแสนไกลแว่วเข้ามายังเกาะอันเปลี่ยวร้างผู้คนกลางทะเลอันมืดมิด นัยน์ตาอันสุกใสกระจ่างของมันเปล่งประกายขึ้นแวบนึง คล้ายดีใจคล้ายตื่นเต้นกังวล อาจบางทีกระทั่งตัวของชายชราผู้นี้เองยังไม่ทราบว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร ไม่ช้านานเหยี่ยวสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะตัวใหญ่ก็ร่อนลงยังเบื้องหน้าของมัน นัยน์ตาของเหยี่ยวมองหน้าชายชราด้วยสายตาดุร้ายก่อนที่ทำสิ่งน่าตระหนกยิ่ง มันถึงกับก้มจะงอยปากอันแหลมคมดึงเชือกหนังซึ่งผูกสารติดกับตัวมันออก ก่อนจะส่งเสียงร้องเบา ๆ คล้ายจะบ่งบอกว่ามันปฏิบัติหน้าที่สำเร็จแล้วก่อนจะกางปีกอันขาวสะอาดขึ้นบินจากไปทางทิศเหนือ

    นานแสนนานชายชราจึงหยิบแผ่นสารหนังแกะขึ้นมา บนแผ่นหนังซึ่งถูกฟอกจนขาวสะอาดภายในมีเพียงไม่กี่ตัวอักษร " จะรอท่าน ที่กลางหุบเขาทรายดำ " ถ้อยคำซึ่งรวบรัดบ่งบอกถึงลักษณะอันเฉียบขาดดุดันของผู้เป็นเจ้าของลายมือ แต่ละตัวอักษรเต็มไปด้วยลายเส้นอันแหลมคมกริบราวกับจะทะลุแผ่นหนัง มาตรว่าไม่งดงามวิจิตร แต่กลับเต็มไปด้วยตัวตนของผู้เป็นเจ้าของลายมือ

    เคราสีเงินยวงพลิ้วไสวไปตามสายลม ดวงตาที่สุกใสเปล่งประกายท่ามกลางความมืดของชายชราชุดนักพรตนี้

    ยืนหยัดขึ้นเหม่อมองดวงดาวพราวระยับกลางเวหา ทอดถอนหายใจออกมา " ในที่สุด ในที่สุด สัญญาสิบปี .... "

    สายลมอบอุ่นละมุนของชุนเทียนพัดผ่าน ร่างของชายชราก็หายไปตามสายลม ...................

    ขุนเขาสูงตระหง่านกลางทะเลทราย  แข็งแกร่งยืนหยัดต้านลมที่กัดกร่อน ล้อมรอบเป็นชัยภูมิพิเศษด้วยแอ่งซึ่งอยู่ตรงกึ่งกลางของภูเขาเป็นหุบเขา  ท่ามกลางหุบเขามีสิ่งซึ่งแปลกประหลาดเนื่องเพราะทรายที่อยู่กลางแอ่งหุบเขากลับเป็นสีดำสนิทดุจราตรีกาล อากาศเหน็บหนาวแห้งแล้งกลางทะเลทราย ลมแรงพัดกระหน่ำ มีชายฉกรรจ์ชุดดำนั่งในที่ขัดสมาธิ ดาบวางไว้บนตักเป็นทุกส่วนของดาบนี้นอกจากยาวผิดจากดาบธรรมดาทั่วไปแล้วเป็นสีดำธรรมดาไม่มีที่ใดผิดจากดาบทั่วไปซักน้อยนิด

    แต่ชายฉกรรจ์นี้กลับนั่งในท่านี้มาเป็นเวลากว่าสองวันแล้วทุกส่วนในร่างกายไม่ขยับแม้แต่น้อยนิดประดุจว่าตายไปแล้วก็มิปาน สีผิวคล้ำของมันเปล่งประกายเรืองรองภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง ผมสีน้ำตาลยาวปลิวไสวไปตามสายลม ใบหน้าซึ่งหลับตาของมันเบ้าตาลึกคิ้วยาวตรงจรดจอนผมดุจกระบี่แม้โหนกแก้มจะสูงไปบ้างแต่จมูกโด่งเป็นสันกลับทำให้มันดูเยือกเย็นชาอย่างประหลาด พร้อมด้วยอำนาจบารมีดุราชันย์แผ่ออกมาจากตัวของมันอย่างเข้มข้นจนราวกับสัมผัสจับต้องได้ บุคคลผู้นี้คือ  ราชันย์ทราย ผู้เป็นจอมดาบอันดับหนี่งของแผ่นดิน ...............

    ราวสิบปีก่อนตงง้วนเกิดเหตุการณ์ที่ทุกผู้คนไม่อาจที่จะลืม นิกายอันยิ่งใหญ่มีอิทธิพลครอบคลุมทั่วผืนแผ่นดินถังอันกว้างใหญ่ไพศาล นับแต่จรดทะเลใต้ ตลอดจนขอบดินแดนภาคเหนือซึ่งกอปรด้วยทะเลทรายอันร้อนระอุ ได้ถูกชาวยุทธร่วมกันล้มล้างไป บุคคลผู้ซึ่งรับมือราชันย์แห่งนิกายเทิดสุริยันเมื่อครั้งกระโน้น นำโดย ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งฝ่ายธรรมมะและเจ้าสำนักต่างยันกำลังหลักทั้งหมดของนิกายเทิดสุริยันไว้บรรดาชาวยุทธจึงเหลือรอดกันออกมาได้ เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนั้นว่ากันว่าบรรดากองหน้าชาวยุทธซึ่งเหลือรอดออกมามีเพียงไม่ถึงหนึ่งส่วนของทั้งหมด  .....

    หลังวิกกฤตการณ์ล้มล้างนิกายเทิดสุริยันขุมกำลังของชาวยุทธตงง้วนนับว่าอ่อนแอถึงขีดสุด เปิดโอกาสให้ขุมกำลังของชาวนอกด่านรุกเข้าสู่แดนตงง้วน ก่อนจะเกิดการปะทะกันขึ้น ผู้วิเศษสราญรมย์ หลี่เหยาจวิน บุคคลอันเป็นเอกแห่งแดนตงง้วน  และ ราชันย์ทราย ฟ่างจินเยี่ยน จอมดาบแห่งนอกด่าน ได้เกิดการนัดพบกันระหว่างจอมคนทั้งสองขึ้น ช่วงเวลานั้น ผู้วิเศษสราญรมย์ หลี่เหยาจวิน ได้รับอาการบาดเจ็บสาหัสยิ่งจากการรับมือประมุขนิกายเทิดสุริยัน ด้วยสายตาอันแหลมและความหยิ่งทระนงของฟ่างจินเยี่ยน ไม่ปรารถนาซึ่งการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ใด ๆ ทั้งสิ้น มันทราบว่าอาการบาดเจ็บของผู้วิเศษสราญรมย์ หลี่เหยาจวิน ซึ่งเกิดจากการตอบโต้ก่อนเสียชีวิต ของประมุขนิกายเทิดสุริยันเป็นอาการลักษณะตกค้างไปนานอีกชั่วระยะหลายปี จึงให้โอกาสฟื้นฟูแก่แดนตงง้วนโดยลั่นคำสัญญาแก่ผู้วิเศษสราญรมย์ หลี่เหยาจวิน ในฐานะผู้นำแห่งแดนนอกด่านและตงง้วนว่า หลังจากกาลนี้สิบปีผ่านไปการต่อสู้ของสองยอดคนจะต้องเกิดขึ้น และจะตัดสินชะตากรรมแห่งแดนตงง้วน หากว่ามันประสบชัยชนะยุทธจักรแดนภาคเหนือนับจากแม่น้ำฮวงโหเป็นต้นไปจะต้องตกเป็นของนักบู๊ชาวนอกด่านโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ..............

    ช่วงสั้น ๆ แห่งการฟื้นฟูยุทธภพผ่านไปอย่างรวดเร็ว มาตรว่าสิบปีที่ผ่านมาจะมีอัจฉริยะถือกำเนิดไม่ขาดสายแต่ยอดยุทธที่แท้จริงยังไม่อาจเทียบเคียง กับกาลก่อนและยิ่งไม่อาจเทียบขุมกำลังนักบู๊นอกด่านซึ่งเจริญโดยไม่เกิดการกระทบกระเทือนในระยะสิบปีนี้ได้ ดังนั้นการยุทธครั้งนี้จึงเป็นศึกแห่งการชี้ชะตาอย่างแท้จริง

    ดังนั้นล้อมรอบแห่งหุบเขาทรายดำอันป็นแอ่งลึกลงไป ได้มีเงาบุคคลอันมากหลายล้อมกรอบยอดฝีมือแห่งทะเลทรายผู้นี้ไว้อย่างแปลกประหลาด แบ่งเขตกันอย่างชัดเจนโดยทิศซึ่งสุริยะสาดส่อง ทางส่วนปัจฉิมซึ่งอยู่ในเงามืดของแสงตะวันมีบุคคลแต่งกายหลากหลายบ้างเป็นหลวงจีน นักพรต ขอทาน บ้างแต่งกายดูสำรวยดุจกงจื้อไม่เหมาะแก่สถานที่เฉกเช่นทะเลทราซักน้อยนิด ส่วนบูรพาซึ่งอาทิตย์อันร้อนแรงสาดส่องเต็มไปด้วยกระโจม ฝูงม้า ชายฉรรจ์เคราครึ้มใบหน้ากร้านแดดลมจับเป็นกลุ่มไม่แบ่งแยก ส่วนที่เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดยืนกันเป็นชุดดำล้วน ดุจกองทหาร ที่น่าแปลกคือในกลุ่มนี้กลับมีหญิงสาวดวงตาสดใสกำลังหยอกล้ออยู่กับเหยี่ยวสีขาวอย่างเพลิดเพลิน ผิดกับบรรยากาศอันเคร่งเครียดร้อนระอุที่ล้อมรอบหุบเขาแห่งนี้ ดวงตาเป็นประกายจับจ้องอยู่ที่จุดเดียวกัน ทุกผู้คนกำลังรอสุดยอดฝีมือแห่งแผ่นดินอีกผู้หนึ่งท่ามกลางขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล ..............

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×