คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : นครหลวง
นครหลวง
นครฉางอานตั้งอยู่บนที่ราบสูงไท่หยวนทางภาคเหนือของประเทศจีน นับแต่หลี่ซื่อหมิน ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ถังสถาปนาราชวงศ์ของตัวเองขึ้นมา เป็นเวลา ถึง ยี่สิบกว่าปีแล้ว นครหลวงแห่งนี้เปรียบดัง นครทองคำกำแพงสูงตระหง่าน ราชวังเบื้องบนสูงเทียมเมฆเบื้องล่างกดลงแผ่นดิน แปรเปลี่ยนเป็นทรรศนียภาพอันเข้มแข็งสมกับเป็นนครหลวงแห่งภาคเหนือ
กลางคืนอันเงียบเหงาวังเวง เหตุใดดวงจันทร์จึงมีกลมโตและแหว่งเว้า ประดุจคนเรามีพบพานและพรากจาก ชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนชมดวงจันทร์ ทอดถอนใจถึงครอบครัวที่มันจากมา ร่างของมันสูงโปร่งโดดเด่น แม้จะมีผิวที่ขาวซีดไปเสียเล็กน้อย แต่ผมที่ดำขลับ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอันบางเบากอปรไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น ดวงตาหงส์อันสุกใสตอนนี้มีเงาพร่าเลือนซึ่งนึกถึงบุคคลอันอยู่ห่างไกล ได้ลบล้างข้อบกพร่องของมันไปจนสิ้น
ขณะชายหนุ่มกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศได้มีเงาสีดำดุจความมืดพุ่งผ่านมันไป ริมฝีปากอันบางเบาคลี่ออกเป็นรอยยิ้มที่สนุกสนาน ก่อนจะสลับเท้าร่างกายซึ่งยืนอยู่พลันลอยขึ้นจากพื้นดุจหมอกควันสีขาวพุ่งปราดติดตามเงาออกไป .............................
ชายชุดดำซึ่งอยู่เบื้องหน้าของมันตอนนี้ประดุจมีตาหลังก็ไม่ปานเมื่อชายหนุ่มลอยตัวขึ้น ร่างของมันก็สะดุ้งดุจกัน สองแขนซึ่งแนบติดตัวเวลาวิ่ง พลันกางออกดุจวิหกเหินบินสะบัดออกแล้วร่างของมันก็ทะยานออกไปออกไปด้วยความเร็วดุจธนูหลุดจากแล่ง
มันมองกลับหลังมาในดวงตาดูมีแววประหลาดใจที่มีคนสามารถติดตามมันได้ปากกล่าวเอ่ยออกมา
"ท่านติดตามเรามาด้วยเหตุใดกัน"
"เพราะความบันเทิง" ชายหนุ่มตอบด้วยสำเนียงล้อเลียน เพราะจับได้ว่ามันเป็นสตรี
"ท่าน ......... ดีถ้าเช่นนั้นติดตามเรามาให้ทันก็แล้วกัน"
เงาของหญิงสาวเริ่มพุ่งลงลัดตรอกซอกซอยของนครหลวงด้วยความรวดเร็วภายใต้แสงของจันทร์กระจ่าง จะเห็นร่างสองร่างดุจกับมีด้ายโยงกันไว้ทะยานดุจหมอกควันทั่วนครหลวง
" ท่าน ...ท่าน ต้องการอันใด " ขณะนี้หญิงสาวเปียกชุ่มโชกไปทั่งตัวเค่นเสียงออกมา ตอนนี้รูปร่างของนางแม้คนตาบอดก็ย่อมดูออกว่านางเป็นอิสตรีแน่นอน ภายใต้ดวงจันทร์สาดแสงรูปร่างของนางประดุจประติมากรรมส่วนที่ควรโค้ง เว้า ไม่มีส่วนเกินแม้ซักน้อยนิด
บุรุษหนุ่มรู้สึกขบขันไม่ทราบว่าควรจะตอบว่าอย่างไรดี มันความจริงตามมาก็ไม่เพียงแต่จะไร้เหตุผลอยู่แล้ว ความจริงควรจะบอกว่ายังไร้สาระอีกด้วย ขณะจะตอบนางกลับไป ก็มีเสียงตวาดดังมาจากเบื้องล่างว่า
"เจ้าโจรบังอาจ บุกตำหนักหลวงยังไม่รู้สึกตัวอีก ทางที่ดียอมรามือให้เราจับกุมเจ้า จะได้ไม่มีการเสียเลือดเนื้อ"
ชายหนุ่มหญิงสาวสะดุ้งขึ้นมาพร้อมกัน ที่แท้ตอนที่ไล่ล่ากัน ไม่สนใจอะไรกลับมุ่งหน้าเข้าสู่ราชวังเสียได้
ชายหนุ่มฝืนยิ้มแก่หญิงสาวพลางกล่าว "ข้าจะล่อพวกมันไปอีกทาง ส่วนเจ้าหาทางหลบไปก่อน อ้อ คืนนี้ข้าสนุกสนานมาก"
ภายใต้แสงจันทร์สาดส่องร่างของชายหนุ่มชุดขาวก็พริ้วกายจากหลังคาตำหนักลงสู่เบื้องล่าง ..............
ใต้ดวงตาสุกใสของบุรุษหนุ่ม ทหารราชองครักษ์ของวังหลวงหาได้อยู่ในสายตาของมันไม่ หลังกวาดสายตาไปพลันสะดุดสายตาอยู่ที่ชายชราสวมใส่ชุดนักพรตที่อยู่ด้านหลังของกองทหารองครักษ์ เครายาวปลิวไสวไปตามสายลม แม้ว่าใบหน้ามีรอยย่นแต่ผิวกลับขาวอมชมพูประดุจผิวทารก รูปร่างดูอ้วนแต่ดูไม่เทอะทะ ตรงกันข้ามกลับดูปล่อยตัวสบายตามธรรมชาติ ดวงตาที่มีประกายไร้เดียงสาขัดกับใบหน้ากำลังจ้องมาที่บุรุษหนุ่ม น่าแปลกที่กลับไม่มีแม้กระทั่งความคิดฆ่าฟัน ผิดกันกับเหล่าทหารซึ่งจ้องเขาอยู่อย่างกระเหี้ยนกระหือ
นายทหารสั่งทหารเคลื่อนล้อมเป็นวงเข้ามา ชายหนุ่มฝืนยิ้ม มันความจริงไม่มีเจตนาที่จะทำผิดอะไร เพียงแต่ไม่ทราบความ บังเอิญตามคนหลงเข้ามาในนี้เท่านั้นเอง ย่อมยากจะปลุกปลอบความคิดที่จะต่อสู้กับผู้คน อีกประการต่อให้มันเก่งกล้าอย่างไรก็ยังมีแค่สองมือ ย่อมไม่อาจที่จะสู้กับคนจำนวนมากแบบนี้พร้อม ๆกันได้ เมื่อประเมินสถานการณ์เช่นนี้ จึงตัดสินใจที่จะหนีทันที
สองเท้าไวเท่าความคิดกระโดดร่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะร่างกายอยู่ท่ามกลางอากาศเกาทัณฑ์จากพวกทหารองครักษ์ก็น้าวขึ้น สิ้นคำตวาดสั่งยิง เสียงลั่นเกาทัณฑ์อันพร้อมเพรียงก็ดังขึ้นประดุจเกาทัณฑ์คันเดียว ทุกลูกล้วนเล็งตรงไปยังชายหนุ่มอย่างแม่นยำหมายจะปักร่างของมันให้เป็นเม่นไปทันที
ร่างของชายหนุ่มที่อยู่บนอากาศไม่มีที่หยั่งทรงกายเปลี่ยนทิศทางพลันเอื้อมมือไปชักกระบี่กลางหลังฉับพลันประดุจบุปผาแดงดุจชาดบานอย่างเงียบงัน กระบี่ซึ่งเปล่งประกายสีแดงระเรื่อ พลันแตกออกอย่างเชื่องช้า แต่ประกายแสงซึ่ง สะท้อนออกจากตัวกระบี่พร่างพรายท่ามกลางสายตาของทหารองครักษ์อย่างรวดเร็ว สายฝนลูกเกาทัณฑ์พร่างพรูลงจากกลุ่มประกายแสงสีแดงก่อนจะหายวับไป พร้อมกับร่างของชายหนุ่ม
ขณะนี้ชายหนุ่มกำลังทะยานออกไปอย่างรวดเร็วอยู่นอกนครหลวง แสงจันทร์สาดส่องบริเวณทุ่งหญ้านอกนครหลวงอันโล่งกว้าง แต่ใบหน้าของมันกลับมิได้มีท่าทางปลอดโปร่งใจ ใบหน้าหน้าอันหล่อเหลากลับมีเหงื่อหยดหยาดไม่หยุดยั้ง
ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีใครตามหลังแนบติดตัวมาประดุจเงาตั้งแต่ออกมาจากวังหลวง ไม่ว่าจะทุ่มเทเร่งความเร็วของท่าร่างเท่าใดก็ไม่อาจที่จะสลัดความรู้สึกประดุจเชื้อโรคเกาะกระดูกนี้ออกจากด้านหลังได้เลย
ท่าร่างของชายหนุ่มซึ่งรวดเร็วดุจเงาพลันสะดุดหยุดลง ..
จันทร์กระจ่างส่องทอดเงาลงไปยังน้ำซึ่งไหลรินไปตามลำธารน้อยคดเคี้ยวมาจากที่อันไกลตา ข้างลำธารมีศิลาก้อนใหญ่ นักพรตชราที่อยู่ด้านหลังของพวกองครักษ์นั้นนั่งอยู่อย่างสงบ ดวงตาอันไร้เดียงสาเปล่งประกายพิสดาร เคราขาวเงางามดุจเงินเปล่งประกายพลิ้วไสวไปตามสายลมของทุ่งหญ้าอันเขียวขจีนอกนครหลวงแห่งแผ่นดินถัง มืออันนวลเนียนผิดธรรมชาติหยิบเลาขลุ่ยไม้ไผ่ซึ่งวางอยู่ข้างกายจรดริมฝีปาก
สำเนียงขลุ่ยดังขึ้นประดุจเสียงจากฟากฟ้า สะท้อนออกจากในใจผู้คน กาลเวลาประดุจหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วครู่ มาตรว่าเป็นเพียงไม่กี่เสียงแล้วก็หยุดไป แต่ประดุจเป็นท่วงทำนองที่ดำเนินต่อไปไม่จบสิ้น
..
จบตอนแล้วครับชายชุดขาวผู้นี้เป็นใครติดตามได้ตอนหน้านะครับ
ปล. ได้โปรดติชมด้วยนะครับ ผมเขียนผิดไปอย่างไร ไม่ถูกใจตรงไหนบอกได้นะครับ
ความคิดเห็น