ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุพผาโปรยใต้จันทร์กระจ่าง

    ลำดับตอนที่ #2 : กลางราตรี

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 49


    ท่ามกลางราตรีคืนเดือนมืด ท่ามกลางดินแดนอันสวยงามของแผ่นดินจีน กลางมณฑล เสฉวน  .........

     

    หากท่านเงี่ยหูฟัง จะมีเสียงแหบห้าวแผ่วเบาแว่วมาตามสายลมว่า

     ....ราวราตรี....ในโลกนี้มีหน่วยงานหนึ่งในโลกกล่าวได้ว่า ลึกลับที่สุด อันตรายที่สุด มีนามว่า ฟ้าสังหาร

     

    ชื่อของมันก็กล่าวแทนตัวมันอยู่แล้ว พวกมันคือ มือสังหาร คนในยุทธจักรรู้จักพวกมัน แต่ไม่มีใครรู้เรื่องราวของมัน  ไม่มีใครรู้ว่าตั้งอยู่ที่ใด ประดุจว่า ฟ้าสังหารนี้ อาศัยอยู่ท่ามกลางเงามืดยามราตรีมิปาน

     

    แต่ทุกคนรู้ว่า ฟ้าสังหารลงมือแต่ละครั้ง ไม่เคยผิดพลาด และไม่เหลือทิ้งร่องรอย ดั่งกับมีการตกลงกับมัจจุราช ราวกับเป็นการให้สัจจะ ของบุคคลต่อบุคคล ซึ่งมีการตกลงกันอยู่ก่อน ฟ้าสังหารราวกับเป็นเพทภัยธรรมชาติ

    ........ ไม่มีทางหลบหลีกพ้น..........

     

    ฟ้าสังหารจะส่งจดหมายลักษณะพิเศษไปที่บ้านของเหยื่อทุกรายก่อนจะลงมือ ที่น่าแปลกคือ ไม่เคยมีใครเห็นกระทั่งหน้าของผู้มาส่งจดหมายเลยด้วยซ้ำ

     

    ท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงบ ยามนี้เป็นเวลาหลับนอนของสุจริตชน หลังประกอบสัมมาชีพมาทั้งวัน พวกมันล้วนเหน็ดเหนื่อย  แต่ก็สามารถหาความสุขจากน้ำพักน้ำแรงของมันแม้เงินจะน้อยนิด หากมีความสุขแล้วจะเป็นไรเล่า  มีก็แต่บุคคลที่ไม่ทำงานเท่านั้นจึงมีเวลาว่าง และไม่รู้สึก ไม่รู้จักความพอใจในชีวิตอันเรียบง่าย

     

    พวกมันล้วนเคลื่อนไหวท่ามกลางความมืดบนหลังคา ว่องไวดุจเงาปักษาเคลื่อนผ่านลำน้ำ ชุดของพวกมันล้วนดำดุจความมืดในค่ำคืนนี้ เงียบกริบ และ รวดเร็ว ………………

     

    ท่ามกลางแดนกังหนำอันอบอุ่นนี้ หากนับอุทยานที่น่าท่องเที่ยวที่สุด ต้องนับว่า สวนตระกูลเง้ย เป็นอันดับหนึ่ง  เก๋งศาลาซุกซ่อนตัวในสายหมอกอันละมุน หมู่มวลพฤกษาเบ่งบานชูช่อ ส่งกลิ่นหอมทั้งกลางวันกลางคืนน้ำลำธารที่ชักนำมาจากบึงไซโอ้วอันลือเลื่องของแผ่นดินจีนไหลผ่าน มีสุ้มเสียงดุจดุริยางค์ทิพย์ของธรรมชาติ

     

    ยามค่ำคืนเช่นนี้กลับมิได้ลดทอนความงามของมันให้ลดลง กลับเพิ่มความสึกลับภายใต้แสงตะเกียงสาดส่องเพิ่มความนุ่มละมุนแก่บรรยากาศ ............  แต่บุคคลเล่า

     

    ยามนี้บุคคลแห่งตระกูลเง้ยทุกคนรวมกันอยู่ในห้องโถงอันงดงาม แต่มิได้มีหน้าตาอันแจ่มใสเข้ากับบรรยากาศอันงดงามนี้ไม่ ยี่สิบกว่าชีวิต เรียงรายล้อมชายแก่ผู้หนึ่ง บุคคลอันเป็นเอกอุด้านกระบี่แห่งแดนเสฉวน จอมกระบี่ถนอมบุปผา เง้ยอันเลี่ยง มันปีนี้อายุ เจ็ดสิบกว่าปีแล้ว แม้มีผมขาวทั่วศีรษะ แต่ลำตัวยังตั้งตรง รอยย่นที่หางตาของมันบ่งบอกถึงริ้วรอยผ่านกาลเวลาที่ผันผ่านมันไป  แต่มิได้ชำระล้างเสน่ห์อันน่าประทับใจของมัน ดวงตาอันสุกใสประดับอยู่บนใบหน้าปานสลักเสลา ยามนี้มีใบหน้าเคร่งเครียด จ้องมองอยู่กับใบหน้าผู้เป็นบุตรชายของมัน

    อันปวย ถือว่าเราขอร้องเจ้า ไปจากบ้านนี้เสียเถิด   มันกล่าวแก่บุรุษหนุ่มรูปงามที่ทางขวามือของมัน

     

    บุรุษหนุ่มกล่าวว่า ท่านพ่อรองจากท่านบ้านของเราก็มีเพียงข้า ...ตระกูลของเรา ...สวนของเรา ...อุทยาน ชื่อเสียง... ฝีมือวรยุทธ หรือกระทั่งไม่อาจต่อสู้กับ ใครที่จะมาเข่นฆ่าเช่นนี้ก็ต้องยอมมันหรือ

    เนื่องด้วยมีเพียงเจ้า หรือเจ้าจะปล่อยให้หมดสิ้นกันเยี่ยงนี้  เจ้าต้องเอาชีวิตรอดต่อไป  จะอย่างไรก็ได้ ขอเพียงเจ้ามีชีวิตรอด ขอเพียงเจ้ามีชีวิตรอด ............

     

    กล่าวไม่ทันจบหน้าประตูก็มีบุคคลชุดดำกลืนกับความมืดมิดยืนจ้องมองอยู่ ราวกับยืนอยู่ที่นั่นมานานแล้ว กล่าวเอ่ยปากมาว่า เรารับค่าจ้างมา ยี่สิบห้าคน นับดูเห็นจะเกินอยู่หนึ่ง  ข้าจะให้โอกาสท่านเลือกบุคคลออกมาประมือกับข้าหากมีผู้ใดรับข้าได้ สามกระบวนท่า ข้าอาจให้โอกาสมันเลือกก็ได้ เสียงอันเยียบเย็นแฝงด้วยน้ำเสียงสนุกกล่าวออกมา

     

    ได้  ชายแก่กล่าวออกมา แต่เมื่อเห็นบุตรชายทำท่าจะคัดค้าน มืออันคล่องแคล่วของมันก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สกัดจุดทั่วร่างบุตรมันหมดสิ้น ดวงตาอันสุกใสของผู้เป็นบิดาประดับไปด้วยน้ำตาอันสุกใสราวกับประกายเพชร จ้องมองมันอย่างล้ำลึก ถ่ายทอดความมุ่งหวังทั้งปวงแก่มัน เง้ยอันปวยมองบิดาตอบ แม้จะถูกสกัดจุดไว้แต่ร่างทั้งร่างสั่นระริกไม่หยุดยั้ง นัยน์แดงก่ำดุจสายเลือด

     

    จอมกระบี่ลุกยืนหันหน้าไปประจันหน้ากับชายชุดดำ สายตาอันนุ่มนวลพลันเปลี่ยนเป็นคมกริบดุจกระบี่ที่อยู่ในฝักของมัน ก่อนสายตาจะเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลเอ่ยปากว่า อันปวย ลุงของเจ้าอยู่ที่ตำหนักสุคนธ์ จำไว้ว่า ต้องไปหาท่านให้ได้ พริบตานั้น ชายเสื้อของจอมกระบี่พลันกระพือแนบร่างด้านหน้าดุจมีลมกรรโชก ลมอันอำมหิตครอบคลุมตำหนักตระกูลเง้ยพัดพลิ้วเข้าสู่ร่างชายชุดดำไม่หยุดยั้ง ร่างอันสูงใหญ่ของชายชุดดำยืนหยัดดุจจะค้ำยันนภาดาวเอาไว้ พลันลดมือลง อุณหภูมิในห้องก็ยิ่งลดต่ำลง ดวงตาซีดเทาดุจปลาตายของมันกลับมีประกายขึ้นมาพร้อมย่างเท้าก้าวเข้าหาจอมกระบี่พิทักษ์บุปผาอย่างเชื่องช้า ยื่นมือออกไปราวกับจะตบบ่าล้อเล่นก็ไม่ปาน

     

    ท่ามกลางสายตาของจอมกระบี่พิทักษ์บุปผา เท้าที่ก้าวเดินเข้ามา พริบตา สิบเชียะ  ห้าเชียะ ราวกับถูกสะกด

    พลันสะดุ้งสุดตัวดุจตื่นจากฝัน มือของชายชุดดำก็เข้ามาประชิดแล้ว ต้องขบกรามกรอด กระบี่ในมือดีดขึ้นมาเหมือนกับมีชีวิต แล้วแตกออกราวกับประกายดอกไม้ไฟสาดแสงกระจายออกจากมือ จี้ออกใส่มือชายชุดดำอย่างสุดกำลัง มือที่ยื่นมานั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว ทั้งปาด สกัด จี้ กระทำราวกับเชื่องช้า แต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับพอดี โจมตีใส่จุดกึ่งกลางของประกายกระบี่ ราวกับดาวร่วงลงจากฟากฟ้ากลายดาวตก มืออันคล่องแคล่วของจอมกระบี่กลับเปลี่ยนกระบวนที่สอง ทั้งคนทั้งกระบี่ทะยานขึ้นจากพื้นพุ่งทะลวงสภาวะดั่งสายรุ้งที่โผล่จากขอบฟ้า ใส่หน้าอกชายชุดดำอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วดุจกัน มือของชายชุดดำประกบเป็นดรรชนีจี้ออกใส่รุ้งกระบี่ที่พุ่งเข้าใส่ พริบตานั้นจอมกระบี่รู้สึกตัวมีลมปราณประหลาดสองสาย ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงชำแรกเข้ามาตามตัวกระบี่ราวกับฉีกร่างมันออกเป็นเป็นสองส่วนจู่โจมเข้าใส่ชีพจรทุกจุดของมันอย่างรุนแรง  ฉับพลันหน้าของมันกลับมืดมิด รวบลมปราณและเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายจับมือนั้นไว้พร้อมกับเอ่ยว่า กระบวนท่าที่สาม

     

    ได้ เสียงสุดท้ายที่จอมกระบี่ได้ยินดังขึ้น พร้อมเสียงฝ่ามือฟาดเข้าใส่ศีรษะอย่างรุนแรง เลือดกระเด็นออกจากร่างของจอมกระบี่เฒ่าบัดนี้ศีรษะของมันราวกับสูญหายไปจากโลกระเบิดออกแล้วหายไปไม่เหลือซากอีก

     

    ดวงตาอันกลมโตของเง้ยอันปวยเบิ่งออกแทบฉีกขาด กล้ามเนื้อทั่วร่างเบ่งพองแทบระเบิดออกสั่นระริกจ้องมองร่างอันไร้ศีรษะของบิดาตัวเอง แน่วนิ่ง….

     

    ท่ามกลางตำหนักนี้กลิ่นหอมดอกท้อพลันโชยมาจากที่ไกลแสนไกล ดุจล่ำลาต่อจอมกระบี่ ......................

     

    ชายชุดดำสูดกลิ่นดอกท้ออย่างเคลิบเคลิ้ม เอ่ยออกมาว่า ตลอดสิบปีนี้เราไม่เคยสมใจปานนี้มาก่อน ท่านยอดเยี่ยมนัก จอมกระบี่ถนอมบุปผา เง้ยอันเลี่ยง ก่อนจะเอ่ยเปลี่ยนคำมาเป็นประกาศิตว่า ตามสัญญาชีวิตของบุตรชายเจ้า พร้อมเอ่ยปากเรียกกลุ่มคนของมันภายนอกเข้ามา เสียงเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น

    เรายกทุกคนแก่พวกเจ้า จำไว้นอกจากชายผู้นั้นซึ่งห้ามแตะต้องแล้ว หลังเสร็จธุระห้ามเจ้าไว้ชีวิตผู้ใด “ …….

     

    ก่อนจะเหลือบมองไปยังร่างจอมกระบี่แล้วพลิ้วกายจากไป

     

    ....................... กลิ่นหอมดอกท้อในห้องยิ่งเข้มข้น ..........................




    ปล. อัพเร็วไหมครับเรื่องนี้รับรองอัพบ่อย ขอร้องได้โปรดนะครับช่วยแนะนำกันหน่อย นี่เป็นเรื่องแรกของผม ติอะไรก็ได้ครับ ชมยิ่งขอบคุณ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×