ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฟริน ผู้ลอบสังหาร แห่งบารามอส

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 : อารัมภบทผู้ลอบสังหารแห่งบารามอส

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 53


    /> /> />

     ตอนที่ 1 : อารัมภบทผู้ลอบสังหารแห่งบารามอส       

    ทามกลางความมืดที่ครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง สิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตใต้แสงอาทิตย์ต่างพากันขดตัวนอนหลับอยู่ในที่พักอันอบอุ่นของตัวมันเอง

                ทามกลางความสงบสุขนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่มิได้หลับใหลอย่างเป็นสุขเท่าใดนักอยู่

                เสียงพลิกตัวไปมาและเสียงหอบหายใจแรงนั้นดังไปทั่วป่า ทำเอาสัตว์น้อยใหญ่ตื่นจากภวังค์และพากันหลบลี้ไปให้ไกลจากสิ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของตัวมันเอง

                หากเราตามรอยไปยังต้นกำเนิดเสียงนั้นก็จะได้พบกับร่างสูงของคนๆ หนึ่ง ทอดกายอยู่บนที่นั่งคนขับของเกวียนขนาดใหญ่ หนึ่งเดียว ณ ใจกลางป่าแห่งนี้

                ร่างสูงนอนพลิกตัวแล้วพลิกตัวอีกจนเสียวว่าจะตกจากที่นอนนั้น หล่นใส่เจ้าม้าที่กำลังพักผ่อนอยู่ด้านหน้าเกวียน

                ใบหน้าและตามตัวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ยังคงผุดพรายไม่ยอมหยุด

                ริมฝีปากได้รูปนั้นอ้าออกเพื่อสูดอากาศเข้าและออก ทั้งยังเพื่อเปล่งเสียงที่ไม่อาจจับความหมายได้ไม่หยุด

                สักพัก ร่างที่กระดิกตัวตลอดเวลานั้นก็ได้หยุดชะงักลง ทุกสิ่งเข้าสู่ความเงียบ วังเวง

    เสียงแมลงและนกกลางคืนที่เงียบไปนานเพื่อซ่อนตัวนั้นก็กลับดังขึ้นมาอีกครั้ง

    นกฮูกตัวหนึ่ง ด้วยความสงสัยและนึกอยากลองดีจึงได้บินร่อนลงมาสู่เกวียนขนาดใหญ่ที่ร่างสูงนอนแน่นิ่งอยู่

    มันกระโดดหย๋องๆ แหย๋งๆ เข้าไปใกล้และเริ่มใช้จงอยปากเขี่ยร่างที่ถือว่ามีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวมันเอง

    เริ่มแรก แรงที่ใช้ในการสะกิดยังคงไม่แรงเนื่องจากความกลัว และหวาดว่าเจ้ายักษ์นี่อาจเพียงแกล้งตาย หรอกให้ตัวมันเข้ามาใกล้แล้วจัดการ

    ต่อมามันจึงใช้แรงมากขึ้น มากขึ้นเมื่อสิ่งที่มันสะกิดอยู่ไม่กระดุกกระดิกตัวแม้แต่น้อย

    และเมื่อมันแน่ใจแล้วว่าสิ่งๆ นี้ไม่เป็นอันตรายต่อตัวมัน มันจึงกระโดดขึ้นยืนบนร่างที่ทอดกายอยู่นั้นเพื่อโชว์พาวแก้พวกพ้องของมันที่ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ ปากก็ร้องส่งเสียงข่มขู่พวกตัวผู้ที่หัวหด และกระพือปีกแสดงความกล้าหาญให้แก่พวกตัวเมียนวลน้องนางทั้งหลาย

    เมื่อได้เห็นดวงตาที่ฉายแววนับถือและยำเกรงจากพวกพ้องทั้งหลาย ในใจมันก็คิดเองเสร็จสรรพว่ามันคงได้เป็นหัวหน้าตัวต่อไปแล้วแน่

                หากแต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!

                ร่างภายใต้อุ้งตีนของมันขยับ

                หากแต่เพราะความชะล่าใจ และยังคงสนุกกับการอวดศักดาอยู่มันจึงไม่นึกเอ่ะใจ

                และทันใดนั้น ฝ่ามือจากร่างที่ทอดกายอยู่ก็ตะปบเข้าจับหัวของมัน พวกเพื่อนพ้องที่เมื่อสักครู่ยังคงเกาะอยู่บนกิ่งไม้และทำท่าจะบินตามลงมาก็ได้กระพือปีกหนีไปทันที

                ตัวมันเองนั้นย่อมตกใจแทบสิ้นสติ สองปีกขยับขึ้นลงอย่างแรงเพื่อที่จะดิ้นให้หลุดจากอุ้งมือของพญามัจจุราช

                มันคงได้กลายเป็นนกย่างแสนอร่อยแน่หากเจ้าของอุ้งมือใหญ่นั้นไม่อยู่ในอารมณ์เห็นแก่กินตามปกติ

                ทันทีที่สิ่งที่กักขังมันอยู่ปลดปล่อยมันออกจากพันธนาการ ปีกคู่ของมันก็รีบกระพือบินหนีตามพวกพ้องของมันไป

    ไม่สนแล้วว่าเมื่อตามพวกที่หนีไปก่อนนั้นทันจะต้องพบกับสายตาดูถูกเหยียดหยาม การเยอะเย้ย ถากถาง หรือการว่ากล่าวที่ทำให้พวกพ้องทุกตัวต้องพบกับอันตรายหรือไม่ มันขอหนีให้พ้นจากร่างเบื้องหลังไปก็พอ

    ร่างสูงที่เมื่อสักครู่นอนแน่นิ่งอยู่นั้นลุกขึ้นมานั่งชันเข่าข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างปล่อยวางตามสบาย สองมือยกขึ้นดูขนนกที่เมื่อสักครู่ถอนออกมาจากเจ้าตัวมีปีกที่บังอาจมาเหยียบอยู่บนตัวของเขา

    ริมฝีปากได้รูปนั้นเหยียดออกเมื่อนึกถึงท่าทางปากอ้า ตาเหลือก ขนร่วงในตอนหนีของเจ้านกตัวนั้น

    และทันใดนั้นสองตาก็เหลือบไปเห็นร่างบางทีโผล่ออกมาจากข้างในเกวียน สองหูก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีของคุณเธอ

    พี่ก็ ไปแกล้งเจ้าฮูกตัวนั้นทำไม สงสารมันออกเสียงหวานถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากสีแดงสดนั้น น้ำเสียงที่ถูกดัดให้ดูเหมือนสงสารเจ้าตัวเคราะห์ร้ายเต็มเปี่ยม หากแต่ไม่ฟังก็รู้คุณเธอสนุก สะใจเสียยิ่งกว่าคนแกล้งสะอีก!

    ร่างบางยังคงหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีพร้อมกับก้าวเดินขึ้นมานั่งเคียงคู่กับร่างสูงที่ขยับเคลื่อนกายมาอยู่ในท่านั่งตามปกติ

    หญิงสาวทำท่าอ้าปากตั้งใจจะชวนคุย หากแต่สายตาก็เหลือบไปเห็นเม็ดเหงื่อที่สะท้อนแสงจันทร์อยู่บนใบหน้าพี่ชายของตน

    สองมือรีบยกขึ้นจับวงหน้าตรงหน้า ปากก็เอื้อนเอ่ยคำถามด้วยความเป็นห่วงสุดฤทธิ์ จริงๆ นะ

    เป็นอะไรไปพี่ชาย เหงื่อออกเยอะซะยังกับไปอาบน้ำมางั้นล่ะ หรือว่าไปกัดกับไอเข้ในน้ำมาแล้วลืมเปลี่ยนเสื้อ?

    สองคิ้วเข้มของคนเป็นพี่ต้องขมวดเป็นปมเข้าหากันเล็กน้อยด้วยสิ่งที่หลุดออกมาจากปากอวบอิ่มนั้นไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าใดนัก

    ริมฝีปากบางนั้นตั้งท่าจะเถียงแก้ความเข้าใจผิดเรื่องพฤติกรรมการกัดกับไอเข้ที่คนตรงหน้ากล่าวหาตนเมื่อสักครู่ หากแต่ก็ต้องชะงักหยุดไปเมื่อเหลือบมาเห็นสายตาเป็นห่วงของคนตรงหน้า ปากที่ทำท่าจะพ่นคำเผ็ดร้อนก็ได้หุบลง และอยู่นิ่งๆ ไปอย่างสงบเสงี่ยม

    เมื่อคนเป็นน้องไม่ได้คำตอบจากคนเป็นพี่ก็ได้แต่นั่งนึกหาสาเหตุเอาเอง

    และทันใดนั้น ดวงตาคู่โตก็ได้เบิกออกกว้างขึ้น ดวงตาคู่โตตวัดกลับมาหาตนทันที

    ฝันนั้นอีกแล้วหรือพี่เฟริน!!!”

    คนเป็นพี่ได้แต่ทำหน้ายุ่งยากใจพร้อมกับพยักหน้าและเอ่ยตอบเบาๆ

    พี่เองก็ลืมไปเหมือนกันว่ามันวนกลับมาถึงวันนี้อีกแล้ว

    แล้วทุกสิ่งก็เข้าสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง

    สองร่างภายใต้ความมืดได้แต่นั่งนิ่ง เหม่อลอยมองดวงจันทร์กันทั้งคู่

    ผ่านไปไม่นาน ร่างสูงก็เริ่มเล่าถึงบางสิ่งที่ได้เห็นมาในโลกแห่งความฝันนั้น

              ความฝันบอกเล่าถึงเหตุการณ์ภายใต้เปลวเพลิงสีแดงที่ไม่อาจทราบได้ว่าจริงหรือไม่จริง

    ความฝันที่ทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่อย่างประหลาด

    สองร่างนั้นได้แต่ถ่ายทอดความรู้สึกของกันและกันอยู่บนเกวียน

    อารมณ์เป็นสุขที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ

    กับอารมณ์เจ็บปวดคล้ายได้สูญเสียสิ่งที่รักที่สุดไปตลอดการต่อหน้าต่อตา

    ความรู้สึกเจ็บที่กลางอกเกิดขึ้นมาอีกครั้ง

    และมันคงจะเจ็บเจียรตายหากไร้ซึ่งคนที่อยู่ข้างกาย

    อีกครึ่งหนึ่งที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมสูญเสียไป

    เฟริโอน่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×