ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Star Story

    ลำดับตอนที่ #2 : ☆~: Unit 1 [rewrite]

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 55


     ~: Unit 1

                    “ฮานึล!!!” มือบางโบกไปมาด้านหน้าเธอ เป็นผลให้ลีฮานึลสะดุ้งโหยง

                    “เป็นอะไรของเธอน่ะ เหม่อตั้งนานแล้วนะ” ซอนโบมองหน้าเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง

                    “อืม ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดอะไรอยู่นิดหน่อยน่ะ มีอะไรรึเปล่า” เธอมองเพื่อนทั้งๆที่ตะเกียบยังคีบเส้นจาจังมยอนค้างอยู่อย่างงุนงง

                    “เธอได้ฟังฉันพูดบ้างรึเปล่าน่ะ” ซอนโบเอ่ยอย่างเอือมระอา

                    “หึ ไม่อ่ะ” ตาแป๋วของฮานึลจ้องตอบอย่างจริงใจ ทำเอาเพื่อนสาวสั่นหัวอย่างปวดกบาล

                    “ฉันจะบอกว่า วันนี้พี่ๆเขาจะไปร้องเพลงที่ทงแดมุน ไปด้วยกันไหม”

                    “จริงเหรอ!!! ไปสิ!!” รอยยิ้มบางปรากฏเด่นชัด ซิมซอนโบกับลีฮานึล เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย จนถึงเข้ามหาวิทยาลัย ความจริงแล้วยังมีคิมลีซอนอีกคน แต่ตอนนี้เธอไปแลกเปลี่ยนอยู่ประเทศฝรั่งเศส อีกไม่นานก็จะกลับมา

                    ทั้งซอนโบและฮานึล ชอบบอยแบนด์วงเดียวกันด้วยกันทั้งคู่ มีแต่ลีซอนที่ต้องตามไปเพื่อนสองคนนี้อย่างเบื่อๆ แต่ก็เอาเถอะ เพื่อเพื่อนนี่นานะ

                    “รีบกินเข้าสิ ซอนโบ จะได้รีบๆเข้าเรียน แล้วจะได้ไปหาพี่ๆกัน!!

                    “ยัยเพื่อนคนนี้นี่ ตะกี้เธอนั้นแหละเป็นคนช้าเอง จะมาเร่งฉันทำไมกันหา ถึงฉันกินเร็วขึ้น ก็ไม่ได้ช่วยให้อาจารย์ปล่อยเรียนเร็วขึ้นหรอกนะ!!

                    “ง่า”

    ~~~

                    เสียงกรี๊ดกร๊าด

                    แสงแฟลชวูบวาบเต็มไปหมด

                    คนจากทั่วสารทิศนี้มาจากไหนกันเนี่ย!!!

                    “พี่ค่ะ > <!!!” เสียงเด็กสาวคนข้างหน้าตะโกนดังลั่น “ฉันรักพี่นะคะ”

                    ฮานึลยิ้ม มองไปที่เมนของเธอ พี่ยงซู

                    ฉันก็อยากจะตะโกนออกไปเหมือนกันว่าฉันรักพี่มากแค่ไหน แต่พี่คงจะไม่ได้ยินหรอก แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็พอใจที่จะได้ยืนมองพี่อยู่ตรงนี้และเป็นกำลังใจให้พี่เสมอนะคะพี่ยงซู

                    …..

                    “เอ้า ลีฮานึลกลับกันเถอะ เธอยิ้มค้างตั้งแต่เห็นพี่ยงซูออกมาร้องเพลง จนกลับเข้าไปแล้วนะ” ซอนโบลากแขนเพื่อนที่หน้าตาอิ่มเอิบอย่างเห็นได้ชัดจนน่าหมั่นไส้ให้กลับบ้านด้วยกัน

                    “อื้อ” ใบหน้าหวานยังคงยิ้มหน้าบานเป็นกะด้งอยู่ ทำให้ซอนโบได้แต่ส่ายหัวอย่างไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเพื่อนคนนี้นัก

                    เรียนจบเมื่อไหร่ ส่งไปอยู่โรงพยาบาลบ้าซักพักดีมั้ยเนี่ย !?!

    ~~~

    From: sun_j05@XXX.com

    To: la_lune.h@XXX.com

    ยัยพระจันทร์ขี้บ่น

    พรุ่งนี้ฉันมีทำงานสำคัญด้วยล่ะ !! กำลังตื่นเต้นมากๆเลย ขอบคุณสำหรับกำลังใจของเธอมากนะ ยัยพระจันทร์ขี้บ่น!! บ่นเป็นแม่ฉันเลยนะ!!!

                    ถ้าเธอมาลองเจอปัญหาแบบเดียวกับฉันเธออาจจะไม่พูดง่ายขนาดนั้นก็ได้นะ แม่พระจันทร์ ตอนนี้ฉันอยากได้กำลังใจมากๆ ฉันก็พอจะรู้ว่าคงจะมีหลายๆคนให้กำลังใจฉันอยู่แหละ แต่ฉันก็ไม่มั่นใจเอาซะเลยในทุกๆอย่าง

                    ฉันกลัวว่าฉันจะตัดสินใจอะไรพลาดไป

                    ไม่รู้ว่าอนาคตจะเตรียมอะไรไว้รอพวกเราบ้าง

                    เธอเคยกลัวมั้ย บางครั้ง เวลาตัดสินใจอะไรไป มันอาจจะผิดพลาดได้ และถ้ามันพลาด อาจจะไม่มีทางกลับไปแก้ไขอะไรได้เลยน่ะ

    พระอาทิตย์ผู้กำลังต้องการกำลังใจ

                    หืม

                    นายนี่เป็นอะไรนักหนาเนี่ย!!!

                    ฮานึลนั่งลงหน้าจอคอมพิวเตอร์ อีเมลนี้เข้ามาหลังจากที่เธอปิดเครื่องไปเมื่อวานนี้ นิ้วเรียวที่คล่องแคล่วกับการพิมพ์เป็นกิจวัตร พิมพ์อีเมลตอบกลับไป

    From: sun_j05@XXX.com

    To: la_lune.h@XXX.com

    นายพระอาทิตย์ผู้ต้องการกำลังใจซะเหลือเกิน

                    เข้มแข็งสิ กล้าหาญหน่อยพ่อคุณ อย่ากลัวที่จะต้องตัดสินใจอะไร สุดท้ายผลเป็นยังไง ก็ต้องทำใจยอมรับ

                    จริงอยู่ มันคงตัดสินใจลำบาก แต่เชื่อเถอะ ตัดสินใจแบบไหน ก็ต้องมีข้อดีบางอย่างในตัวเอง (ซึ่งถ้ามีข้อดีมันก็ต้องมีข้อเสียด้วย จริงไหม?)

                    นี่ อีกอย่าง ฉันขอตัวพระอาทิตย์ที่ร่าเริงและมองโลกในแง่ดีคนเดิมกลับคืนมาด้วย คนนี้เศร้าเกินไป ไม่ใช่ตัวจริงแน่ๆ = =””

                    สู้ๆนะ!!

                    มีอะไรเมลมาได้เสมอ (เปิดคอมทุกวันอยู่แล้ว ความจริงฉันก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้นหรอก แค่ทำตัวเหมือนว่าง ฮ่าๆๆ)

    พระจันทร์ดวงกลมๆ

                    ฮานึลยิ้มให้กับข้อความที่เธอพิมพ์ลงไป

                    เธอไม่รู้ว่า อีเมลนี้จะมีประโยชน์อะไรบ้างมั้ย

                    แต่เธอหวังว่า มันคงจะช่วยอะไรเพื่อนทางอีเมลของเธอคนนี้ ที่ตอนนี้ดูกำลังหนักใจกับอะไรบางอย่างอย่างยิ่งยวดได้บ้าง

                    โชคดีนะ นายพระอาทิตย์

    ~~~

                    “นี่ การ์ตูนของเธอ” ซอนโบยื่นหนังสือที่ห่อพลาสติกใสเล่มหนึ่งให้เพื่อนซี้ ที่นั่งดูดชาเย็นอยู่อย่างเกียจคร้านรอเธออยู่ในโรงอาหาร

                    “ขอบคุณนะ คุณแม่” ฮานึลหัวเราะก๊าก เมื่อ คุณแม่ ทำหน้าเหวอใส่

                    “ย่ะ ว่าแต่มีอะไรรึเปล่า ช่วงนี้เหม่อง่ายจังนะ” เพื่อนซี้คว้าหลอดที่ใส่อยู่ในแก้วนมเย็นสีชมพูมาดูดบ้าง

                    “อืม คือจำพระอาทิตย์ได้ไหม”

                    “พระอาทิตย์….? เอ่อ เพื่อนทางอีเมลของเธอใช่ไหม” ซอนโบทำท่างคิดอยู่ครู่เดียว ก่อนจะนึกถึงคนที่เพื่อนเคยเล่าให้ฟังอยู่ครั้งสองครั้งได้

                    “ใช่ ฉันรู้สึกว่า พระอาทิตย์กำลังเจอปัญหาอะไรบางอย่าง”

                    “อะไร ทำไมล่ะ”

                    “ไม่รู้สิ แต่เมลหลังๆของเขานี่ มันแปลกๆ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันขณะที่มองตรงไปที่แก้วชาเย็นที่ตอนนี้เหลือแต่น้ำแข็ง เป็นภาพที่ซอนโบต้องกลั้นหัวเราะ เพราะมันดูราวกับว่า เด็กสาวกำลังสงสัยว่า ไอ้ชาเย็นในแก้ว ทำไมมันเหลือแต่น้ำแข็ง

                    “แปลกยังไงล่ะ” น้ำเสียงสบายๆจากคนที่ไม่คิดอะไรมากเอ่ยถาม

                    “ก็ ไม่รู้สิ มันดูหดหู่แปลกๆ” ฮานึลถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อ “รู้สึกบรรยากาศอึมครึมไงไม่รู้ ไม่เหมือนพระอาทิตย์ที่มีเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ฟังเหมือนเดิมเลย”

                    “คนเรามันก็ต้องมีทั้งช่วงที่ดีและไม่ดีล่ะน่า เธอก็ต้องอยู่ช่วยพระอาทิตย์ของเธอจนกว่าเรื่องไม่ดีจะผ่านไปสิ ใช่ไหมฮะ ยัยพระจันทร์” มือเรียวของเพื่อนซี้ ขยี้ผมคนที่นั่งทำหน้าเครียดใส่แก้วชาเย็นอย่างเอ็นดู แล้วนิ้วเรียวก็ดึงแก้มยุ้ยอย่างมันส์มือ

                    “โอ๊ย นี่ ซอนโบ เดี๋ยวจุ๊บหัวเหม่งสามทีรัวเลยนี่!!

    ~~~

                    บนรถแอร์พอร์ตบัสที่กำลังมุ่งหน้าตรงสู่สนามบินนานาชาติอินชอน มีเด็กสาวสองคนนั่งอยู่แถวหน้าสุดของรถ คนแรกนั่งฟังเพลงจากหูฟังอย่างสบายใจ สายตาเหม่อมองไปที่ทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ขณะที่อีกคนที่นั่งอยู่ข้างนั่งตัวสั่นงกๆเงิ่นๆอยู่

                    “เป็นอะไรไปน่ะ ซอนโบ” คนที่รู้สึกว่าเพื่อนนั่งตัวสั่นอยู่นานแสนนานแล้วหันมาถาม มือดึงเอาหูฟังข้างหนึ่งออก

                    “ปวดดิ๊งด่อง” ปากซอนโบสั่นพั่บๆ คิ้วขมวดมุ่น

                    “ห้วย แล้วทำไมไม่เข้าก่อนมาล่ะ”

                    “ก็ฉันไม่คิดว่ามันจะนานขนาดนี้นี่นา” คนที่กำลังต้องการห้องน้ำอย่างด่วนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เพื่อนซี้ที่นั่งส่ายหน้าเอือมๆ

                    “ทนอีกหน่อยแล้วกัน อีกไม่เกิน 10 นาทีก็น่าจะถึงแล้ว”

                    “อื้อ”

                    ยังไม่ทันที่ประตูรถบัสจะเปิดหมด ซิมซอนโบก็วิ่งจู๊ดเข้าสนามบินไปก่อน ฮานึลถอนหายใจแล้วคว้ากระเป๋าของเพื่อน ก่อนจะเดินตามเข้าไปในสนามบิน

                    วันนี้ คิมลีซอนจะกลับมาจากฝรั่งเศส สองคนเพื่อนซี้เลยกระดี๊กระด๊า รับอาสาจากพ่อแม่ของลีซอนมารับเองที่สนามบิน แต่พอมาถึงซอนโบก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปก่อนซะแล้ว

                    ให้ตายสิ ตื่นเต้นทีไรเป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า

                    ฮานึลเดินไปที่ห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด ซึ่งเธอคาดว่า มันต้องเป็นห้องน้ำที่ซอนโบเข้าไปแน่ๆ ก่อนเข้าไปล้างไม้ล้างมือให้สะอาดแล้วเธอก็ออกมารออยู่ด้านหน้าห้องน้ำ

                    อืม ไฟล์ทของลีซอนลงตอนเที่ยงครึ่ง ตอนนี้ก็สิบเอ็ดโมงห้าสิบ

                    “ครับๆ เกทห้าเหรอครับ”

                    โครม!!

                    จู่ๆร่างสูงของใครคนหนึ่งก็เดินสาวเท้าเร็วๆออกมาจากห้องน้ำชายที่อยู่ใกล้ๆกัน โดยไม่ได้มองดูว่ามีคนยืนอยู่ ร่างสูงนั้นชนเข้าให้กับเด็กสาวที่กำลังคำนวนเวลาอยู่ ทั้งสองคนชนโครม ล้มกันไปคนละทิศละทาง ดาวสามดวงวิ่งวนไปมาจนฮานึลเริ่มจะเวียนหัว

                    “นี่!/ นี่!” สองเสียงดังขึ้นพร้อมกันจากคนละฟาก ฮานึลจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ขณะที่อีกคนก็จ้องกลับมาเช่นกัน

                    “ฉันรีบอยู่นะ เธอมายืนเกะกะทำไม” คนที่เดินออกมาอยู่ในชุดเสื้อโค้ทตัวยาว สวมหมวก ใส่แว่นตาดำและพันผ้าพันคอปิดหน้าปิดตา ท่าทางดูลึกลับพิกล แต่เสียงค่อนไปทางโทนสูงและแหบที่พูดกับเธอนั้น มันดูต่างจากภาพลักษณ์ที่เห็นโดยสิ้นเชิง

                    “ฉันก็ยืนของฉันอยู่ดีๆ แล้วนายพรวดพราดมาเองนะ” คนไม่ผิดเถียงทันควัน

                    “นี่ ยัยตัวเล็ก ตัวเองผิดยังไม่ยอมรับอีก” ร่างสูงลุกขึ้นยืน แต่ผ้าพันคอทำท่าเหมือนจะหลุดออก เขารีบจับปลายผ้ามาพันไว้รอบคอและเหน็บให้แน่น

                    “เอ๊ะ! ฉันยืนอยู่เฉยๆ นายนั่นแหละ พรวดพราดออกมาชนฉันเอง อย่ามามั่วสิ”

                    “แต่ว่าเธอ

                    “อะไร นี่มันอะไรกัน” เสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้ชายร่างสูงโปร่ง ใส่เสื้อฮู้ด สวมแว่นตาดำเดินเข้ามาหาผู้ชายที่ยืนเถียงกับเธออยู่ ดูท่าทางสองคนนี้จะรู้จักกัน

                    “นี่ นาย ไฟล์ทแม่แลนดิ้งแล้วนะ มาทำอะไรอยู่แถวนี้อีก” เขาหันไปบ่นกับผู้ชายเสื้อโค้ท แล้วหันกลับมามองทางเด็กสาวที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้า ก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างสุภาพ “มีอะไรกันเหรอครับ”

                    พูดดีๆแบบนี้ ค่อยน่าคุยด้วยหน่อย

                    “เขาเดินมาชนฉันน่ะค่ะ”

                    “อย่ามามั่ว เธอนั้นแหละ ยืนเกะกะ”

                    “นี่ เงียบได้แล้ว เรื่องแค่นี้ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่นะนายน่ะ” เขาหันกลับมาทางเธอ รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปาก ก่อนจะโค้งตัวแล้วมือก็จับหลังชายเสื้อโค้ทกดลงด้วย “ยังไงต้องขอโทษแทนน้องชายผมด้วยนะครับ”

                    “ไม่เป็นไรค่ะ” ฮานึลยิ้มให้คนที่น่าจะเป็นพี่ชาย ถ้าไอ้คุณน้องชายพูดอย่างนี้ตั้งแต่ทีแรกก็คงไม่ต้องยืดยาวเถียงกันอยู่อย่างนี้

                    “แต่ พี่อ่ะ”

                    “ไปได้แล้ว แม่มาแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” พี่ชายหันมายิ้มให้เธออีกครั้ง ก่อนจะลากน้องชายของเขาออกไป

                    พี่น้องประหลาด

                    ฮานึลมองสองคนพี่น้องที่หายลับไปในฝูงชนอย่างรู้สึกพิลึกพิลั่น ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหาว่า ตกลงซอนโบตกส้วมไปรึยัง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×