ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แอน (100%)
บทที่ 2
วันนี้ต่างกับเมื่อวานโดยสิ้นเชิง เมื่อวานสดใสเหมือนดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ แต่วันนี้ตื่นเช้ามาท้องฟ้าก็มืดอึมครึม ไม่สดใสเอาซะเลย อีกไม่นานฝนห่าใหญ่คงจะตกลงมาแน่ๆ ผมเลยได้แต่หยิบร่มสีใสออกมาด้วยตอนออกจากบ้านมา
“หวัดดีตอนเช้าเว้ย ไอ้บาส” ไอ้จ้อยมอสทักแบบเดิมๆที่ทักอยู่ทุกวัน ไม่รู้ไอ้นี้มันจะอารมณ์ดีไปถึงไหนได้ทุกวัน ตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมันมาตอน ป.1 ผมยังไม่เคยเห็นมันอารมณ์ไม่ดีหรือมีเรื่องให้ทุกข์เลยซักนิด
ดีจังวุ้ย
“เออ” เสียงรับแบบไม่ค่อยจะร่าเริงนักตอบกลับ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ ฟุบหน้านอนลงกับโต๊ะเรียน
“เมื่อคืนหนักมากรึไงฟร่ะ ง่วงนอนขนาดเนี่ย” เสียงไอ้มอสดังจ๋อยๆมาอีกแล้ว เฮ้อ!
“หนักบ้านมึงดิ กูเคยทำอะไรแบบนั้นซะที่ไหนฮะ” คนที่นอนฟุบอยู่พูดอย่างสวยมาให้เพื่อนซี้ฟัง
“แล้วมึงทำไรอ่ะ”
“กูนั่งคิดสมการบ้าบอนั้นอยู่เฟ้ย อะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้เรื่อง”
“อ้าว ไม่บอก มึงมาลอกกูก็ได้” คนที่ปกติต้องทำการบ้านมาให้ลอกเสมอพูดตอบ
“จะเอ็นท์แล้ว” คนฟุบพูดเสียงงัวเงีย “ถ้ากูไม่หัดทำเองแล้ว ในห้องสอบมึงจะมาทำให้กูเหรอ”
“โห เดี๋ยวนี้หัดคิดเป็นเหรอวะ ดีๆ” เสียงไอ้มอสพูดเจื้อยแจ้วต่อ
“
”
‘ติ๊ง ต๊อง ต๊อง แต่ง ต๊อง แต่ง ติ๊ง ต๊อง’
“เอาล่ะ วันนี้พวกเธอลองหัดไปถอดสมการที่ครูสอนวันนี้ แล้วเอากลับมาส่งพรุ่งนี้ด้วยนะ” อาจารย์สอนวิชาเลข ผู้สวมแว่นหนาเตอะ แต่สอนไม่ค่อยรู้เรื่องพูดขึ้นเมื่อหมดคาบ ก่อนจะเดินออกไป
“ไอ้บาส”
เงียบ อีกฝ่ายยังคงนอนหลับอย่างมีความสุข
“ไอ้บาส!!”
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
“ไอ้เอี่ยบาส ตื่นได้แล้ว!!!”
“ฮะ!!” คนโดนด่าว่าเป็นตัวกินไก่สะดุ้ง มองหน้าคนปลุกที่ทำหน้าเซ็งๆใส่อยู่ “มึงปลุกคนใช้คำดีๆหน่อยดิ อีกหน่อยมึงจะปลุกแฟนมึงงี้เหรอ ‘ไอ้เอี่ย
ตื่นได้แล้วจ๊ะ’”
“ขำๆ” ไอ้มอสทวน ปากบอกว่าขำ แต่น้ำเสียงกับหน้าตาไม่ขำเลยซักนิด อย่างนี้เขาเรียกว่าปากไม่ตรงกับใจนี้หว่า
“มึงจะไปกินข้าวได้รึยัง กูหิวแล้วนะเว้ย แล้วอีกอย่าง” ไอ้เพื่อนตัวดีเว้นวรรค “เห็นมิ้นบอกว่าวันนี้จะพาเพื่อนมาให้รู้จักไม่ใช่เหรอ”
ตาตี่ๆของมันวาววิบวับ เฮ้อ! เรื่องอย่างนี้ ยกให้มันเถอะ
“เออ ใช่” คนเพิ่งตื่นงัวเงียตอบ
“ดีๆ งั้นไปกันได้แล้ว เร็ว!”
โรงอาหาร
“บาสๆ ทางนี้จ้า” เสียงสดใสของมิ้นเรียกความสนใจจากคนเพิ่งตื่นให้หันไปมอง เด็กสาวยืนอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง ตรงมุมๆของโรงอาหาร แต่เขายังไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่กับเธอเลย
“ว่าไงมิ้น” ผมทัก
“อันนี้เพื่อนเราเอง ชื่อว่ามอส”
“อืม หวัดดีจ๊ะมอส” มิ้นยิ้มน่ารักตาหยี่ให้มอส ซึ่งมันก็ยิ้มแบบตี๋ๆไปให้เขา เออดีแฮะ
“ว่าแต่เพื่อนมิ้นล่ะ” ผมเลยเอ่ยปากถาม
“อ๋อ เขาไปซื้อน้ำน่ะ เดี๋ยวเขาก็คงมาแล้วล่ะ” มิ้นพูดพร้อมรอยยิ้มน่ารัก ^^
“อ่อ นั่นไง มาแล้วล่ะ”
ไอ้มอสหันไปมองขวับ ก่อนจะหันกลับมาพูดเบาๆข้างหูผมไม่ให้มิ้นได้ยิน
“สวยโคตรพ่อ ฉันขอคนนี้นะเฟ้ย”
เหอ ปวดหัว ไมกูมีเพื่อนงี้ฟร่ะ
ขอดูหน่อยเถอะ มันจะสวยซักแค่ไหนกัน
ผมหันไปมองผู้หญิงคนที่เดินเข้ามา
และ..
“เธอ!!!”
ดวงตาเบิกโพลง มองคนที่ไอ้มอสบอกว่าสวยและกำลังเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำสองแก้วในมือ ดูอีกฝ่ายจะไม่ค่อยตกใจอะไรมากนัก เพราะสีหน้าของเธอเรียบสนิท สีหน้าแบบนี้ไม่มีใครเคยทำกับเขาหรอก ยกเว้นแต่ผู้หญิงคนที่เขาเดินชนเมื่อเย็นวานซืนและเมื่อเช้าวันก่อน
“นายอีกแล้วเหรอ” คำพูดเรียบสนิทดังขึ้นจากปากบางสวย แต่มันดูไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่นักเลย แม้ว่าคนพูดจะสวยขนาดไหนก็ตามแต่
“อ้าว! นี่รู้จักกันเหรอ” เสียงหวานของมิ้นดังขึ้น ผมถึงได้สะดุ้งนึกขึ้นมาได้ว่า ยังมีคนอีกสองคนยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
“ไม่รู้จัก!!” สองเสียงพูดพร้อมกันเสียงดัง
“เอ่อ” มอสกับมิ้นได้แต่ทำหน้างงๆ อีกสองคนเงียบไป
“เออ...” มิ้นที่หลังจากพยายามเก็บความงงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็หันไปแนะนำชื่อเด็กสาวที่นั่งทำหน้านิ่งอยู่ “นี่ ‘แอน’ เพื่อนเราเอง แล้วก็” ก่อนมิ้นจะหันกลับมามองหน้าเด็กหนุ่มอีกสองคน แล้วแนะนำชื่อเด็กหนุ่มทั้งสอง
“นี่บาส แล้วก็นี่มอส”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ “ ไอ้มอสพูดก่อนหน้า ยิ้มกว้างจนตาตี่ ยื่นมือไปข้างหน้า หวังจะจับมือทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ เดี่ยวเหอะ เดี๋ยวโดนเย็นใส่ซะหรอก
“...” เงียบ
นั่นไง ว่าแล้ว
“เอ่อ”
เอ๊ะ! เสียงอะไรดังเพล้งวะ?
“เอ่อ” เหอะๆๆ เพิ่งเคยเห็นไอ้คนท่ามากอย่างไอ้มอส เสียท่าก็วันนี้แหละ
“หึหึ” เสียงหัวเราะลงลูกคอเบาๆดังออกมาจากเด็กหนุ่มอีกชีวิตที่นั่งอยู่ตรงนั้น เพื่อนซี้อย่างมอสหันมามองด้วยสายตาไม่สบอารมณ์นัก
“หัวเราะหา”
“เปล๊า” เสียงทุ้มเอ่ยเสียงสูง เลิกคิ้วมองเพื่อนซี้ แล้วเผลอมองผ่านไหล่มันไปเห็นหน้าเด็กสาวใบหน้าเรียบสนิทที่เขาเพิ่งรู้ว่ามีชื่อว่า แอน
ดวงตาสีดำสนิทคู่สวยคมคู่นั้นมองกลับมา...
“ฉันไปห้องสมุดก่อนดีกว่านะมิ้น” เสียงเรียบๆบอกกับเพื่อนสาวที่นั่งข้างๆ
“อ้าว แอนไม่กินข้าวกลางวันหรอกเหรอ” ใบหน้าเหมือนอาหมวยน้อยที่มักจะสดใสอยู่เสมอดูเป็นกังวล
“เดี๋ยวไปเป็นลมเอานะ ตอนบ่ายมีคาบพละด้วย”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก” เสียงเรียบๆของเด็กสาวตอบกลับ “เธอก็รู้ว่าฉันไม่เป็นไรอยู่แล้ว”
“อืม...” สีหน้าของมิ้นดูเหมือนจะใช้ความคิด “เอางั้นก็ได้ งั้นไว้เจอกันที่ห้องนะ”
แอนพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกไป เด็กหนุ่มอีกสองคนมองตามไปด้วยท่าทางงงๆ
“ไม่มีอะไรหรอก แอนก็เป็นคนอย่างนี้แหละ” มิ้นพูดด้วยรอยยิ้มที่กลับมาสดใสเหมือนเดิม “แต่ปกติเขาจะกินข้าวกลางวันทุกวันนี่นา ยกเว้นแต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร?” อาตี๋มอสถามบ้าง หลังจากโดนตอกหน้าหลังทักทายเด็กสาวคนเมื่อครู่ไป
“ยกเว้นแต่ว่าเขาจะอารมณ์เสียจริงๆน่ะสิ” เด็กสาวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวเฉลย “แปลกดีนะ ไม่เห็นมีอะไรให้น่าอารมณ์ไม่ดีเลยนี่นา วันนี้น่ะ”
“ช่างเขาเหอะ กินข้าวกันต่อดีกว่า” คนที่ไม่มีการแสดงความรู้สึกใดๆทั้งสิ้นพูดขึ้นมาบ้าง ก่อนจะหันไปกินเย็นตาโฟ (แบบที่เมื่อวานอดกินไป) ต่อ
บ่ายวันนั้น...
“เฮงซวย” เสียงสบถเบาๆดังมาจากคนที่เดินจับแผลที่มือตัวเองเดินกลับไปที่ห้องพยาบาล บ้าที่สุด โดนมีดที่ผ่ากบตอนเรียนชีวะบาดมือเนี่ย
“อาจารย์ครับ”
“จ๊ะ ปีนี้เริ่มผ่ากบกันอีกแล้วเหรอเนี่ย” คำพูดแบบนี้แสดงว่ามีคนโดนมีดบาดทุกปีใช่มั้ยครับอาจารย์
“เรื่องแบบนี้มีประจำทุกปีเลย” อาจารย์ห้องพยาบาลเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ จนเหมือนมันเป็นเรื่องปกติไปแล้วจริงๆ
“ครับ” คนโดนมีดบาดมือพยักหน้ารับ อาจารย์จัดแจงใส่ยา ทำแผล พันผ้าก๊อชให้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่เขากำลังใช้มือขวาที่โดนพันผ้าก๊อชลงชื่อไว้เพื่อให้โรงเรียนเก็บสถิติเด็กที่ผ่ากบแล้วเจ็บ (เพื่อ) ให้เอาไว้เป็นข้อมูลว่าปีหน้าน้องไม่ต้องทำอีก (ไอ้เด็กปีหน้านี้มันคงโชคดี) อย่างยากลำบากอยู่นั้นเอง...
“อาจารย์ครับ เพื่อนเป็นลมครับ” เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่แบกเพื่อนมาวางที่ห้องพยาบาล ไอ้หมอนี่มันยังอยู่ในชุดพละอยู่เลยอ่ะ
สายตาของเด็กหนุ่มมองไปเห็นคนที่เป็นลม ใบหน้านั้นซีดเผือด และดูคุ้นจนน่าประหลาด..
เฮ้ย!
เด็กสาวใบหน้าคุ้นตา ที่ปกติก็หน้าซีดอยู่แล้ว ยิ่งซีดหนักเข้าไปใหญ่ จนดูหน้ากลัว
“แอน
” เสียงเบาเหมือนเสียงกระซิบดังออกมาจากปาก (มาได้ไงวะ)
แล้วจากนั้นอาจารย์ห้องพยาบาลก็ไปจัดการดูแลเด็กสาว (โดยลืมผมซะสนิท)
นั่นไง... อยากไม่กินข้าวดีนัก--* น่าสมน้ำหน้าดีจริงๆ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ ท่ามากชะมัด ผลสุดท้าย...
ยัยนี่ต้องนอนห้องพยาบาลตลอดบ่าย
ผมไม่ได้เป็นผู้ชายแสนดีที่ชะเง้อคอฟัง รึว่าเป็นห่วงยัยนี่หรอกนะ แต่หูมันดีเองนี่...
ช่วยไม่ได้หนิครับ --*
เย็นวันนั้น...
“แอน เป็นไงบ้าง” เสียงหวานของมิ้นถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรแล้วแหละ” เจ้าของใบหน้าซีดสนิทตอบกลับ ปากขยับเป็นรอยยิ้มบางๆให้เพื่อนสาว ซึ่งมันทำให้ใบหน้าที่ชอบทำขรึมอยู่เป็นนิจดูดีขึ้นจากเดิมเป็นกอง......
แล้วสายตาของเด็กสาวก็เห็นเด็กหนุ่มอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเพื่อนตัวเอง ก่อนใบหน้าจะกลับเป็นเรียบเฉยอีกครั้ง
“เป็นไงล่ะ ไม่ยอมกินข้าว” เสียงทุ้มที่แทบไม่เคยพูดมาก่อนเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอพูดขึ้นบ้าง
“...” คนที่นอนอยู่บนเตียงห้องพยาบาลในชุดพละได้แต่นิ่งเงียบ เพราะมันไปเป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดไว้จริงๆ
“ท่ามากดีนัก เหอะ” ปากเด็กหนุ่มยังพูดต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งมันตรงกับความจริงเข้าไปทุกที
“ทำให้เพื่อนเธอต้องเป็นห่วงเธอ คิดว่าดูดีนักใช่มั้ย”
“เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ มันใช่เรื่องของนายซะที่ไหน” เสียงเรียบตอบอย่างหมดความอดทน
“ไม่ใช่หรอก แต่ฉันห่วงเพื่อนเธอมากกว่า”
“มิ้นยังไม่ว่าฉันซักคำ นายเป็นใครที่ไหน ฮะ”
“ฉันก็ไม่อยากยุ่งกับเธอนักหรอก” เด็กหนุ่มจ้องมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ขณะที่อีกฝ่ายก็จ้องไปด้วยสายตาแบบเดียวกัน
ผู้หญิงอะไร เอาแต่ใจเป็นบ้า ไม่คิดถึงความรู้สึกคนอื่นเขาบ้างเลย ยัยบ้าเอ๊ย
“แต่ฉันบอกแล้วว่าฉันเป็นห่วงเพื่อนเธอ ไม่ใช่เธอ” เด็กหนุ่มขยับปากพูดต่อเหมือนจะตอกย้ำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวซักที
“คนอะไร ไม่เคยคิดถึงคนอื่นเลยว่าเขาจะรู้สึกยังไง เธอมันเห็นแก่ตัว” คนพูดพูดตามอารมณ์ไปเรื่อย จนคำสุดท้ายของประโยคมันจึงทำให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดนั้นชะงัก
แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ
มิ้นกับมอสได้มองสองคนที่นิ่งอยู่ไปมา เด็กหนุ่มกับเด็กสาวที่นั่งอยู่บนเตียงจ้องกันตาแทบจะลุกเป็นไฟ ราวกับว่าอยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายกันไปข้างหนึ่ง จนกระทั่งเด็กสาวเป้นฝ่ายหลบตาไปก่อน
“ใช่สิ” เสียงเพราะของแอนพูดออกมาเบาๆราวกับต้องการพูดกับตัวเองคนเดียว
“ใช่ ฉันมันเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวที่สุด สินะ
”
เด็กสาวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วโดยไม่ดูสังขารตัวเองซักนิด ก่อนจะรีบวิ่งออกไป
“แอน
” อาหมวยน้อยวิ่งตามเพื่อนไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย ไอ้บาส” เสียงเพื่อนตัวดีดังขึ้น
“แกว่าเขาแรงไปรึเปล่าวะ”
“
” ก่อนเด็กหนุ่มจะหันหลังกลับ ไม่อยากจะสนใจอะไรอีก
“ฉันว่าถ้าแกเจอเขาครั้งต่อไปน่าจะขอโทษเขานะ แกก็พูดแรงไปนะ”
“
”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น