ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My life not about u

    ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มเรื่องกันเหอะ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 51


    บทที่ 1

                    เท้าในรองเท้าผ้าใบสีดำก้าวเท้ายาวเดินออกจากโรงเรียน เด็กหนุ่มเดินไปตาทางเดิมที่เคยเดินมาจนชินทุกวัน ชิน...จนชักจะเริ่มเบื่อซะแล้ว

                    วุ้ย เบื่อโว้ย!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหน้า ทำให้คนที่กำลังมองเท้าตัวเองอยู่เงยหน้าขึ้นไปดู

                    เด็กนักเรียนชายกลุ่มใหญ่จากโรงเรียนที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนคู่อริกันนั่นเอง...

                    เฮ้ย หาคนตีดีกว่า เบื่อโคตร

                    ว่าแล้วนั้น ไอ้คนตัวใหญ่เบิ้มที่พูดว่าหาคนตีดีกว่าก็หันมาเห็นคนที่กำลังยืนจ้องคนทั้งกลุ่มนั้นอยู่

                    มองหาพ่อมึงเหรอ

                    ป่าวคับ รู้สึกว่าพ่อจะอยู่ที่ทำงานนะ คงไม่มีเวลามาเดินเล่นอย่างเงี้ย คนโดนทักว่ามองหาบิดรตอบคำถามหน้าตาเฉย

                    กล้านะ กล้าดีนี่ มาคนเดียวซะด้วย

                    ถ้านั่นเป็นคำชมก็ขอบคุณนะคับ สีหน้าของคนตอบบ่งบอกความซาบซึ้งแบบเสแสร้งอย่างเห็นได้ชัด

                    หึ ดี กำลังเซ็งอยู่พอดี มาก็ดีแล้ว หึหึ

                    เอาซิ แต่ก่อนอื่นขอผมเตรียมตัวก่อนนะคับ คนมาคนเดียวเอ่ยปาก ความจริงก็ไม่อยากเรียกว่าหมาหมู่เท่าไหร่ แต่ว่า... เสียงของไอ้คนมาคนเดียวยุ ทำให้อีกฝ่ายที่มีหลายตา หลายหมัด หลายคน และหลายเท้ากว่ามองมาตาเขียวปั๊ด

                    ถ้าจะเป็นการให้เกียรติกันซักหน่อยก็กรุณาส่งกันมาทีละคนดีกว่านะคับ ช่วยเลือกกันก่อนด้วยนะ อย่าส่งมาแล้วทำเสียชื่อกลุ่มชื่อโรงเรียนนะคับ

                    ได้ยินดังนั้น เด็กหนุ่มร่างใหญ่กลุ่มนั้นรีบหันหน้าเข้าหากันอย่างรวดเร็ว

                    กูเอง มันกวนดีนัก เสียงคนที่เอ่ยปากถามไอ้คนที่ยืนยิ้มหน้าสบายอารมณ์อยู่นอกวงว่ามองหาบิดรหรอ ดังออกมาเป็นเสียงแรก

                    ไม่มีทาง กูก่อน ตอนนี้กำลังเซ็ง

                    มันดูท่าจะไม่ทนหรอก ดูตัวซิ เล็กกะเปี๊ยกขนาดนั้นน่ะ

                    อือ ส่งแค่ไอ้มอสไปก็คงจะจอด

                    จริงๆ แล้วคนอื่นก็ลงมติให้คนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม (แต่ถ้าเทียบกับคนธรรมดาแล้วไม่เล็กเลย) ให้ออกไปจัดการกับไอ้คนที่มันกล้าลองดีกับกลุ่มนักเรียนผู้ช่ำชองการตีกันกับที่อื่น โดยเฉพาะไอ้เด็กจากโรงเรียนคู่อริให้มันน่วมและรู้จักโลกซะบ้าง

                    เฮ้ย!”

                    แต่แล้ว ร่างของคนที่เคยปากดีตรงนั้นก็หายไปกับสายลม.........

     

                    แฮ่กๆๆ คนที่วิ่งห่อเหยียดมาจากตรงนั้นหอบแฮ่กๆ ลิ้นห้อยเหมือนหมาเผ่น ใครจะยืนอยู่ตรงนั้นให้มันต่อยก็บ้าแล้ว ตัวใหญ่ยังกับควายขนาดนั้น พอมันหันหน้าเข้าหาวง ผมก็ใส่เกียร์ตีนหมาเผ่นวิ่งอย่างเดียว

                    พ้นแล้วมั้ง เด็กหนุ่มหันไปมองด้านหลังจากบริเวณที่ตัวเองวิ่งมา ใกล้โรงเรียนขนาดนี้คงพ้นแล้วมั้ง เท้ายังคงเดินเข้าไปใกล้โรงเรียนอีก เพื่อความปลอดภัย ตาก็มองตามไป ถ้าไอ้พวกนั้นตามมา ซวยแหง๋มๆ

                    โครม!”

                    ขอโทษคับ พอดีผมไม่ได้ดูทาง ผม..

                    ไม่เป็นไร ไปให้พ้นซะ เสียเวลาชะมัด เสียงเพราะ แต่ฟังแล้วหนาวชะมัดยาดขัดขึ้น เด็กหนุ่มหันไปมองคนที่ตัวเองเดินชน เด็กสาวคนหนึ่งมองกลับมา สายตาบอกชัดว่าไม่ค่อยจะพอใช้นัก ก่อนเด็กสาวคนนั้นจะรีบวิ่งขึ้นรถเมล์คันที่ผ่านมาพอดี

                    อึ้งเล็กน้อยคับ ไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้... งงเต้ก ชนแค่เนี่ย ไล่กันซะ ไปให้พ้นเลยหรอวะ

                    หึ อย่าให้พ่อเจออีกทีแล้วกัน จะจับต่อยให้ (แต่เอาจริงๆคงไม่สามารถ เดี๋ยวโดนจารย์ตัดคะแนนความประพฤติ ตอนนี้เหลืออีกไม่เยอะแล้ว มันจะกลายเป็นติดลบซะ เอิ๊กๆ)

     

    .....................................................

                    เช้าวันรุ่งขึ้น...

                    เช้าวันนี้พระอาทิตย์ขึ้นฟ้าอย่างสดใสสวยงาม ผมมาถึงโรงเรียนอย่างหนุกหนานคับ (ไม่รู้เหมือนกันมันหนุกหนานไง เอาเป็นว่าผมพอใจกับการเดินเท้า 3 กิโลมาโรงเรียนแล้วกัน) ไหนๆวันนี้ก็อากาศดีแล้ว ขออย่าให้ผมต้องไปเจอเรื่องอะไรเหมือนเมื่อวานอีกเลย สาธุ เพี้ยง!!

                    โครม!” นั่นไง อะไรอีกวะเนี่ย

                    อุ๊ย! ขอโทษค่ะ/ คับ เอ๊ะ เสียงนี้คุ้นๆนะ

                    เฮ้ย ผู้หญิงคนเมื่อวานนี้หว่า..?

                    “นาย! เสียงเพราะดังตอบกลับมา ดวงตาสีดำสนิทคู่สวยคู่นั้นมองผมด้วยความรู้สึกด้วยกันกับเมื่อวานเด๊ะ สายตาเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด เป็นนางฟ้านางสวรรค์ ลูกคุณหนูคุณนายมาจากไหนฟะ มามองชายชาตรีด้วยสายตาเยี่ยงนี้ (ดูภาษาผมดิ เท่วะ เยี่ยงนี้ เก่าโคตร)

                    “เฮ้อ! โชคร้ายแต่เช้าเลยเรา ซวยจริง” ผมได้แต่พึมพำๆ เมื่อเจ้าหล่อนหันหน้าไปทางอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนหูเธอจะดีแฮะ

                    “ว่าไงนะ!” เสียงเขียว บวกตาเขียวปั๊ด ปกติตาสีดำนี้หว่า กลายเป็นสีเขียวไปได้ไงวะเนี่ย

                    “เอ่อ เปล่าค้าบ” เสียงจ๋อยตอบ ผู้หญิงอะไรฟะ ดุชะมัดญาติเลย --*

                    “เหอะ” เด็กสาวตรงหน้าเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมรีบเหลียวตามองดาวที่ปักอยู่บนเสื้อสีขาวของเธอตัวนั้น ดาวสีฟ้า 3 จุด เฮ้ย ชั้นเดียวกันนี่หว่า

                    “หวังว่าคงจะไม่ได้เจอนายอีกนะ” เสียงเรียบดังขึ้นจากคนที่เดินออกไป น่าหมั่นไส้จริงวุ้ย

                    ฉันก็ไม่หวังว่าจะเจอเหมือนกันแหละ ยัยบ้าเอ๊ย หลงตัวเองชะมัด

                    ระหว่างทางเข้าโรงเรียน ผมเลยหันไปไหว้องค์พระที่ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์ขออะไรก็ได้ (แต่ต้องวิ่งแลกด้วย) ว่า

                    อย่าให้ผมเจอยัยนั้นอีกตลอดชีวิตเลยคับ สาธุ เพี้ยง!’

    ……………………………..

                    “เฮ้ย ไอ้บาส มึงเป็นเอี่ยไรฟร่ะ” เสียงใครคนหนึ่งที่ไม่สบายหูซักนิดดังเข้าหัว

                    “เรื่องของกรู” ผมตอบเซ็งๆ ใช่ครับผมชื่อบาส อย่างที่มันเรียกนั้นแหละ กำลังเรียนอยู่ชั้นม.6 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง คุณไม่รู้จักหรอก เอิ๊กๆ

                    “โหย เป็นไรวะ ปกติไม่เห็นเคยว่าไรเพื่อนรักเลยไม่ใช่เหรอ” เสียงไอ้มอส เพื่อนตัวดีของผม หน้ามันตี๋ๆ ตาตี่ๆ ตัวเล็กกระจ้อยร้อย เสียอย่างเดียวมันกวนประสาทชะมัด

                    “เพื่อนรักบ้านแป๊ะมึงดิ อารมณ์ไม่ดี อย่ามากวนประสาท”

                    ทำเอาไอ้นั้นเงียบไป ค่อยยังชั่ว เสียงไรไม่รู้ ไม่รื่นหูซักนิด เบื่อวะ เออ ช่างหัวมันเหอะ

                    “บาส!!” เสียงดังบรมดังขึ้น ดังไม่พอ แหลมอีก เจ้าของชื่อหันไปมองที่ต้นเสียง ท่าทางงงๆเหมือนหมางง

                    “บาส วันนี้มาถึงโรงเรียนแต่เช้าเลยน้า ทำไมไม่ไปอยู่บนห้องล่ะจ๊ะ” เพื่อนผู้หญิงคนนึงในห้องที่มาต้อนรับผมทุกเช้า ปกติอ่ะ ผมจะขึ้นไปนั่งบนห้องแล้ว เพราะว่าห้องผมมันติดแอร์ เย็นดี ใครไม่ขึ้นก็เป็นเพื่อนกับบุญลือแล้ว แต่วันเนี่ยมันเซ็งที่เจอไอ้ผู้หญิงคนนั้นแต่เช้า เลยขี้เกียจไปเจอผู้หญิงที่ตามตื๊ออีก รำคาญ!

                    “รำคาญคน เลยไม่อยากขึ้นห้อง” คำตอบที่เด็กสาวได้รับ ตรงเป๊ะ! แค่นี้ก็คงเพียงพอที่จะทำให้ผู้หญิงคนนี้ทำหน้าเศร้าหนีไปได้ แล้วผมก็สบาย 555

                    แต่เปล่าหรอก ยัยนี่มันไม่สะทกสะท้านเลยวะ ยิ้มรับอีกตะหาก

                    “โอ๊ย! เราก็รำคาญคนบนห้องเหมือนกันแหละ ได้ลงมานั่งริมสระบัวกับบาสก็ไม่เลวนะ” ก่อนจะจัดการนั่งลงข้างๆเสร็จสรรพ อย่างที่คนชื่อบาสไม่มีสิทธิ์ได้ค้านเลย ส่วนไอ้มอสอ่ะเหรอ มันหนีไปตั้งแต่ได้ยินเสียงแล้ว

                    เวรกรรม - -

                    ยัยบ้าเอ๊ย ก็ฉันรำคาญเธอเนี่ยแหละ อยากจะบ้าตาย ผู้หญิงไรวะ ด้านชะมัด

                    ติ๊งต๊อง ต๊อง แต่ง ต๊อง แต่ง ติ๊ง ต๊อง

                    “อุ๊ย! ออดแล้วล่ะ ขึ้นห้องกันเถอะจ๊ะบาส” เด็กสาวลากผมขึ้นอาคาร เฮ้ย ผมเป็นผู้ชายนะเฟ้ย ทำไมต้องยอมตามผู้หญิงต้อยๆอย่างงี้ด้วยฟะ

                    “เฮ้ย! ปล่อยได้แล้ว” คนโดนลากตวาดเสียงดัง

                    “ฮะ!” เด็กสาวที่ลากเขาขึ้นมาด้วยสะดุ้งสุดตัว ปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว

                    “บาสเป็นอะไรไปเหรอจ๊ะ”

                    “ก็บอกแล้วไง ว่าฉันรำคาญคน” เสียงกระชากๆดังขึ้น

                    “ก็เราหัวอกเดียวกันไง น่าจะเข้าใจกันไม่ใช่เหรอจ๊ะบาส” เสียงหวานจ้อยตอบ

                    “คนที่ฉันรำคาญน่ะ เธอต่างหากเว้ย ผู้หญิงอะไรวะ ตื๊อชะมัดยาด” ในที่สุดเมื่อความอดทนหมด ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็กลายเป็นประการฉะนี้แล

                    “ฉัน..” เด็กสาวก้มหน้า “ฉันขอโทษนะบาส ฉัน”

                    “แต่ว่าฉันน่ะ ฉันน่ะ

                    “คือว่าฉัน” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นพร้อมดวงตาเศร้าหมอง เผื่อมันจะเรียกความสงสารจากคนตรงหน้าได้บ้าง

                    แต่สิ่งที่เธอได้พบคือความว่างเปล่า

                    บาสหายไปไหนแล้ว…?

    ……………………………..

                    แฮ่กๆๆ

                    “เอี่ยมอส ชิ่งเลยนะมึง” เจ้าของร่างสูงที่วิ่งหนีเด็กสาวขึ้นมาบนห้องด่าเพื่อนรักทันที เมื่อเห็นหน้ามันมายืนยิ้มรออยู่หน้าห้อง เด็กหนุ่มกระแทกกระเป๋าเป้ลงบนที่นั่งยาวหน้าห้อง

                    “อ้าว เห็นกำลังหวานกันอยู่ ให้ไปเป็น a b c จะดีเหรอ”

                    “ก ข ค เว้ย ไอ้ฟาย”

                    “อ่อ บ้านกูอ่ะ ไฮโซ เขาใช้ a b c กันเว้ย”

                    “เอ้าๆ พวกเธอสองคนน่ะรีบเก็บกระเป๋าแล้วลงไปเข้าแถวได้แล้ว” จิ๊บ หัวหน้าห้องผมเองแหละคับ ทั้งสวยทั้งเก่ง ท็อบซะทุกวิชา นิสัยก็น่ารัก เสียอย่างเดียว ขี้บ่น เลยอดอยู่ในสารระบบที่ผมจะจีบเลย

                    “ค้าบ แม่” เสียงสองปาท่องโก๋บ- (บาส-มอส) ประจำห้องขานรับพร้อมกัน แล้วเอากระเป๋าไปเก็บอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบวิ่งลงไปเข้าแถวอย่างที่แม่ (จิ๊บ) บอกมา

                   

                    พักเที่ยง

                    “หิวข้าวว้อย” ไอ้มอสร้องครวญครางเหมือนหมา (ในความคิดของบาส) รีบเดินจ้ำไปโรงอาหารกันอย่างสองปาท่องโก๋

                    “ทำไรของมึง ปกติไม่หิวไม่ใช่เหรอ” เพื่อนซี้ถามเสียงเรียบ

                    “ก็ดูดิ เลขอ่ะ จารย์ให้กูออกไปทำทุกข้อ ใช้สมองก็หิวดิ ใครจะไปเหมือนมึงล่ะ เคยใช้สมองที่ไหน วันๆแม่งรอหล่ออย่างเดียว”

                    ไอ้นี้มันวอนซะแล้ว ไอ้มอสเอ๋ย

                    “เฮ้ย ใจเย็น กูล้อเล่น มึงไปซื้อก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูจองที่ให้มึงตรงนี้แหละ” เด็กหนุ่มร่างจ้อยนั่งลงตรงที่ว่าง

                    “แหมมึง จะให้กูไปซื้อให้อ่ะดิ” ผมได้แต่ทำหน้าเซ็งๆ มันอ่ะ อย่างนี้ประจำ

                    “อ้าว ก็จองให้แล้ว หน้าที่มึงก็ไปซื้อดิ”

                    ซวย

                    ผมได้แต่เดินไปซื้อข้าวให้มัน มันกินข้าวราดผัดผักทุกวัน ตัวมันถึงได้กระจ้อยร้อยเงี้ย ชั่วโมงพละแม่งก็ไม่เคยสอบผ่านซักที พอซ้อมมันก็ให้ผมไปซ่อมให้มันแทน

                    แต่มันมีข้อแลกเปลี่ยน เพราะมันจะให้ผมลอกการบ้านตลอด รายงานก็ทำให้ เห็นอย่างเงี้ยแต่มันเรียนโคตรเก่ง ผู้หญิงติดบ้าง เพราะเขาบอกว่ามันน่ารัก เหมือนอาตี๋

                    น่ารักตรงไหนฟ๊า

                    วันนี้ผมกินเย็นตาโฟแหละ น้ำชมพูกระฉอกไปหน่อย ดูมันจะร้อนซะด้วย แล้วมันก็ไปชนผู้หญิงคนนึงเข้าให้อีกแล้ว

                    “เฮ้ย โทษคับผม”

                    “เอ่อ ขอโทษค่ะ” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อนแฮะ หน้าตาน่ารักดี ตาตี่เหมือนอาหมวยน้อยเลย แก้มสีชมพูระเรื่อ น่ารักเชียว

                    “ขอโทษคับ”

                    “ไม่เป็นไรค่ะ” ดาวสีฟ้าสามดวง ชั้นเดียวกันอีกแล้วสินะ แล้วผมก็เหลือบไปเห็นว่าน้ำซุปนั้นโดนแขนเธอเต็มๆ ท่าทางจะร้อนน่าดูเลยอ่ะ

                    “เฮ้ย แสบไหมนั่นน่ะ” ผมมองแขนข้างซ้ายของเธอไม่วางตา เด็กสาวก้มมองแขนตัวเองที่แดงเหมือนโดนอะไรลวก

                    “อืม ไม่เป็นไรหรอก”

                    “ตามมานี้มา” ผมเดินเอาของกินสองอย่างไปวางไว้ให้ไอ้มอส แล้วฉุดมือข้างขวาของเด็กสาวที่ผมไปทำให้เธอเหมือนโดนลวกแขน พาไปห้องพยาบาล

                    โดยที่ไม่ได้มองดูใบหน้าที่แดงก่ำของเด็กสาวเลยแม้แต่น้อย

                   

                    “เสร็จแล้วจ๊ะ ลงชื่อไว้ได้เลยนะ” เสียงนิ่มๆของอาจารย์ประจำห้องพยาบาลดังขึ้น เด็กสาวคนเดิมเดินออกมาจากแผงกั้นที่เอาไว้ทำแผลโดยเฉพาะ ส่วนคนนอกอย่างผมต้องรออยู่ข้างนอก เสียงออดเริ่มคาบดังไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว

                    “ค่ะ” เด็กสาวเดินไปเขียนชื่อ แล้วเดินออกมาจากห้องพยาบาลพร้อมกันกับผม ก็ผมทำเขาเจ็บก็ต้องรับผิดชอบใช่ไหมคับ ถึงจะเป็นผู้ชายที่ดี (แต่ความจริงอยากโดดอ่ะ ฮ่าๆๆ)

                    “เธอ”

                    “หือ”

                    “เธอชื่ออะไรเหรอ”

                    “เราเหรอ” เด็กสาวทวนคำถาม “เราชื่อมิ้นน่ะ เธอล่ะ”

                    “อืม” ผมรับคำ “เราชื่อบาสนะ”

                    “บาส..อยู่ห้องอะไรเหรอ”

                    “เราอยู่ห้อง 2” ใช่ครับโรงเรียนนี้ระดับชั้นหนึ่งมีห้าห้อง ห้องผมอ่ะห้องควีน เก่งๆ ฮ่าๆๆ

                    “อ๋อ” มิ้นผงกหัวกลมๆรับ น่ารักฉิบ

                    “แล้วมิ้นล่ะ อยู่ห้องไหน” ผมเลยถามกลับไป มีเพื่อนไว้เยอะๆก็ดีเน๊อะ

                    “เราอยู่ห้อง 1 น่ะ” เฮ้ยห้องคิง แสดงว่าคนข้างๆต้องเก่งเทพอ่ะ แต่ไหนเขาบอกว่าปกติคนห้องคิงจะหยิ่งๆ ไม่ค่อยพูดกับคนห้องอื่นไม่ใช่เหรอ

                    ผมเลยถามไปแบบนี้

                    “ไม่ได้เป็นทุกคนหรอก มีแต่พวกเก่งมากๆน่ะที่เป็น เพื่อนเราก็ไม่เป็น เดี๋ยววันหลังเราจะพามาแนะนำให้บาสรู้จักนะ เพื่อนเราคนนี้นิสัยดีมากๆเลย ^^” มิ้นยิ้มอย่างน่ารักให้ผม เมื่อมาอยู่หน้าห้องประจำของห้อง 1 แล้ว ผมเลยเดินต่อไปที่ห้องตัวเอง

    ………………………………..

                    “มึงนี้เก่งวะ กูนับถือ ตอนเช้าสลัดทิ้งไปคน พอกลางวันไม่ทันไรได้มาใหม่อีกคนซะแล้ว หน้าตาดีกว่าเดิมด้วย แถมเล่นของสูง จีบเด็กห้องคิงด้วยนะ” ไอ้ปากหมามอสพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อยข้างหูบาสที่กำลังนั่งคิดสมการตรงหน้าซึ่งตัวเองไม่รู้เรื่องเลยซักนิด

                    “เงียบหน่อยดิ กูรำคาญ”

                    “แถมมึงยังทิ้งเย็นตาโฟให้กูกินให้อีก ไม่หิวรึไง เหรอว่าอยู่กับหญิงแล้วอิ่มเลย กูเพิ่งรู้นะเนี่ย”

                    “หุบปากซะไอ้มอส”

                    “เหอ ว่าแต่มิ้นเขาจะแนะนำให้รู้จักเพื่อนเขาใช่ไหม ถ้างั้นฉันขอเพื่อนเขาแล้วกัน แกก็จีบมิ้นไป”

                    “เออเรื่องของมึง คิดเอาเองเหอะ กูปวดหัว” ก่อนเจ้าตัวจะนอนฟุบลงบนโต๊ะ เอาหัวหนุนชีทเลขต่างหมอน

    ------------------------------------------------------------

    เย้! ตอนแรกจบไปแล้ว ดีใจจัง ^^ ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะงัฟ ไม่เม้นไม่เป็นไร (แต่เม้นก็ดี) อย่าลืมเข้ามาเยี่ยมกันบ่อยๆนะ ^^

    amphibian~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×