คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prologue
Prologue :
ฉันเชื่อว่าเราทุกคนมีความฝัน : )
ความฝันแต่ละช่วง แต่ละวัยในชีวิตของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะอยากเปิดร้านขนม บางคนอยากเป็นนักเขียน บางคนอยากประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน บางคนอยากออกเดินทาง บางคนอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น ฯลฯ
ความฝันที่แตกต่าง ไม่ได้แปรผันถึงปริมาณความสุขหรือความยิ่งใหญ่ที่แตกต่าง เพราะสำหรับเราแต่ละคน ขนาดความฝันของเราย่อมยิ่งใหญ่ในใจเราอยู่แล้ว แค่นึกถึงว่าวันที่เราได้ทำความฝันของเราให้เป็นจริงได้ หัวใจเราจะเต้นแรงในความสำเร็จที่ได้รับขนาดไหน แค่นี้เราคงรู้สึกคันไม้คันมืออยากลงมือทำให้มันสำเร็จจะแย่อยู่แล้ว
ค่ะ ฉันเองก็เป็นคนๆหนึ่งที่มีความฝันเป็นของตัวเองเหมือนกัน ความฝันนี้เริ่มมาตั้งแต่ม.ปลาย แต่อาจจะเพราะยังไม่ถึงเวลา ฟ้าจึงยังไม่เป็นใจ ทำให้ความฝันของฉันไม่สำเร็จลุล่วงซักที จนกระทั่งเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2556 ที่ความฝันของฉันกลับมาจุดประกายอีกครั้ง และคงเป็นเวลาที่ในที่สุดความฝันนั้นก็ได้ปรากฏรูปร่างเป็นชิ้นเป็นอันซักที : )
เรื่องราวชุดนี้จะเป็นเหมือนซีรีส์เรื่องเล่าถึงความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดชิ้นหนึ่งในชีวิตของฉัน ที่อยากจะเขียนเอาไว้ให้ตัวเองอ่านซ้ำๆเมื่อคิดถึง ถ้าใครบังเอิญผ่านมาแล้วอยากมีส่วนร่วมรู้เห็นในความฝันชิ้นนี้ไปด้วยกัน ฉันก็ไม่รังเกียจนะคะ อยากให้ลองตามอ่านไปด้วยกัน
ถ้าเราฝันถึงมันได้ มันคงไม่อยากเกินที่จะลงมือทำให้ฝันนั้นกลายเป็นจริง…
เท้าความกันก่อนดีกว่า…
เริ่มแรกเลย มันเป็นเพราะหนังสือนำเที่ยวเล่มเล็กเล่มนึงที่เราไปเจอที่งานหนังสือ ตอนอยู่ม. 4 เรียกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากก้าวออกไปเที่ยว จุดหมายปลายทางนั้นก็คือ สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ใช่ค่ะ เอาจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เป็นสถานที่ที่เหนือความคาดหมายของใครเท่าไหร่ ไปก็ง่าย แค่บินห้าชั่วโมงก็ถึงแล้ว อาหารการกินและวิธีการท่องเที่ยวก็ไม่ได้ยากอะไรนักหนา มันดูไม่น่าจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากขนาดนั้น แต่นี่แค่จุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสนใจประเทศนี้เท่านั้นค่ะ
พออยากไปเที่ยว เราก็เริ่มซื้อหนังสือมาอ่านเยอะขึ้น ดูหนัง ดูรายการวาไรตี้โชว์เยอะขึ้น เริ่มติดนักร้องบอยแบนด์ เสียเงินซื้อซีดี ขนาดว่าไปวิ่งพรีเซลล์บัตรคอนเสิร์ตในห้างหรือไปตามรับส่งที่สนามบินอย่างติ่งเกาหลีก็เคยมาหมดแล้ว สุดท้ายถึงกับลงทุนเริ่มเรียนภาษาเกาหลีตอนจบ ม.ปลาย เพราะอยากจะเข้าใจเพลงที่เหล่าโอปป้าของเราร้องให้เราฟัง
ใดๆ สิ่งเหล่านี้อาจจะดูไร้สาระมากไปนิด แต่มันทำให้เรามีความทะเยอทะยานในทางดีอย่างหนึ่ง คือ ตั้งแต่ตอน ม.ปลาย เราอยากได้ทุนไปเรียนที่เกาหลี
แน่นอน เหตุผลหลักตอนนั้นก็อยากไปตามนักร้องดาราถนัดๆ แต่ได้บินฟรีและมีเงินเดือนที่ไม่ต้องแบมือขอแม่ พอประกาศของทุนรัฐบาลเกาหลีในปีการศึกษานั้นออก เราก็รีบไปสมัครทันที ทำใบสมัครด้วยความตั้งใจมาก ตอนนั้นแอบเป็นคนมั่นใจในตัวเองค่อนข้างมาก เลยคิดว่ามันต้องติดสิน่ะ…
สุดท้ายผลประกาศออกมาว่า…ไม่ติด ฮ่าๆๆๆๆ
เลยทำเอาเสียเซลฟ์ไปเยอะ อาจจะเพราะสาขาที่เรายื่นไปมันไม่ใช่แนวภาษาเกาหลี เกาหลีศึกษาหรืออะไรทั้งนั้น เพราะเอาจริงๆ ตัวเราไม่ได้อยากเรียนเกาหลีเป็นวิชาเอกขนาดนั้น แค่อยากเรียนให้สื่อสารได้ อ่านออก เขียนได้ แต่ไม่ได้อยากไปแนวภาษา คิดว่าตัวเองไม่น่าจะไหวจริงๆ
แต่ตอนนั้นก็สอบติดเข้ามหาวิทยาลัยรัฐที่นึงในไทยไปแล้วเหมือนกัน เลยคิดว่าไม่เป็นไร เราน่าจะยังพอหาทุนระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัยได้ หรือถ้าไม่ได้จริงๆ ปริญญาโทก็คงยังไม่สายเกินไป (มั้ง) เลยยอมรามือไปพักหนึ่ง
วุ่นๆกับการเรียนและกิจกรรมในมหาวิทยาลัยอยู่สองปี พอขึ้นปีสาม ด้วยความที่กิจกรรมและการเรียนมันค่อนข้างหนักหนาสาหัสอยู่ เลยเกิดหาทางออกโดยการหาทุนหนีไปที่อื่นอีก (ระหว่างนั้นมีแอบไปสอบทุนไปนิวซีแลนด์กับโครงการเรือเยาวชนญี่ปุ่น แต่สุดท้ายถ้าไม่ติด ก็ไม่ได้ไปฟรี เลยไม่ไป) แต่เอาจริงๆมาเจอก็จากเพจในเฟซบุ๊ค ฮ่าๆๆๆ
มันคือโครงการระหว่างเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน หรือ ASEAN University Network (AUN) กับมหาวิทยาลัยแทจอน ที่เมืองแทจอนในเกาหลี ให้ทุนเด็กจากทั่วอาเซียนจำนวน 20 คน ให้ไปเรียนที่เกาหลีทั้งหมด 2 เทอม และทางมหาวิทยาลัยจะจัดหาที่ฝึกงานให้ระหว่างปิดเทอมฤดูหนาวสองเดือนที่โน้นด้วย
ฉันเองเคยเห็นโครงการนี้ตั้งแต่ตอนช่วงอยู่ปีหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นมหาวิทยาลัยไม่ยอมให้เด็กปีหนึ่งสมัคร เลยต้องรอขึ้นปีสอง แต่พอขึ้นปีสอง ทางโครงการก็เอาแต่ประเทศจากกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว พม่าและเวียดนาม) สุดท้ายเราเลยมาหยุดที่ปีสาม เพราะอย่างที่บอกไปว่าเป็นช่วงที่เหนื่อยมาก เลยอยากพักซักปีนึง
สารภาพจากใจจริงว่าตอนแรกที่เห็นทุนนี้ ร่ำๆว่าจะยอมแพ้ต่อความเหนื่อยและไม่สมัครแล้ว เพราะเป็นช่วงที่เพิ่งพ้นจากสมัครทุนโครงการเรือเยาวชนญี่ปุ่นมา แถมมีสอบกลางภาคอีก เลยเกือบจะถอดใจไปแล้ว แต่บังเอิญว่าช่วงเดียวกันมีเพื่อนคนนึงที่รู้จักกันมาตั้งแต่ม.ปลายและขอทุนมาด้วยกันตั้งแต่ตอนนั้น (แต่เพื่อนไม่ได้สายเกาหลี เขาจะไปทางญี่ปุ่นๆ) ได้ทุนไปญี่ปุ่นหนึ่งปี เราเลยฮึดว่า อือ บางทีน่าจะลองดูอีกหน เป็นหนสุดท้ายก็ได้
สุดท้ายก็ลองดู
รอบนี้ทำใบสมัครแบบตั้งใจมาก จัดเต็มมาก ดูรายละเอียดแบบทุกเม็ด เรียงความที่ว่าโหดหินก็พยายามทำรีเสิร์ชเต็มที่ก่อนเขียน เรียกว่ารอบนี้มั่นใจแล้วว่า ถ้าไม่ได้จะไม่เสียใจเลย เพราะมันคือความเต็มที่ที่สุดแล้วจริงๆ
พอถึงวันเปิดรับใบสมัคร (ซึ่งปีเราเปิดแค่สามวัน) ก็รีบเอาไปส่ง พี่ที่วิรัชกิจถึงกับแซวว่า นี่มาคนแรกเลยนะ เราก็เขินๆ อายๆ ขำๆไป รู้สึกเหมือนตัวเองแอบกระตือรือร้นออกนอกหน้าไปนิดนึง
หลังส่งใบสมัครพอดีเข้าช่วงสอบกลางภาค เราเลยวุ่นวายกับการทวนหนังสือเพื่อสอบ จนไม่ได้สนใจอะไรมาก จนสอบเสร็จไปวันแรก เลยเอาโน้ตของวันที่สองมานั่งทวน ระหว่างที่ทวนอยู่ก็อยากอู้ เลยหยิบมือถือมาเช็กอีเมล มีอีเมลมาจาก AUN
พออ่านรายละเอียดปุ๊บก็กรี๊ดลั่นบ้าน
หลังจากพยายามมาสี่ปีกว่า ในที่สุดก็ได้ไปเรียนที่เกาหลีซักทีนะ : )
ความคิดเห็น