คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Ep.5 : ร้านกาแฟ
Ep.5 ร้านกาแฟ
“เฮ้ย.....”
“เฮ้ยยยย.......”
“เฮ้ยยยยยย........”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นเป็นระลองๆ แทบจะเป็นรอบที่ร้อยแล้วตลอดวันที่ผ่านมา โรมาริโอ้ก็นั่งเหนื่อยใจ นึกแปลกใจว่าทำไมบอสที่แสนขี้เล่นร่าเริงคนนั้น ในตอนนี้กลับดูห่อเหี่ยวหมดอะไรตายอยากซะอย่างนั้น ตั้งแต่จบเหตุการณ์ของแฟมิลี่ซิเอโล่เมื่อสองเดือนก่อน เจ้าตัวก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอดมาเป็นหนักก็ช่วงหลังๆนี้แหละ เอาแต่นั่งเหม่อ งานเดินบางไม่เดินบาง ก็โชคดีไปที่ช่วงนี้งานไม่ค่อยมี ก็เลยปล่อยๆให้เหม่อไปก่อน มีหลายครั้งที่โรมาริโอ้เห็นดีโน่บ่นพึมพำอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียว แต่โรมาริโอ้ก็พอเดาได้นิดๆหน่อยๆแหละ
“บอสครับ?”
“....”
“บอส!”
“....”
“บอสครับ!!!!”เรียกอยู่สามสี่ที่ไม่ได้ยิน โรมาริโอ้เลยตะโกนกรอกใส่หูแทน
“เว้ยยยยยย!!!!”เจ้าคนชอมเหม่อก็ไม่รุ้เรื่องร้องเสียงหลงจนเกือบตกจากเก้าอี้เสียมาดบอสแห่งคาวัลโลเน่อย่างแรง
“มีอะไรเล่าโรมาริโอ้ เรียกซะเสียงดัง ตกใจหมดเลย!”ดีโน่ด่าคนสนิทเข้าให้ แต่หารู้ไหมเขาเรียกแกมาเป็นสิบๆรอบแล้วยังไม่รู้ตัว นี้ถ้าไม่ตะโกนใส่ปานี้คงจะเหม่อละเลอเพ้อภพไปไหนต่อไหนไกลแล้ว
“เป็นอะไรไปครับ? เห็นทำหน้าเบื่อโลกมาตั้งแต่ตะกี้แล้ว”โรมาริโอ้เอ่ยถามด้วยความงุนงง ดีโน่มองหน้าโรมาริโอ้ก่อนจะถอนหายใจอีกรอบ
“ไม่มีอะไรหรอ”พูดไปนั้น เห็นๆอยู่กว่ากำลังเป็น โรมาริโอ้ได้แต่ส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจผู้เป็นนายเลยสักนิด เป็นแบบนี้นานๆที่เป็นค่อยว่ากัน แต่นี้มันเป็นบ่อยจนผิดปกติแล้ว!
“ถ้าเบื่องานไม่ลองออกไปขับรถไปเที่ยวในเมืองล่ะครับ?”โรมาริโอ้เสนอความคิดดีๆให้ ดีโน่นั่งเท้าคางด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะถอนหายใจอีกรอบจนคนเป็นลูกน้องยังเหนื่อยใจแทน
“ลองดูก็ได้ เผลอๆอาจจะแก้เบื่อได้บ้าง”ร่างสูงยอมลุกจากเก้าอี้แต่โดยดี ก่อนจะหันหน้าออกไปทางหน้าต่างด้วยความเลื่อนลอย มองหมู่ก้อนเมฆอย่างไร้ชีวิตชีวาก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกจากห้องไปโดยที่มีคนสนิทเดินตามอยู่ไม่ห่าง
+++++++++++++++++++++++
ในตอนนี้ทั้งสองบุรุษได้ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนมากมายที่เดินสันจรไปมา รอบข้างคือร้านค้ามากมายต่างๆนานาที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส เสียงแจ้วๆของเด็กน้อยและผู้คนดังสลับกันไปทั่ว เสียงฝีเท้าเดินย้ำบนพื้นอิฐที่มีอายุมาหลายสิบปี ซึ่งอาจจะมากกว่าอายุของดีโน่เองก็เป็นใด จมูกโด่งสันได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากร้านขายขนมต่างๆ มีกลิ่นที่ทำให้เขานึกถึงวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นแพนเค้ก เครป หรือแม้แต่ช็อกโกแล็ต แต่ถ้าหากเขาสังเกตดูดีๆก็จะพบว่าร้านค้าต่างๆมักมีเครื่องประดับเป็นริบบิ้นสีชมพูขาว หรือลูกโป่งสีชมพูรูปหัวใจ แถมรอบข้างยังเต็มไปด้วยคู่หนุ่มสาวที่เดินกันมาเป็นคู่ๆอีกต่างหาก
“จริงสิ นี้มันวันวาเลนไทน์นิน่า”โรมาริโอ้เอ่ย อันที่จริงก็เพราะรู้นี้แหละถึงได้ชวนบอสให้ออกมาข้างนอกนี้แหละจะได้สดชื่นบ้าง ที่อาการเหม่อเริ่มเป็นหนักขึ้นก็ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนที่ตอนงานวันเกิดของเจ้าตัวนั้นแหละ ไม่รู้เป็นอะไรพอบอกว่าซิเอโล่จะมาร่วมงานด้วยตาก็แทบเป็นประกาย แต่พอได้เจอเข้าจริงๆ ไอ้อาการตาประกายก็หายไปในบันดล แถมยังชะเง้อคอซ้ายขวายังกับหาใครอยู่ก็ไม่รู้
“เฮ้ย.....”อาการยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ โรมาริโอ้ถึงกับสะอึกกับหน้าเบื่อโลกจะเป็นอะไรตายอยากของบอส ที่ดูจะหนักที่สุดในรอบวัน บรรยากาศรอบตัวต่อเหี่ยวจนคนรอบข้างรู้สึกได้จนต้องขอเลี่ยงเดินออกห่างจากพ่อหนุ่มผมทองคนนี้ด้วยความสงสัยแกมสมเพช
พวกอกหักรักคุดรึเปล่าเนี่ย?
โครมมม!!!
“โอ้ย เจ๊บๆๆๆ!!”เสียงบ่นโอดครวญดังขึ้น ดีโน่แทบจะหลุดจากภวังค์ไปในทันใด เมื่อเขาถูกใครที่ไหนก็ไม่รู้ชนเข้าอย่างจังที่กำลังร้องโอดอโอยอยู่บนพื้น ในขณะที่เขาเพียงตัวเซเท่านั้น
“เอ่อ..เป็นอะไรไหมเจ้าหนู?”ดีโน่เอ่ยถามเจ้าเด็กน้อยวัยสิบขวบร่างเล็กที่นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นด้วยความห่วงใย
“ผมไม่เป็นไรครับ”เด็กน้อยตอบกลับทั้งๆที่ยังทำหน้าเหย่เกเพราะยังระบมก้นไม่หาย เด็กน้อยรีบลุกขึ้นยืนเก็บข้าวของของตัวเองอย่างรวดเร็ว ดีโน่และโรมาริโอ้ก็รีบช่วยก้มลงเก็บด้วย ซึ่งของที่หลุดออกมาจากถุงหิ้วของเด็กน้อยล้วนแล้วแต่เป็นหนังสือทั้งนั้น แต่ล่ะอันก็เล่มหนาเอาเรื่อง นึกสงสัยอยู่ว่าใครกันที่มันบ้าอ่านหนังสือเล่มตั้งขนาดนี้เข้าไปได้
“ผมขอโทษด้วยน่ะครับ บังเอิญผมต้องรีบเอาหนังสือพวกนี้ไปส่งน่ะครับ”ร่างของเด็กน้อยกล่าว เด็กคนนั้นเป็นเด็กชายตัวเล็กๆที่ใส่หมวกแก๊บสีดำผมสั้นระคนคอสีน้ำคาลแดงและมีนัยน์ตาสีน้ำตาล ดวงหน้าตกกะและผิวสีแทนบ่งบอกถึงเชื่อชาติที่คงไม่ใช่ชาวอิตาลี่แท้แน่
“งั้นหรอ? แต่นี้เธอแบกไหวหรอ?”ดีโน่เอ่ยถามด้วยความเห็นใจ เพราะเมื่อเขาได้นำหนังสือทั้งหมดใส่ถึงแล้ว มันก็มีน้ำหนักมากเลยทีเดียว ว่าเด็กคนนี้จะเอาไปส่งถึงก็คงหมดแรงแล้วกระมัง
“ยังไงก็ต้องทำนิครับ นี้น่ะเป็นหนังสือชุดสุดท้ายที่ผมต้องเอาไปส่งก่อนที่คุณพ่อจะย้ายไปฝรั่งเศสน่ะฮะ”เด็กน้อยเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะพยายามแบกหนังสือกองโตในถุงไปอย่างเก้งๆก้างๆ คงเพราะเสียสมดุลจากการหิ้วเจ้าถุงหนังสือนั้นแหละเด็กคนนั้นถึงได้เดินมาชนเขาน่ะ
“งั้นฉันช่วย เบื่อๆอยู่เลยล่ะ”ร่างสูงอาสาก่อนจะคว้าถุงในมือเด็กน้อยไปอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยรีบหันไปมองเขาทันใด โดยที่มีโรมาริโอ้เดินตามหลัง
“นี้พี่ชาย.....คิดจะจีบพี่สาวร้านกาแฟหรอครับ?”คำถามชวนงงดังขึ้นทำให้ดีโน่หยุดฝีเท้ารีบหันไปมองเด็กน้อยเพศชายทันใดด้วยความงงงวย
“เอ๋?”เจ้าตัวทำหน้างงใส่ เด็กน้อยรีบเดินตามก่อนที่ทั้งสามจะออกเดินอีกครั้ง
“อ้าว ไม่ใช่หรอครับ?”เด็กน้อยถามกลับดีโน่พยักหน้ารับ
“ทำไมเธอถึงถามอย่างนั้นล่ะ?”โรมาริโอ้เอ่ยถามเจ้าหนุ่มน้อยด้วยความสงสัย หรือเด็กนี้จะแก่แดดริอาจไปชอบผู้หญิงที่แก่กว่าตัวเองแล้วมาหึงใส่บอสเพราะความเข้าใจผิด?
“ก็เมื่ออาทิตย์ก่อนก็มีผู้ชายตั้งสองคนอาสามาช่วยผมถือหนังสือไปส่งให้พี่สาวร้านกาแฟ ทั้งๆที่ตอนนั้นมันก็มีหนังสือแค่สองเล่ม พอผมไปถามพ่อ พ่อก็บอกว่าคนพวกนั้นคิดจะมาขอพี่สาวร้านกาแฟเป็นแฟน แต่ว่าถูกปฏิเสธหมดเลย”เด็กน้อยพูดจ้อด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดีโน่ก็ตั้งหน้าตั้งตาฟังยังกับเด็กฟังนิทาน
“แหม ท่าทางเธอคนนั้นคงจะเป็นผู้หญิงสวยเอาเรื่องเลยสิน่ะ แถมยังใจแข็งอีกต่างหาก”ดีโน่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“พี่สาวเป็นคนใจดีแล้วก็แข็งแกร่ง คนพวกนั้นแต่ล่ะคนน่ะเป็นนักเลงเก่าของเมืองนี้แหละครับ แต่ว่าโดนพี่สาวจัดการสั่งสอนจนนิสัยพลิกหน้ามือเป็นหลังเท้าแล้ว”ดีโน่นึกฉงนสงสัยว่าหญิงสาวคนใดกันที่หาญกล้าถึงขนาดไปตบเกรียนนักเลงซะดับสนิทขนาดนั้น คงจะถึกมาดูชม
“นี้ยังแค่หัวหน้าแก๊งสองคนเองน่ะครับ ไม่รู้ว่ายังจะมาอีกกี่คนกี่แก๊ง”เด็กน้อยกล่าวอย่างนึกสนุก เพราะนี้คือวันวาเลนไทน์มันต้องยกกันมาเป็นขบวน ทั้งสามเดินได้เพียงไม่นานก็มาหยุดอยู่หน้าร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งก่อนที่ทั้งสามจะเดินเข้าไป
“ว้าว”ดีโน่เผลออุทานออกมาด้วยความสนใจกับบรรยากาศของร้านกาแฟแห่งนี้ เป็นร้านกาแฟที่เน้นแต่งสีขาวเป็นหลัก เครื่องใช้ส่วนใหญ่ทำจากไม้สีอ่อน มีโต๊ะเพียงสี่โต๊ะเท่านั้นและเป็นโต๊ะไม้ พื้นถูกปูด้วยไม้สีอ่อนเคลือบเงาเช่นกัน หน้าต่างหันไปทางทิศตะวันออกรับแสงแดดอุ่นยิ่งทำให้ที่นี้ดูสดใสและอบอุ่นมากขึ้น มีเคาท์เตอร์โต๊ะยาวและมีเก้าอี้สูงสำหรับนั่งกาแฟคนเดียว ร่วมทั้งชั้นวางของหลังเคาท์เตอร์ที่มีเครื่องและอุปกรณ์มากมายในการชงกาแฟเครื่องดื่ม หรือแม้กระทั้งตู้ใสไว้สำหรับโชว์ของหวานสำหรับให้ลูกค้าเลือกสั่งได้ตามใจ แถมยังมีเพลงบรรเลงขับกล่อมช่างที่หวานแหววตรงกับเทศกาล ยังใช้ริบปิ้นและตุ๊กตาสีชมพูในการประดับตกแต่งเพื่อรับหน้าเทศกาลอีกด้วย ภายในร้านมีลูกค้าเพียงไม่กี่คนเท่านั้น โดยที่มีพนักงานสองสามคนยืนออร์กันอยู่ที่หลังเคาท์เตอร์ ซึ่งก็เป็นหญิงหนึ่ง ชายสอง
“พี่สาว เจ้าของร้านล่ะครับ”เด็กน้อยยิ้มร่ารีบวิ่งตรงไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่หลังเคาเตอร์ นั้นทำให้ดีโน่เริ่มมองหญิงสาวคนนั้น ก็ดูเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่ดูธรรมดา จะว่าไปก็ดูเรียบๆง่ายๆ และดูมีความเป็นผู้หญิงมากกด้วย ไม่เห็นจะเก่งตรงตรงไหน หรือจะหมายถึงเจ้าของร้าน?
“ตายแล้ว นั้นใครน่ะไลอัน หล่อตรงสเป๊กเลย! คงไม่ใช่ว่ามาขอท่านประธานเป็นแฟนอีกหรอกน่ะ?”เสียงกระซิบตอบไม่ตรงคำถามของหญิงสาวร้านกาแฟดังขึ้นด้วยใบหน้าแดงระเรื่อตื่นเต้นแอบชำเหลือกมองพ่อหนุ่มหน้าหล่อที่ยืนสำรวจร้านอยู่โดยที่ข้างกายก็มีชายวัยกลางคนยืนอยู่ไม่หาก ซึ่งไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนคุณหนูที่มีออกมาสำรวจนอกคฤหาสณ์พร้อมกับพ่อบ้านคนสนิท ต๊าย ชวนฝันซะไม่มี!
“ไม่ครับ พี่ชายเขาช่วยผมถือหนังสือเฉยๆ”เด็กน้อยกล่าวก่อนจะยืนกองถุงหนังสือให้ ในขณะที่เด็กน้อยกำลังคุยอยู่กับพนักงานร้านอยู่ ดีโน่ถือวิสาสะ เดินไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งก่อนจะมองดูเมมูเครื่องดูที่อยู่ในกระดาษเคือบที่วางอยู่ข้างแจกันกุหลาบ
“จะรับอะไรดีครับบอส?”โรมาริโอ้ที่ยังคงทำตามหน้าที่ยืนอยู่ข้างดีโน่เพื่อแสดงให้เกียรติถึงฐานะของบอส ดีโน่มองด้วยใบหน้าเรียบ ดูเหมือนอาการเบื่อโลกจะหายไปมากอยู่
“งั้นเอาม็อกค้าเย็นแล้วกัน”ดีโน่เอ่ยกับโรมาริโอ้ ก่อนจะชายวัยกลางคนจะทำหน้าที่รับออเดอร์แทนพนักงาน เขาเดินไปที่เคาเตอร์ ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มให้ดีโน่
เจ้าหนุ่มวัยสามสิบพ่อดีเป๊ะ เมื่อไม่กี่วันก่อนวาเลนไทน์ นั่งเท้าค้างหันไปมองนอกหน้าต่าง พอรอบตัวเงียบ บรรยากาศเดิมๆก็เริ่มคุกคาม ทำไมก็ไม่รู้ เขารู้สึกโหวงๆที่กลางอกอย่างนี้ รู้สึกยังกับมีอะไรหายไปยังไงก็ไม่รู้ ไม่ชอบใจความรู้สึกที่มันคางคาแบบนี้เลย แถมยังรู้สึกอยากพบหน้าคนคนหนึ่ง
เธอจะเป็นยังไงบ้างน่ะ ชิชิสะ
“นี้ลุง คุณหนูของลุงชื่ออะไรหรอ?”ในอีกด้านท่ามกลางความเมื่อลอยของดีโน่ หญิงสาวที่เป็นพนักงานในร้านรีบเร่งหาข้อมูลตามจีบพ่อหนุ่มหัวทองคนนั้นทันใด
“หึหึ ดีโน่ คาวัลโลเน่”โรมาริโอ้เผยรอยยิ้มอย่างสุภาพก่อนจะตอบคำถามของอีกฝ่าย
“คาวัลโลเน่!? ตายจริง! นั้นมันเจ้าของเจ้าของห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งจะเปิดใหม่ในเมืองเราไม่ใช่หรอค่ะ!?”เสียงของหญิงสาวดังขึ้นเบาๆเพราะเกรงพ่อหน้าหล่อจะได้ยินเข้าด้วยความตื่นเต้นตกตะลึง โรมาริโอ้พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู เพราะว่า คาวัลโล่เน่ เบื้องหลังแม้จะเป็นมาเฟียแต่เบื้องหน้าก็เป็นถึงนายทุนเจ้าของห้างและร้านค้าต่างๆ ยิ่งสมัยของดีโน่ที่ยกเลิกเกี่ยวกับค้ามนุษย์และยาแล้ว งานเบื้องหน้าจึงถือเป็นงานหลักในการหาเงินกันเลยทีเดียว
“ครับ ช่วงนี้บอสดูเบื่อๆผมก็เลยชวนให้ออกมาข้างนอกน่ะครับ”ชายวัยกลางคนกล่าวโดยที่หญิงมาความจอมเซ้าซี้ก็ยังคงทำเครื่องดื่มต่อไปในขณะที่ปากยังขยับถามไปด้วย
“แล้วบอสของลุงมีแฟนรึยังค่ะ?”
“ฮะฮะๆ ยังเลย นี้ลุงก็ยังกังวลว่าจะลุงจะได้อุ้มว่าที่คุณหนูคนต่อไปของลุงเมื่อไหร”โรมาริโอ้กล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนจะนำม็อคคาเย็นไปเสิร์ฟให้แก่ผู้เป็นนาย เมื่อไม่มีอะไรแล้ว เขาก็ปลีกตัวมานั่งที่เก้าอี้เดียวริมเคาท์เตอร์เพื่อให้บอสให้นั่งคิดอะไรเผลอๆพักผ่อนเพียงคนเดียว
“หึหึหึ”หญิงสาวหัวเราะในลำคอ แต่ในใจก็นึกแผนการเผด็จศึกพิชิตใจพ่อหนุ่มหัวทองไว้เรียบร้อยแล้ว สาวเจ้ารีบจัดการแต่งตัวให้ดูดี และปลดกระดุมคอเสื้ออีกเม็ดเพื่อเพิ่มความเช็กซี่ จนเห็นล่องอกขนาดกลางของเธอ ก่อนที่เธอจะทำการดึงที่รัดผมออก ปล่อมผมสีทองน้ำตาลลอนสยายและเดินเฉิดชายตรงไปยังโต๊ะของดีโน่อย่างไม่แคร์สายตาเพื่อนร่วมงานที่มองเธออย่างหน่ายๆหรือสายตาตกใจของโรมาริโอ้กับความใจกล้าของเจ้าแม่ประคุณ
ในตอนนั้นเองที่คนทั้งห้องก็ได้กลิ่นของพิซซ่าที่ลอยมาเตะจมูกเขาอย่างจัง โดยเฉพาะคนที่ชอบกินพิซซ่าถึงกับหลุดภวังค์น้ำลายสอ
“นี้ทุกคน พี่สาวทำพิซซ่าให้พวกเราด้วยแหละ!”เสียงแจ้วๆของเด็กน้อยดังขึ้นจากหลังร้านก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา เด็กน้อยปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับถือจานใส่พิซซ่าใบโตออกมา สาวเจ้าพนักงานถึงกับละทิ้งเป้าหมายแล้วตรงไปยังหาพิซซ่าแทนพ่อหนุ่มทันใด จนโรมาริโอ้แอบนึกขำกันเลยทีเดียว
คนหล่อยังแพ้พิซซ่า!
“ว้าว!! ตายแล้วๆ!! ใส่เห็ดเยอะได้ใจฮันนี่มาเลยค่ะท่านประธาน!”หญิงสาวถึงกับกระดี้ด้ากระโดดโลดเต้น ในขณะที่พนักงานในร้านคนอื่นก็ทยอยไปหยิบมากินบ้าง
“พี่สาวทำอาหารเก่งจังเนอะ”เด็กน้อยเคี้ยวแก้มตุ้ยหันไปเนอะเนาะกับพนังงานชายอีกคนที่ยิ้มแก้มปริชอบใจกับรสมือของท่านประธาน
“งั้นสิน้า อ่ะจริงด้วยสิ!”นึกขึ้นได้แม่สาวที่ชื่อฮันนี่ก็กินพิซซ่าของตัวเองเสร็จแล้วก็รีบฉวยโอกาสหยิบพิซซ่าใส่จานก่อนจะเดินอย่างเฉิดฉายนำพิซซ่าไปเสิร์ฟ
“เอ๋?”
“บริการพิเศษค่ะ เห็นคุณดูจะสนใจพิซซาของท่านประธาน ชอบทานหรอค่ะ?”หญิงสาวยิ้มหวานตีซี้ใส่ดีโน่ เขายิ้มรีบพร้อมกับพิซซ่าด้วยความขอบคุณ
“ครับ อาหารโปรดผมเลย”ชายหนุ่มกล่าวอย่างสุภาพก่อนจะหยิบชิ้นพิซซ่าขึ้นมากิน เพราะเขาเองก็เริ่มรู้สึกหิวแล้วด้วยสิ
“อร่อยจัง”เขาเอ่ย เขารู้สึกว่ามันอร่อยกว่าที่อื่นๆที่เขาเคยกินมา เป็นพิซซ่าที่มีรสมือเยี่ยมใช้ได้จริงๆ ชักอยากเห็นหน้าคนทำซะแล้วสิ อยากจะให้ช่วยสอนวิธีการทำด้วย เพราะที่เขาเคยทำกินเองมันไม่เห็นจะอร่อยแบบนี้เลย สุดท้ายก็ต้องพึ่งพ่อครัว แต่ก็ยังไม่เท่ารสมือแบบนี้
‘ต๊ายจริง! เวลายิ้มล่ะน่ารักใจจะละลายแล้ว!’หญิงสาวแอบคิดในใจจนแก้มแดงระเรื่อ และในตอนนั้นเองที่พวกเขาได้ยินเสียงประตูหน้าร้านเปิดออก เงยหน้าคนที่เปิดประตูร้านเข้ามาใหม่ก่อนจะร้อง....
“เฮ้ย!”
“ไอหย่า!”
“แม่เจ้า!”
“พี่สาว!!!”เสียงอุทานของแต่ล่ะคนทำเอาลูกค้างง มองเล่าพนักงานแต่ล่ะคนที่อุทานกันไปคนละทิศคนละทาง ส่วนเด็กน้อยก็ร้องเรียกพี่สาวหรือก็คือเจ้าของร้านก่อนจะรีบวิ่งเจ้นกลับเข้าไปในครัว ดีโน่มองปฏิกิริยาของคนพวกนั้นอย่างสงสัย ก่อนจะหันหลังไปมองหน้าลูกค้าหน้าใหม่ที่พึ่งจะเข้าร้านมา
นั้นมัน เชาว์ กาอัว บอสแห่งกาอัวแฟมิลี่นิ
เจ้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบอสแห่งกาอัวแฟมิลี่ คือชายร่างสูงใหญ่และมีใบหน้าชั่วร้ายไม่น่าไว้ใจ แม้ว่าเขาจะดูหล่อเหล่าเพราะเนตรสีฟ้าอ่อนกับเส้นผมสีดำเหลือบเขียวที่สั้นเพียงระต้นคอเท่านั้น สองมือซ้ายขวาประกอบไปด้วยลูกน้อยที่มีท่าทีเหมือนนักเลง ที่ดูเหมือนจะสามารถมีเรื่องได้ตลอดเวลา
“ไปเรียกชิชิสะจังมาหน่อยสิ”แค่ได้ยินชื่อดีโน่ก็เกือบจะสำรักพิซซ่าจนต้องรีบกระดกม็อคคาล้างคอกันเลยทีเดียว ร่างสูงของคนที่เอ่ยนามนั้น เดินไปนั่งเท้าค้างอยู่ใกล้ๆที่นั่งของโรมาริโอ้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่รู้ว่าภายในห้องนี้มีบอสแห่งคาวัลโล่เน่อยู่ด้วย
เพียงไม่กี่อึดใจเจ้าของชื่อก็ปรากฏตัวขึ้น ชายหนุ่มแทบจะใจเต้นระรัวในทันทีที่ได้เห็นหน้าเธออีกครั้ง หญิงสาวร่างบางในชุดกางเกงยีนซ์ขายาว เสื้อนอกสั้นครึ่งตัวสีน้ำตาล กับเสื้อกล้ามสีดำ เธอเองก็จะไม่ทันสังเกตเห็นดีโน่ เธอเดินไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มร่างสูงผมเนตรสีอ่อนตรงหน้า
“มีธุระอะไรกับฉัน คุณกาอัว”หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบ แต่มีรังศีรอบตัวที่บ่งบอกถึงการไม่ตอนรับ เหล่าพนักงงานร้านไม่มีใครกล้าที่ยืนฝังเดียวกับที่ชายหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่ ส่วนเด็กน้อยก็มายืนหลบอยู่ข้างหลังหญิงสาวแทน
“ก็แหม ผมคิดถึงคุณนิครับ การที่ผมคิดถึงคุณแล้วมาหา มันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลเลยนิครับ”ชายหนุ่มยิ้มหวานส่ง แต่หารู้ไหมว่าทำเอาคนเดือดไม่ค่อยจะเป็นอย่างดีโน่เผลอกำหมัดแน่อย่างไม่รู้ตัว
“หรอ”เธอเอ่ยเสียงราวกับประชดอย่างไม่ใส่ใจ แต่ในส่วนลึกคนในเมืองนี้ต่างรู้ดีว่า อากัวเป็นแก็งที่พึ่งจะตั้งตัวขึ้นมาและมาทำซ่าระหว่างที่เธอเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทำให้เกิดความวุ่นวายไปหมด
“อย่าทำหน้าอย่างั้นสิที่รัก ที่ผมมาในวันนี้เพราะผมมีเรื่องสำคัญจะบอกน่า”ร่างสูงเอ่ยยิ้มหวานพลางยืนมืออกไปกุมมือข้างซ้ายของหญิงสาวเอาไว้โดยที่เธอไม่ได้สะบัดแตกลับยืนนิ่ง ดีโน่แอบชำเหลือกมองด้วยความสงสัยและขุ่นเคือง
“เรื่องสำคัญงั้นหรอ?”หญิงสาวแกล้งทำเสียงฉงนพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เชาว์ โดยที่เชาว์ไม่รู้สึกเลยสักนิด
“ใช่ เรื่องสำคัญมากๆเลยล่ะ”เจ้าหนุ่มเอ่ย ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ และเข้าประชิดร่างบาง ดีโน่กระตุกวูบอยากจะชกหน้าของเจ้านั้นขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่ว่า เขาก็พยายามอย่างเต็มทีที่จะไม่แสดงกิริยาแบบนั้นต่อหน้าเธอ
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ?”หญิงสาวก้มหน้าลงน้อยๆจนเงาผมบังหน้าหลงเหลือเพียงแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เชาว์เข้าใจว่าเป็นรอยยิ้มเก้อเขิน
“คุณ...จะให้เกียรติ แต่งงานกับผมจะได้ไหมครับ ชิชิสะจัง”น้ำเสียงแสนนุ่มทุ้มดังขึ้นจากริมฝีปากของชายหนุ่ม ร่างสูงย่อเข่าลงก่อนจะยื่นกล่องกำมะหยี่เปิดออกแล้วให้กับเธอ ภายในกล่องนั้น มันก็คือแหวนทองคำพร้อมด้วยเพชรเม็ดงามยากจะบรรยาย ฮันนี่เห็นถึงกับลืมความแค้นที่มีต่อเจ้าหนุ่มกาอัวนี้ นึกอย่างจะเข้าไปรับตำแหน่งเจ้าสาวแทนท่านประธานของตัวเอง
“ฉัน....”น้ำเสียงของหญิงสาวดังขึ้นอย่างลังเล ก่อนที่เธอจะค่อยๆยืนมือไปรับกล่องกำมะหยี่สีแดงนั้นอย่างแช่มช้า ในตอนนั้นยังกับว่ามีหนึ่งหัวใจที่กำลังแตกสลายไปกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ดีโน่กุมหน้าอกไว้แน่นราวกับคนเป็นโรคหัวใจ และรู้สึกเจ็บปวดนัก
เจ็บจัง ทำไมถึงเจ็บอย่างนี้น่ะ
“ฉัน....”น้ำเสียงของหญิงสาวยังคงดังขึ้นอย่างยืดเยื้อต่อไป ทว่าเธอ.....
ตั๊บ!
“ฉันขอปฏิเสธ!”เสียงของฝ่ากล่องกำมะหยี่ที่ถูกปิดลงดังขึ้นลั่น พร้อมกับคำปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย และเธอก็ส่งกล่องนั้นคืนให้กับเชาว์
“ฉันไม่แต่ง คุณเชาว์ กาอัว”เธอเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะหันหลังกลับ โดยไม่สนว่าเชาว์จะทำสีหน้ายังไง
“เฮ้ย เดียวสิเธอ! นี้เธอกล้าปฏิเสธบอสงั้นรึ!?”หนึ่งในลูกน้องคนสนิทของเชาว์กล่าวด้วยโทสะ ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าตอกหน้าบอส ก็รู้อยู่ว่าบอสมีอำนาจมากแค่ไหน ถ้าเธอปฏิเสธร้านเธอโดนฟังยับแน่!
“รู้ไหมมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอปฏิเสธฉัน!”เชาว์เอ่ยขึ้นด้วยโทสะแต่ยังคงไม่แรงมากนัก เขาลุกขึ้นยืนตะโกนไล่หลังเธอ
“ยังไง?”เธอยังยิมเยาะรับหน้าชายคนนั้นอย่างมั่นใจ
“ฉันจะสั่งให้คนมาพังร้านของเธอซะ นังผู้หญิงนั้นฉันก็จะเอามันไปให้พวกข้างถนนมันข่มขืน ไอ้สองตัวนั้นฉันก็จะจับมันตัดแขนขาเอาไปขอทาน ร่วมทั้งไอ้เด็กนั้นด้วย!”โทสะครอบงำอย่างรวดเร็วเชาว์ไม่สนใบหน้าเรียบของเธอ และบรรยากาศมาคุที่กำลังแผ่ซ่านออกมาจากตัวเธอ เหล่าคนที่กลายเป็นตัวประกันรีบมาเกาะแขนของชิชิสะ เพื่อเร่งรีบให้เธอหาทางออกที่ดีที่สุด
“เพื่อให้เธอแต่งกับแก แกถึงต้องทำขนาดนั้นเลยหรอ เชาว์กาอัว?”จนในที่สุดร่างสูงก็ไม่อาจจะทน ไหว ดีโน่ลุกขึ้นยืนจากโต๊ะหันไปมองชายหนุ่มอารมณ์ร้อนที่ตะวัดสายตามองมองเขาด้วยควาเมหี้ยมเกรียม ผิดกับชิชิสะที่ดูจะตกใจไม่น้อยที่ได้พบเขาในตอนนี้
“แกไม่เกี่ยว อยากเสือก!”
“ไม่เกี่ยวได้ไงก็ฉันเป็นแฟนเธอ!”ชิชิสะถึงกับอึ้งตกใจไปกับคำพูดลอยๆของเจ้าหัวทอง ส่วนโรมาริโอ้ก็อ้าปากค้างมองบอสที่อ้างเป็นเจ้าของชาวบ้านเขาลอยๆอย่างนั้นด้วยความอึ้ง ดีโน่เดินเข้ามาหาชิชิสะก่อนจะโอบไหล่เธอไว้แน่
“นี้นายคิดจะทำอะไร?”หญิงสาวกระซิบถามเสียงเบากึ่งฉุนที่อีกฝ่ายมาอ้างสิทธิ์ในตัวเธอ
“เอาน่า เรื่องจะได้จบแบบสวยๆไง”เขาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มกว้าง แต่นั้นก็มากพอจะทำให้หญิงสาวยิ้มตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้
“นี้เธอไปคบกับไอ้บ้านี้ตั้งแต่เมื่อไหร!?”เชาว์แทบจะฉุนขาดมองเจ้าหน้าหล่อกว่าเขาที่โอบไหล่คนที่เขาหมายปองไว้อย่างหน้าด้านๆ
“ฉันคบกับเธอมาตั้งนานแล้ว แกต่างหากที่ไม่รู้เรื่องเอง”ดีโน่เถียงกลับโดยที่เหล่าพนักงานต่างก็อึ้งทึ้งไม่แพ้กัน ไอ้ที่ปฏิเสธคำขอแต่งงานนั้นก็เพราะมีแฟนอยู่แล้ว นิน่าล่ะ
“ถ้าเข้าใจแล้วก็กลับไปซะ ฉันไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย”หญิงสาวเอ่ยอย่างจริงจังมองหน้าเชาว์ที่แดงก่ำด้วยความโกรธ
“ฉันไม่เชื่อ!”นั้นพออีกฝ่ายไม่เชื่อแล้วเอาไง? ชิชิสะเริ่มเดือด เธออยากจะจัดการง่ายๆด้วยการซัดมันให้สลบแล้วค่อยให้วิเตอร์มาเคลียร์ให้ที่หลังจัง
“งั้นฉันให้ชิชิสะ หอมแก้มฉันพิสูรจ์เอาไหมล่ะ? เพราะถ้าให้เธอทำนายคงจะเชื่อมากกว่าสิน่ะ”
“เอ๋!!!?”นี้ไม่ใช่ร้องแค่คนเดี๋ยวแต่ร้องกันทั้งร้านเลยต่างหาก ไม่เว้นกระทั้งชิชิสะ พวงแก้มขึ้นสีหวานทันใด เธอเริ่มแยกเคี้ยวใส่ไอ้คนพวกจาไม่ระวังปาก แถมยังฉีกยิ้มกว้างซะยิ้มกว่ากว่าจนเธอนึกอยากจะฉีกให้มันกว้างยิ่งกว่าเดิม
“อีตาบ้า! นี้แกพูดบ้าอะไรบอกมาเนี่ย!?”หญิงสาวตะหวาดใส่ด้วยน้ำเสียงกระซิบ ใช้แรงเท้าเหยียบเท้าดีโน่เต็มแรงจนเจ้าตัวเกือบน้ำตาเล็ด
“ทำหลอกเองน่า”เขาเอ่ยเสียงกระซิบก่อนจะหันไปฉีกยิ้มใส่เชาว์เพื่อให้อีกฝ่ายไขว้เขว แต่เชาว์ยังคงกัดฟันกรอดและไม่ยอมเชื่อคำพูดของคนตรงหน้า ชิชิสะมองชายตรงหน้าอย่างขุ่นเขือง นึกรำคาญที่เรื่องมันจบอยากเสียงเหลือเกิน
“งั้นก็ หนึ่ง สอง....”ดีโน่เริ่มรับให้สัญญาก่อนจะยืนหน้าไปไปทางชิชิสะที่ยืนหน้าบูดแก้มแดงอยู่ข้างๆด้วยความเขินอายสุดๆ
“สาม!”
จุ๊บ!
โดนเข้าไปหนึ่งฟอดพร้อมกับการฉีกยิ้มกว้างอย่างได้ใจของดีโน่ทำเอาเชาว์ปากสั่นน้ำตาเริ่มคลอเบ้าเหมือนเด็กๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นเช็ดตาวิ่งออกจากร้านไปพร้อมเสียงคร้ำครวญโวยวาย
“เค้าจะไปฟ้องพ่อ!!!”ทุกคนถึงกับช็อก นั้นหรือสภาพของคนที่ถูกสลัดรัก ไอ้คำขู่อันโหดร้ายเมื่อครู่ดูราวกับจะไม่ใช่คนคนเดียวๆกับไอ้เจ้าคนที่วิ่งออกจากร้านไปเลย ส่วนไอ้ลูกน้องสองตัวก็รีบวิ่งตามเจ้านายของพวกมันไปตามประสา
“เฮ้ย ไปได้สักที”เสียงของฮันนี่ดังขึ้นอย่างโล่งอกเพลอทิ้งตัวลงบนพื้น เพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นก็มีสภาพเดียวกัน ส่วนชิชิสะไม่ต้องพูดถึง พอเจ้านั้นไป เธอก้รีบจ้ำอ้าวรีบหลบหน้าเข้าไปหลังครัวอย่างรวดเร็วโดยที่แก้มสองข้างยังคงขึ้นสีระเรื่ออย่างหน้าเอ็นดู ดีโน่รีบตามเธอเข้าไปหลังครัวทันใด
“เจ๊สี่แอบมีแฟนจริงๆด้วยแหละ”พนักงานชายคนแรกพูด
“งั้นต่อไปอั้วจะเรียกผู้ชายคนนั้นว่าอาเฮียแล้วกัน”พนักงงานเชื่อสายจีนคนที่สองพูด
“ฉันเสียดายผู้ชายอ่ะ แต่ก็แฮปปี้ที่ท่านประธานมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที”อันนี้น่าจะเดาออกน่ะเว่าเป็นฮันนี่
“พี่สาวมีแฟนแล้ว ผมจะไปเล่าให้พ่อฟัง!!”นั้นใช่เรื่องที่ต้องเอาไปเล่ารึเด็กน้อยเอ่ย
ให้อีกด้าน
“เฮ้ย เธอเป็นไรน่ะ?”ดีโน่ตามหญิงสาวเข้ามาถึงในครัวด้วยความเป็นห่วง มองสาวเจ้าที่ยืนกอดอกกุมหน้าตัวเองอยู่ใกล้ๆกับหน้าต่างของห้องครัว เขาเดินเข้าไปหาแต่ว่ากลับถูกเธอห้ามไว้
“หยุด! หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”หญิงสาวสั่งเธอที่เธอเอามือกุมหน้าไว้ราวกับไม่ต้องการเห็นหน้าอีกฝ่าย....หรือไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นหน้ากันแน่
“ชิชิสะ...”
“ก็บอกว่าอย่าเดินมาไงเล่า!!”หญิงสาวตะหวาดใส่อย่างเหลือดอดจนเปลอเอามือที่กุมหน้าออก ทำให้ดีโน่เห็นแก้มสีระเรื่ออย่างเด่นชัด จนเขาอดที่จะเอ็นดูไม่ได้
“นี้เธอยังเขินไม่หายอีกหรอ?”
“ฉันไม่ได้เขิน!!”สาวเจ้าเถียงกับทันควัน รีบหันหน้าไปทางอื่นพยายามกลบสีหน้าอย่างสุดๆ
ให้ตายสิ ดูยังไงๆมันก็ยังกับเจ้าเคียวยะเวอร์ชั่นหญิงเลยจริงๆ
“แล้วเธอหน้าแดงทำไม?”ดีโน่พยายามไล่ต้อนสาวเจ้าพร้อมกับการขยับเข้าไปใกล้โดยที่สาวเจ้าไม่รู้ตัว
“ก็...ก็มันร้อนนิ!”เถียงไปทัน ทั้งๆที่ที่นี้ก็ติดแอร์แล้วมันไปร้อนเอาตรงไหน แต่สาวเจ้าก็ยังไม่รู้ตัวว่าเจ้าหนุ่มกำลังขยับเข้าใกล้จนอยู่ในระยะประชิด
“อยากบอกน่ะว่าเธอไม่เคยหอมแก้มผู้ชายน่ะ”ดีโน่แหย่ถามเล่น ยังไงซะเธอก็ตั้ง24แล้วมันก็ต้องมีบ้างล่ะที่คบใครสักคนแล้วแสดงความรักกับคนคนนั้น เช่นการหอมแก้มหรือจูบ
“กะ ก็ใช่น่ะเซ่!”สาวเจ้าเสียงทั้งๆที่หน้าแดงระเรื่อ แต่ทำดีโน่อึ้ง แต่ก็แอบดีใจยังไงชอบกลแหะ
“อย่าบอกน่ะว่ากระทั้งแฟนก็ไม่เคย?”เจ้าหนุ่มลองถามอีกครั้งมองเสี้ยวหน้าที่หันหลบเขาก่อนที่เธอจะพยักหน้าเบาๆ จนดีโน่เกือบจะหลุดขำ ถ้าไม่ติดว่ากลัวสาวเจ้าน้อยใจขึ้นมาล่ะก็น่ะ
“ฉันไม่สน ของพันธ์นั้นมันก็แค่โซ่ล่ามดีๆนั้นแหละ ฉันไม่ชอบการผูกมัด”เธอเอ่ยเสียงเรียบเพื่อนเธอรู้สึกว่าอาการร้อนวูบวาบบนหน้ามันหายไปแล้ว เธอถอนหายใจเพื่อปรับอารมณ์อีกครั้ง
“หึหึหึ เอาเถอะๆ ก็ดูสมเป็นเธอดี ว่าแต่เธอเป็นเจ้าของที่นี้หรอ?”ร่างสูงเอ่ยด้วยรอยยิ้มพลางมองไปรอบๆห้องครัวที่ดูจะเก๋ไก๋ไม่แพ้กับข้างนอกเลย
“ใช่ ถ้าหมดธุระแล้วก็กลับไปซะ”สาวเจ้าจอมซึนเอ่ยอย่างตัดเยื่อใยตามประสาของคนที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร
“อะไรกันเล่า นี้ฉันพึ่งมาถึงเองน่า แถมฉันยังอุตสาห์ช่วยเธอไว้อีก ไม่คิดจะตอบแทนกันบ้างเลยรึไง?”เจ้าหนุ่มหน้าหงอยขึ้นมาชอบกลก่อนจะเอ่ยประท้วงทวงบุญคุณ
“ฉันไม่ได้ขอให้แกช่วย แต่แกเข้ามาจุ้นเอง”แม้น้ำเสียงของสาวเจ้าจะดูเรียบนิ่งแต่เพราะสรรพนามแทนตัวของดีโน่เปลี่ยนไป ทำให้เขารู้ว่าเธอกำลังเดือดอยู่เงียบๆ ก่อนที่เธอจะถอนหายใจอย่าเบื่อหน่าย เธอเดินออกไปข้างนอกโดยที่ยังมีดีโน่ทำหน้าสลอนเดินตามมาติดยังกับเงาตามตัว เขาเดินไปนั่งที่เคาท์เตอร์จ้องสาวเจ้าตาแป๋วราวกับลูกหมาน้อย เธอเดินหลังเคาท์เตอร์ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาแล้วยื่นให้เขา
“ของตอบแทน กินเสร็จแล้วก็รีบๆไปซะ”เธอเอ่ยเสียงราบเรียบเย็นชาตามประสาคนชอบสันโดษ ดีโน่ยิ้มเจื่อนๆให้เธอกับความตรงไปตรงมาจนขวานผ่าซากของสาวเจ้า ยิ่งทำให้เขานึกถึงเคียวยะมากขึ้น เพราะเธอมีส่วนที่คล้ายเคียวยะมาก ตอนนี้แม้กระทั้งนิสัยก็ใกล้เคียงกันเลยทีเดียว
“จ้าๆ”เจ้าหนุ่มขานก่อนจะก้มลงมองบราวนี่สีเข้มในจานใสมีสไตล์ ก่อนที่เขาจะตักขึ้นมากินท่ามกลางสายตาเอ็นดูของโรมาริโอ้
“อืม อร่อยดีนิ ซื้อมาจากที่ไหนหรอ?”
“ร้านคอฟฟี้ช็อปบ้านแกดิ ที่ซื้อของสำเร็จรูปมาขาย”สาวเจ้าแทบเดือดมองเจ้าคนไม่ประสีประสาทำหน้าเหวอใส่
“ก็ฉันไม่รู้นิ แล้วใครเป็นคนทำล่ะ ฮันนี่หรอ?”เจ้าหนุ่มยังคงยิ้มร่าต่อไป ทว่าอยู่สาวเจ้าก็เดินออกจากหลังเคาร์เตอร์ไปโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตสีหน้าของเธอ ดีโน่นั่งงงก่อนจะหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
“ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ ท่านประธานเป็นคำทำต่างหาก!”ฮันนี่กระซิบให้ดีโน่ได้ยิน ทำให้เข้าหนุ่มยิ่งทำหน้าเหวอก่อนจะรีบหันหลังไปมองชิชิสะที่เดินออกจากร้านไปแล้ว
อย่าบอกน่ะว่านี้กำลังงอนเขาน่ะ!?
“ชะ ชิชิสะ!”ดีโน่รีบตะโกนเรียกรีบวิ่งตามหลังสาวเจ้าไปด้วยความเข้าใจว่าเธอกำลังงอนเขาเรื่องเค้กบรานนี่ชิ้นนั้น แต่นั้นก็มากพอจะทำให้พวกสาวๆหนุ่มๆในร้านแอบขำกับท่าทีของดีโน่ ที่ดูเหมือนจะแคร์ความรู้สึกของท่านประธานของพวกเขาเอามากๆ โรมาริโอ้รีบวิ่งตามไป เพราะรู้อยู่แก่ใจ ว่าถ้าบอสจะไปง้อสาว ขืนไม่มีเขาอยู่ด้วย เรื่องอาจจะวุ่นวายเพราะความซุ้มซ่ามไม่เป็นเวลาของดีโน่
ดีโน่วิ่งตามเธอไปก่อนที่ร่างนั้นจะหยุดลงที่ริมถนน พร้อมกับร่างนั้นที่ย่อตัวเหมือนกำลังมองอะไรบางอย่างอยู่บนพื้น ดีโน่มองอย่างสงสัยก่อนจะขยับเข้าไปใกล้
“ลูกแมวนิ!?”ร่างสูงมองร่างที่หอบรวยรินของเจ้าลูกแมวน้อยผู้น่าสงสาร ตัวของมันสกปกและเต็มไปด้วยคราบเลือด แผลเหวอะวะกลางหลังจากรอยกัดของสุนัข มันหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดและจวนเจียนที่จะสิ้นลม
ร่างสูงเข้าใจในทันทีว่าเธอเดินออกมาข้างนอกทำไม เพราะหน้าต่างใสของกระจก มันปรากฏร่างของเจ้าแมวตัวนี้พอดี
“นั้นเธอจะทำอะไรน่ะ?”ดีโน่ร้องเสียงหลงมองสาวเจ้าที่ถอดเสื้อนอกครึ่งตัวออกตัวเองออก เผยไหล่ขาวนวลเนียนและแขนเรียวสวยที่ทำเอาคนแถวนั้นจับจ้องกันอย่างไม่วางตา หญิงสาวใช้เสื้อนั้นห่อตัวของลูกแมวน้อยผู้โชคร้ายเอาไว้ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืน สีหน้าเรียบนิ่งหากแต่ดูเป็นประการเมตตาและเอื้ออาภรยิ่งนัก
เธอเดินกลับเข้าไปในร้านพร้อมกับดีโน่ก่อนจะรีบตรงดิ่งขึ้นชั้นบนของร้าน ซึ่งทางขึ้นนั้นอยู่ในครัว ดีโน่ก็ตามไปทั้งอย่างนั้น ชั้นสองเป็นระเบียงยาวมีประตูอยู่สามบาน ดูแล้วน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของเธอเอง หญิงสาวรีบเปิดระตูห้องนอนของตัวเอง เจ้าหนุ่มก็ยังคงตามไปดูทั้งอย่างนั้น
ห้องของชิชิสะ เป็นห้องที่สีขาว พื้นผ้าห่มสีเขียวเข้มที่ถูกปูไว้อย่างดี และเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ มีทั้งเครื่องเสียง ทีวี และโน๊คบุ๊ค นอกจากนั้นยังชั้นหนังสือลอยที่ดูจะสะดุดตาที่สุดในห้อง ทำให้รู้ได้ทันทีว่าสาวเจ้าเป็นจำพวกหนอกหนังสือนั้นเอง
ชิชิสะวางเจ้าลูกแมวน้อยลงบนเตียง ดีโน่ถือวิสาสะนั่งบนเตียงของเธอพร้อมกับลูบหัวของเจ้าลูกแมวตัวนั้นอย่างปลอบประโลม ร่างสูงหันไปสั่งเกตหญิงสาวที่กำลังคว้านหาอะไรบางอย่างจากในลิ้นชัก ซึ่งสิ่งที่เธอหยิบออกมานั้นก็คือกล่องอรุณ
“ไลก้า!”เธอเรื่องชื่อสิ่งนั้นออก มาหมาป่าขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นต่อให้ทุกชีวิตในห้อง แต่เพราะขนาดของมันทำให้ห้องมันดูแคบไปถนัดคาเลยทีเดียว ในตอนนั้นเองที่ร่างกายของมันก็ค่อยๆหมดเล็กลงจนมีขนาดเท่ากับหมาป่าทั่วไป ก่อนที่มันจะกระโดดขึ้นเตียงของหญิงสาว
“มันจะทำอะไรน่ะ?”
“ค่อยดูแล้วกัน”เธอเอ่ย ก่อนที่ไลก้าจะล้มตัวลงนอนตะแคง จนเห็นเต้านมของมัน ก่อนที่ชิชิสะจะขยับลูกแมวนอนให้เข้าไปใกล้เต้านมของไลก้า เพียงแค่นั้นลูกแมวนั้นก็เริ่มดูดนมจากร่างของสัตว์กล่อง ชิชิสะย้ายยร่างตัวเองไปอีกด้านทางหัวของไลก้าเพื่อให้มันใช้ตักของเธอเป็นหมอนหนุ่มในขณะที่ให้นมเจ้าลูกแมวตัวนั้น แผลที่หลังของมันก็ค่อยๆหายไป ขนที่เคยสกปกก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ดูราวกับลูกแมวธรรมดาที่ไม่เคยบาดเจ็บใดๆ
“แบบนี้ก็ปลอดภัยแล้วสิน่ะ”เจ้าหนุ่มยิ้มร่ามองเจ้าลูกแมวน้อยที่อยู่ๆก็ค่อยๆลุกขึ้นมานอนดูดนมดีๆ กลายเป็นภาพที่เตะตาและน่ามองยิ่งนัก
“เธอนี้ใจดีจังเลยน่ะ”เจ้าหนุ่มเอ่ยพลางหันไปมองชิชิสะ
“ฉันแค่ไม่ชอบให้ใครมาตายต่อหน้า”เธอเอ่ยเสียงเรียบพลางเอื่อมมือไปลูบศรีษะของเจ้าลูกแมวน้อยอย่างอ่อนโยน ก่อนจะตะวัดสายตาเหี้ยมใส่ดีโน่แทน
“ว่าแต่ใครใช่ให้นายเข้ามาในห้องฉัน?”เธอถามเสียงเหี้ยม จนเจ้าหนุ่มกระตุกเสียวสันหลังวาบ
“...เอาเถอะ เว้นให้สักวันแล้วกัน”สาวเจ้าเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่เธอจะเก็บไลก้าเข้ากล่องหลังจากที่เจ้าลูกแมวน้อยกินนมจนอิ่มแล้ว มันลืมตาขึ้นแป๋วมองมาทางชิชิสะ เธอจ้องมันกลับก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างลืมตัว แต่หารู้ไม่ว่ารอยยิ้มลืมตัวนั้นเล่นทำเอาใครบางคนข้างตัวหัวใจเต้นตุมๆต่อมๆ
“ธะ เธอจะเลี้ยงมันหรอ?”
“คงงั้น”เธอเอ่ยอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเรียบก่อนจะดึงของตัวเองที่เปื้อนเลือดออกมา เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อแช่ผ้า ก่อนจะกลับมีอกครั้งในห้อง ชิชิสะมองเจ้าคนตัวโตที่กำลังแหย่เล่นกับเจ้าเหมียวตัวเล็กที่กำลังสนุกสนานกับนิ้วของดีโน่ เธอเผลอยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะตีหน้าเรียบไปทันใดเมื่อเจ้าหนุ่มหันมามองที่เธอ
“ว่าแต่เธออยู่ที่นี้มานานแล้วหรอ? ฉันไม่เห้นรู้เลย แล้วซิเอโล่ล่ะ?”เจ้าหนุ่มถามคำถามมาเป็นกระพรวนชวนให้สาวเจ้านึกอยากตบปากช่าจ่านั้นเสียจริงๆ
“ก็ไม่แปลกถ้าจะไม่รู้ ฉันเปิดที่นี้มาได้สองปีแล้ว ส่วนชิเอโล่นั้น ฉันกลายเป็นหัวหน้าผู้ดูแลนอกแก็ง”ชิชิสะเอ่ยพลางล้มตัวลงนอนตะแคงเล่นบนเตียงกับเจ้าลูกแมวน้อยที่ดูเหมือนจะสนอกสนใจเธอไม่หยอก ดีโน่เห็นดังขึ้นก็เผลอตัวหงายหลังทิ้งตัวนอนตาม ชวนให้นึกถึงคือที่เขาละเมอไปกอดเธอ
เจ็บตัวไปบ้างแต่เขาชอบน่ะ
“หัวเราะอะไร?”เพราะชิชิสะได้ยินเสียงหัวเราะไม่น่าไว้วางใจของดีโน่ เธอลุกขึ้นนั่งจ้องเขม่งร่างสูงเตรียมแยกเคี้ยว
“ปะ เปล่าๆไม่มีอะไร แค่นึกถึงเรื่องเก่าๆ”ดีโน่เอ่ยอย่างร่าเริง นานแล้วที่ชิชิสะไม่ได้เห้นรอยยิ้มแบบนี้ ครั้งเธอมองรอยยิ้มนั้นราวกับโหยหา.......โหยหาอะไรบางอย่างจากคนคนนี้
“เรื่องอะไร?”พอโดนถามอย่างนี้เข้าเจ้าหนุ่มก็ชักไม่แน่ใจที่จะเล่า เพราะถ้าขืนพูดออกไปเขาคงได้เจ็บตัวแน่ๆ
“เรื่อง เอ่อ เรื่องสมัยเด็กน่ะ! ฉันเคยเลี้ยงหนูแฮมเตอร์น่ะ แล้วฉันก็ซุ่มซามล้มลงทับมันที่นอนอยู่บนเตียงก็เลยตายคาทีน่ะ”แถไปเรื่อง แต่มันก็เป็นเรื่องจริงนึกแล้วก็ขำ แถมยังรู้สึกสงสารเจ้าหนูแฮมเตอร์ผู้โชคร้ายนั้นด้วย
ไม่ได้ตั้งใจน่า.....
“ตายมากี่ตัวแล้วล่ะ?”เจ้าร่างบางเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบ เดาจากนิสัยหล่อซุ่ม(ซ่าม)อย่างดีโน่ มิวายเลี้ยงกี้ตัวๆก็ตายหมดทุกตัวนั้นแหละ
“ถามอะไรอย่างนั้นล่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย อีกอย่างตัวนั้นก็ตัวแรกที่ฉันเลี้ยงด้วย”ส่วนตัวสุดท้ายก็เจ้าเอนซิโอนี้แหละ!
“หรอ”สาวเจ้าทำหน้าตายลากเสียงยาวกวนประสา ดีโน่จ้องเธออย่างขำขันและพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง บทสนทนาเรื่อยเปื่อยพูดเอ่ยขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเจ้าลูกแมวน้อยที่กำลังเล่นกับคู่ชายหญิงย่างสนุกสนาน ดีโน่แหยนิ้วเล่นไปกับเจ้าแมวน้อยสลับมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง จนเจ้าหนุ่มระบายยิ้มออกมา
“ออกไปข้างนอกกันไหม?”
“หือ? ไปไหน?”สาวเจ้าเอ่ยถามเจ้าหัวทองตรงหน้าอย่างสงสัย
“ไปซื้อของให้เจ้าตัวเล็กกัน”ดีโน่กล่าวพลางบุ้ยปากไปทางเจ้าตัวเล็กที่ว่า ซึ่งอันที่จริงมันก้สบเหตุสมผลดีอยู่หรอก
“อืม....ก็ได้”ร่างบางเอ่ยยิ่งเรียกรอยยิ้มร่าของเจ้าหนุ่มได้อย่างมากโข ก่อนที่ทั้งสองจะลุกขึ้นไปเตรียมตัวออกไปข้างนอกทว่า....
โครมมม!!!
ฉากเดิมๆถูกยืมกลับมารีเพลย์ใหม่อีกรอบ ทันทีที่ร่างบางลุกขึ้นยืน ร่างสูงที่ลุกขึ้นยืนตามกลับเดินสะดุดขาตัวเองเข้าให้ ส่งผลร่างของดีโน่เซลมไปหาหญิงสาวทันใด
“โอ้ย!!”ร่างบางร้องครางด้วยความเจ็บระบมและความรู้สึกหนักอึ้งที่ถูกคนตัวโตล้มทับ ก่อนที่จะอึ้มเงียบกระปริบตาปริบๆไม่แพ้ผู้ที่ล้มหล่นทับเธอ
“.....”ความเงียบเข้ามาเยื่อนทันใดเมื่อใบหน้าของคนที่ห่างกันไม่ถึงสองคืบเผชิญหน้ากัน นัยน์ตาต่างสีประสานเข้าหากันราวกับลืมเลืองไปเสียแล้วว่าพวกเขาอยู่ในสภาพใด
ชิชิสะนิ่งเงียบด้วยความตกตะลึงและกึ่งงุนงงสงสัยว่าคนที่อยู่เบื้องบนจะทำสิ่งใด หัวใจดวงน้อยเต้นโครมๆอย่างปิดแปลง หากแต่ก็ไม่สามารถระหนีไปจากสายตาคู่นั้นได้ เพราะทุกครั้งที่เธอมอง เธอมีความรู้สึกที่ผิดแปลงไปจากทุกๆครั้ง ไม่เหมือนกับการมองใครหรือผู้ใด เพียงร็แค่ว่ามันทำให้เธออุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่รู้เหมื่อไหร่ที่มือหนาของเจ้าหนุ่มตรงหน้าค่อยๆยกขึ้นเกลี่ยวใบหน้าที่ถูกคลุมด้วยเศษเส้นผมที่บังตา ก่อนที่มือของเขานั้นจะสัมผัสที่แก้มนาวเนียนั้นเบาๆ
ไม่รู้กี่ครั้งกี่ครั้งที่เขามอง
ทุกครั้งที่มอง ราวกับจะไขว้คว้าไว้ข้างกาย
รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมอบให้กับหญิงสาวที่อยู่ใกล้ชิดเขาถึงเพียงนี้ เขาไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองรึเปล่า แต่ในดวงตาสีนิลกาฬคู่นั้นมันเหมือนกับเขา
......กำลังค้นหาอะไรบางอย่างจากคนตรงหน้า
ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนที่บนกลีบกุหลาบงามอวบอิ่มพร้อมกับเปลือกตาของชายหนุ่มที่ปิดลง เป็นเพียงสัมผัสที่ธรรมดาหากให้ความรู้สึกต่างไป แม้มันจะเบาบางและกลับเนิ่นนานและอบอุ่น......
หญิงสาวหัวขาวโพลนไปหมดหากแต่สัมผัสที่ได้รับกลับดึกเธอให้ดำดิ่งสู่ห้วงความรู้สึก เปลือกตาบางปิดลงราวกับคล่อยตามและกำลังค้นหาคนตอบอะไรบางอย่าง
บางอย่างที่ทำให้เธอรู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน........
เมี้ยว!!!
แต่แล้วเสียงร้องครางใสของเจ้าลูกแมวน้อยได้ดึงสติของทั้งสองกลับคืนมา ทุกๆอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิมพร้อมกับสาวเจ้าที่เมื่อรู้สึกตัวว่าถูกจูบ เท้าหนักๆก็ยันโครมร่างที่อยู่เบื้องบนจนกลิ้งล้มไม่เป็นท่าอีกรอบ
โครมม!!
ร่างของดีโน่ชนเข้ากับโซฟาอย่างจัง ดีที่เป็นโซฟาเบาะนิ้มๆไม่งั้นเขาคงเจ็บหนัก เจ้าหนุ่มตาลายเป็นก้นหอยแต่ก็ยังจับสังเกตสีหน้าของหญิงสาวได้ ชิชิสะนั่งยันพื้นหน้าแดกเถือกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกันนั้นนัยน์ตาคมหลังกรอบแว่นคู่นั้นก็ฉายแววฉงนราวกับงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ชิชิสะรีบยกมือขึ้นแตะที่หน้าอกข้างซ้ายอย่างไม่เข้าใจ
ทำไมถึง!!?.....
เธอได้แต่ตั้งคำถามให้ตัวเองในใจ ไม่เข้าใจกับความรู้สึกแบบนี้ สำหรับชาวยุโรปอย่างเธอหรือดีโน่ การจูบไม่ใช่เรื่องร่างหน้าอายและกลายเป็นเรื่องผิวเผิน ทว่าสำหรับเธอแล้ว มันเหมือนเป็นอะไรที่ลึกลับซับซ้อนและยากจะหยั่งถึงยิ่งกว่าแผนของสปาด้าซะอีก!!
เอาเข้าแล้ว ชิชิสะงาน(หัวใจ)เข้าซะแล้ว.....
+++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น