ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Reborn : SM love รักพันธ์ร้ายของเจ้าแม่สายพันธ์บู๊

    ลำดับตอนที่ #5 : EP.3 : เกมส์

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 53







    EP.3 : เกมส์!

     

     

     

                    “เจ้าพวกนั้น!?....”เสียงเย็นยะเยียบของหญิงสาวดังขึ้นด้วยความฉงนนัก ทั้งเธอและดีโน่ร่วมทั้งโรมาริโอ้ต่างได้รับประทานอาหารเช้าจนเสร็จ พวกเขาตัดสินใจกลับไปที่ห้องจัดงานเลี้ยงเพื่อไปตรวจดูถึงกลุ่มคณะละครสัตว์เมื่อคืนซึ่งดูเหมือนว่าจะได้คนจาก แฟมิลี่ฟัลโค้เป็นคนค่อยเฝ้าให้ ทว่าพวกเขากลับไม่เห็นเงาของกลุ่มคนพวกนั้นเลยร่วมทั้งคนของฟัลโค้ด้วย



                    “หายไปแล้ว!?”ดีโน่กวาดสายตามองไปรอบๆด้วยความฉงนไม่ต่างไปจากชิชิสะ สิ่งที่เขาพบมีเพียงกองเชือกที่ถูกตัดขาดด้วยของมีคมเท่านั้น สาวเจ้ารีบสาวเท้าสำรวจพื้นที่โดยรอบ

     

     


    ไม่พบร่องรอยอะไรเลย

     


     

                    “พวกนั้นหนีไปแล้วงั้นสิน่ะครับ”โรมาริโอ้เอ่ยอย่างคิดวิเคราะห์


                   
    “ไม่เป็นไปไม่ได้ที่พวกนั้นจะหนี...ถึงหนีก็ยังไม่พ้นออกจากเกาะอยู่ดี”ร่างบางเอ่ยด้วยความมั่นใจ


                   
    “ทำไมเธอถึงรู้?”


                   
    “พายุลงตลอดทั้งคืนไม่มีทางที่จะทำให้ออกเรือหรือเครื่องบินได้หรอก ต่อให้รุ่งเช้าฝนสาลงไปแล้วแต่ก็เห็นอยู่ว่าพายุยังคงโหมกระหน่ำมาไม่หยุด คงจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในนี้ซะมากกว่า”ดีโน่และโรมาริโอ้เห็นด้วย



                   
    “แต่ก็ยังไว้วางใจไม่ได้ เราต้องสำรวจพื้นที่บนเกาะให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”ร่างสูงวิเคราะห์ด้วยสีหน้าจริงจัง ชิชิสะพยักหน้า

     

     

     

    กรี้งงงงงงง!!!!!!!

     

     

                    !!?”ในช่วงที่ทุกคนกำลังฉงนงุนงงไปกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของคนในคณะละครสัตว์ เสียงกริ่งที่เหมือนกับเสียงเตือนไฟไหม้ก็ดังขึ้นสนั่น โรมาริโอ้ดูแตกตื่นด้วยความตกใจ



                   
    “เกิดอะไรขึ้น?”ดีโน่เอ่ยด้วยความฉงนปนวิตกกังวลก่อนจะทั้งท่าเพื่อรอรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เขาหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวง ชิชิสะก็เช่นเดียวกัน เหล่าคนมากมายที่ทั้งยังไม่ตื่นและตื่นแล้วแต่กลับเลือกที่จะนั่งอยู่ในห้องต่างมีท่าทีตื่นตกใจและพากันวิ่งออกมาจากห้อง




                   
    “สวัสดิ์ดีครับทุกๆท่าน
    !!!”สิ้นเสียงกริ่งก็ตามมาด้วยเสียงทุ้มของบุรุษนิรนามที่เรียกความแตกตื่นของทุกคนให้กลับมาที่เสียงนั้นได้ ชิชิสะเงยหน้าขึ้นมองหาต้นเสียง



                   
    “คงตกใจสิน่ะครับที่เกิดเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับมันก็แค่การแสดง...ใช้ไหมครับ ลีโอเน่”ชื่อเรียกที่ชวนให้สงสัย ผู้คนมากมายที่ยังไม่รู้จุดประสงค์ของการที่พวกเองถูกกักขังบนเกาะแห่งนี้โดยฝีมือของซิเอโล่แฟมิลี่ต่างนึกสงสัยถึงโคนิโยะที่ว่า และหลายๆคนก็ถึงนึกออกมา เจ้าของเสียงนี้คือผู้ใด

     

     


    สปาด้า คาเน่ ซิเอโล่


     

     

                    “นายต้องการอะไร!!?”เสียงของดีโน่ดังขึ้นก้องในอดีตห้องจัดงานเลี้ยง โดยที่เขาเองก็ไม่แน่ใจ่ว่าเสียงของตัวเองอีกฝ่ายจะได้ยินหรือไม่



                   
    “ความบันเทิงครับ...ความบันเทิงที่ละเลงด้วยเลือดของพวกคุณ”น้ำเสียงทุ้มนั้นฟังดูเหี้ยมเกรียมเสียจนชวนให้เหลามาเฟียทั้งหลายขนลุกและในทางกลับกันเหมือนว่าสปาด้าจะได้สร้างรางสังหรณ์ร้ายๆให้กับพวกเขาทั้ง
    27แฟมิลี่







                   
    “หึหึหึ เมื่อคืนคือช่วงเวลาอันสงบสุขสุดท้ายก่อนที่พวกคุณจะเข้าสู่ แบ็ทเทิร์น รอยัลของผม”น้ำเสียงของสปาด้าแม้ฟังดูนุ่มนวลและอ่อนยวบ ทว่ากลับคมกริบกรีดแทงทะลุความหวาดกลัวของเหล่ามาเฟีย ที่มีทั้งคนกล้าและคนขลาด




                   
    “พวกเราไม่มีทางทำตามความต้องการของนายหรอก
    !”ดีโน่ยังคงคุมความเดือดดาลภายในหัวสมองไว้ได้อยู่ แต่สีหน้าก็ดูจริงจังกว่าทุกคนที่ใครๆจะเคยเห็นมา




                   
    “ไม่หรอกครับ ถ้าคุณไม่ทำตามคุณก็จะต้องตายอยู่ที่นี้ด้วยระเบิดนิวเคลียร์ที่จะถูกทิ้งลงบนเกาะแห่งนี้ในเวลาเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้ คนที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้ายเท่านั้นที่จะอยู่รอด ส่วนที่เหลือต้องรอความตายอยู่ที่นี้ น่าสนุกดีนะ
    !”น้ำเสียงทุ้มของชายหนุ่มฟังดูเหมือนกำลังพูดเรื่องที่น่าสนุก ทว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนุกสำหรับชายคนคนนั้นคนเดียว




                   
    “อ๋อ แล้วก็ยังมีอีกอย่างหนึ่งครับเป็นอีกหนึ่งทางรอด แต่ว่ารอดได้แค่คนเดียวน่ะครับ ถือเป็นรางวัลของเงื่อนไขพิเศษในครั้งนี้ นั้นคือ สังหาร
    ลีโอเน่ ให้ผมครับ ถ้าคุณทำได้ ชื่อของคุณจะถูกประกาศและออกจากเกมส์โดยทั้งที่พร้อมกับผมจะบอกเส้นทางหนีให้กับคนคนนั้น แต่ระวัง(ตาย)หน่อยครับ แม้จะมีตัวเดียวแต่ เธอ ก็ยังคงเป็นราชสีห์ และก็เป็นราชสีห์ที่ยังไม่เคยล้มด้วย”น้ำเสียงของชายหนุ่มดังขึ้นอย่างนุ่มลื่นและเงื่อนไขในการเอาตัวรอดช่างดูงงงวยและชวนให้นึกสงสารเจ้าคนที่ชื่อ ลีโอเน่ขึ้นมาตะหงิดๆ




                   
    “เอาล่ะครับ เกมจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงเป็นต้นไป โดยทุกๆหนึ่งชั่วโมงทางเราจะประกาศบอกจำนวนผู้เสียชีวิตจากทั้งหมด
    68 คนน่ะครับ หึหึ ลาก่อนครับ แล้วเจอกันในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า อ๋อ! อีกอย่างน่ะครับ แหวนและกล่องของพวกคุณถูกซ่อนไว้นคฤหาสน์แห่งนี้ถ้าอยากเพิ่มโอกาสรอดก็ลองหาดูน่ะครับ แต่ห้ามหาก่อนเริ่มเกมไม่เช่นนั้นจะเจอเกมลงโทษน่ะครับ”เสียงของบุรุษผู้น่ารังเกียจคนนั้นหายไป ในตอนนั้นเองที่โรมาริโอ้เหมือนได้ยินแว่วเสียงกรีดร้องออกมาจากชั้นบน




                   
    “เฮ้ยๆ ไม่ใช่ว่าหาแหวนเจอนโดนบังเอิญ แล้วโดนหรอกน่ะ”โรมาริโอ้กล่าวด้วยสีหน้าวิตกกังวลสุดๆ ไม่ต่างไปจากผู้เป็นบอสและชิชิสะมากนัก




                   
    “ฉันว่าเป็นไปได้”ชิชิสะเอ่ยก่อนที่เธอจะสะบัดหางตาไปทางดีโน่




                   
    “แล้วก็นาย ฉันแนะนำว่าควรไปร่วมตัวก็วองโกเล่ซะ ยังไงซะทั้งนายทั้งวองโกเล่ที่มีชื่อเสียงในด้านความแข็งแกร่งขนาดนั้น คงถูกหมายหัวเอาง่ายๆ สำหรับนายอยู่ร่วมกันน่าจะดีกว่า”หญิงสาวกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะค่อยๆหันหลังให้แก่บุคคลทั้งสอง ดีโน่มองแผ่นหลังเล็กนั้นด้วยความวิตกแปลกๆ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจก็ตามที่




                   
    “แล้วนั้นเธอจะไปไหน?”ดีโน่เอ่ยถามด้วยความรู้สึกและรางสังหรณ์แปลกๆ




                   
    “ฉัน....จะกลับห้อง”เธอเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไปข้างหน้าอีกครั้ง




                   
    ดีโน่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรพูดอะไร แต่มันมีบางอย่างเหมือนกับว่ากำลังห่างไกล แผ่นหลังเล็กนั้นแม้จะแค่เดินกลับไปที่ห้องของตัวเองทว่า เขากลับรู้สึกว่าร่างนั้นกำลังจะหายไป....ชั่วนิรันดร




                   
    “บอสครับ”โรมาริโอ้ที่ไม่อาจจะเข้าใจถึงความรู้สึกนั้นได้ เขาเพียงแต่มองผิวเผินว่าหญิงสาวคนนั้นคงจะชอบอยู่คนเดียวมากกว่าที่จะอยู่ร่วมตัวกันเหมือนฮิบาริ เคียวยะคนนั้น




                   
    “เดี๋ยวฉันมาน่ะโรมาริโอ้
    ! ไปติดต่อคุยกับสึนะให้ที่!”พูดจบเจ้าหนุ่มก็ออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว โรมาริโอ้เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาอย่างช่วยไม่ได้

     

     

     

    จริงๆด้วย....มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นแล้ว

     

     

     

     

     

     



    ในอีกด้าน


     

     

                    “ชิชิสะ......อ้าว?”เสียงงุนงงของชายหนุ่มดังขึ้น ร่างสูงกวาดสายตามองไปทั่วห้องพักของสาวเจ้า ทั้งๆที่ปากบอกว่าจะกลับห้อง ทั้งๆที่เขาก็วิ่งตามมาแต่กลับไม่เจอ และไม่อยู่ไหนห้อง.....แล้วเธอคนนั้นจะไปไหน?



                   
    “อ่ะ”ในที่สุดสายตาของหนุ่มย้าง
    30ก็ได้สะดุดไปเจอตัวการพอดี ชิชิสะยืนอยู่ที่ระเบียงโดยใส่ชุดสูทแปลกตาเหมือนเมื่อคืน ซึ่งทิศของระเบียงมันอยู่ตรงทางด้านซ้ายมือของเขาหากไม่เดินเข้าไปในห้องคงมองไม่เห็น เจ้าหนุ่มสาวเท้าเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังเท้าซอกอยู่กับรั่วระเบียง เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าพายุมันหยุดลงไปแล้ว คงเพราะเมื่อครู่มัวแต่ฉงนไปกับเสียงประกาศเมื่อกี้นี้จนไม่ได้สังเกตรอบข้าง




                   
    “นี้เธอ....”เจ้าหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นของควันบุหรี่ ก่อนจะหันไปมองนิ้วเรียวที่คีบแท่นบุหรี่นั้นไว้ ใบหน้าของเธอในตอนนี้มันดูว่างเปล่า.....

     

     


    และเดียวดาย

     

     



                   
    “ตามมาทำไม?”หญิงสาวใช้หางตามองอีกฝ่ายก่อนจะยกม้วนสารนิโคตินขึ้นมาสูบ



                   
    “เธอสูบบุหรี่ด้วยหรอ?”แต่ดูเหมือนเจ้าหนุ่มจะตอบไม่ตรงคำถาม



                   
    “ฉันถามว่าตามมาทำไม
    !?”หญิงสาวเริ่มใช้น้ำเสียงที่ฟังดูดุดันมากขึ้น ก่อนจะหันไปชำเหลือกนัยน์ตาใส่ดีโน่ด้วยความเหี้ยมเกรียม ทว่าชายหนุ่มกลับนิ่ง




                   
    “เธอเป็นอะไรไป ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะ?”ดีโน่ไม่คิดที่จะตอบคำถามของหญิงสาว แต่กลับเอ่ยถามอีกฝ่ายแทนด้วยสีหน้าเป็นห่วง ชิชิสะชะงักเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ...



     

     

    ทั้งๆที่เมื่อกี้เธอก็ไม่แสดงอาการใดๆออกมา แต่ทำไหมอีกฝ่ายถึงรู้ล่ะ?


     

     

                    “....หึ!”หญิงสาวแค่นยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะหันหลังให้กับรั้วระเบียงและยกม้วนบุหรี่ขึ้นสูบอีกครั้งก่อนจะพ้นควันสีขาวหมอกออกมา




                   
    “ฉันจะมาสูบบุหรี่แล้วล่ะทำไม?”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชันอย่างผิดปกติ ดีโน่ที่ยืนนิ่งได้เพียงครู่ตัดสินใจคว้าบุหรี่จากในมือเธอ ก่อนจะกำมันแน่นโดยไม่สนว่าความร้อนจากขี้บุหรี่จะทำให้มือเขาเป็นแผลผุพองยังไง




                   
    “นี้แก
    !”พอหงุดหงิดมาสรรพนามของอีกฝ่ายก็เริ่มเปลี่ยนไปตามระเบียบ สาวเจ้าตะหวาดใส่อีกฝ่ายลั่น ทว่ากลับต้องเงียบลงเพราะใบหน้าจริงจังของอีกฝ่าย เธอกัดฟันแน่นด้วยความสมเพชตัวเอง




                   
    “แกตามฉันมาทำไม?”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงรำคาญแต่ดีโน่รู้สึกว่ามันเป็นน้ำเสียงที่เหมือนกับเสแสร้งว่ารำคาญเสียมากกว่า



                   
    “ลีโอเน่ คือเธอใช่ไหม?”




                   
    “.....เออ รู้แล้วจะฆ่าฉันรึไง?”เธอเอ่อยยอมรับประชดประชันอีกฝ่ายแต่ดีโน่ก็ไม่ได้มีสีหน้าใดๆ เธอก้มหน้าลงจนเงาผมบังดวงตา ทว่ากลับมองเห็นรอยยิ้มสมเพชตัวเองของเธออย่างเด่นชัด




                   
    “เพราะกลัวรึเปล่า ถึงได้กลับมาที่นี้”ดีโน่เอ่ยถามที่ในสิ่งที่เขาไม่มั่นใจว่าจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนี้หรือไม่ แต่เขาแค่รู้สึก....เป็นห่วง ห่วงมากกด้วยยิ่งตอนนี้เธอกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการถูกล่าแล้วด้วยนั้นยิ่งทำให้เขากังวลยิ่งขึ้น เพราะเธอเป็นเพื่อนของเขา เขาไม่มีทางทิ้งเพื่อนหรือใครไว้ให้เดียวดายแน่




                   
    “ไม่ แต่ฉันจะบอกอะไรให้ สปาด้ายังอยู่บนเกาะแห่งนี้ เจ้านั้นยังไม่มีวันเป็นผู้นำรุ่นที่เก้าอย่างแท้จริงจนกว่าจะได้จะฆ่าฉันได้”




                   
    “ทำไมเขาต้องฆ่าเธอด้วย?”



                   
    “.....ฉันเป็นพี่สาวเจ้านั้น ตามกฎแล้วลูกคนโตคือผู้สืบทอด ตราบใดที่เขายังไม่ได้เป็นซิเอโล่รุ่นที่เก้าเต็มตัว ฉันที่เป็นทายาทและครอบครองแหวนแห่งซิเอโล่ในตอนนี้ ย่อมมีสิทธิ์ออกคำสั่งในการดูแลซิเอโล่และยึดสิทธิ์ของการเป็นบอสคืน เพราะแบบนั้นเจ้านั้นถึงต้องอยู่บนเกาะแห่งนี้เพื่อมาเอาแหวนจากฉัน”




                   
    “พี่สาวของสปาด้า
    !?”ดีโน่เอ่ยด้วยความตกตะลึงมองดวงหน้าของสาวเจ้าที่ยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น




                   
    “.....ฉันน่ะเคยยกตำแหน่งนี้ให้กับวิกเตอร์ไปแล้ว แต่ว่าสปาด้าก็ยังฆ่าเขา ทั้งๆที่เขาเป็นน้องชายแท้ๆของตัวเอง ฉันถึงต้องมาที่นี้เพื่อกำจัดหมอนั้น ฉันยินดีที่จะทำให้ซิเอโล่ล้มสลายเพราะไรผู้นำ ดีกว่าให้เจ้านั้นกลายเป็นบอส....กลายเป็นคนที่นำแฟมิลี่สูงเหวลึก”




                   
    “ไม่หรอก ก็ยังเหลือเธอไม่ใช่รึไง?”



                   
    “ก็อาจจะ แต่ไม่ใช่ฉัน”เธอกล่าวก่อนจะแค่นยิ้มอีกครั้ง



                   
    “หรือว่าเธอ....คงไม่ได้คิดจะตายไปพร้อมหมอนั้นหรอกน่ะ”ดีโน่เอ่ยด้วยสีหน้าวิตก มองสีหน้าเหมือนกับกำลังกลั้นหัวเราะของหญิงสาว ไร้บ้างสะระริกเพราะกลั้นความขบขัน ทว่านัยน์ตานั้นกลับเดียวดายยิ่งนัก



                   
    “เพราะฉันคือผู้พิพากษาดีโน่ หน้าที่ของฉันคือดูแลท้องฟ้าผืนนี้ ถ้ามันทำให้คนอื่นต้องทุกข์ทรมานก็สมควรแล้วที่จะหายไป และเมื่อไม่มีท้องฟ้า.....ผู้พิพากษาก็ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไป”น้ำเสียงนั้นแม่เยียบเย็น แน่นิงและเดียวดาย ทว่าก็ทำให้ได้เห็นถึงความแนวแน่ของหญิงสาว เธอตั้งมั่นที่จะตายไปพร้อมกับสปาด้า

     

     



    ตายไปพร้อมกับน้องชายของเธอ



    คนที่ไม่เคยมองเธอเป็นพี่สาวเลยแม้แต่วินาทีเดียว......



     

                    “.....ฉันนี้ก็แปลก กับแกที่เพิ่งจะรู้จักกันได้แค่วันเดียวกลับยอมแฉเรื่องของตัวเองซะหมดเปลือก โง่หรือบ้ากันแน่ว่ะ”เธอเอ่ยเสียงเรียบ ทำสีหน้าอย่างช่วยไม่ได้พลางยักไหล่อย่างไม่ยีร่า พร้อมกับด่าตัวเองไปด้วย

     




     

    ไม่รู้สิ เห็นหน้าเจ้าหมอนี้ที่ไหร่นอกจากจะรำคาญแล้วเธอยังรู้สึก....



     

    ปลอดโปร่ง...ใช่ มันปลอดโปร่งเหมือนกับท้องฟ้ายามเช้า ทั้งสดชื่นและสดใส





     

     

    ....บ้าจริงๆเรา....


                   

                    สาวเจ้ายืนบ่นใส่ตัวเองโดยไม่ได้นึกสนใจหรือสังเกตสีหน้าของเจ้าหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ดีโน่มองสีหน้าที่เหมือนไม่เข้าใจตัวเองของสาวเจ้าก่อนจะแอบเผยรอยยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ก็แอบงงเล็กๆอยู่กับตัวเอง




     

    ไม่รู้ทำไมแต่...รู้สึกแฮ๊ปปี้จังเลยแหะ^ ^

     


     

                    “เอาเป็นว่านายกลับไปสมบทกับวองโกเล่ซะ ยังไงอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าอาจจะมีศัตรูนับสิบค่อยคิดจะกำจัดพวกนายอยู่ก็ได้”หญิงสาวกล่าวเตือนก่อนจะหันไปมองหน้าดีโน่ ที่แทบจะสะอึกเพราะเกือบจะกลบรอยยิ้มของตัวเองเมื่อครู่ไม่ทัน ทำให้เกิดริ้วแดงจางๆบนใบหน้าของเจ้าหนุ่มแทนด้วยความเกรงว่าอีกฝ่ายจะเห็นเข้า



                   
    “งั้นก็ไปด้วยกันสิ”ชายหนุ่มเอ่ยโดยพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ



                   
    “ไม่ ฉันจะอยู่นี้”



                   
    “ทำไมล่ะ?”



                   
    “ฉันคือลีโอเน่.....อยู่กับพวกนายรั้งแต่จะทำให้เป็นเป้าหมายยิ่งขึ้น สปาด้าน่ะไม่คิดจะให้ใครมาเล่นเกมซ่อนหาแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว สุดท้ายยังไงเจ้านั้นก็ต้องให้พวกคณะละครสัตว์ที่หายตัวไปมาปล่อยข่าวแน่ ไม่ถึงชั่วโมงหลังจากเริ่มเกมส์คนพวกนั้นคงแห่กันมาไม่น้อยไปกล่าวครึ่งแล้ว เพื่อมาฆ่าฉัน”หญิงสาวอธิบายเหตุผลด้วยสีหน้านิ่ง พลางหันไปมองดีโน่ที่อยู่ๆก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา




                   
    “ยิ้มอะไร?”รอยยิ้มที่แฝงเลศนัยน์สาวเจ้ามองมันอย่างไม่ว่าตาด้วยความสงสัยและหงุดหงิด เธอไม่ค่อยจะชอบรอยยิ้มซ่อนความลับแบบนั้นซะเท่าไหร่ เพราะมันดูไม่ปลอดภัยเอาซะเลย แม้กับมาเฟียสีขาวอย่างชายคนนี้ก็ตามที



                   
    “ก็เธอไม่คิดว่าฉันจะฆ่าเธอเพื่อเอาตัวรอดเลยรึไง?”ใช่ เพราะเธอไม่คิดจะระแวงเขาแต่กลัยยังมาห่วงใยพวกเขาที่อาจจะโดนลูกหลงเพราะว่าเธอคือ ลีโอเน่ แค่นี้มันก็มาพอจะทำให้เขาเผยรอยยิ้มออกมาแล้ว

     

     

     

    เธอเหมือนกับก้อนเมฆา แม้มันจะอยู่สูงและเดียวดายแต่มันก็นุ่มนิ่มกว่าที่ใครเขาจะรู้...

     

     

     

                    “เพราะคนแบบนายฆ่าฉันไม่ได้หรอก”สาวเจ้าหันไปแสยะยิ้มอย่างมั่นใจให้กับเจ้าหนุ่ม แววตามุ่งมั่นและหนักแน่น ซะจนเขาเผลอหลุดหัวเราะออกมากับความมั่นใจสุดโต่งของเธอคนนี้



                   
    “นั้นสิน่ะ”

     




    จริงอย่างที่เธอว่า คนแบบเขาคงทำไม่ได้หรอ.....

    ...และไม่คิดจะทำด้วย

     

     

     

                    “แต่ว่าน่ะ.....”



                   
    “หึ?”


                   
    “....ฉันไม่ยอมให้เธอตายหรอก
    !”ดีโน่เอ่ยทั้งรอยยิ้มมั่นใจ สาวเจ้ามองรอยยิ้มนั้นด้วยความฉงน ฉงนงุนงงไปกับความรู้สึกของตัวเอง

     

     

    แล้วเรา......จะใจเต้นแรงไปทำไมกัน?

     

     

                    “ฉันไม่ยอมให้เพื่อนฉันตายไปโดยที่ฉันทำอะไรไม่ได้!”พูดจบเจ้าหนุ่มก็รีบคว้าข้อมือของสาวเจ้าไว้อย่างรวดเร็วโดยไม่คิดจะสนใจสีหน้าตกใจของสาวเจ้า ดีโน่รีบสาวเท้าออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบลากสาวเจ้าตรงไปยังห้องของสึนะแต่....

     

     

     

    ก็รู้ๆกันอยู่ว่าไม่มีโรมาริโอ้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?........

     

     

    โครมมม!!




     

     

                    “เฮ้ย!!”เสียงร้องดังขึ้นทันใดที่ไอ้ตัวพาซวยล้มลง ทว่าครั้งนี้ ทันทีที่ดีโน่เอนตัวล้มลง หญิงสาวก็ตัวเซไปตามระเบียบ ดีโน่หล่นลงไปนอนกับพื้นด้วยความจุกเสียก่อนจะยิ่งสะดุ้งเมื่อร่างของสาวเจ้าที่เขาพาล้มก็หล่นทับร่างของชายหนุ่ม ดีโน่รีบเกร็งตัวพร้อมกับก้างแขนออกเพื่อรองรับร่างของหญิงสาว



                    “เป็นไรมากรึเปล่า!?”ด้วยความเอ๋อซุ่มซาม เจ้าหนุ่มมองสาวเจ้าที่ล้มทับเขาด้วยสีหน้าสำนึกผิด ชิชิสะดูจะมึนๆกับความซุ่มซ่ามไม่สมยศของอีกฝ่าย เธอสะบัดหัวไล่ความมึนก่อนจะเงยหน้าขึ้น




                   
    “ทำไมนายถึงซุ่มซามอย่างนี้น่ะ
    !?”ไม่พูดเปล่ายังอุตสาห์แจกมะแหงกให้อีกจนดีโน่ร้องโอดครวญ สาวเจ้าเริ่มหงุดหงิดไปกับความซุ่มซ่ามจนคล้ายจะห่วยของอีกฝ่าย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอมองว่าเขาดูยิ่งใหญ่ แต่ในตอนนี้เธอรู้สึกว่าดีโน่ช่างเป็นคนที่กระจ๋อยร๊อยเหลือเกิน



                   
    “อั๊ก
    !”ทว่าอยู่ๆสีหน้าดุดันนึกรำคาญของสาวเจ้ากลับชะงักลงและแทนทีด้วยความเจ็บปวด สาวเจ้าที่กำลังจะพยุงตัวขึ้นกลับต้องทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงอีกครั้ง ชิชิสะไม่มีเรียวแรงใดๆที่จะยกร่างของตัวเองขึ้น เธอจำต้องพิงศรีษะกับไหล่กว้างของชายหนุ่มพลางกัดฟันแน่น มือข้างหนึ่งขึ้นกุมท้องไว้แน่นราวกับพยายามระงับความเจ็บปวด ส่วนมืออีกครั้งเธอเผลอคว้าต้นแขนแกร่งนั้นก่อนจะเผลอจิกเล็บลงไปผ่านเนื้อผ้านั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดีโน่สะดุ้งเล็กน้อยกับน้ำหนักที่อยู่ๆก็ถูกทิ้งลงมา บวกกับการจิกที่มือต้นแขนขวา ดีโน่พยุงตัวเองให้ลูกขึ้นนั่งได้ในทีสุด แต่สาวเจ้ากลับไม่และเธอยังจำต้องพิงร่างของดีโน่ต่อไป



                   
    “ชิชิสะ
    !”ดีโน่ดูจะตกใจไม่น้อยกับความเจ็บปวดของอีกฝ่าย เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร แต่มันกลับทำให้เขาร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นของเหลวสีเข้มที่ไหลซึมออกมาจากฝ่ามือของหญิงสาว




                   
    “อยู่นิ่งๆ....”น้ำเสียงแสนอ่อนล่าของหญิงสาวดังขึ้นดีโน่ที่กำลังทำอะไรไม่ถูกค่อยๆนิ่งลงพลางมองฝ่ามือของเธอที่กุมปากแผล แหวนธาตุอรุณปรากฏไฟดับเครื่องชนขึ้นมา ไฟดวงใหญ่ค่อยๆทำให้โลหิตหยุดไหลชิชิสะหอบเบาๆ ดีโน่รีบช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นก่อนจะรีบนำร่างของเธอวางไว้บนเตียงใหญ่ เขาดึงหมอนขึ้นมาซ้อนสองใบให้หญิงสาวได้นั่งพิง



                   
    “บาดแผลนี้มาได้ยังไง?”ดีโน่เอ่ยด้วยความห่วงใย จนกระทั้งไฟดับลงไปแล้ว หญิงสาวถึงค่อยได้หายใจคล่องขึ้น



                   
    “ช่างมันเถอะ”เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งรำคาญ แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก หญิงสาวพยุงกายขึ้นอีกครั้งเมื่อเลือดหยุดไหลแล้ว



                   
    “ดะ เดี่ยวสิ
    ! เธอบาดเจ็บอยู่น่ะ! ฉันว่านอนพักต่อเถอะ”เจ้าหนุ่มไม่ยอมอะไรโดยง่าย เขารีบผลักไหล่ของสาวให้นอนพิงหมอนใบใหญ่อีกครั้ง



                   
    “ก็ใครซุ่มซามลากฉันไปล้มด้วยไม่ทราบ?”สาวเจ้าทำน้ำเสียงกึ่งประชดใส่ ดีโน่สะดุ้งน้อยๆก่อนจะค่อยๆก้มหน้าลงอย่างเจียมตัวและสำนึกผิด

     

     

    เป็นเพราะเขาจริงๆด้วย ปากแผลก็เลยเปิด...

     

     

                    “.....เฮ้ย นายช่วยไปเอากระเป๋าให้ฉันทีสิ”หญิงสาวนิ่งไปสักพักมองสีหน้าเหมือนหมาหงอของดีโน่ที่ทำตัวไม่สมผู้หญฺง เธอถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ทั้งดีโน่และตัวเองที่ดันใจอ่อนกับเจ้าหมอนี้ได้เสียทุกที



                   
    “กระเป๋า?”



                   
    “ใช่”เธอพยักหน้า ดีโน่เดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางของสาวเจ้ามาให้ใกล้ๆมือ เธอเปิดกระเป๋าออกก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า



                   
    “หลับตา”คำสั่งแปลกๆดังขึ้น ดีโน่เลิกคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็ยอมหลับตาลงโดยดี



                   
    “ห้ามลืมตาจนกว่าฉันจะสั่งเข้าใจไหม?”


    “อะ อืมๆ”แม้จะงงแต่เจ้าหนุ่มวัยย่างก้าวเลกสามก็พยักหน้ายอมทำตามแต่โดยดี ภายในความมืดภายใต้เปลือกตา ดีโน่งุนงงไม่น้อยเลยที่สาวเจ้าสั่งให้เขาหลับตา แต่ว่าถ้านั้นทำให้อะไรๆมาดีขึ้นเขาก็ยังยอมทำตาม เข้าได้ยินเสียงแปลกๆตลอดเวลาจนชักจะทนต่อความใครสงสัยไม่ไหว



    เจ้าหนุ่มผู้มากความสงสัยแอบเปิดเปลือกตาข้างหนึ่งขึ้นน้อยๆก่อนจะชะงัก เขาหลับตาลงอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าแดงก่ำ ยิ่งเขานึกถึงภาพชั่วพริบตาที่เขาเห็นเมื่อครู่ก็ยิ่งทำให้หัวเขาร้อนมากยิ่งขึ้น

     




     

    ขะ ขาวจั้ว!!!!=//[]//=!!!

     

     

     

    ยิ่งคิดเลือดยิ่งพุ่ง ก็ใช้jว่าเขาไม่เคยเห็นของแบบนี้หรอกน่ะ แต่ว่าที่เคยเห็นมันก็แค่วิดีโออะไรเทือกนั้น ไอ้ของจริงๆจังๆ ขาวจั้วแบบนี้คนมันไม่เคย! ไม่ว่าจะเป็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่มีเพียงผ้าตะขอแทบเล็กๆ ทรวงอกใต้บาเชียร์สีดำที่เห็นเพียงน้อยๆเพราะสาวเจ้าเอี้ยงตัวไปข้างหลังน้อยๆให้ด้วยความไม่ไว้วางใจ(จึงเห็นได้เพียงแค่นั้น-0-) เอวเพียวบางภายใต้ผ้าพันแผลที่พึ่งเปลี่ยนใหม่ คงเป็นโชคดีของดีโน่ที่ตอนนั้นหญิงสาวกำลังดึงเสื้อมาสวมหัวทำให้มองไม่เห็น ดีโน่ได้แต่แอบนึกด่าตัวเองอยู่เล็กๆ แต่ก็แอบเคลิ้มไปด้วยเช่นเดียวกันตามสัญชาตญาณของผู้ชาย(อ่ะน่ะ)


    “เอาล่ะลืมตาได้แล้ว”



    “อะ อืม”ดีโน่ค่อยลืมตาขึ้นโดยเกรงว่าอาจจะเห็นของดี เฮ้ย! หมายถึงเนื้อหนังมังสาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้ชิชิสะใส่เสื้อผ้าเป็นที่เรียบร้อนแล้ว เป็นเสื้อคอวีแขนพอดีซอกสีดำขลิบขาว คราวนี้เธอลงจากเตียงโดยไม่ฟังคำทักท้วงใดๆจากดีโน่



    “ถ้าไม่โดนกระแทกแรงๆแบบเมื่อกี้ก็ไม่เป็นไร....”เธอเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะยกกระเป๋าไปเก็บเข้าดี

     

     

     


    ปิ้ว
    !!

     

     

     

                    “หวังว่าคงเข้าใจน่ะ?”ดีโน่พะงักไปกับปากกระบอกปืนที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นหันเล็งมาทางต้นพร้อมกับเสียงแหลมเบาที่ดังออกมาจากปากกระบอกปืนนั้น




                   
    “เกมส์ยังไม่เริ่มก็ชิงลงมือก่อนซะแล้ว”เสียงของชิชิสะดังขึ้นพลางหันไปมองต้นไม้ใหญ่ที่เพิ่งจะมีร่างของใครก็ไม่ทราบล่วงหล่นไปแล้ว โดยที่ดีโน่กลับเพิ่งรู้ตัว หญิงสาววางปากกระบอกปืนลงก่อนจะถอดลำกล่องเก็บเสียงออก เธอจับมันใส่ในกระเป๋าที่ต้นขา เธอจัดการเอาของที่จำเป็นใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กอีกใบ ก่อนจะยกขึ้นสะพายไหล่




                   
    “รีบไปเถอะดีโน่ การร่วมตัวกับวองโกเล่เป็นทางรอดเดียวแล้ว”หญิงสาวเริ่มออกคำสั่งตามประสาคนไม่ยอมเป็นเบี้ยล่าง ดีโน่พยักหน้าก่อนที่ทั้งสองจะรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อตรงไปยังห้องของวองโกเล่



                   
    อันที่จริงที่เธอเร่งไม่ใช่เพราะสิ่งใด แต่ดูเหมือนดีโน่จะถูกหมายหัวอยู่เช่นกัน จะว่าไปคนที่อันตรายที่สุดในตอนนี้ก็คือเหล่าบอสทั้งหลายนั้นแหละ เพราะกว่าที่พวกคณะละครสัตว์จะปล่อยข่าวลือ ถึงตอนนั้นคงไม่มีใครคิดจะจัดการเธอก่อนแน่ เพราะฉะนั้นคนที่เป็นอันตรายมากที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่เธอแต่เป็น เขา....

     

     

    ........ดีโน่

     

     

     

     

    +++++++++++++++++++++++++

     

     

                    “....ไม่น่าเชื่อ....คุณรู้ได้ยังไงครับ?”เสียงของเจ้าหนุ่มชายเอเชียดังขึ้นด้วยความฉงนงงงวยแปลกใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับการข้อมูลที่อยู่ๆก็พุ่งพรวดออกมาจากริมฝีปากงามๆของสาวเจ้าผู้ที่เขาเผลอชะงักทุกครั้งเวลาจ้องตาด้วยความเสียวสันหลังวาบ ก็เล่นเหมือนซะจนทำให้เขานึกถึงฮิบาริเคียวยะวัยเด็กจริงๆ แม้ว่าจะดูหน้าหวานกว่าแต่บรรยากาศก็ชวนให้จริงๆนั้นแหละ



                    “เป็นข้อมูลที่ให้คนสนิทแฮกมาให้ก่อนมางานนี้ แล้วก็...”พูดจบแหวนวงไหวของหญิงสาวก็ถูกสวมใส่ที่นิ้วกลาง เธอจุดไฟที่แหวนธาตุพิรุณ ทุกคนมองการรกะทำของเธออย่างสงสัย



                   
    “นั้นเธอจะทำอะไร?”โกคุเทระที่ไม่เคยไว้ใจใครง่ายๆ โดยเฉพาะยิ่งกับสถานการณ์แบบนี้ เขามองชิชิสะอย่างหวาดระแวง บวกกับไม่ชอบขี้หน้าเพราะดันหน้าเหมือนฮิบาริซะงั้น




                   
    “ต่อจากนี้จะเป็นข้อมูลที่รู้กันเฉพาะพวกเรา ฉันไม่มั่นใจว่าในตอนนี้มีเครื่องดักพักหรือกล่องที่ไหนรึเปล่า อย่างน้อยไฟนี้จะช่วยระงับไม่ให้ทั้งเสียงและภาพของพวกเราภายในห้องหลุดรอดไปที่ตัวต้นเหตุได้ เพราะยังไงเจ้านั้นก็ยังอยู่ที่นี้”ร่างบางเอ่ย ยามาโมโตะพยักหน้าเห็นด้วยความความคิดของเธอ



                   
    “มีตั้งสองธาตุ
    ! แต่ยังสู้เจ้าหัวปลาหมึกไม่ได้หรอกน่ะ”เรียวเฮเอ่ยพลางกอดออกชี้ไปยังทางโกคุเทระที่ด่าซะไฟแลบแต่สาวเจ้ากลับยักไหล่อย่างไม่สนใจ



                   
    “แล้วก็แผนที่ฉันคิดไว้ ต้องเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด ตอนนี้เราไม่มีใครที่เป็นธาตุหมอก ทำให้ไม่สามารถสร้างกลุ่มใหม่ขึ้นมาลวงตาได้ ตอนนี้ฉันมีกล่องธาตุเมฆาที่มีคุณสมบัติคล้ายสายหมอกอยู่กล่องหนึ่ง มันจะสร้างตัวปลอมของคนที่สัมผัสมัน แต่สร้างได้สูงสุดแค่คนสองคนเท่านั้น ซึ่งคนที่จะถูกสร้างตัวก็อปปี้ก็คือ นายกับดีโน่ เราจะแยกกันเป็นสองกลุ่มเพื่อสร้างความสับสน แล้วก็....”สาวเจ้าพูดพลางหยิบเอากระดาษเปล่าออกมา เธอวาดแผนที่อย่างคร่าวๆแต่ก็ชวนให้หลายๆคนตะลึงเพราะมันออกจะเป็นแผนที่ที่ใช้งานได้มากเลยทีเดียว จนอยากจะเชื่อว่านั้นเป็นความทรงจำในสมองของมนุษย์



                   
    “...ที่นี้มีเซฟนิรภัยลับอยู่สองแห่งซึ่งที่นี้นอกจากคนในจะไม่มีใครรู้จัก ฉันว่าที่นั้นจะน่าจะเก็บแหวนกับกล่องของวองโกเล่ไว้ เพราะแหวนกับหล้องพวกนั้นเป็นของพิเศษจึงต้องถูกซ่อนไว้ให้หาได้ยาก ส่วนแหวนที่เหลือคงจะทิ้งเกลื่อนกลาดในตำแหน่งอื่นๆ ในระหว่างที่เรากำลังตามหาแหวนพวกเราคงต้องใช่เจ้านี้ไปก่อน”เธอพูดพลางยกปืนกระบอกสั้นขึ้นก่อนที่เธอจะส่งให้กับสึนะ



                   
    “ให้ผมหรอ?”



                   
    “ฉันก็เช็คประวัติการต่อสู้ของนายมาเหมือนกันนั้นแหละ ถ้าไม่มีถุงมือกับยาดับเครื่องชนนายก็ทำอะไรไม่ได้”พูดราวกับแทงใจดำ ทำให้สึนะได้แต่แอบน้ำตาร่วงไปกับความปากขวนผ่าซาก(ปลา)แบบไม่เกรงใจใคร

     

     


    ถึงจะน่ากลัวน้อยกว่าคุณฮิบาริ แต่แบบนี้มันก็เจ็บไปถึงทรวงเลยล่ะ
    T^T


     

     

                    “เอาล่ะมีใครจะแย้งเรื่องแผนไหม? เพราะถ้ามีฉันลุยเดี่ยว”พูดจบอาวุธประหลาดที่เหมือนกับไม้เท้าติดลูกกลมก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เป็นอีกครั้งที่พวกเขาสงสัย ทั้งๆที่เป็นอาวุธกล่องแต่กลับไม่มีไฟดับเครื่องชนออกมา



                   
    “คร่อก....
    - -zZ”ราวกับมาดเท่ที่คุณเธอเพิ่งจะเก็กไว้หมาดๆพังทลายลงเพราะเสียงกรนจากที่ไหนไม่ทราบ สาวเจ้าหันควับไปมองต้นเสียง มองเจ้าคนที่นั่งอยู่อีกฝ่ายของโซฟาเท้าคางหลับแถมยังแอบมีน้ำลายยืดอีกต่างหาก



                   
    “...ดี
    -โน่!!

     

     



    โป้กกกกกกก
    !!!! 

     

     



                   
    “โอ้ย เจ็บๆๆๆ!!! นี้เธอทำอะไรของเธอน่ะ!?”ไม้เท้าเจ้าเก่าถูกเหวี่ยงข้างขึ้นเสยคางคนขี้เศร้าด้วยความชำนิดชำนาญของสาวเจ้าทำให้สามารถควงไม้เท้านั้นกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมได้ก่อนจะจ้องเขม่งปานจะกินเลือดกินเนื้อไปยังพ่อหนุ่มย่างจะสามสิบที่ยังทำหน้าเอ๋อลูบคางตัวเองไม่หาย



                   
    “ใครใช่ให้นายหลับ
    !!!?”เสียงยิงกว่าแปดหลอดดังขึ้น ทำเอาสึนะสะดุ้งโยกยามายืนเอ๋อ คนอย่างโกคุเทระก็เอ๋อไปตามๆกัน แม้กระทั้งโรมาริโอ้ ที่ได้แต่แอบกลั้นหัวเราะน้อยด้วยความเอ็นดูบ่นนึกสงสารบอสของตัวเอง




                   
    “ก็แหม....”ดีโนก็ช่างทำ เรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานยังหลับลง เจ้าตัวจึงทำได้เพียงหัวเราะแห้งอย่างสำนึกผิด สาวเจ้าจ้องปานราชสีห์จะตะปบม้าให้ได้




                   
    “ฉันก็ได้ยินแผนแล้วเพียงแต่หลับตาเฉยๆ โอ้ย
    ! เอง....”เสียงร้องโอดควรดังขึ้นขัดประโยกเพราะนิ้วเรียวที่จิกเข้าที่แก้มขาวๆของเจ้าหนุ่มก่อนจะจัดการยืดมันซะเต็มเหนี่ยวจนดีโน่น้ำตาเล็ด ดีโน่จับข้อมือของเธอพยายามแกะนิ้วคีมเหล็กนั้นออก แต่ยิ่งดึงดูเหมือนเขาจะยิ่งเจ็บเสียมากกว่า



                   
    “ปล่อยๆ ฉันเจ็บน๊า
    T^T”เจ้าหนุ่มทำหน้างอแงปานเด็กอายุสามขวบ ทำสายตาอ้อนวอนไม่สมกับเป็นมาเฟีย สาวเจ้าคิ้วกระตุก เหงื่อตกกับความบ้าไม่สมประกอบของเจ้าหมอนี้ โดยที่พวกเขาทั้งสองหารู้ไม่ว่าพาตรงหน้ามันไม่ต่างไปจากคู่สามีภรรยาเลยสักนิด!



                   
    “เจ็บสิดี
    ! ห้ามหลับอีกน่ะ!”พูดจบเจ้าหล่อนถึงยอมปล่อยมือก่อนจะหันไปหยิบกล่องเมฆาออกมา เธอใส่แหวนลงใหม่เข้าไปก่อนจะทำการเปิดกล่องนั้น และสิ่งที่ออกมาจากกล่องก็มีลักษณะเหมือนวุ้นสีม่วงดุน่าขยักแขยงพิลึก




                   
    “วองโกเล่ แตะที่ตัวเจ้านั้นซะ นายด้วยดีโน่”พูดจอมสองหนุ่มก็ยอมทำตามเอามือไปสัมผัสเจ้าสิ่งที่น่าขยักแขยงนั้นด้วยสีหน้าไม่ต่างกันมากนัก พอทั้งคู่เอามือออก เจ้าก้อนวุ้นนั้นก็แยกตัวออกเป็นสองก้อนก่อนจะค่อยๆกลายสภาพเป็นสึนะและดีโน่




                   
    “ว้าว
    ! ยังกับตัวจริงเลย”สึนะเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้นพลางเดินมองเจ้าหุ่นที่ยังคงยื่นนิ่ง เขาจับที่ตัวก็อปปี้เบาๆ มันแข็งและให้สัมผัสเหมือนกับมนุษย์จริงๆเลยทีเดียว ดีโน่ก็สำรวจกับเขาบ้าง




                   
    “แล้วจะแบ่งกลุ่มยังไงล่ะครับ?”สึนะเอ่ย



                   
    “วองโกเล่ก็อปปี้ ผู้พิทักษ์อรุณ พิรุณ ดีโน่ไปด้วยกัน ส่วนทางฉันจะไปกับตัวก็อปปี้ดีโน่ วองโกเล่ ผู้พิทักษ์วายุแล้วก็โรมาริโอ้ ถ้าแยกอย่างนี้พวกนั้นน่าจะจับตาดูที่กลุ่มฉันซึ่งมีโรมาริโอ้อยู่ พวกนั้นก็พอมีข้อมูลของพวกนายอยู่บ้าง คงเดาว่าชายที่มีโรมาริโอ้น่าจะเป็นกลุ่มจริง”หญิงสาวอธิบายเสร็จสรรพ ทุกคนพยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว



                   
    “แต่
    !”ดีโน่กำลังนึกแย้ง หลายๆคนอาจคิดว่าเพราะต้องแยกจากโรมิริโอ้ นั้นอาจจะทำให้ศึกเบาๆกลายเป้นศึกหนัก ในขณะที่หัวของเจ้าตัวกลับไม่คิดอย่างนั้น มันเป้นอีหเหตุผลหนึ่งที่คนอื่นไม่เข้าใจ




                   
    “ยังไงซะทางนี้ พวกก็อปปี้จะมีพลังในการต่อสู้เทียบเท่า
    2ใน3ของตัวจริง ยังคงพอช่วยอะไรอยู่ได้บ้าง”ชิชิสะแย้งขัดประโยคอย่างรวดเร็วจนทำให้ดีโน่อ้าปากถามไม่ทัน




                   
    “แต่จะแยกคุณดีโน่กับโรมาริโอ้มันจะดีหรอครับ?”ร่างของบอสชาวเอเชียเอ่ย ใช่แล้วล่ะ ดีโน่น่ะถ้าไม่มีโรมาริโอ้ก็เป็นได้แค่ไอ้ห่วยเหมือนเขานั้นแหละ

     

     



    แล้วแบบนี้จะรอดหรอ?

     

     

     

                    “ดีแล้ว พวกที่จับตาดูเราจะได้เข้าใจผิดว่าทางฉันมีคาวัลโลเน่ตัวจริง อย่างน้อยๆร่างก็อปป็ก็สามารถช่วยสู้ได้อย่างเต็มที่แม้จะมีหรือไม่มีลูกน้องก็ตามที”เธอเอ่ยพลางชำเหลือกสายตาทิ้มแทงไปยังดีโน่ที่กำลังสะอึกกับการพูดแบบไม่เกรงใจใคร


                   
    “กลุ่มฉันจะไปเป็นกลุ่มแรกเข้าใจน่ะ....”หญิงสาวเอ่ยก่อนจะจัดการแยกย้ายและส่งอุปกรณ์สื่อสารให้ ซึ่งมันก็ไม่ต่างไปจากบูทูธที่พวกเขาเคยใช้กัน



                   
    “ฉันเอามาเผื่อฉุกเฉิน”สาวเจ้ากล่าวก่อนจะส่งให้โกคุเทระเป็นคนรายงานความคืบหน้าเพราะน่าจะมีความสามารถพอที่จะประเมินสถานการณ์ ในขณะที่ฝ่ายเธอ เธอเป็นคนใส่เอง


                   
    “เข้าใจแล้วก็แยกย้ายได้
    !!

     

    ++++++++++++++++++++++++

     

     

                    “รายที่เจ็ด.....บุกเดียวเยอะกว่าที่คิด”น้ำเสียงของเรียวเฮดังขึ้นอย่างคึกคักหลังจากที่ได้จัดการเหล่ามาเฟียตามทางเดิน ทุกอย่างมันดูเงียบกว่าที่คิด คนที่บุกมาก็มาแบบเดี่ยวๆ ถ้ามาเป็นกลุ่ม กลุ่มหนึ่งก็ไม่ถึงห้าคนเดียวซ้ำ




                   
    “คงเป็นโชคดีของเราล่ะมั้งครับ”เสียงของบอสแห่งวองโกเล่เอ่ยขึ้นพลางใช้สายตาสอดส่องไปทั่วอย่างหวาดระแวง



                   
    “ไม่ นี้มันเงียบผิดปกติ เกมแม้จะเพิ่งเริ่มไม่กี่นาที แต่เป็นไปไม่ได้ว่าที่จะไม่มีคนถูกฆ่าก่อนเริ่มเกมส์ ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้านั้นก็ต้องประกาศบอกสิ อีกอย่างคนพวกนี้ยังไม่มีแหวน เป็นไปได้หรอกที่จะกล้าเสี่ยงสูงกับพวกเรา”ชิชิสะเอ่ยวิเคราะห์อย่างไม่ไว้วางใจ เธอจะไม่แปลกใจหากมีการปะทะเกิดขึ้นกับกลุ่มของเธอและไร้ผู้เสียชีวิต แต่กับมาเฟียสีดำคนอื่นๆมันไม่เช่น คนพวกนั้นมีหลายกลุ่มที่ยินดีจะสั่งหารซึ่งกันและกันเพื่อความอยู่รอด



                   
    “เป็นไปได้ไหมครับว่าพวกนั้นจะได้ยินเรานัดหมายกัน?”โรมาริโอ้เอ่ย



                   
    “ถ้าเป็นแบบนั้นจริงนั้นหมายถึงคนทรยศ ซึ่งนั้นฉันไม่คิดว่าคนอย่างพวกนายจะมีใครคิดทรยศ หรืออาจจะหมายถึงตัวปลอม”หญิงสาวกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ เธอสะบัดควงไม้เท้าให้หัวดิ่งลงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสะบัดควงครั้งต่อไป



                   
    “แต่จะระแวงใครไปก็เท่านั้น ถึงตอนนั้นสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแม้จะเลวร้ายกว่าหน่อยก็เถอะ เพราะฉะนั้นอยากคิดอะไรให้มากนักล่ะ”เธอเอ่ยกับสึนะ เพราะเธอรู้ดี แค่สายตาที่จับจ้องมายังร่างนั้นเธอก็พอจะมองออก เพราะเขาไม่เหมือนคนที่โตมาในโลกของมาเฟีย ไม่เหมือนเลยสักอย่าง แม้กระทั้งความอ่อนโยนโอบออมอารีที่หาได้ยากภายในโลกเบื้องหลัง เขายังมีมันอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งทุกคนไม่ใช่แค่เธอสามารถรับรู้ได้ผ่านนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้น




                   
    “ครับ”สึนะเอ่ยรับความหวังดีที่เหมือนกับกำลังรำคาญของเธอ แม้จะคล้ายแต่เธอก็ไม่เหมือนกับคุณฮิบาริซะที่เดียว เพราะดูมีความเป็นผู้หญิง(ห้าว)อยู่มากทำให้รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง เธอเป็นคนที่คิดวิเคราะห์ได้เร็วและมีความมั่นใจสูง อีกทั้งรอบครอบ แต่จะดุไปสักนิดแต่เขารู้สึกได้ว่าไม่ว่าใครก็ตามที่พิชิตใจเธอได้ คงจะเป็นโชคดีไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะนั้นอาจจะหมายถึงการพิสูจน์ถึงความเด็ดเดียทวี่เลือกเธอคนนี้และความอึดที่อาจจะโนคุณเธอฟาดได้ทุกเมื่อ




                   
    สึนะคิดดังนั้นก็อดอมยิ้มไม่ได้ เขาชำเหลือบสายตาไปมองร่างก็อปปี้ของคุณดีโน่ แม้จะเป็นร่างก็อปปี้แต่ก็อดขำไม่ได้ ทั้งสองดูสนิทกว่าที่เขาคิด ทั้งๆที่เขาก็รู้มาว่าเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน มันทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าสาวของดีโน่ที่โรมาริโอ้เคยพร้ำจะหามาให้ตั้งนาน อาจจะเป็นคนคนนี้ก็ได้



                   
    “ทางนั้นเป็นไงบ้าง?”สาวเจ้าที่ไม่รู้ถึงความนึกคิดของใครบางคนที่ตามอยู่ข้างหลังเธอทำการติดต่อกับทีมอีกทีมหลังจากที่พวกเขาออกกันมาได้ห้านาทีแล้ว



                   
    “ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนคนพวกนั้นจะไม่รู้ว่ามีเซฟอยู่ทางทิศตะวันออกอย่างที่เธอพูดจริงๆ”เสียงชมนั้นมันดังมาจากปากของโกคุเทระ เธอแสยะยิ้มรับก่อนจะทำการตัดสายเพื่อทำการเคลียร์ทางต่อไป เพื่อไปยังเซฟต่อไป



                   
    “ระวังด้วย นี้เริ่มเกมแล้ว อย่างน้อยถ้าไม่เจอคน
    แสดงว่าพวกนั้นกำลังหาแหวนกับกล่อง แล้วก็ดูแลไอ้จอมซุ่มซามนั้นให้ดีๆด้วยซะล่ะ”พูดจบเธอก็ทำการตัดการสื่อสารก่อนจะสะบัดควงไม้เท้านั้นอย่างครองแคล้วเพื่อให้มันอยู่ในท่าการถือที่พร้อมใช้งาน




                   
    “พูดอย่างนั้นเป็นห่วงบอสงั้นหรอครับ?”คำถามของโรมาริโอ้ทำเอาสาวเจ้าแทบสะอึก ดวงหน้าขึ้นสีจางๆในชั่วพริบตาก่อนที่มันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม




                   
    “ฉันห่วงว่าเจ้านั้นจะไปถ่วงแขนขาคนอื่นเสียมากกว่า”เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงก่อนจะเดินนำหน้าทุกคนไป ด้วยสีหน้าจริงจังท่ามกลางรอยยิ้มลับลมคมในของโรมาริโอ้



                   
    กลุ่มของเจ้าหล่อนเร่งฝีเท้ากันเพื่อตรงไปยังเซฟที่ว่านั้น
    มันเป็นไปตามที่เธอสงสัย ทุกอย่างช่างราบรื่นและเงียบสงบเกินไป ทุกคนก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน หลังจากคนที่เรียวเฮเพิ่งอัดไปเมื่อครู่นี้ก็ไม่มีใครมาอีก ไม่มีเสียงอึกทึกใดๆ จนน่าสงสัย พวกเขาเดินจนมาหยุดอยู่หน้าภาพวาดขนาดใหญ่




                   
    “ที่นี้แหละ”หญิงสาวกล่าวพลางมองภาพวาดรูปเหมือนของอิสตรีในสมัยโบราณ เธอเอื้อมมือออกไปหมายจะขยับภาพวาดนั้นก่อนจะชะงักฝ่ามือ

     

     


    ปัง
    !!!!

     

     

                    กระสุนเงินเฉียวผ่านใบหน้าของหญิงสาวพรากเอาเส้นผมสีดำของเธอไปหนึ่งเส้น ด้วยสัญชาตญาณสาวเจ้าตวัดสายตาไปมองทิศที่กระสุนวิ่งมาพร้อมกับกระโดดถอยออกมาจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว



                   
    “ชิ
    ! พลาด”เสียงทุ้มของบุรุษปริศนาดังขึ้น กลุ่มของสึนะร่วมตัวก่อนอย่างรวดเร็วโดยมีเรียวเฮและชิชิสะค่อยกั้นหน้ากันหลังให้ ทว่าพวกเขากลับมองไม่เห็นกลุ่มคนที่ยิ่งลูกตะกั่วใส่พวกตน หญิงสาวรีบทำการจุดไฟที่แหวนเมฆา ก่อนที่แผ่นไฟออกไป




                   
    “....เป็นภาพลวงตา พวกนั้นคงได้แหวนกันแล้ว”หญิงสาวเอ่ยพลางมองไฟดับเครื่องชนที่กระเพื่อมเพราะการเคลื่อนไหวของไฟแล้วจำนวนคน



                   
    “แล้วจะเอายังไงดีล่ะครับ?”สึนะเอ่ยด้วยสีหน้าหวาดวิตก เพราะไม่อาจจะรู้ได้ว่าศัตรูมาจากไปทางไหนบ้าง



                   
    “ภาพลวงตาปกคลุมพื้นที่ตรงนี้ทั่วแล้ว ฉันว่าพวกนั้นก็คงกระจายตัวอยู่ใกล้ๆเราเหมือนกัน”เธอเอ่ย

     

     

     

    ยังกับกลุ่มของเธอถูกหมายหัวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว?......ไปเป็นได้ไง?

     

     

     

                    “เฮ้ย ฉันจะค่อยถ่วงเวลาไว้ให้ ทำอย่างที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ เข้าใจน่ะ?”หญฺงสาวถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายกับพวกหมาลอบกัด เธอเอ่ยพลางดับไฟที่แหวนก่อนจะหยิบสิ่งอื่นออกมาจากกระเป๋ากางเกง

     

     

     


    แหวนอีกสองวง....

     


     

     

                    “เป็นผู้ใช้แหวนสี่ธาตุ?”เรียวเฮเอ่ยด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังเล็กของสาวเจ้าที่กำลังสวมใส่แหวนทั้งสี่ธาตุ ก่อนที่เธอจะจุดไฟธาตุอัศนีขึ้นมาเป็นจังหวะเดียวกับที่กระสุนปืนกราดใส่กลุ่มของเธอราวกับห่าฝน เธอเดินไปอีกด้านของกลุ่มเพื่อให้กลุ่มของเธอประชิดเข้ากำแพงอย่างระมัดระวังและแผ่ไฟธาตุอัศนีนั้นให้กว้าง




                   
    “เข้าไป
    ! เร็ว!”หญิงสาวสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดพร้อมกับเสียงกระสุดที่ถูกกระหนำสาดใส่พวกเธอไม่หยุด ในจังหวะนั้นเอง สึนะเปิดภาพออก ทำให้เห็นทางเดินลับภายใน เป็นทางเดินสีขาวขนาดกว้าง โดยที่ตรงหน้าห่างไปไม่กี่เมตรมีประตูขนาดใหญ่อยู่ พวกเขาทั้งหมดเข้าไปในที่นั้น โนต่างเหลียวหลังมองแผ่นหลังเล็กที่พยายามช่วยพวกเขาไว้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ




                   
    !!”ทันทีที่สึนะก้าวเท้าเข้าไปในนั้น ห่ากระสุนที่ปะทะกับเกาะอัศนีก็แปรเปลี่ยนเป็นหนอนแมลงวันน่าสะอิดสะเอียน กระจายนองอยู่ทั่วพื้น ในส่วนที่ปะทะกับเกาะก็ถูกปัดกระเด็นออกไป ชิชิสะมองเจ้าหนอนพวกนั้นด้วยความขนลุกสู่เต็มกลืนจวนเจียนจะหลุดมาดเจ้าแม่ ทว่า เธอรู้อยู่แก่ใจว่านั้นคือภาพมายา ไม่จำเป็นต้องกลัว แต่ก็เพราะเป็นผู้หญิงของแบบนี้มีรึจะอดทนได้นาน




                   
    “ไอ้พวกสารเลวววววว
    !!!”สาวเจ้าคำรามลั่นก่อนที่เกาะอัศนีจะแผ่กว้างยิ่งขึ้น ด้วยความโมโหเพราะถูกขู่ด้วยหนอนหรือถูกดูดถูกกันแน่ก็ไม่ทราบ กระแสไฟฟ้าจากไฟดับเครื่องชนแผ่กระจายไปทั่วระเบียง จนทำให้สาวเจ้าได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าสมเพชของใครต่อใครที่ต่างแอบหลบซ่อนอยู่หลังภาพมายาพวกนั้น




                   
    “เฮ้ย ให้ตายสิ”สาวเจ้าสบถาด่าเบาๆพลางมองลูกตะกั่วทั้งหลายแหล่ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น โดยที่แต่ก่อนมันคือหนอนแมลงวันที่เกือบทำเธอสติแตก ก่อนที่เธอจะหันหลังไปมองพวกสึนะที่เข้าไปภายในห้องลับนั้น

     

     



    พวกเขาทั้งหมดล้มลงไปแล้ว

     

     

                    ทว่าทั้งๆที่เป็นเช่นนั้นเธอกลับยังยืนยิ่งเงียบและไม่มีท่าทีตื่นตกใจใดๆ เธอเผยรอยยิ้มเหี้ยมออกมาอย่างน่าหวาดหวั่น เธอเดินเข้าไปในห้องนั้นก่อนที่อยู่ๆจะปรากฏคนชุดดำขึ้นมา ทว่าน่าแปลกคนพวกนั้นกลับไม่เข้ามาโจมตีใส่เธอแต่กลับรีบวิ่งไปมัดร่างของเหล่าคนที่สลบไสลพวกนั้นแทน



                   
    “หลอกง่ายกว่าที่คิดน่ะพวกแก.......”



                   
    “หึหึหึ เธอนี้ยังเล่นละครเก่งไม่เปลี่ยนเลยน่า คุณพี่สาว”น้ำเสียงยียวนหนึงดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของชายผู้เป้นเจ้าของน้ำเสียงนั้น สปาด้า



                   
    “เฮ้ๆ อะไรๆมันก็ต้องใช้เงินนิหว่า ถ้าแกไม่จ้างฉันก็ไม่คิดจะกลับมาเหยียบหรอก”เธอเอ่ยเสียงพลางพลางฉีกยิ้มชั่วช้าออกมาราวกับปีศาจในร่างของหญิงสาว




                   
    “ได้ใจมากคุณพี่สาว คืนนี้หลังจากที่จัดการเจ้าพวกนี้เสร็จฉันจะจ่ายเงินให้”



                   
    “เออ แต่จัดการให้ไวหน่อยล่ะกัน เพราฉันคร้านจะเล่นฉากเพื่อนแสนดีของเจ้าพวกนี้เต็มทน”ร่างบางเอ่บด้วยน้ำเสียงเรียบพลางใช้เท้าเขี่ยร่างของดีโน่ที่ยังคงหมดสติเพราะฤทธิ์แก็สนอนหลับที่อยู่ในห้องนี้ ซึ่งแก็สนี้จะไม่มีผลกับคนที่กินยาป้องกัน ซึ่งแน่นอนว่าของแบบนั้นแฟมิลี่ซิเอโล่กินกันหมดแล้วนั้นแหละ



                   
    “ชั่วช้าได้ในมาก คุณพี่สาว”เจ้าหนุ่มเอ่ยพลางแสยะยิ้มให้สาวเจ้าราวกับเป็นธรรมเนียบของแฟมิลี่ เธอก็เช่นกันแต่ไม่ใช่แค่นั้นเธอยังคงนัยน์ตาเหี้ยมไปให้เป็นของแถมด้วยเช่นกัน

                    “แกก็เหมือนกัน......ไอ้น้องชาย”





    +++++++++++++++++++++++++

    เก็บตก!


    คาเน่ = สุนัข =0=;;;

    ฟัลโค้ = เหยี่ยว



    เอาแล้วสิ!!! ไหงชิชิสะถึงกลายเป้นนางมารร้ายไปได้ซะล่ะเนี่ย!!!!=[]=





    โหวด + เม้น เยอะๆน่า เหมี่ยวขอ^0^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×