ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lovers Card เปิดชะตาหัวใจหนุ่มหน้าใส กับยัยหน้าสวย

    ลำดับตอนที่ #1 : 1

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 56


    เฟรินทร์

     

    ฉันเดินถือกล่องช็อกโกเลตที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีชมพูอ่อนและสีฟ้าที่บรรจงตั้งใจทำเพื่อคนคนหนึ่ง คนที่ฉันไว้ใจมากๆ แต่กลับทรยศฉันขนาดนี้ ตอนนี้เป็นเวลา 7:00 P.M. ดวงอาทิตย์อัศดงลงในความมืดเหลือแต่ความเงียบสงัด และ น้ำตา!!!! ฉันเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย “เฟรินทร์ เธอกำลังทำอะไรกันแน่” ฉันพึมพำถามตัวเองเบาๆเพียงเพื่อปลอบใจตัวเอง แม้ว่าเสียงสะอื้นยังคงดังอยู่ก็ตาม ฉันเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ไร้จิตวิญญาณ และไร้หัวใจ เพราะเขาคนนั้นได้นำมันไปแล้ว นำมันไปตลอดกาล...

    ปี๊นนนน!!!!

    เสียงแตรรถยนต์ดังลั่น ฉันค่อยๆหันไปมองตามเสียงและพบว่ารถยนต์คันหนึ่งกำลังพรุ่งตรงมาที่ฉัน

    ตุ๊บบบบ!!!

    ร่างกายของฉันกระแทกลงที่พื้น “อ่อนแรง...อ่อนแรงมากๆ   เหนื่อย....เหนื่อยมากๆ ฉันกำลังจะจบฉากละครชีวิตแล้วนะหรือ” ฉันพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่แสงไฟริบหรี่ลงเรื่อยๆเหมือนมีหมอกมาทำให้มันสลัวๆ

    “คุณเป็นอะไรมั๊ยครับ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลนะครับ”ใครสักคนพูดกับฉัน

    “ค่ะ”ฉันพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาในขณะที่เขากำลังอุ้มฉันขึ้นไปที่รถยนต์

    “ใจแข็งไว้นะครับ”

    “ค่ะ แต่ฉันขอรบกวนคุณช่วยอัดเสียงให้ฉันหน่อยเถอะนะคะ... ได้โปรด”

    “ครับ ให้ผมนำมันให้ใครครับ”

    “มารีนค่ะ คนที่เข้าใจฉันที่สุด มา..รีน.....”เสียงฉันแผ่วเบาลงเล็กน้อยเพราะร่างกายเสียเลือดมาก ฉันรู้ตัวดีว่าชีวิตฉันกำลังจะจบลงแล้ว...ชีวิตฉันในตอนนี้เจ็บปวดมากๆ เพียงแต่ฉันจะต้องทน!!! ทั้งที่ฉันรู้ว่าการที่จะหยุดความเจ็บปวดเหล่นนี้มันทำได้ ทำมันให้สำเร็จได้...ขอแค่ฉันหลับตาลง ปล่อยวางทุกสิ่ง แล้วจากไปแค่นั้น แต่ฉันจะต้องทน!!!เพียงแค่ขอให้ได้แสดงออกว่าฉันรักเขาเสมอ ถึงแม้ว่าชีวิตฉันจะยังเหมือนจะเด็กอยู่มากก็ตาม เพราะฉันและเขาเป็นเพียงเด็ก มัธยมปลายเท่านั้น

    “เชิญครับ แค่คุณกดปุ่มเท่านั้น”

    “ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดพลางเลื่อนนิ้วไปสัมผัสปุ่มสีแดงบนหน้าจอไอโฟนเพื่อเริ่มการบันทึก “รีนเสียงของฉันเองนะ เฟย์ เฟรินทร์ ก่อนอื่นฉันต้องขอขอบใจรีนมากๆที่เป็นเพื่อนที่ดีของฉันเสมอมา ตลอดชีวิตของฉัน คลิปเสียงที่ฉันอัดนี้คงเป็นเสียงในช่วงเวลาที่ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายเต็มทนแล้ว ฉันอยากขอให้รีนช่วยนำมันไปเขียนเป็นนิยายแทนฉันด้วยนะ”ฉันพูดพลางยิ้ม เหมือนไม่สะทกสะท้านต่อความเจ็บปวดของร่างกายที่เกิดขึ้น ณ. ขณะนี้ แม้แต่น้อย “เรื่องทั้งหมดนี้ช่วยนำไปเขียนด้วยนะ ฉันเชื่อใจรีนเสมอ รีนถ้าเฟย์ตายไปจริงๆ รีนต้องไม่ร้องนะ สัญญากับเฟย์นะ”ฉันพูดต่อด้วยน้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อย “รีนเริ่มเขียนในตอนนี้หล่ะ

    __+___+___+___+___+___+___+___

    [History of Story]

     

    6 มิถุนายน 2013

     

    ครูบาอาจารย์ที่ท่านประทานความรู้มาให้

    อบรมจิตใจให้รู้ผิดชอบชั่วดี

    ก่อนจะนอนสวดมนต์อ้อนวอนทุกที

    ขอกุศลบุญบารมีส่งเสริมครูนี้ให้ร่มเย็น........

     

    ฉันกำลังนั่งฝึกถักร้อย สร้อยมาลัยเพื่อเอามันมาประดับพานไหว้ครูด้วยอารมณ์ที่อินจัดกับบทเพลงที่บอกพระคุณของครูอย่างพระคุณที่สามอยู่

    “ไอเฟรินทร์ แกนั่งทีบ้าไรแกอยู่เนี่ย” ยัยเยริส(ปากหมา)หนึ่งในแก๊งของฉันเข้ามาทักแบบไม่มีสัญญาณเรดาห์ใดๆปรากฏ มาบอกกันสักนิดทำเอาฉันสะดุ้งอยู่นิด

    “ยัยเยริส มาทำบ้าอะไรของแกเนี่ย >< ตกใจหมดเลย” ฉันแว้ดใส่ยัยเยริส “ว่าแต่แกมาทำไมเนี่ย”ฉันถามยัยเยริสถึงสาเหตุการปรากฏตัวแบบสายฟ้าแลบของนางหญิงเยริสตัวแสบ แบบเกรียนๆ ที่ปกติวิ่งหนีฉันดันมาปรากฏตัวให้ฉันเห็นได้ แบบนี้มันคงเฮฟซัมธิงรอง แน่ๆ

    “ว่าแต่ได้ยินมาว่าแกเป็นติ่งดาราคนนั้นไม่ใช่หรอ ก่อนจะชี้มาที่รูปภาพหน้าจอโทรศัพท์ของฉันที่ไปอยู่ในมือของยัยเพื่อนตัวแสบตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

    “เอาโทรศัพท์ฉันมาเลยนะ เอามานี่ =_______= ” ฉันตระโกนใส่ขณะที่เพื่อนตัวแสบวิ่งปรู๊ดไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ใช่ซี้ ฉันมันวิ่งไม่เร็วนี่ เชอะ แต่ก็ช่างเถอะฉันรีบสตาร์ตแล้วออกตัววิ่งไปแย่งโทรศัพท์ของฉันคืนมา

    “ไอเฟรินทร์แกก็มาเอาคืนดิ”ยัยเยริสตะโกนอย่างสะใจที่เห็นฉันยืนหอบอยู่ที่ใต้ตึก ทำไมไม่ยอมแพ้มันตั้งแต่ตอนแรกว่ะ “สงสารฉันเหอะ วิ่งจนจะหอบตายอยู่แล้วยัยบ้ายาริส =___+ ^^^” เพราะสุดท้าย ศักดิ์ศรีก็ต้องมาแพ้ยัยรถมาราทอนนี่จนได้

    “เออ ไอเฟย์ ถ้าแกติ่งไอดาราหน้าเก๊กนี้จริงๆฉันพาแกไปหาไอคนหน้าเหมือนไอบ้านี้ที่ในโรงเรียนเราก็ได้โว้ย”ยัยรถยาริส(เยริส)ตระโกนออกมาจากดินแดนแสนไขว่ขว้า ซึ่งพรประภา คอย อัครเดช อยู่เหมือนคู่กรรม(?)แต่ก็นั่นแหละ

    “เออไปก็ไป อยากรู้ว่าจะเหมือนสักแค่ไหนเชียว แต่วันหลังเรียกฉันว่าเฟรินทร์นะเว้ยยัยบ้า เรียกเฟย์ แล้วมันเซๆยังไงไม่รู้ นี่คือข้องดเว้นของแก”ฉันตัวแสบที่กำลังเดินไปที่ลานศิลป์ของโรงเรียนของฉัน ในขณะที่ฉันตระโกนไล่หลังยัยเยริส ที่โรงเรียนที่ฉันกล้าพอที่จะเรียกว่าเหมือนประเทศจีน(ที่ดีทุกสิ่ง ยกเว้น “ห้องน้ำ” )ที่สุด

    “ยืนเอ๋ออยู่เรอะไอ้เฟรินทร์”เยริสตระโกนมาหาฉันในขณะที่ฉันก็กำลังวิ่งอย่างสุดฤทธิ์ สุดเดช

    “ยืนเอ๋อบ้านป้าแกสิวะ ไอ้เยริส วิ่งจนจะเป็นลมตายแล้วไอเพื่อนเวร =.,= ยังจะมาตระโกนด่าปาวๆๆ อีกนะแกเนี่ย”ฉันรู้สึกเหมือนจะหมดแรงตายให้ได้เลยจริงๆ เฮ้อ (Un)thank you 3 time จริงๆเลย บ่องตง!!!! จนสุดท้ายแล้ว ฉันก็เดินมาจนถึงแล้ว Finally I did it. TTvTT ซึ้งจนบอกไม่ถูกเล๊ยย เหอๆ เข้าเรื่องกันเถอะ   ในที่สุดตอนนี้ฉันก็วิ่งมายืนอยู่ตรงบริเวณลานศิลป์ของโรงเรียน ที่อยู่ใต้อาคาร3โรงเรียน ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าอ่อนๆปนแสดนิดๆตามช่วงเวลาขณะนั้น (16.30น.) ฉันวิ่งมาหยุดอยู่ข้างๆยัยเยริสโดยที่ข้างหน้าฉันคือผู้ชายคนนึงที่มีทั้งใบหน้าลัยตาประดับด้วยรอยยิ้ม จนฉันเองก็ตะลึงไปใช่น้อย!!! แต่ก็นั่นแหละนะ เพราะฉันก็ยังเป็นฉันถึงจะหล่อแต่ถ้าม่อ ก็ไม่มีวันยอมไปเป็น FC ครั้งแรกให้คนคนนี้เด็ดขาด

    “เออไอเฟรินทร์ นี่ไอซินเดอร์ ไอซินเดอร์ นี่เฟรินทร์โว้ย”ยัยเยริสพูดออกมาขัดจังหวะความคิด แต่แน่หล่ะจะยังไงก็ตาม จะเห็นฉันชมหรอ Dream only!!!

    “คนนี้เนี่ยนะ???”ฉันพูดพลางแสร้งขมวดคิ้วแบบพินิจพิจารณาก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูภาพดาราที่เขาว่ากันว่าเหมือน อืมม...ก็มีส่วนคล้ายแหะ ฉันเหม่อไปอยู่พักใหญ่ ก้ช่อนจะตั้งสติได้ ฉันค่อยๆเอาโทรศัพท์ไปเทียบ “ไม่เห็นเหมือนเลย  ขี้เก๊กอย่างที่คิดซะด้วย”

    =____=^^^^”เยริส

    =[]=”ซินเดอร์

    “อ่าว...ฉันพูดเรื่องจริงนิ ^_^”ฉันพูดยิ้มๆแบบกวนๆ เฮ้อ หมั่นไส้

    “เรียกมันว่าม่อหนึ่งดิ”ยัยเยริส

    “เยริสช่วยพูดให้มันดีหน่อยดิ”ซินเดอร์พูดแบบเล่นติดจริงจังก่อนที่จะร่วมกับยัยเยริสดึงโทรศัพท์ออกจากมือฉันแล้วให้ฉันวิ่งไล่ตามไปเอา และยิ่งกว่านั้น คือพวกบ้านี่มันสลับกันถือโทรศัพท์ ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วฉันจะได้โทรศัพท์คืนก็ตามแต่ แต่เราก็เปลี่ยนมาเล่นวิ่งไล่จับกันแทนได้นิ เหอะๆ พวกเราจึงเล่นวิ่งไล่จับกันแบบไม่ดูวัยอะไรเล๊ย วิ่งเล่นกันไป วิ่งไล่กันมา จนสุดท้ายแล้วฉันกับเยริสก็...... ตู้ม!!! ล้มลงและระเบิดเป็นโก้โก้ครั้นช์ที่หน้าห้องเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของโรงเรียนใต้ตึก3

    555 เป็นอะไรมากมั๊ย”ซินเดอร์พูดแบบยิ้มๆ

    “ก็เจ็บสิ ถามได้”ฉันแว้ดใส่นิดๆก่อนจะท้าวมือซ้ายลงกับพื้น เพื่อจะพยุงตัวเองลุกขึ้น แต่แล้วก็นะ

    “อ่ะ”ซินเดอร์ค่อยๆยื่นมือขวามาพยุงตัวให้ฉัน ในขณะที่บรรยากาศมีเพียงแค่สายลมอ่อนๆ หัวใจของฉันเหมือนกับมันจะเต้นแรงขึ้นแปลกๆ ก่อนที่ฉันจะยื่นมือขวาไปวางบนมือของเขา ดวงตาของเราประสานกันอย่างไมได้ตั้งใจ ดวงตาของเขา ดวงตาของซินดอร์คนนี้ มันเปรี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน ส่วนแววตาของฉันคือแววตาที่ฉงน ปนกับ ปิติเล็กน้อย ความอบอุ่นที่ฉันไม่เคยได้พบมันเหมือนแล่นผ่านจากมือของเขา เข้ามาในร่างกายของฉันและตรงดิ่งมาสู่หัวใจ ฉันหวั่นไหว อบอุ่น อ่อนโยน ใจดี สุภาพ  ความรู้สึกที่ประทับใจ แบบชอบ แบบรักใครสักคน มันเกิดขึ้นกับฉันแล้วอย่างนั้นจริงๆนะหรอ

    “ขอบใจนะซินเดอร์”ฉันพูดด้วยเสียงแผ่วเบาจนแทบจะกระซิบ ฉันจะไม่มีวันลืมช่วงเวลานี้หรอก วันพุธที่6มิถุนายน พ.ศ.2556 เวลา 16.45นาฬิกา ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของฉัน  ขอบคุณที่หัวใจของฉันมันไม่ได้ด้านชาไปจริงๆ ”

     

    @รถยนต์

     

    ฉันหยุดพูดลงสักครู่เพราะความเหนื่อยในการฝืนสังขาร ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องต่อไปอย่างช้าๆ “ฉันยืนยิ้มอยู่ที่มุมปากกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ถ้านี่คือฝัน....มันคงเป็นฝันที่แสนอบอุ่น แต่ ถ้านี่คือความจริง....มันคงเป็นความจริงที่จะเป็นความทรงจำที่แสนดีประทับในใจฉันตลอดกาล ถ้านี่คือโชคชะตาที่ชักพาลิขิต นี่มันคงจะเป็นการที่เราดูไพ่ยิปซีความรักแล้วได้ไพ่เดอะเลิฟเวอร์ ที่อาจไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า การผจญภัยของหัวใจครั้งนี้ มันจะสุขหรือทุกข์กันแน่ หากเรายังไม่รู้บริบทไพ่รอบข้าง อย่างเฉ่นสภาวะของฉันในตอนนี้ เพราะตราบใดที่ไพ่เลิฟเวอร์เปิดขึ้นมาบทชะตาแห่งรัก นั่นคือการที่คุณจะต้องใช้วิจารณญาณตัดสินใจอย่างมาก ในเรื่องของความรัก เหมือนกับฉัน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ฉันแกล้งทำเป็นสายลมที่ชอบคนไปทั่วมานาน มิหนำซ้ำฉันยังไม่ให้ตัวเองชอบใครเกิน4เดือนด้วยซ้ำตั้งแต่นั้นมา เพราะฉันเชื่อตามหลักจิตวิทยาว่าถ้าเราชอบใครเกิน4เดือน มันจะกลายเป็นความรัก เนื่องจาก หลังจากที่ฉันต้องเสียน้ำตาเพียงเพราะเรื่องพรรค์นี้กับบีบิล (อดีต)เพื่อนสนิทของฉัน แต่ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ฉันเลิกสนใจเขามานานแล้ว ก็เขามียัยเกเมลที่เป็นญาติห่างๆของฉันดูหัวใจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนินา จะให้ฉันไปแย่งหน้าที่แฟนของญาติตัวเองทำไมกัน ชิมะหล่ะ แต่...ช่างเถอะ แค่อดีต แต่ปัจจุบันแบบนี้นี่สิ ทำไมแค่เรื่องแค่นี้ มันถึงทำให้หัวใจของฉัน ที่มันเกือบจะเป็นน้ำแข็งไปแล้ว ถึงละลายอย่างกับเทียนไขรนไฟแบบนี้ซะได้ ให้ตายเถอะ เฟรินทร์ เธอกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย ทุเรศที่สุด คนที่เห็นว่าพวกผู้ชายคือของเล่นแก้เหงาอย่างฉัน กลับมารู้สึกถึงความอ่อนโยนแห่งรักแบบนี้เนี่ยนะ ฉันเสียศูนย์ง่ายขนาดนั้นเชียวหรอ แค่ความอ่อนโยนและเป็นสุภาพบุรุษของเค้านะหรอ ให้ตายเถอะ

    “เฟรินทร์ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย นี่มันถึงเวลาเรียนแล้วนะเว้ย เกินแล้วด้วย เรายังต้องเดินไปเรียนอีกนะเว้ย” และแล้วก็ตามด้วย “ฟอดแฟดๆ @/+(&*#!!!?’;^vó  ชี้โบ้ ชี้เบ๋” คำด่าอีกสารพัดที่ล้วนแต่ทำฉันสะดุ้ง

    “เออๆไปแล้วว้อย ไอ้นัทบีท ไม่ต้องบ่นเลยไอลุงแก่ เป็นผู้ชายอะไรว่ะ บ่นอย่างกะหมีกินผึ้งแหนะ”ฉันบ่นกลับแบบกวนๆก่อนจะเดินไปเรียนพิเศษ “บายนะซินเดอร์ บายนะเยริส” ฉันตะโกนหาทั้ง2คนที่กำลังยืนเล่นกันอยู่

    “อืมม ^^”ซินเดอร์

    “เออๆ ไปให้พ้นๆเลย ชิ่วชิ่ว =___= ”เยริส

     

    2ชั่วโมงผ่านไปไวเหมือน3Gประเทศไทย(=__=) (20:45นาฬิกา)

     

    ฉันเพิ่งกลับถึงบ้านหลังจากเลิกเรียนพิเศษวิชาที่มันสมควรจะฝังได้แล้วอย่างคณิตศาสตร์ เพราะมีแต่คนบอกว่า มันคือวิชาที่...ตายแล้ว มันจึงง่ายมากๆ(ในโลกคู่ขนาน)

    ซ่าส์  ซ่าส์ ~

    I’m just a little bit..........ฉันค่อยๆฮัมเพลง The show ไปพลางๆขณะที่ล้างสบู่เสียงน้ำกับหมวกอาบน้ำกระทบกันเป็นจังหวะของเสียงเพลง ฉันขัดสีฉวีวรรณอย่างปกติ จนกระทั่งฉันลูบมือล้างคราบสบู่ที่มือขวา สัมผัสที่มันรู้สึกเมื่อยามเย็นและภาพเหตุการณ์ตอนนั้นมันย้อนมาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัว

     

    ‘555 เป็นอะไรมากมั๊ย

    .

    .

    .

    ก็เจ็บสิ ถามได้

    .

    .

    .

    อ่ะ

     

    ภาพเหล่านั้นวิ่งแล่นในสมองฉันไปเรื่อยๆ

     

    กิ๊ก

     

    เสียงกดปิดสวิตซ์ไฟห้องน้ำห้องน้ำดังขึ้น

    “อาบน้ำนานไปแล้วนะไอเฟรินทร์ ค่าน้ำค่าไฟอ่ะ หัดประหยัดซะบ้าง”น้าชายของฉันกดปิดสวิตส์ไฟลงเพื่อจะบอกให้รู้ว่า อาบนานกว่านี้ ฉันจะหมดสิทธิ์อาบน้ำอุ่นอีก1เดือน

    “นานบ้าอะไรแซ่คิ้ว(แปลว่า น้าชายคนเล็ก) เฟย์ พึ่งจะอาบเองนะ บู่ๆ =3= ” ฉันเถียงแบบคำไม่ตกฝาก

    “บู่ๆบ้านแม่สิไอเฟรินทร์ ฉันจับเวลาอยู่ยังจะมาเถียงอีก อาบเป็นชั่วโมงเลยเนี่ย=__=”น้าชายฉันทำหน้าเอือมระอาอยู่หน้าห้องน้ำ โดยที่ไม่รู้ว่าฉันแอบดูอยู่

    “อ่าวหรอ ไม่รู้แหะ วันหลังแซ่คิ้วก็เอานาฬิกามาติดสิจะได้ดูเวลา 555 ได้รู้ว่านาน...ไม่นานนน แต่งไงซะ เฟย์ล้างสบู่ให้เสร็จก่อนแล้วกันนะ...เปิดไฟดวยค่ะ” ฉันลากเสียงยาวๆ กวนบาทาของน้าชายฉันเล็กน้อย

    “เออ เดี๋ยวจะปิดน้ำอุนแล้ว”น้าชายฉันบ่นมา ถ้าคิดว่าขู่ฉันด้สำเร็จก็เชิญ

    “ขอบคุณฮับบ เฟย์กะจะเปลี่ยนไปอาบน้ำเย็นพอดีเลย” ฉันยิ้มอยู่ที่มุมปากเล็กน้อย เชื่อฉันสิ 5…4…3…2…1…

    “เออๆ ไม่ปิดก็ได้ = =^^^^”น้าชายฉันพูดออกมาแบบเซ็งๆก่อนจะเดินจากไป

    “ฮึๆ” ฉันหัวเราะในลำคอ ก่อนจะอาบน้ำให้เสร็จๆแล้วไปเข้านอน ฉันไม่สามารถเข้าใจตัวเองเลยจริงๆ แวบแรกก่อนที่ฉันจะผล็อยหลับไป มือขวาของฉันค่อยๆเลื่อนมาวางที่อกข้างซ้ายที่เป็นตำแหน่งของหัวใจ ทันทีที่มือมันแตะที่หัวใจของฉัน มันรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว มันรู้สึกได้ว่าฉันจะปลอดภัยจากทุกๆสิ่งที่เป็นภัยแก่ฉัน ฉันจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ฉันจะไม่อ้างว้างอีกแล้ว สุดท้ายแล้วฉันก็ผล็อยหลับไปด้วยความสุขบางอย่างที่ฉันไม่สามารถอธิบายได้เลยจริงๆ

     

    7 มิถุนายน 2013

     

    ห้องเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ อาคาร3ชั้น3ห้อง1 (ห้อง331)

     

    ตู๊ด...ตุ๊ด

    ตู๊ด...ตุ๊ด

    ตู๊ด...ตุ๊ด

    เสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่ฉันพยายามต่อสายถึงเยริสดังขึ้นเป็นระยะๆ

    [โหล เรื่องไรแกอีก]

    “เออ ไอเยริสซินเดอร์อยู่ทับไรอ่ะ *0*

    [เมื่อวานบอกว่าไม่หล่อ ทำไมวันนี้ถามว่าเพราะอะไรว่ะ]

    “แล้วไงอ่ะ อยากรู้มีไรป่ะ *0*

    [มี รึจะไฝ้ว์]

    “เออ บอกมาเร็วๆดิ อยากรู้ นะๆๆๆๆๆ บอกมาเร็ว *0*

    [ฮัลโหลคับ ใครคับ]

    เห้ย...เสียงผู้ชาย ถึงฉันจะคิดว่าไม่ใช่แต่...เสียงมันคล้ายมาก ใช่ ซินเดอร์ป่าวว่ะเนี่ย ฉันจะทำไงดีนะ

    “เยริส อย่ามาดัดเสียงดิ” เฟคใส่ เอาหน้ารอดไปก่อนแล้วกัน

    [ไอเยริสเพื่อนแกจะคุยด้วย....เห้ย...ไอภูรินทร์เอามาทำไมหาเอามาทำไมบอกว่าให้คุยไงไอ้?.,#^*)&(//!!!! ฟอดแฟดๆ ] เสียงด่ากันในโทรศัพท์ดังขึ้น เฮ้อ ป่วยจิตเอาการไอพวกนี้นี่

    “เอิ่มม บาย ^^;; ”ฉันตัดบทสนทนาโทรศัพท์

     

    เอาเถอะ ยังไงฉันก็ต้องรู้ให้ได้เลย คอยดูแล้วกัน!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×