ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lovers Card เปิดชะตาหัวใจหนุ่มหน้าใส กับยัยหน้าสวย

    ลำดับตอนที่ #3 : 3

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 56


    ความงดงามของโลกใบนี้มันเป็นอนิจจัง ไม่มีวันเที่ยงแท้แน่นอนจริงๆสินะ ทุกๆสิ่งมันเป็นทุกข์เพียงแต่มันจะ ทุกข์มาก หรือ ทุกข์น้อยแค่นั้น คนอย่างฉันมันคงจะสมควรเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงเสียตั้งนานแล้วมิใช่หรือ แต่จะอย่างนั้นก็เถอะ ตราบนานเท่านานที่ฉันยังนับดวงดาวไม่หมดฟ้า คงเป็นระยะเวลาที่ฉันจะยังจดจำเขาอยู่เสมอ.........ฉันนั่งนิ่งคิดถึงโลกแห่งความเป็นจริงอยู่แบบนี้ แม้มันจะเหนื่อยล้าก็ตามแต่เถอะนะ เพราะฉันรักเขามากเกินไปจริงๆ ตอนนี้เปลือกตาของฉันหย่อนลงเพื่อพร้อมจะปิดไปตลอดกาล ใช่แล้วความเป็นจริง “รีนเธอคิดเหมือนฉันมั๊ยว่า หากฉันไม่ได้เป็นคนที่ทนกับทุกๆสิ่งคงจะไม่รอดไปนานแล้ว และถ้าหากฉันไม่ได้ทน เพื่อจะทำเพื่อเขา”ฉันตัดสินใจเงียบลงเพื่อพักร่างกายที่ฉันฝืนมานานเหมือนการประหยัดแบตเตอรี่ที่มันเหลือน้อยลงสักพัก ฉันเลื่อนมือไปกดพอสการอัดเสียงก่อนที่จะนำมือขวาไปวางลงบนอกซ้าย ที่เป็นตำแหน่งของหัวใจ

     

     

    ซินเดอร์

    หัวใจของผมกระตุกชาทันทีนับตั้งแต่ที่ไอซันหรือว่าซันเดอร์น้องชายของผมโทรมาบอกว่าเขาขับรถชนคน โดยเฉพาะคนที่โดนชนคือเธอคนนั้น คนที่ผมรักมากที่สุดของชีวิต เฟย์ เฟรินทร์ ใช่แล้วผมรัก รักมาก รักเธอที่สุด มันเป็นเหมือนความเจ็บปวดของผม ผมเลือกถูกที่ทำตามที่ไอ้ซันเดอร์บอกผม เพราะ ผมไม่เคยได้รับรู้ความรู้สึกเบื้องลึกที่เป็นความทุกข์ใจเธอจากปากของเธอเลยสักครั้ง ยกเว้นจากคราวนี้ น้ำตาของผมหล่อลื่นอยู่ที่รอบดวงตา แต่มันไม่ได้ไหลออกมาหรอกนะ มันไม่ใช่แค่เธอคนเดียวหรอกที่จะจำเรื่องของเราได้

    “ซันเดอร์ได้ยินพี่มั๊ย”ผมพูดใส่หูโทรศัพท์ที่ผมถือสายคุยกับน้องชายของผม

    [ครับพี่ซิน ผมได้ยิน พี่มีเรื่องอะไรหรอครับ]

    “จำกระดาษเปล่าที่พี่ฝากให้ซันเก็บได้มั๊ย ซันเก็บมันไว้ไหน”

     [ผมใส่มันในตู้เซฟของพี่ รหัสตู้เซฟคือ วันที่ที่พี่เจอพี่เฟรินทร์ 06062013 ]

    “เออขอบใจมาก  ช่วยเปิดลำโพงให้ด้วยนะ แนะนำตัวให้พี่เฟย์เขาได้รู้จักแบบจริงๆจังๆด้วยแล้วกัน”

    [ครับพี่ซินเดอร์ ผมกำลังจะแนะนำตัวเดี๋ยวนี้นะครับ]

    “อืมมม.....” ผมขานรับพลางวิ่งไปที่ตู้เซฟ ผมได้ยินแล้วที่เธออัดเสียงให้มารีนเพื่อนที่เธอไว้ใจที่สุดในชีวิต ถ้าเธอพูดด้วยเสียงเหนื่อยล้าขนาดนั้นแล้ว อาการของเธอจะเป็นถึงเพียงไหนเพราะปกติแล้วอาการที่เธอแสดงออกมันน้อยกว่าอาการที่เธอเป็นอยู่จริงๆมากกว่าครึ่ง ผมไม่อยากให้เธอจากผมไปเร็วขนาดนี้ หรือถ้าเธอจะต้องจากไปจริงๆ ก็ขอให้เธอได้รับรู้ความรู้สึกจากเบื้องลึกของจิตใจผม

    “ศูนย์หกศูนย์หกสองศูนย์หนึ่งสาม”ผมพึมพำพลางเอากระดาษว่างเปล่าเหล่านั้นไปจ่อบนเปลวไฟของเทียนไขที่ผมจุด ที่ผมทำเช่นนั้นเพราะผมต้องการจะอ่านไดอารี่ของผมให้เธอได้ฟัง กระดาษเปล่าที่ไม่ต่างจากเศษกระดาษเหล่านี้นี่แหละคือที่จดความทรงจำทั้งหมดระหว่างเรา ระหว่างผมซินเดอร์คนนี้ กับเธอคนนั้น เฟย์ เฟรินทร์ “เปิดลำโพงแล้วใช่มั๊ย ซัน”ผมพูดกับน้องของผมทางโทรศัพท์

    [ครับพี่ซินเดอร์]

    “ขอพี่คุยกับพี่เฟรินทร์หน่อย”

    [ครับ พี่เฟรินทร์ครับ เอาครับ]

    “เฟรินทร์ซินเดอร์เอง เฟย์เป็นยังไงบ้าง ซินขอโทษแทนซันด้วยนะซินขอร้อง อย่าโกรธซิน ซินรักเฟย์เสมอ”

    ซิน...เฟย์ไม่เคย และ ไม่มีวันโกรธซันเดอร์หรอกนะ เฟย์ซิเป็นคนที่สมควรจะขอโทษน้องซันด้วยซ้ำที่ทำเอาน้องเขาเสียเวลาด้วยซ้ำไป และถ้าประโยคสุดท้ายของซินไม่ได้มาจากใจ ไม่จำเป็นต้องฝืนพูดก็ได้นะ ขอแค่ให้ซินทำแล้วสบายใจเฟย์ก็มีความสุขแล้ว ถ้าใจของซินมีโมเอลอยู่แล้ว ก็เก็บมันไว้พูดกับเธอคนนั้นเถอะนะ เฟย์เข้าใจดีว่าเธอคนนั้นคงจะเป็นคนดี โมเอลคนนั้นคงจะโชคดีมากๆที่มีสิทธิ์ได้ครองหัวใจของเธอโดยไม่รู้ตัวซินเดอร์ อย่าฝืนเลยนะถ้าความรู้สึกของนายไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ เข้าใจใช่มั๊ย ซินเดอร์ ซินดิอาร์ ชาร์เมตริค อย่าฝืนเพื่อดิฉันอีกเลยค่ะ ฉันได้ยินหมดแล้วสำหรับเรื่องราวที่คุณคุยกับโอเมส เรื่องของโมเอลไงหล่ะฉันได้ยินมันแล้ว มันคือคำพูดของใครหรอ ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยหว่ะว่าทำไมที่ฉันถึงคิดถึงเธอคนนั้นได้ขนาดนั้น ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆทั้งๆที่เรามีความรู้สึกที่มันลึกซึ้งถึงขนาดที่มันอธิบายไม่ถูก...’  นั่นคำพูดนายไม่ใช่หรอที่พูดกับโอมิสหน่ะ แล้ว...นายจะโกหกฉันทำไม”ฉันตระโกนใส่โทรศัพท์ น้ำตาค่อยๆรินไหล เขาจะจำได้มั๊ยว่าเขาพูดแบบนี้กับฉันมาแล้ว จะจำได้มั๊ยว่าคำพูด และ ข้อความเหล่านั้นมันตราตรึงอยู่ที่ใจของฉันแบบนี้ เธอจะจำได้มั๊ยนะ

     

    [My Dairy]

     

    12 มิถุนายน 2013

    “ไงเยริส”ฉันตระโกนทักหลังจากที่เพิ่งเลิกเรียนฉันก่อนที่จะหันไปยิ้มหันไปคุยกับภูรินทร์ตามขนบธรรมเนียมที่จะต้องให้เกียรติเพื่อนของเพื่อน แต่ถ้าฉันดูจากพฤติกรรมแล้ว คนคนนี้ไม่เคยให้เกียรติฉันเลย หึ!!! ใครดีให้ดีตอบ ใครชอบให้ตอบแทน ใครร้ายให้ร้ายแสน ให้เหมือนแม้นที่มันทำ!!!!! และบังเอิญว่านี่คือธรรมเนียมการปฏิบัติกับคนที่ทำแบบนี้ซะด้วยสิ

    “เห้ยไอภูรินทร์แกจะฆ่าแกงด้วยสายตาแล้วนั่น”ซินเดอร์พูดพลางเอากระเป๋าลงจากมือ เห้อ อุ้มกระเป๋าด้วยมือขวาตั้งแต่ไกลไม่เมื่อยบ้างเรอะพ่อคุณณณ =__=  “อ่าว เอ่อ...สวัสดีครับ”ซินเดอร์หันมาบอกฉันก่อนจะยกมือไหว้ มารยาทเกือบผ่านค่ะ ถ้าไม่เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอในตอนแรก

    “ค่ะ”ฉันพูดพลางยกมือขึ้นมาไหว้ตอบ ก่อนจะพยายามลากแขนเยริสไปคุยแต่นั่นแหละนะฉันไม่ค่อยอยากพูดอะไรกับใครสักเท่าไหร่ฉันเลยทำไปแบบนั้น

    พึ่บบ!!!

    “เป็นบ้าอะไรของแกหา!!!!!!”เยริสพูดพลางสะบัดมือฉัน จนทำให้ฉันล้มทั้งกาย และทั้งใจ

    “เหอะ”ฉันพูดสะบัดเสียงก่อนจะปลีกตัวออกไปยืนอยู่ที่หน้าห้องเพาะฯเลี้ยงของโรงเรียนโดยที่ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปตรงนั้นตั้งแต่แรก ฉันยืนพิงผนังไปเรื่อยเปื่อย

    “เห้ย เฟย์แกมีเรื่องกับเยริสมาหรอ”เลลิน่าหนึ่งในเพื่อนสนิทของฉันหันมาถาม แต่ก็นั่นแหละ เพราะฉัน คือ ฉัน ฉันจึงตัดสินใจที่จะเดินเลี่ยงไปซื้อของที่หน้าโรงเรียนเสียดีกว่า

    “เห้ยไอเฟย์”เลลิน่ายังคงตามอยู่เรื่อยๆ

    “พอหน่า ฉัน อยาก อยู่ คน เดียว!!! เข้าใจมั๊ยว่า ฉัน อยาก อยู่ คน เดียว!!!!

    “ไอเฟรินทร์ มีอะไรก็...เออๆช่างมัน”เลลิน่าครุ่นคิดอยู่อยู่สักพักก่อนจะพูดมันออกมา แล้วปล่อยให้ฉันเดินตามทางของฉัน เพราะเวลาที่ฉันเป็นแบบนี้มีเพียงไม่กี่คนที่จะได้รับสิทธิ์ให้เข้าใกล้ฉันซึ่งนั่นมีแค่มารีน และ คนที่ฉันชอบเท่านั้น!!!!

    ตึก ตึก ตึก!!!

    เสียงจังหวะการก้าวเท้าของฉันสม่ำเสมอตามปกติ ใบหน้าเรียวเป็นรูปไข่แฝงไปด้วยความลึกลับภายใต้ความเปิดเผยและซื่อตรง นั่นคือสิ่งที่ฉันเป็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นฉัน

    “เฟรินทร์โกรธอะไรเค้าหรอ”เสียงทุ้มทุ้มที่ได้ยินแม้จะไม่บ่อยนัก แต่ก็ตราตรึงในโสตหู ตราตรึงในดวงใจของฉันเสมอทำให้ฉันหันไปมอง ดวงตาสีดำของฉันประสานเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหมือนกับครั้งแรกที่เราเจอกันวันนั้น ก่อนที่ฉันจะเชิดหน้าเดินออกไป

    “ป้าคะ ลูกชิ้นปลา20ค่ะ”ฉันพูดด้วยรอยยิ้มที่มุมปากนิดๆแม้ในใจจะเซ็งๆกับยัยเยริส ไอภูรินทร์ และ ตาซินเดอร์อยู่

    “น้ำจิ้มอะไรคะ”

    “แม็กกี้กับซีฟู้ดค่ะ”ฉันพูดพลางยืนนิ่งๆ ริมฝีปากของฉันเฉยฉาไม่บึ้งตึงหรือไม่แย้มยิ้มใดๆ ดวงตานิ่งสงบ ทุกสิ่งนิ่งสงบ

    จิ๊กๆ จิ๊กๆ

    ใครสักคนเอาไม้บรรทัดมาจิ้มหลังฉันจนน่ารำคาญ ฉันจึงจะหันไปดูเสียหน่อยว่าใครกันนะ ที่อยากโดนแม่แล่เนื้อ เอาไปทาเกลือ แล้วตากหางม้าไปทำเป็นเนื่อแดดเดียว =__= กวนตอนนี้เดี๋ยวก็โดนดีหรอก =3=

    “อย่างอนเค้านะตะเอง”ซินเดอร์เอาหน้ามาวางอยู่บนไหล่ของฉัน ก่อนจะวิ่งไปเรียนพิเศษพร้อมกับ เยริส ภูรินทร์ และ ซินเดอร์

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    หัวใจของฉันเต้นเป็นจังหวะที่เร็วและรัว จากใบหน้าที่เฉยฉาต่อทุกสิ่ง กลับแดงจัดมือที่คลายว่างอยู่กำกระโปรงจนแน่นด้วยความเขินอาย ทำไมไม้มือมัดเกะกะแบบนี้นะ ตาบ้าเพราะนายแท้ๆเลย หึ ฉันยืนทำหน้าอึนก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆที่ริมฝีปากเผยให้เห็นความสุขใจเล็กๆ   ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเค้าพูดแบบนี้กับใครที่ไหนบ้าง...แต่ถึงจะอย่างไร ฉันก็มีความสุขในใจลึกๆ

     

    แต่ก็นะ มันไม่แน่นอนหรอกเรื่องแบบนี้ เพราะว่าบางทีแล้ว

     

    .....ห่างกันเพียงเอื้อมมือ      แต่มันคือแสนไกล
    ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป (ว่ารักเธอ).....

    แต่ถึงจะเช่นนั้นก็เถอะเรื่องของหัวใจเหตุผลไม่ใช่ประเด็น ขอให้พระเจ้าทรงโปรดให้ฉันมีความสุขด้วยเถิด   อาเมน....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×