คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 3
ความงดงามของโลกใบนี้มันเป็นอนิจจัง ไม่มีวันเที่ยงแท้แน่นอนจริงๆสินะ ทุกๆสิ่งมันเป็นทุกข์เพียงแต่มันจะ ทุกข์มาก หรือ ทุกข์น้อยแค่นั้น คนอย่างฉันมันคงจะสมควรเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงเสียตั้งนานแล้วมิใช่หรือ แต่จะอย่างนั้นก็เถอะ ตราบนานเท่านานที่ฉันยังนับดวงดาวไม่หมดฟ้า คงเป็นระยะเวลาที่ฉันจะยังจดจำเขาอยู่เสมอ.........ฉันนั่งนิ่งคิดถึงโลกแห่งความเป็นจริงอยู่แบบนี้ แม้มันจะเหนื่อยล้าก็ตามแต่เถอะนะ เพราะฉันรักเขามากเกินไปจริงๆ ตอนนี้เปลือกตาของฉันหย่อนลงเพื่อพร้อมจะปิดไปตลอดกาล ใช่แล้วความเป็นจริง “รีนเธอคิดเหมือนฉันมั๊ยว่า หากฉันไม่ได้เป็นคนที่ทนกับทุกๆสิ่งคงจะไม่รอดไปนานแล้ว และถ้าหากฉันไม่ได้ทน เพื่อจะทำเพื่อเขา”ฉันตัดสินใจเงียบลงเพื่อพักร่างกายที่ฉันฝืนมานานเหมือนการประหยัดแบตเตอรี่ที่มันเหลือน้อยลงสักพัก ฉันเลื่อนมือไปกดพอสการอัดเสียงก่อนที่จะนำมือขวาไปวางลงบนอกซ้าย ที่เป็นตำแหน่งของหัวใจ
ซินเดอร์
หัวใจของผมกระตุกชาทันทีนับตั้งแต่ที่ไอซันหรือว่าซันเดอร์น้องชายของผมโทรมาบอกว่าเขาขับรถชนคน โดยเฉพาะคนที่โดนชนคือเธอคนนั้น คนที่ผมรักมากที่สุดของชีวิต เฟย์ เฟรินทร์ ใช่แล้วผมรัก รักมาก รักเธอที่สุด มันเป็นเหมือนความเจ็บปวดของผม ผมเลือกถูกที่ทำตามที่ไอ้ซันเดอร์บอกผม เพราะ ผมไม่เคยได้รับรู้ความรู้สึกเบื้องลึกที่เป็นความทุกข์ใจเธอจากปากของเธอเลยสักครั้ง ยกเว้นจากคราวนี้ น้ำตาของผมหล่อลื่นอยู่ที่รอบดวงตา แต่มันไม่ได้ไหลออกมาหรอกนะ มันไม่ใช่แค่เธอคนเดียวหรอกที่จะจำเรื่องของเราได้
“ซันเดอร์ได้ยินพี่มั๊ย”ผมพูดใส่หูโทรศัพท์ที่ผมถือสายคุยกับน้องชายของผม
[ครับพี่ซิน ผมได้ยิน พี่มีเรื่องอะไรหรอครับ]
“จำกระดาษเปล่าที่พี่ฝากให้ซันเก็บได้มั๊ย ซันเก็บมันไว้ไหน”
[ผมใส่มันในตู้เซฟของพี่ รหัสตู้เซฟคือ วันที่ที่พี่เจอพี่เฟรินทร์ 06062013 ]
“เออขอบใจมาก ช่วยเปิดลำโพงให้ด้วยนะ แนะนำตัวให้พี่เฟย์เขาได้รู้จักแบบจริงๆจังๆด้วยแล้วกัน”
[ครับพี่ซินเดอร์ ผมกำลังจะแนะนำตัวเดี๋ยวนี้นะครับ]
“อืมมม.....” ผมขานรับพลางวิ่งไปที่ตู้เซฟ ผมได้ยินแล้วที่เธออัดเสียงให้มารีนเพื่อนที่เธอไว้ใจที่สุดในชีวิต ถ้าเธอพูดด้วยเสียงเหนื่อยล้าขนาดนั้นแล้ว อาการของเธอจะเป็นถึงเพียงไหนเพราะปกติแล้วอาการที่เธอแสดงออกมันน้อยกว่าอาการที่เธอเป็นอยู่จริงๆมากกว่าครึ่ง ผมไม่อยากให้เธอจากผมไปเร็วขนาดนี้ หรือถ้าเธอจะต้องจากไปจริงๆ ก็ขอให้เธอได้รับรู้ความรู้สึกจากเบื้องลึกของจิตใจผม
“ศูนย์หกศูนย์หกสองศูนย์หนึ่งสาม”ผมพึมพำพลางเอากระดาษว่างเปล่าเหล่านั้นไปจ่อบนเปลวไฟของเทียนไขที่ผมจุด ที่ผมทำเช่นนั้นเพราะผมต้องการจะอ่านไดอารี่ของผมให้เธอได้ฟัง กระดาษเปล่าที่ไม่ต่างจากเศษกระดาษเหล่านี้นี่แหละคือที่จดความทรงจำทั้งหมดระหว่างเรา ระหว่างผมซินเดอร์คนนี้ กับเธอคนนั้น เฟย์ เฟรินทร์ “เปิดลำโพงแล้วใช่มั๊ย ซัน”ผมพูดกับน้องของผมทางโทรศัพท์
[ครับพี่ซินเดอร์]
“ขอพี่คุยกับพี่เฟรินทร์หน่อย”
[ครับ พี่เฟรินทร์ครับ เอาครับ]
“เฟรินทร์ซินเดอร์เอง เฟย์เป็นยังไงบ้าง ซินขอโทษแทนซันด้วยนะซินขอร้อง อย่าโกรธซิน ซินรักเฟย์เสมอ”
“ซิน...เฟย์ไม่เคย และ ไม่มีวันโกรธซันเดอร์หรอกนะ เฟย์ซิเป็นคนที่สมควรจะขอโทษน้องซันด้วยซ้ำที่ทำเอาน้องเขาเสียเวลาด้วยซ้ำไป และถ้าประโยคสุดท้ายของซินไม่ได้มาจากใจ ไม่จำเป็นต้องฝืนพูดก็ได้นะ ขอแค่ให้ซินทำแล้วสบายใจเฟย์ก็มีความสุขแล้ว ถ้าใจของซินมีโมเอลอยู่แล้ว ก็เก็บมันไว้พูดกับเธอคนนั้นเถอะนะ เฟย์เข้าใจดีว่าเธอคนนั้นคงจะเป็นคนดี โมเอลคนนั้นคงจะโชคดีมากๆที่มีสิทธิ์ได้ครองหัวใจของเธอโดยไม่รู้ตัวซินเดอร์ อย่าฝืนเลยนะถ้าความรู้สึกของนายไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ เข้าใจใช่มั๊ย ซินเดอร์ ซินดิอาร์ ชาร์เมตริค อย่าฝืนเพื่อดิฉันอีกเลยค่ะ ฉันได้ยินหมดแล้วสำหรับเรื่องราวที่คุณคุยกับโอเมส เรื่องของโมเอลไงหล่ะฉันได้ยินมันแล้ว มันคือคำพูดของใครหรอ ‘ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยหว่ะว่าทำไมที่ฉันถึงคิดถึงเธอคนนั้นได้ขนาดนั้น ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆทั้งๆที่เรามีความรู้สึกที่มันลึกซึ้งถึงขนาดที่มันอธิบายไม่ถูก...’ นั่นคำพูดนายไม่ใช่หรอที่พูดกับโอมิสหน่ะ แล้ว...นายจะโกหกฉันทำไม”ฉันตระโกนใส่โทรศัพท์ น้ำตาค่อยๆรินไหล เขาจะจำได้มั๊ยว่าเขาพูดแบบนี้กับฉันมาแล้ว จะจำได้มั๊ยว่าคำพูด และ ข้อความเหล่านั้นมันตราตรึงอยู่ที่ใจของฉันแบบนี้ เธอจะจำได้มั๊ยนะ
[My Dairy]
12 มิถุนายน 2013
“ไงเยริส”ฉันตระโกนทักหลังจากที่เพิ่งเลิกเรียนฉันก่อนที่จะหันไปยิ้มหันไปคุยกับภูรินทร์ตามขนบธรรมเนียมที่จะต้องให้เกียรติเพื่อนของเพื่อน แต่ถ้าฉันดูจากพฤติกรรมแล้ว คนคนนี้ไม่เคยให้เกียรติฉันเลย หึ!!! ใครดีให้ดีตอบ ใครชอบให้ตอบแทน ใครร้ายให้ร้ายแสน ให้เหมือนแม้นที่มันทำ!!!!! และบังเอิญว่านี่คือธรรมเนียมการปฏิบัติกับคนที่ทำแบบนี้ซะด้วยสิ
“เห้ยไอภูรินทร์แกจะฆ่าแกงด้วยสายตาแล้วนั่น”ซินเดอร์พูดพลางเอากระเป๋าลงจากมือ เห้อ อุ้มกระเป๋าด้วยมือขวาตั้งแต่ไกลไม่เมื่อยบ้างเรอะพ่อคุณณณ =__= “อ่าว เอ่อ...สวัสดีครับ”ซินเดอร์หันมาบอกฉันก่อนจะยกมือไหว้ มารยาทเกือบผ่านค่ะ ถ้าไม่เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอในตอนแรก
“ค่ะ”ฉันพูดพลางยกมือขึ้นมาไหว้ตอบ ก่อนจะพยายามลากแขนเยริสไปคุยแต่นั่นแหละนะฉันไม่ค่อยอยากพูดอะไรกับใครสักเท่าไหร่ฉันเลยทำไปแบบนั้น
พึ่บบ!!!
“เป็นบ้าอะไรของแกหา!!!!!!”เยริสพูดพลางสะบัดมือฉัน จนทำให้ฉันล้มทั้งกาย และทั้งใจ
“เหอะ”ฉันพูดสะบัดเสียงก่อนจะปลีกตัวออกไปยืนอยู่ที่หน้าห้องเพาะฯเลี้ยงของโรงเรียนโดยที่ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปตรงนั้นตั้งแต่แรก ฉันยืนพิงผนังไปเรื่อยเปื่อย
“เห้ย เฟย์แกมีเรื่องกับเยริสมาหรอ”เลลิน่าหนึ่งในเพื่อนสนิทของฉันหันมาถาม แต่ก็นั่นแหละ เพราะฉัน คือ ฉัน ฉันจึงตัดสินใจที่จะเดินเลี่ยงไปซื้อของที่หน้าโรงเรียนเสียดีกว่า
“เห้ยไอเฟย์”เลลิน่ายังคงตามอยู่เรื่อยๆ
“พอหน่า ฉัน อยาก อยู่ คน เดียว!!! เข้าใจมั๊ยว่า ฉัน อยาก อยู่ คน เดียว!!!!”
“ไอเฟรินทร์ มีอะไรก็...เออๆช่างมัน”เลลิน่าครุ่นคิดอยู่อยู่สักพักก่อนจะพูดมันออกมา แล้วปล่อยให้ฉันเดินตามทางของฉัน เพราะเวลาที่ฉันเป็นแบบนี้มีเพียงไม่กี่คนที่จะได้รับสิทธิ์ให้เข้าใกล้ฉันซึ่งนั่นมีแค่มารีน และ คนที่ฉันชอบเท่านั้น!!!!
ตึก ตึก ตึก!!!
เสียงจังหวะการก้าวเท้าของฉันสม่ำเสมอตามปกติ ใบหน้าเรียวเป็นรูปไข่แฝงไปด้วยความลึกลับภายใต้ความเปิดเผยและซื่อตรง นั่นคือสิ่งที่ฉันเป็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นฉัน
“เฟรินทร์โกรธอะไรเค้าหรอ”เสียงทุ้มทุ้มที่ได้ยินแม้จะไม่บ่อยนัก แต่ก็ตราตรึงในโสตหู ตราตรึงในดวงใจของฉันเสมอทำให้ฉันหันไปมอง ดวงตาสีดำของฉันประสานเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหมือนกับครั้งแรกที่เราเจอกันวันนั้น ก่อนที่ฉันจะเชิดหน้าเดินออกไป
“ป้าคะ ลูกชิ้นปลา20ค่ะ”ฉันพูดด้วยรอยยิ้มที่มุมปากนิดๆแม้ในใจจะเซ็งๆกับยัยเยริส ไอภูรินทร์ และ ตาซินเดอร์อยู่
“น้ำจิ้มอะไรคะ”
“แม็กกี้กับซีฟู้ดค่ะ”ฉันพูดพลางยืนนิ่งๆ ริมฝีปากของฉันเฉยฉาไม่บึ้งตึงหรือไม่แย้มยิ้มใดๆ ดวงตานิ่งสงบ ทุกสิ่งนิ่งสงบ
จิ๊กๆ จิ๊กๆ
ใครสักคนเอาไม้บรรทัดมาจิ้มหลังฉันจนน่ารำคาญ ฉันจึงจะหันไปดูเสียหน่อยว่าใครกันนะ ที่อยากโดนแม่แล่เนื้อ เอาไปทาเกลือ แล้วตากหางม้าไปทำเป็นเนื่อแดดเดียว =__= กวนตอนนี้เดี๋ยวก็โดนดีหรอก =3=
“อย่างอนเค้านะตะเอง”ซินเดอร์เอาหน้ามาวางอยู่บนไหล่ของฉัน ก่อนจะวิ่งไปเรียนพิเศษพร้อมกับ เยริส ภูรินทร์ และ ซินเดอร์
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจของฉันเต้นเป็นจังหวะที่เร็วและรัว จากใบหน้าที่เฉยฉาต่อทุกสิ่ง กลับแดงจัดมือที่คลายว่างอยู่กำกระโปรงจนแน่นด้วยความเขินอาย ทำไมไม้มือมัดเกะกะแบบนี้นะ ตาบ้าเพราะนายแท้ๆเลย หึ ฉันยืนทำหน้าอึนก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆที่ริมฝีปากเผยให้เห็นความสุขใจเล็กๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเค้าพูดแบบนี้กับใครที่ไหนบ้าง...แต่ถึงจะอย่างไร ฉันก็มีความสุขในใจลึกๆ
แต่ก็นะ มันไม่แน่นอนหรอกเรื่องแบบนี้ เพราะว่าบางทีแล้ว
.....ห่างกันเพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป (ว่ารักเธอ).....
แต่ถึงจะเช่นนั้นก็เถอะเรื่องของหัวใจเหตุผลไม่ใช่ประเด็น ขอให้พระเจ้าทรงโปรดให้ฉันมีความสุขด้วยเถิด อาเมน....
ความคิดเห็น