คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เรื่องราวเริ่มต้น...
“ อ้าวพี่วินทร์ กลับมาแล้วเหรอ มาๆกินข้าวก่อนๆ แม่ทำต้มข่าไก่ไว้ให้พี่นะ ” แต้ว หรือปริยตา น้องสาวของปรัศวินทร์ร้องทักในทันทีที่เขาเปิดประตูบ้านเข้าไปในห้องโถงสีขาวสะอาดตา
“ ไม่เป็นไรแต้ว พี่ไม่หิว กินข้าวหลังหกโมงก็ไม่ดีต่อกระเพาะด้วย ” ปรัศวินทร์ตอบ อย่างเพลียๆ
“ แหม แต้วไม่น่ามีพี่เป็นหมอเลย รู้ไปซะทุกเรื่องเชียวนะพี่วินทร์ ” แต้วแซวอย่างขำๆ ก่อนถามอย่างสงสัยเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นของในมือพี่ชาย “ อะไรน่ะพี่วินทร์ ”
ปรัศวินทร์สะดุ้งเล็กน้อย หากเขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดต่อหน้าน้องสาว ก่อนตัดบท “ อ๋อ ไม่มีอะไร จี้พระของเพื่อนที่ทำตกน่ะ พี่เก็บไว้ให้ เอ้อ...ขอพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ แกงน่ะ เก็บไว้ให้ต้องเถอะ ไปเที่ยวงานวัดกับเพื่อนยังไม่กลับเลย สงสัยกลับมาคงหิวแย่ ”
“ จ้ะ พี่ ” แต้วตอบ ก่อนหันหลังไปหยิบฝาชีมาครอบหม้อแกงบนโต๊ะ เก็บไว้ให้น้องชายคนสุดท้องของบ้าน ปรัศวินทร์รีบเดินไปที่ห้องนอน หันหลังพิงประตูห้องนอนก่อนถอนหายใจยาวเฮือกใหญ่...กำไลโบราณนี่สงสัยคงต้องเอาไปให้กรมศิลปากรหรือไม่พิพิธภัณฑ์คงจะดี...ปรัศวินทร์คิด หากในทันใดเหมือนจะมีเสียงร้องอย่างตระหนกแกมบังคับของสตรีแว่วมากระทบหู
‘ เจ้าจักทำเยี่ยงนั้นหาได้ไม่ !!! ’
ปรัศวินทร์เปลี่ยนจากท่ายืนเอนหลังพิงประตูมาเป็นหยัดยืนตรง มองหาเจ้าของเสียง...หากไม่พบ ผู้คนแถวนี้ก็ไปรวมตัวกันที่งานลอยกระทงที่วัดหมด...คิดมากน่ะ...ปรัศวินทร์ปลอบตัวเอง เขาวางกำไลไว้ที่โต๊ะหัวเตียง หยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนก่อนเดินไปอาบน้ำ
****************************************
ปรัศวินทร์เดินเข้ามาในห้อง คิดว่าคงไม่ได้นอนเพราะตายังสว่างเต็มที่ หากในทันทีที่เขาก้าวเข้าเขตห้องนอน ความง่วงงุนก็พุ่งปราดเข้าจับใจทันที
ปรัศวินทร์เดินเซไปยังเตียงนอน เขาหลับไปเมื่อใดก็สุดรู้ แต่ถ้าหากมีคนเปิดประตูเข้ามาในห้องของนายแพทย์หนุ่ม ก็จะเห็นว่า กำไลที่วางอยู่บนโต๊ะไม้หัวเตียงนั้น เรืองแสงสีดำสลับกับสีทองขึ้นมา ดูมีพลังอำนาจอย่างน่ากลัว
และเมื่อปรัศวินทร์ลืมตาขึ้น ก็พบว่าเขามิได้นอนอยู่บนเตียงนุ่มสบายในห้องของเขาเสียแล้ว !
ภาพตรงหน้าคือแม่น้ำเจ้าพระยา...ใช่แน่นอน เพราะเขาจำป้อมเพชร ป้อมปืนรูปรี ก่อสร้างด้วยอิฐสลับศิลาแลงที่ตั้งอยู่ตรงจุดที่แม่น้ำเจ้าพระยาและป่าสักมาบรรจบกันที่เห็นไกลๆทางซ้ายของเขาได้ และจุดที่เขายืนอยู่นี้ ก็คือจุดที่เขาพาธารรินมาลอยกระทงด้วยกันตอนหัวค่ำ หากเมื่อเขามองกวาดโดยรอบ ก็พบว่าทัศนียภาพโดยรอบไม่ใช่แบบที่เขาคุ้นเคยเสียแล้ว เพราะมีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด
หมอกเริ่มลง...ปรัศวินทร์พยายามลืมตาเพื่อที่จะได้หลุดจากฝันนี่เสียที แต่เมื่อเขาเปิดเปลือกตาขึ้นไม่ได้ เขาจึงขยับขาหมายจะก้าวเดินเพื่อกลับไปที่บ้าน...ถึงแม้จะรู้สึกลึกๆว่าบ้านของเขาไม่มีในฝันนี่ก็ตาม หากขาของเขาก็ก้าวไม่ออก แม้เพียงขยับขาก็ทำไม่ได้...เหมือนมีคนดึงไว้...ปรัศวินทร์คิด และเขาก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบอันวังเวงรอบกาย เป็นเสียงเดียวกันกับที่เขาได้ยินเมื่อตอนก่อนนอาบน้ำไม่ผิดแน่
“ เจ้าไปมิได้ดอก ”
ปรัศวินทร์หันไปมองตรงตลิ่งริมน้ำ และภาพที่เห็นทำให้เขาถึงกับถอนสายตาไปไม่ได้
หญิงสาวตรงหน้ายืนอยู่ใต้ร่มไม้ระย้า ทำให้ดวงหน้าซีกหนึ่งถูกบดบังด้วยเงาดำ หากเสี้ยวหน้าที่ไม่โดนบดบังนั้น ถูกแสงจันทร์ฉายส่องจนสว่างเรือง ถึงจะเห็นเพียงครึ่งหน้าก็ทำให้รู้ได้ว่าว่าเธอผู้นี้งดงามอย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นคิ้วโค้งคมดำจัดตวัดปลายสวย ดวงตาสีน้ำตาลแก่เจือดำ กลมโตใสแจ๋วเหมือนเด็ก หากฉายแววดุ มีอำนาจ จมูกเล็กโด่งคมเป็นสัน รับกันดีกับริมฝีปากเรียวเล็ก หากอิ่มเต็ม ดวงหน้าอิ่มรูปไข่นั้นดูน่ากลัวชอบกล
“ คุณ...คุณเป็นใคร ?? ” ปรัศวินทร์ถาม ทั้งที่ลึกๆในใจเหมือนจะรู้คำตอบเป็นเงาๆ
“ เจ้าจะรู้ไปไย ในเมื่อเจ้าก็รู้อยู่แล้ว ” หญิงสาวสวยตรงหน้าตอบตวัดเสียง คิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย
‘ ไม่รู้ซักหน่อย ชาตินี้เกิดมาไม่เคยเจอ ’ปรัศวินทร์คิดในใจ ‘ แต่น่าถ่ายรูปไว้ สวย...แปลกดี ”
ร่างโปร่งบางนั้นหยัดยืนตรง ทำให้เขาเห็นว่าเธอสูงพอสมควร และถึงแม้รอบตัวจะไม่มีลมหากสไบที่ตวัดชายกรุยกรายไปไว้ข้างหลังนั้นไปล่ปลิว
“ เจ้าเคยพบข้า ”
คำตอบนั้นถึงกับทำให้ปรัศวินทร์ขนลุกซู่ เพราะเธอรู้ว่าเขาคิดอะไร หากเขาก็ยังแข็งใจถามต่อ
“ ผมเคยพบคุณ...ที่ไหน ??? ”
ริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั้นเหยียดยิ้มเยาะ ดวงตาวาบแสงสีแดง ในทันใด รอบๆตัวปรัศวินทร์ก็เกิดลมแรงพัดวน ทำเอาใบไม้รอบตัวปลิวว่อน ฝุ่นดินทรายฟุ้งกระจาย ปรัศวินทร์ยกแขนขึ้นป้องหน้า ภาพหญิงสาวรางเลือน...
“ แลเจ้าจักได้รู้เอง ” เสียงนั้นก้องขึ้นในหัว ภาพต่างๆดับวูบไป
*******************************************
ปรัศวินทร์สะดุ้งตื่น แสงแดดยามอรุณรุ่งสาดแสงผ่านทะลุผ้าม่านสีขาวสะอาดเข้ามาในห้องไม้ กระทบตานายแพทย์หนุ่มพอดี
เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าคมเข้ม ก่อนหันไปมองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง หกโมงสิบห้า...และสายตาของเขาก็สะดุดกับอะไรบางอย่าง
เขาหยิบกำไลทองเหลืองนั้นมาจ้องดูอีกครั้ง เพชรสีขาวเม็ดเขื่องหากค่อนข้างขุ่นมัวด้วยกาลเวลาบนกำไลส่องประกาย เช่นเดียวกันกับพลอยสีแดงเม็ดเล็กกว่าหากสลักลวดลายสวยงามที่ฝังอยู่เคียงข้าง เขาเพิ่งสังเกตว่ามีพลอยสีแดงอยู่ข้างเพชรเรือนยอดด้วย หากมีพลอยเพียงเม็ดเดียว อีกข้างนั้นมีรอยยบุ๋มลงไป คงเคยมีพลอยสีแดงอีกเม็ดฝังอยู่...เมื่อวานนี้ตอนเก็บมาก็ไม่เห็นจะมีพลอยสักเม็ด หรือไม่ได้สังเกตหว่า...ความคิดในหัวสมองปราดเปรื่องของนายแพทย์หนุ่มแล่นปราด
‘ หรือจะเกี่ยวกับฝันเมื่อคืน คืนนี้ลองเอาไปไว้ในห้องแต้วดูก็คงจะดี ถ้าแต้วฝันเหมือนกัน...’ นายแพทย์หนุ่มตัดสินใจรวดเร็ว ‘ จะเอาไปถวายพระ ! ’
ปรัศวินทร์วางกำไลไว้ที่โต๊ะหัวเตียงเหมือนเดิม และเดินออกจากห้องไป
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง แสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างกลับจางหายไป ทั้งห้องมืดมัว กำไลนั้นสั่นกึกๆอย่างแรงเหมือนถูกเขย่า หมอกควันทึบผุดออกมาจากเพชรสีขาวขุ่น
หมอกควันนั้นก่อตัวเป็นรูปหญิงสาวสวยคนเดียวกันกับที่ปรัศวินทร์ฝันเห็น หากในตอนนี้ ร่างนั้นกลับดูน่าหวาดกลัว ดางตาจ้องไปที่บานประตูอย่างอาฆาตมาดร้าย พูดเสียงเบา
“ เจ้ามิมีวันทำลายข้าได้อีกต่อไป ! ”
***********************************************************************
จบตอนสองแล้วเย้เย้ ^________________________^ ตอนนี้จะยาวหน่อยน้ะคะ เพราะช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมแล้ว ต้องรีบเขียนก่อนที่จะไม่มีเวลเขียนค่ะ เลยเขียนซะยาวเลย 555
ขอบคุนค่ะเพื่อนๆทุกคนที่คอยติดตามอ่านสัตยะธาราและช่วยโพสความเห็น จะติดตามอ่านนิยายของเพื่อนๆทุกคนเช่นกันค่ะ (:
ความคิดเห็น