ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สัตยะธารา

    ลำดับตอนที่ #1 : ความแค้น - ปัจจุบัน

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 53


                ...กรุงศรีอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร...

    หีบไม้ใบนั้นค่อยๆ จมลงสู่ก้นแม่น้ำอันมืดมิดและเงียบสงบ ไร้สรรพเสียงสำเนียงใดๆ  หากร่างร่างหนึ่งในหีบนั้นกลับพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อให้หลุดจากโซ่ตรวนที่ล่ามพันธนาการ

                “ ช่วยด้วย  ใครก็ได้  ช่วยข้าด้วย ! ” เสียงหวานของสตรีพยายามตะโกน  เธอรู้เพียงว่าต้องพยายามให้มีผู้มาปลดปล่อยเธอออกจากหีบ  ก่อนที่ลมหายใจจะหลุดลอยไปกับสายน้ำ

                น้ำเริ่มพรั่งพรูเข้ามาในหีบผ่านรอยแยกระหว่างแผ่นไม้  พรายฟองขาวพร่าพราย  และทำให้หีบไม้ยิ่งดิ่งลงก้นแม่น้ำเร็วขึ้น...เร็วขึ้น

                หญิงสาวพยายามหายใจ  ถึงจะรู้ว่าไม่มีประโยชน์...น้ำเริ่มไหลเข้าปากและจมูกจนเธอสำลักน้ำ  วินาทีสุดท้ายใกล้จะมาถึง...

                หญิงสาวรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย  ดึงกำไลออกมาจากข้อมือเรียว รวบประนมไว้ระหว่างมือทั้งสอง  สามัญสำนึกสุดท้าย...ฝากไว้ในกำไลวงนี้...

                ความเจ็บแค้นใดที่พวกมันทำให้ข้า ...แม่จันทร์ผู้นี้...ข้าขอฝากฝังไว้ในกำไลวงนี้ ข้าขอตั้งสัจจาธิษฐาน สายน้ำจงเป็นพยาน  ข้าจักตามล้างแค้น  อย่าให้มันได้มีความสุข ข้าขอจองเวรมันทุกชาติไป! ’

                ...กำไลลอยหลุดจากมือหญิงสาว เช่นเดียวกับลมหายใจสุดท้าย...

    ********************************

                ...จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ.2552…

    แสงไฟระยิบจากกระทงที่ไหลเรื่อยไปตามลำน้ำเจ้าพระยาสะท้อนกับผืนน้ำเป็นประกาย  หญิงสาวร่างสูงบางที่ยืนถือกระทงอยู่ตรงท่าน้ำค่อยๆย่อตัวลง  ปล่อยกระทงใบเล็กให้ลอยไปกับกระแสน้ำ  ลุกยืนขึ้นก่อนหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ

                “ ขอบคุณค่ะวินทร์  ที่ทำให้ธารได้ลอยกระทงสงบๆเหมือนคนอื่นสักปี ”

                “ ไม่เป็นไรหรอกธาร ชายหนุ่มร่างโปร่ง สูงสะโอดสะองข้างๆหญิงสาวตอบเบาๆ

                ธารริน ยังคงยืนมองสายน้ำเจ้าพระยาที่เริ่มล้นตลิ่งอย่างอาวรณ์  สำหรับชีวิตดารานางแบบชื่อดังอย่างเธอ  การจะหาเวลาว่างมาลอยกระทงเองในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองโดยที่ไม่ต้องมีใครคอยแอบถ่ายรูปหรือขอลายเซ็นนั้นยากเต็มทน  ปีนี้โชคดีที่ ปรัศวินทร์เพื่อนชายคนสนิทของเธอจะมาเที่ยวอยุธยาตอนลอยกระทง  เธอจึงขอขับรถตามมาด้วย  เพราะถ้าไปกับเพื่อนดารานางแบบนายแบบด้วยกันก็คงจะต้องมีข่าวซุบซิบออกมาอีกแน่นอน  เธอจึงเลือกมากับนายแพทย์หนุ่มคนนี้  ที่ไม่เป็นที่รู้จักในสังคมและไม่มีใครคอยตาม

                “ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้มาลอยกระทงเงียบๆแบบนี้อีกนะ  ช่วงเทศกาลก็มีแต่พวกนักข่าวตาม จะไปไหนก็ไม่มีอิสระ กว่าจะได้มาเงียบๆแบบนี้คงอีกนาน...” ธารรินถอนหายใจ

                “ เดี๋ยวปีใหม่ธารมาเที่ยวบ้านผมที่นี่ก็ได้  พี่สาวน้องสาวผมชอบธารทุกคนเลยนะ” ปรัศวินทร์เอ่ยชวน  หัวใจพองโตเมื่อธารรินหันมายิ้มให้

                “ ก็ได้ค่ะ  ปลายปีนี้ธารไม่ค่อยมีงานช่วงปีใหม่  จะขอลองมาใช้ชีวิตเป็นสาวอยุธยาดูละกัน ”

                หญิงสาวหันไปมองสายน้ำที่เปล่งประกายระยิบระยับอีกรอบ  ก่อนตัดใจหันหลังเดินออกมาจากท่าน้ำ

                “ ขอบคุณมากเลยค่ะ  ธารคงต้องกลับกรุงเทพแล้วล่ะ ”

                “ ขับรถกลับคนเดียวได้ใช่ไหมครับ ? ” ปรัศวินทร์ถามอย่างห่วงใย

                “ ค่ะ  ธารไม่ขับรถชนกำแพงเหมือนตอนขี่จักรยานสมัยป.1 หรอกวินทร์ ” หญิงสาวพูดล้อเลียน  ก่อนเดินเลียบริมตลิ่งไปหารถเก๋งคันงามของเธอ

                เขามองตามรถคันนั้นไปจนสุดสายตา  ก่อนที่จะเดินกลับบ้าน พลันสายตาของปรัศวินทร์ก็ไปกระทบกับแสงเล็กๆเป็นประกาย  ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนสะกด

                เขาเดินไปที่ริมตลิ่ง ดวงตาจับจ้องอยู่ที่วัตถุที่ลอยมาติดตลิ่ง ก่อนที่จะหยิบวัตถุเล็กๆนั้นขึ้นมาอย่างเบามือ

                สิ่งที่เขาหยิบขึ้นมาจากน้ำ คือกำไลวงหนึ่ง เปรอะดินโคลนเกือบทั้งวง หากยังมิสามารถกลบความงามของลายฉลุฉลักแบบสมัยอยุธยาบนตัวกำไลได้  ปรัศวินทร์ค่อยๆจุ่มกำไลลงในแม่น้ำอย่างทะนุถนอมราวกับกลัวว่ามันจะสลายเป็นผุยผงหากเขาจับมันแน่นเกินไป  เขาปล่อยให้สายน้ำอันบริสุทธิ์ชำระล้างดินโคลนออกไปจนหมด ก่อนนำขึ้นมาพิศดูอีกครั้ง

                กำไลวงนั้นเป็นทองเหลือง มิใช่ทอง  หากยามกระทบแสงจันทร์คืนวันเพ็ญกลับเปล่งประกายงามอย่างประหลาด เช่นเดียวกับเพชรสีขาวขนาดเขื่องเม็ดเดี่ยวที่เรือนยอดกำไล  ลายฉลุฉลุฉลักบนตัวกำไลเป็นแบบอยุธยาตอนปลาย  งดงามอ่อนช้อยอย่างยิ่งยวด

                เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา และค่อยๆใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อกำไล  ในทันใดนั้น เขารู้สึกเหมือนมีกระแสยินดี  โศกเศร้า  และอาฆาตมาดร้ายแผ่ออกมาจากกำไลวงนั้น  ทำให้เขาขนลุกซู่โดยกะทันหัน

                คิดมากน่าเรา  ก็แค่กำไลเก่าๆ ไม่มีอะไรหรอก ปรัศวินทร์ปลอบตัวเอง ก่อนเดินกลับบ้าน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×