คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความแค้น - ปัจจุบัน
...กรุงศรีอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร...
หีบไม้ใบนั้นค่อยๆ จมลงสู่ก้นแม่น้ำอันมืดมิดและเงียบสงบ ไร้สรรพเสียงสำเนียงใดๆ หากร่างร่างหนึ่งในหีบนั้นกลับพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อให้หลุดจากโซ่ตรวนที่ล่ามพันธนาการ
“ ช่วยด้วย ใครก็ได้ ช่วยข้าด้วย ! ” เสียงหวานของสตรีพยายามตะโกน เธอรู้เพียงว่าต้องพยายามให้มีผู้มาปลดปล่อยเธอออกจากหีบ ก่อนที่ลมหายใจจะหลุดลอยไปกับสายน้ำ
น้ำเริ่มพรั่งพรูเข้ามาในหีบผ่านรอยแยกระหว่างแผ่นไม้ พรายฟองขาวพร่าพราย และทำให้หีบไม้ยิ่งดิ่งลงก้นแม่น้ำเร็วขึ้น...เร็วขึ้น
หญิงสาวพยายามหายใจ ถึงจะรู้ว่าไม่มีประโยชน์...น้ำเริ่มไหลเข้าปากและจมูกจนเธอสำลักน้ำ วินาทีสุดท้ายใกล้จะมาถึง...
หญิงสาวรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย ดึงกำไลออกมาจากข้อมือเรียว รวบประนมไว้ระหว่างมือทั้งสอง สามัญสำนึกสุดท้าย...ฝากไว้ในกำไลวงนี้...
‘ ความเจ็บแค้นใดที่พวกมันทำให้ข้า ...แม่จันทร์ผู้นี้...ข้าขอฝากฝังไว้ในกำไลวงนี้ ข้าขอตั้งสัจจาธิษฐาน สายน้ำจงเป็นพยาน ข้าจักตามล้างแค้น อย่าให้มันได้มีความสุข ข้าขอจองเวรมันทุกชาติไป! ’
...กำไลลอยหลุดจากมือหญิงสาว เช่นเดียวกับลมหายใจสุดท้าย...
********************************
...จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ.2552
แสงไฟระยิบจากกระทงที่ไหลเรื่อยไปตามลำน้ำเจ้าพระยาสะท้อนกับผืนน้ำเป็นประกาย หญิงสาวร่างสูงบางที่ยืนถือกระทงอยู่ตรงท่าน้ำค่อยๆย่อตัวลง ปล่อยกระทงใบเล็กให้ลอยไปกับกระแสน้ำ ลุกยืนขึ้นก่อนหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ ขอบคุณค่ะวินทร์ ที่ทำให้ธารได้ลอยกระทงสงบๆเหมือนคนอื่นสักปี ”
“ ไม่เป็นไรหรอกธาร ” ชายหนุ่มร่างโปร่ง สูงสะโอดสะองข้างๆหญิงสาวตอบเบาๆ
‘ ธารริน’ ยังคงยืนมองสายน้ำเจ้าพระยาที่เริ่มล้นตลิ่งอย่างอาวรณ์ สำหรับชีวิตดารานางแบบชื่อดังอย่างเธอ การจะหาเวลาว่างมาลอยกระทงเองในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองโดยที่ไม่ต้องมีใครคอยแอบถ่ายรูปหรือขอลายเซ็นนั้นยากเต็มทน ปีนี้โชคดีที่ ‘ปรัศวินทร์’เพื่อนชายคนสนิทของเธอจะมาเที่ยวอยุธยาตอนลอยกระทง เธอจึงขอขับรถตามมาด้วย เพราะถ้าไปกับเพื่อนดารานางแบบนายแบบด้วยกันก็คงจะต้องมีข่าวซุบซิบออกมาอีกแน่นอน เธอจึงเลือกมากับนายแพทย์หนุ่มคนนี้ ที่ไม่เป็นที่รู้จักในสังคมและไม่มีใครคอยตาม
“ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้มาลอยกระทงเงียบๆแบบนี้อีกนะ ช่วงเทศกาลก็มีแต่พวกนักข่าวตาม จะไปไหนก็ไม่มีอิสระ กว่าจะได้มาเงียบๆแบบนี้คงอีกนาน...” ธารรินถอนหายใจ
“ เดี๋ยวปีใหม่ธารมาเที่ยวบ้านผมที่นี่ก็ได้ พี่สาวน้องสาวผมชอบธารทุกคนเลยนะ” ปรัศวินทร์เอ่ยชวน หัวใจพองโตเมื่อธารรินหันมายิ้มให้
“ ก็ได้ค่ะ ปลายปีนี้ธารไม่ค่อยมีงานช่วงปีใหม่ จะขอลองมาใช้ชีวิตเป็นสาวอยุธยาดูละกัน ”
หญิงสาวหันไปมองสายน้ำที่เปล่งประกายระยิบระยับอีกรอบ ก่อนตัดใจหันหลังเดินออกมาจากท่าน้ำ
“ ขอบคุณมากเลยค่ะ ธารคงต้องกลับกรุงเทพแล้วล่ะ ”
“ ขับรถกลับคนเดียวได้ใช่ไหมครับ ? ” ปรัศวินทร์ถามอย่างห่วงใย
“ ค่ะ ธารไม่ขับรถชนกำแพงเหมือนตอนขี่จักรยานสมัยป.1 หรอกวินทร์ ” หญิงสาวพูดล้อเลียน ก่อนเดินเลียบริมตลิ่งไปหารถเก๋งคันงามของเธอ
เขามองตามรถคันนั้นไปจนสุดสายตา ก่อนที่จะเดินกลับบ้าน พลันสายตาของปรัศวินทร์ก็ไปกระทบกับแสงเล็กๆเป็นประกาย ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนสะกด
เขาเดินไปที่ริมตลิ่ง ดวงตาจับจ้องอยู่ที่วัตถุที่ลอยมาติดตลิ่ง ก่อนที่จะหยิบวัตถุเล็กๆนั้นขึ้นมาอย่างเบามือ
สิ่งที่เขาหยิบขึ้นมาจากน้ำ คือกำไลวงหนึ่ง เปรอะดินโคลนเกือบทั้งวง หากยังมิสามารถกลบความงามของลายฉลุฉลักแบบสมัยอยุธยาบนตัวกำไลได้ ปรัศวินทร์ค่อยๆจุ่มกำไลลงในแม่น้ำอย่างทะนุถนอมราวกับกลัวว่ามันจะสลายเป็นผุยผงหากเขาจับมันแน่นเกินไป เขาปล่อยให้สายน้ำอันบริสุทธิ์ชำระล้างดินโคลนออกไปจนหมด ก่อนนำขึ้นมาพิศดูอีกครั้ง
กำไลวงนั้นเป็นทองเหลือง มิใช่ทอง หากยามกระทบแสงจันทร์คืนวันเพ็ญกลับเปล่งประกายงามอย่างประหลาด เช่นเดียวกับเพชรสีขาวขนาดเขื่องเม็ดเดี่ยวที่เรือนยอดกำไล ลายฉลุฉลุฉลักบนตัวกำไลเป็นแบบอยุธยาตอนปลาย งดงามอ่อนช้อยอย่างยิ่งยวด
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา และค่อยๆใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อกำไล ในทันใดนั้น เขารู้สึกเหมือนมีกระแสยินดี โศกเศร้า และอาฆาตมาดร้ายแผ่ออกมาจากกำไลวงนั้น ทำให้เขาขนลุกซู่โดยกะทันหัน
‘ คิดมากน่าเรา ก็แค่กำไลเก่าๆ ไม่มีอะไรหรอก ’ ปรัศวินทร์ปลอบตัวเอง ก่อนเดินกลับบ้าน
ความคิดเห็น