คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : การแก้แค้น [ ตอนที่ 1 ]
พริมโรสยืนเท้าลูกกรงระเบียงห้องชุดในคอนโดมิเนียมหรูหราชั้นบนสุดอย่างสบายใจพลางมองสายน้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนของฤดูหนาว ในมือของเธอกำกำไลไว้วงหนึ่ง พริมโรสชูมันขึ้นให้เพชรเม็ดยอดนั้นได้ส่งประกายล้อกับแสงจันทร์ ยิ่งพิศมองกำไลนั้นยิ่งดูงดงาม หญิงสาวเดินกลับเข้ามาในห้องนอน สวมกำไลเข้ากับข้อมือขาวดุจงาช้างนั้นก่อนเดินไปหมุนตัวอยู่หน้ากระจกเงา เพื่ออวดความงามของกำไลนั้น
พริมโรสนึกในใจอย่างเสียดาย...โธ่ พลอยดันหลุดไปเม็ดนึงซะนี่ ไม่งั้นคงใส่ออกงานแล้วแน่ๆ...
ภาพสะท้อนในกระจกฉายให้เห็นภาพของหญิงสาวร่างสูงโปร่ง วงหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตสีออกฟ้าด้วยเลือดยุโรป จมูกโด่งคมและริมฝีปากอิ่มเต็ม หากเมื่อหญิงสาวเหม่อมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเงา ก็คล้ายกับจะมีร่างซ้อนของหญิงสาวผมดำ ผิวซีดเผือดเหมือนคนจมน้ำ ริมฝีปากซีดเขียวแสยะยิ้มเยาะจนเห็นเขี้ยวขาวเล็กดูน่าหวาดเสียวที่มุมปากทาบทับขึ้นมา !!!
นางแบบสาวสะดุ้งสุดตัว ขยี้ตาอย่างแรง ค่อยๆลืมตาอย่างหวาดกลัวภาพที่จะเห็น แต่ทว่า...ในกระจกบานยาวก็มีเพียงเงาสะท้อนของเธอเท่านั้น ไม่ใช่เงาร่างของหญิงสาวในชุดโบราณเช่นที่เธอนึกกลัว
‘โอย คิดมากน่ะเรา นอนดีกว่า สงสัยวันนี้จะเครียด’ พริมโรสพูดปลอบใจตัวเอง
ขณะที่เธอเอนร่างลงบนเตียงหนานุ่ม...คล้ายมีเสียงกระซิบข้างหู...แค่คิดมากจริงหรือ ?
แต่สุดท้าย เธอก็หลับไปพร้อมที่ยังใส่กำไลวงนั้น
***************************************************************************
เสียงลมหวีดหวิวรอบกายทำให้พริมโรสลืมตาตื่น
เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ นางแบบสาวก็กรีดร้องออกมาเต็มเสียง เพราะรอบข้างกายนั้นไม่ใช่ห้องนอนกว้างขวางในคอนโดหรูของเธอ !!!
บรรยากาศรายรอบนั้นวังเวงเปล่าเปลี่ยว ใบไม้แห้งๆที่กองทับถมกันถูกลมพัดปลิวว่อน ฝุ่นฟุ้งกระจายจนพริมโรสรู้สึกแสบตา ไอเย็นจากแม่น้ำเบื้องหน้านั้นดูจะเย็นบาดผิวราวคมมีดกรีดลงบนเนื้อ ความมืดวังเวงโดยรอบเมื่อบวกกับเสียงหมาหอนไกลๆทำให้พริมโรสแทบอยากหมดสติให้ได้ในเดี๋ยวนั้น
“ในที่สุด เจ้ากับข้าก็ได้พบกันอีกครั้ง”
เสียงเสนาะใสดังขึ้น พริมโรสหันขวับไปหาเจ้าของเสียง
หญิงสาวร่างสูงโปร่งยืนอยู่ หน้าตางดงามแลดูอ่อนเยาว์ทำให้พริมโรสคาดว่าเธอผู้นี้น่าจะอายุไม่เกินสิบแปดสิบเก้า แต่ที่น่ากลัวคือผิวที่ซีดเผือดราวกับคนจมน้ำ และเครื่องแต่งกายอันประกอบด้วยสไบสีขาวยาวระเรี่ยพื้นดิน และโจงกระเบนสีดำ ...ทำให้พริมโรสรู้ได้ในทันนทีว่า...เธอคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา...
“ใคร..เธอเป็นใคร...ฉันไม่เคยรู้จัก !!!” เสียงของพริมโรสเริ่มกรีดแหลม
“ข้าเป็นเจ้าของ...สิ่งที่อยู่บนมือเจ้า...”
พริมโรสเหลือบตามองกำไลที่ดูจะสว่างสุกใสยิ่งยามอยู่ท่ามกลางความมืด ก่อนเหยียดยิ้มหยัน...โธ่เอ๊ย แม่คนนี้คงเป็นผู้หญิงเก่าๆของปรัศวินทร์ละมั้ง
สิ่งหนึ่งที่พริมโรสไม่เคยบอกธารรินก็คือ ทันทีที่เพื่อนสาวพาปรัศวินทร์มาแนะนำในฐานะแฟนให้พริมโรสได้รู้จัก นางแบบสาวก็หลงรักนายแพทย์หนุ่มคนนี้ในทันที...
พริมโรสจึงพยายามทำตัวให้สนิทสนม แต่ก็ไม่ให้มากเกินจนถึงขนาดที่ธารรินจะรู้สึกตัวว่า...เพื่อนสนิทของเธอเองกำลังเริ่มเข้าใกล้แฟนหนุ่มทีละน้อย...ทีละน้อย...จนวันหนึ่งข้างหน้า พริมโรสแน่ใจว่าเธอจะสามารถเบียดธารรินออกจากตำแหน่ง ‘แฟน’ ของปรัศวินทร์ได้อย่างแน่นอน
ขอโทษนะจ๊ะเพื่อนเลิฟ...
“อ๋อ กำไลของปรัศวินทร์” เสียงของพริมโรสเปลี่ยนไปในทันที
หญิงสาวในเงามืดพยักหน้า พริมโรสรู้สึกได้ในทันทีว่า คล้ายๆกับจะมีกระแสแห่งความเศร้าโศกแผ่ออกมาจากร่างบางตรงหน้าอย่างประหลาด หากเธอก็มิได้สนใจ
...เอาเถอะน่า ถึงแม้ยัยนี่จะเป็นผีหรืออะไรก็ช่าง ในเมื่อดูท่าจะเคยเป็นคนรู้ใจปรัศวินทร์ฉันก็ปล่อยเธอไว้ไม่ได้หรอกย่ะ มีแค่ธารรินขวางทางอยู่คนเดียวก็เกินพอแล้ว...
“เขาให้ฉันมาแล้ว เธอก็ไม่มีสิทธิ์ทวงคืนแล้วล่ะนะ” พริมโรสพูดด้วยน้ำเสียงอย่างผู้ที่เหนือชั้นกว่า
“เนี่ย พลอยที่มันหลุดไปเม็ดนึงฉันกับปรัศวินทร์ก็กำลังจะไปหาซื้อมาใส่ใหม่พอดี กะจะใส่ออกงานคู่กับเขา”
หญิงสาวร่างบางเดินออกมาจากเงามืด ถึงแม้แผ่นฟ้าเบื้องบนจะไร้แสงจันทร์หากพริมโรสกลับมองเห็นใบหน้างามราวภาพวาดนั้นได้อย่างชัดเจน ดวงตาเศร้าสร้อยของหญิงสาวประสานกับสายตาพริมโรส ก่อนยื่นมือออกมา
สิ่งที่อยู่บนฝ่ามือขาวผ่องคือพลอยสีแดงดุจโลหิต ถึงแม้เจียระไนอย่างหยาบๆด้วยวิธีโบราณแต่ก็เป็นพลอยที่น้ำงามอย่างยิ่ง...ที่สำคัญ มันเป็นพลอยที่สลักลวดลายแบบเดียวกันกับพลอยบนกำไล อีกทั้งขนาดก็พอดีกับรอยบุ๋มที่เคยมีพลอยอีกเม็ดติดอยู่... พริมโรสตาลุกวาว
“ ขอฉันเถอะ ขายก็ได้...ฉันขอซื้อ”
มุมปากของหญิงสาวตรงหน้าเหยียดยิ้ม .. ยิ้มที่ทำให้พริมโรสถึงกับขนลุกเกรียว
“คน...ของ...สิ่งที่มิใช่ของเจ้า จักเอาไปเป็นของของตนได้เยี่ยงไร??”
ถ้อยคำที่ออกมาจากริมฝีปากอิ่มของหญิงสาวตรงหน้า ทำให้พริมโรสแทบอยากปราดเข้าไปกระชากตัวเธอ เพราะเหมือนกับจะว่าพริมโรสว่า... ละโมบโลภมาก และคล้ายจะเหน็บเธออย่างรู้ทันในทีว่า...กำลังจะแย่งคนรักของเพื่อน...นางแบบสาวอารมณ์พุ่งปรี๊ด
“ก็ฉันบอกเธอไปแล้วไง กำไลวงนี้มันเป็นของฉัน ปรัศวินทร์เขารักฉัน แล้วเธอจะยังดื้อด้านหลอกตัวเองไปอีกทำไม เอาสิ่งที่ควรเป็นของของผู้หญิงที่เขารักคืนมาให้ฉันดีกว่า ฟังให้ดีนะ..ปรัศวินทร์เขารักฉัน ไม่ได้รักเธอ เข้าใจมั้ย !?”
ทันทีที่พริมโรสตะโกนจบ เธอถึงเพิ่งรู้ตัวว่า...ทำผิดพลาดอย่างมหันต์
นัยน์ตาสีดำสนิทสุกสกาวราวนิลน้ำเอกของหญิงสาวลึกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน มุมปากที่เหยียดยิ้มมีเขี้ยวสีขาวแหลมเฟี้ยวอย่างน่าเสียงไส้งอกยาวออกมา ผิวกายที่ซีดอยู่เป็นทุนเดิมนั้นคล้ำเขียว มือซีดๆเย็บเฉียบยืดยาวมาบีบข้อมือพริมโรสที่กำลังจะวิ่งหนีไว้แน่น เล็บยาวแหลมสกปรกสีดำจิกลึกลงไปในเนื้อ
ใบหน้าอ่อนเยาว์งามแอร่มดุจนวลจันทร์วันเพ็ญเริ่มบวมอืด หนอนชอนไชยั้วเยี้ย เนื้อบางส่วนหลุดฟอนเฟะ ลูกตาหลุดจากเบ้าห้อยต่องแต่ง จากหญิงสาววัยแรกรุ่นดรุณีเธอกลับกลายเป็นยายแก่พันปีไปในพริบตาเดียว เสียงที่เปล่งจากริมฝีปากบวมคล้ำนั้นเย็นเยียบ เศร้าสร้อย สะท้อนดังกังวาน หากกระแสเสียงที่เจือความโกรธอย่างที่สุดนั้นถึงกับทำให้พริมโรสหนาวเยือกไปถึงสันหลัง
“ เจ้ามิเคยเปลี่ยนตัวเจ้าได้เลยสักครา แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแสนนานเท่าใด รัก..โกรธ..เกลียด...ทำให้เจ้าฆ่าได้แม้แต่เพื่อนของเจ้าเอง !!!!!!”
สายลมรอบกายเริ่มรุนแรงปั่นป่วน จนกระทั่งพัดตีเอาฝุ่นและเศษใบไม้กิ่งไม้ฟุ้งกระจาย เสียงกรีดหัวเราะของยายแก่อสุรกายน่ากลัวตรงหน้าดังก้องชำแรกโสตประสาทของพริมโรสจนเธอต้องยกมืออุดหูและกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
“ จงดู...นังคนทรยศหยาบช้า จงดูให้ประจักษ์แก่ตาเจ้าว่า...ข้าต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใดที่เจ้ามิยอมให้ข้าได้ไปผุดไปเกิด!!”
ทันทีที่สิ้นเสียงตวาดอย่างโกรธแค้นของร่างที่น่าสยดสยอง สายลมรอบกายเริ่มพัดแรงขึ้น และค่อยๆเบาลง...จนนิ่งสนิท
พริมโรสยังคงอุดหูหลับตาปี๋ แล้วเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินแหวกพงหญ้ารกรุงรังตรงหน้าเธอใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...จนมาหยุดอยู่ตรงลานดินที่เธอยืนอยู่ เสียงหัวเราะแหลมของหญิงสาวดังขึ้น พริมโรสจึงค่อยๆลืมตามองอย่างกล้าๆกลัวๆ
กลุ่มคนตรงหน้าเธอแต่งกายโบราณแบบอยุธยา หญิงสาวสองคนที่ยืนอยู่ก็ห่มสไบสีทึมๆนุ่ง
โจงกระเบนอย่างรัดกุมสีน้ำเงินจนเกือบดำกันทั้งคู่ เช่นเดียวกับหญิงชราหน้าตาท่าทางรกรุงรังนุ่งห่มสีดำทั้งชุดห้อยลูกประคำหลายสายลดหลั่นกัน สะพายย่ามเก่าๆที่ดูเก่ามอซอ
ชายหนุ่มสองคนจากผิวพรรณและรูปร่างหน้าตาการแต่งกายพริมโรสสามารถบอกได้ว่าคงเป็นพวกบ่าวรับใช้ช่วยกันแบกกระสอบข้าวที่ข้างในมีอะไรบางอย่างพยายามดิ้นดุกดิกมาบนหลัง และเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเจ้านายสาว
“จักให้ทำเยี่ยงไรขอรับ นายหญิงน้อย” เสียงของบ่าวชายคนหนึ่งถามขึ้น
“แก้มัดกระสอบ ข้าอยากดูน้ำหน้ามันเป็นครั้งสุดท้าย” เสียงของหญิงสาวที่บ่าวเรียกว่า ‘นายหญิงน้อย’ สั่งการ ในขณะที่เพื่อนอีกคนหนึ่งยืนยิ้มอย่างสะใจและโหดเหี้ยม
ทันทีที่กระสอบข้าวถูกแก้มัด ร่างบอบบางของหญิงสาวผู้หญิงก็ถูกกระชากออกมา
พริมโรสที่แอบมองเหตุการณ์ตรงหน้าจากหลังต้นไม้ใหญ่แทบกรีดร้องซ้ำด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นหน้าบุคคลตรงหน้าชัดๆ ...ผู้หญิงที่บ่าวสองคนนั้นเรียกว่า ‘นายหญิงน้อย’ก็คือธารริน ส่วนเพื่อนสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆธารริน...ก็คือพริมโรส !!!
ดังนั้นหญิงสาวจึงแทบไม่อยากจะคิดต่อเลยว่า...ผู้หญิงที่ถูกจับยัดใส่กระสอบนั่นคือ...ใคร..!!!
ความคิดเห็น