ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สัตยะธารา

    ลำดับตอนที่ #7 : การแก้แค้น [ ตอนที่ 1 ]

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 54


                พริมโรสยืนเท้าลูกกรงระเบียงห้องชุดในคอนโดมิเนียมหรูหราชั้นบนสุดอย่างสบายใจพลางมองสายน้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนของฤดูหนาว  ในมือของเธอกำกำไลไว้วงหนึ่ง  พริมโรสชูมันขึ้นให้เพชรเม็ดยอดนั้นได้ส่งประกายล้อกับแสงจันทร์  ยิ่งพิศมองกำไลนั้นยิ่งดูงดงาม  หญิงสาวเดินกลับเข้ามาในห้องนอน  สวมกำไลเข้ากับข้อมือขาวดุจงาช้างนั้นก่อนเดินไปหมุนตัวอยู่หน้ากระจกเงา  เพื่ออวดความงามของกำไลนั้นพริมโรสนึกในใจอย่างเสียดาย...โธ่ พลอยดันหลุดไปเม็ดนึงซะนี่  ไม่งั้นคงใส่ออกงานแล้วแน่ๆ...

                ภาพสะท้อนในกระจกฉายให้เห็นภาพของหญิงสาวร่างสูงโปร่ง  วงหน้ารูปไข่   ดวงตากลมโตสีออกฟ้าด้วยเลือดยุโรป  จมูกโด่งคมและริมฝีปากอิ่มเต็ม  หากเมื่อหญิงสาวเหม่อมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเงา ก็คล้ายกับจะมีร่างซ้อนของหญิงสาวผมดำ  ผิวซีดเผือดเหมือนคนจมน้ำ  ริมฝีปากซีดเขียวแสยะยิ้มเยาะจนเห็นเขี้ยวขาวเล็กดูน่าหวาดเสียวที่มุมปากทาบทับขึ้นมา !!!

                นางแบบสาวสะดุ้งสุดตัว  ขยี้ตาอย่างแรง ค่อยๆลืมตาอย่างหวาดกลัวภาพที่จะเห็น  แต่ทว่า...ในกระจกบานยาวก็มีเพียงเงาสะท้อนของเธอเท่านั้น  ไม่ใช่เงาร่างของหญิงสาวในชุดโบราณเช่นที่เธอนึกกลัว

                โอย คิดมากน่ะเรา  นอนดีกว่า  สงสัยวันนี้จะเครียด พริมโรสพูดปลอบใจตัวเอง

                ขณะที่เธอเอนร่างลงบนเตียงหนานุ่ม...คล้ายมีเสียงกระซิบข้างหู...แค่คิดมากจริงหรือ ?

                แต่สุดท้าย เธอก็หลับไปพร้อมที่ยังใส่กำไลวงนั้น

    ***************************************************************************

                เสียงลมหวีดหวิวรอบกายทำให้พริมโรสลืมตาตื่น

                เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ นางแบบสาวก็กรีดร้องออกมาเต็มเสียง เพราะรอบข้างกายนั้นไม่ใช่ห้องนอนกว้างขวางในคอนโดหรูของเธอ !!!

                บรรยากาศรายรอบนั้นวังเวงเปล่าเปลี่ยว ใบไม้แห้งๆที่กองทับถมกันถูกลมพัดปลิวว่อน ฝุ่นฟุ้งกระจายจนพริมโรสรู้สึกแสบตา  ไอเย็นจากแม่น้ำเบื้องหน้านั้นดูจะเย็นบาดผิวราวคมมีดกรีดลงบนเนื้อ  ความมืดวังเวงโดยรอบเมื่อบวกกับเสียงหมาหอนไกลๆทำให้พริมโรสแทบอยากหมดสติให้ได้ในเดี๋ยวนั้น

    “ในที่สุด เจ้ากับข้าก็ได้พบกันอีกครั้ง”

                เสียงเสนาะใสดังขึ้น  พริมโรสหันขวับไปหาเจ้าของเสียง

                หญิงสาวร่างสูงโปร่งยืนอยู่  หน้าตางดงามแลดูอ่อนเยาว์ทำให้พริมโรสคาดว่าเธอผู้นี้น่าจะอายุไม่เกินสิบแปดสิบเก้า  แต่ที่น่ากลัวคือผิวที่ซีดเผือดราวกับคนจมน้ำ  และเครื่องแต่งกายอันประกอบด้วยสไบสีขาวยาวระเรี่ยพื้นดิน และโจงกระเบนสีดำ ...ทำให้พริมโรสรู้ได้ในทันนทีว่า...เธอคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา...

                “ใคร..เธอเป็นใคร...ฉันไม่เคยรู้จัก !!!” เสียงของพริมโรสเริ่มกรีดแหลม

                “ข้าเป็นเจ้าของ...สิ่งที่อยู่บนมือเจ้า...”

                พริมโรสเหลือบตามองกำไลที่ดูจะสว่างสุกใสยิ่งยามอยู่ท่ามกลางความมืด  ก่อนเหยียดยิ้มหยัน...โธ่เอ๊ย  แม่คนนี้คงเป็นผู้หญิงเก่าๆของปรัศวินทร์ละมั้ง

                สิ่งหนึ่งที่พริมโรสไม่เคยบอกธารรินก็คือ ทันทีที่เพื่อนสาวพาปรัศวินทร์มาแนะนำในฐานะแฟนให้พริมโรสได้รู้จัก  นางแบบสาวก็หลงรักนายแพทย์หนุ่มคนนี้ในทันที...

                พริมโรสจึงพยายามทำตัวให้สนิทสนม แต่ก็ไม่ให้มากเกินจนถึงขนาดที่ธารรินจะรู้สึกตัวว่า...เพื่อนสนิทของเธอเองกำลังเริ่มเข้าใกล้แฟนหนุ่มทีละน้อย...ทีละน้อย...จนวันหนึ่งข้างหน้า พริมโรสแน่ใจว่าเธอจะสามารถเบียดธารรินออกจากตำแหน่ง แฟน ของปรัศวินทร์ได้อย่างแน่นอนขอโทษนะจ๊ะเพื่อนเลิฟ...

                “อ๋อ กำไลของปรัศวินทร์” เสียงของพริมโรสเปลี่ยนไปในทันที

                หญิงสาวในเงามืดพยักหน้า  พริมโรสรู้สึกได้ในทันทีว่า คล้ายๆกับจะมีกระแสแห่งความเศร้าโศกแผ่ออกมาจากร่างบางตรงหน้าอย่างประหลาด  หากเธอก็มิได้สนใจ 

                ...เอาเถอะน่า ถึงแม้ยัยนี่จะเป็นผีหรืออะไรก็ช่าง  ในเมื่อดูท่าจะเคยเป็นคนรู้ใจปรัศวินทร์ฉันก็ปล่อยเธอไว้ไม่ได้หรอกย่ะ มีแค่ธารรินขวางทางอยู่คนเดียวก็เกินพอแล้ว...

                “เขาให้ฉันมาแล้ว  เธอก็ไม่มีสิทธิ์ทวงคืนแล้วล่ะนะ”  พริมโรสพูดด้วยน้ำเสียงอย่างผู้ที่เหนือชั้นกว่า 

                “เนี่ย  พลอยที่มันหลุดไปเม็ดนึงฉันกับปรัศวินทร์ก็กำลังจะไปหาซื้อมาใส่ใหม่พอดี กะจะใส่ออกงานคู่กับเขา”

                หญิงสาวร่างบางเดินออกมาจากเงามืด  ถึงแม้แผ่นฟ้าเบื้องบนจะไร้แสงจันทร์หากพริมโรสกลับมองเห็นใบหน้างามราวภาพวาดนั้นได้อย่างชัดเจน  ดวงตาเศร้าสร้อยของหญิงสาวประสานกับสายตาพริมโรส  ก่อนยื่นมือออกมา

                สิ่งที่อยู่บนฝ่ามือขาวผ่องคือพลอยสีแดงดุจโลหิต  ถึงแม้เจียระไนอย่างหยาบๆด้วยวิธีโบราณแต่ก็เป็นพลอยที่น้ำงามอย่างยิ่ง...ที่สำคัญ มันเป็นพลอยที่สลักลวดลายแบบเดียวกันกับพลอยบนกำไล  อีกทั้งขนาดก็พอดีกับรอยบุ๋มที่เคยมีพลอยอีกเม็ดติดอยู่...  พริมโรสตาลุกวาว

                “ ขอฉันเถอะ  ขายก็ได้...ฉันขอซื้อ”

                มุมปากของหญิงสาวตรงหน้าเหยียดยิ้ม .. ยิ้มที่ทำให้พริมโรสถึงกับขนลุกเกรียว

                “คน...ของ...สิ่งที่มิใช่ของเจ้า  จักเอาไปเป็นของของตนได้เยี่ยงไร??”

                ถ้อยคำที่ออกมาจากริมฝีปากอิ่มของหญิงสาวตรงหน้า  ทำให้พริมโรสแทบอยากปราดเข้าไปกระชากตัวเธอ  เพราะเหมือนกับจะว่าพริมโรสว่า... ละโมบโลภมาก และคล้ายจะเหน็บเธออย่างรู้ทันในทีว่า...กำลังจะแย่งคนรักของเพื่อน...นางแบบสาวอารมณ์พุ่งปรี๊ด 

                “ก็ฉันบอกเธอไปแล้วไง  กำไลวงนี้มันเป็นของฉัน  ปรัศวินทร์เขารักฉัน แล้วเธอจะยังดื้อด้านหลอกตัวเองไปอีกทำไม  เอาสิ่งที่ควรเป็นของของผู้หญิงที่เขารักคืนมาให้ฉันดีกว่า  ฟังให้ดีนะ..ปรัศวินทร์เขารักฉัน ไม่ได้รักเธอ เข้าใจมั้ย !?

                ทันทีที่พริมโรสตะโกนจบ  เธอถึงเพิ่งรู้ตัวว่า...ทำผิดพลาดอย่างมหันต์

                นัยน์ตาสีดำสนิทสุกสกาวราวนิลน้ำเอกของหญิงสาวลึกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน  มุมปากที่เหยียดยิ้มมีเขี้ยวสีขาวแหลมเฟี้ยวอย่างน่าเสียงไส้งอกยาวออกมา  ผิวกายที่ซีดอยู่เป็นทุนเดิมนั้นคล้ำเขียว  มือซีดๆเย็บเฉียบยืดยาวมาบีบข้อมือพริมโรสที่กำลังจะวิ่งหนีไว้แน่น  เล็บยาวแหลมสกปรกสีดำจิกลึกลงไปในเนื้อ

                ใบหน้าอ่อนเยาว์งามแอร่มดุจนวลจันทร์วันเพ็ญเริ่มบวมอืด หนอนชอนไชยั้วเยี้ย เนื้อบางส่วนหลุดฟอนเฟะ  ลูกตาหลุดจากเบ้าห้อยต่องแต่ง จากหญิงสาววัยแรกรุ่นดรุณีเธอกลับกลายเป็นยายแก่พันปีไปในพริบตาเดียว  เสียงที่เปล่งจากริมฝีปากบวมคล้ำนั้นเย็นเยียบ เศร้าสร้อย สะท้อนดังกังวาน หากกระแสเสียงที่เจือความโกรธอย่างที่สุดนั้นถึงกับทำให้พริมโรสหนาวเยือกไปถึงสันหลัง

                “ เจ้ามิเคยเปลี่ยนตัวเจ้าได้เลยสักครา  แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแสนนานเท่าใด  รัก..โกรธ..เกลียด...ทำให้เจ้าฆ่าได้แม้แต่เพื่อนของเจ้าเอง !!!!!!

                สายลมรอบกายเริ่มรุนแรงปั่นป่วน จนกระทั่งพัดตีเอาฝุ่นและเศษใบไม้กิ่งไม้ฟุ้งกระจาย  เสียงกรีดหัวเราะของยายแก่อสุรกายน่ากลัวตรงหน้าดังก้องชำแรกโสตประสาทของพริมโรสจนเธอต้องยกมืออุดหูและกรีดร้องอย่างเจ็บปวด

                “ จงดู...นังคนทรยศหยาบช้า  จงดูให้ประจักษ์แก่ตาเจ้าว่า...ข้าต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใดที่เจ้ามิยอมให้ข้าได้ไปผุดไปเกิด!!

                ทันทีที่สิ้นเสียงตวาดอย่างโกรธแค้นของร่างที่น่าสยดสยอง สายลมรอบกายเริ่มพัดแรงขึ้น  และค่อยๆเบาลง...จนนิ่งสนิท

                พริมโรสยังคงอุดหูหลับตาปี๋  แล้วเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินแหวกพงหญ้ารกรุงรังตรงหน้าเธอใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...จนมาหยุดอยู่ตรงลานดินที่เธอยืนอยู่  เสียงหัวเราะแหลมของหญิงสาวดังขึ้น  พริมโรสจึงค่อยๆลืมตามองอย่างกล้าๆกลัวๆ

                กลุ่มคนตรงหน้าเธอแต่งกายโบราณแบบอยุธยา  หญิงสาวสองคนที่ยืนอยู่ก็ห่มสไบสีทึมๆนุ่ง

    โจงกระเบนอย่างรัดกุมสีน้ำเงินจนเกือบดำกันทั้งคู่  เช่นเดียวกับหญิงชราหน้าตาท่าทางรกรุงรังนุ่งห่มสีดำทั้งชุดห้อยลูกประคำหลายสายลดหลั่นกัน  สะพายย่ามเก่าๆที่ดูเก่ามอซอ

                ชายหนุ่มสองคนจากผิวพรรณและรูปร่างหน้าตาการแต่งกายพริมโรสสามารถบอกได้ว่าคงเป็นพวกบ่าวรับใช้ช่วยกันแบกกระสอบข้าวที่ข้างในมีอะไรบางอย่างพยายามดิ้นดุกดิกมาบนหลัง  และเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเจ้านายสาว

                “จักให้ทำเยี่ยงไรขอรับ นายหญิงน้อย” เสียงของบ่าวชายคนหนึ่งถามขึ้น

                “แก้มัดกระสอบ  ข้าอยากดูน้ำหน้ามันเป็นครั้งสุดท้าย” เสียงของหญิงสาวที่บ่าวเรียกว่า นายหญิงน้อย สั่งการ ในขณะที่เพื่อนอีกคนหนึ่งยืนยิ้มอย่างสะใจและโหดเหี้ยม

                ทันทีที่กระสอบข้าวถูกแก้มัด ร่างบอบบางของหญิงสาวผู้หญิงก็ถูกกระชากออกมา

                พริมโรสที่แอบมองเหตุการณ์ตรงหน้าจากหลังต้นไม้ใหญ่แทบกรีดร้องซ้ำด้วยความหวาดกลัว  เมื่อเห็นหน้าบุคคลตรงหน้าชัดๆ ...ผู้หญิงที่บ่าวสองคนนั้นเรียกว่า นายหญิงน้อยก็คือธารริน  ส่วนเพื่อนสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆธารริน...ก็คือพริมโรส !!!

                ดังนั้นหญิงสาวจึงแทบไม่อยากจะคิดต่อเลยว่า...ผู้หญิงที่ถูกจับยัดใส่กระสอบนั่นคือ...ใคร..!!!

               

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×