คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ภาพฝัน...
ปรัศวินทร์เดินเตร็ดเตร่ไปตามถนนในอยุธยา ตลาดนัดตอนเย็นและตลาดโต้รุ่งเริ่มมาตั้งแผง ไฟเริ่มถูกเปิดเพื่อสาดส่องไปยังโบราณสถานเก่าแก่ฝั่งตรงข้าม ดุจจะขับเน้นความรุ่งเรืองแห่งอดีตกาล
ลมหนาวพัดพาจนดอกมะลิซ้อนหลุดจากต้นโปรยปลิวอยู่รอบๆตัวเขา เขาแบฝ่ามือรองรับมะลิซ้อนดอกน้อยที่ร่วงลงมา ซึ่งค่อยหล่นลงฝ่ามือของปรัศวินทร์อย่างนุ่มนวล
หากในทันทีที่กลีบดอกแตะลงบนฝ่ามือ ทำให้นายแพทย์หนุ่มรู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าอ่อนๆแล่นปราดไปทั่วทั้งตัว !
แสงสีขาวบาดตาวาบขึ้นจนเขาตาพร่ามัว และแสงนั้นก็ค่อยๆจางลง...จางลง...
เขามายืนอยู่ตรงริมแม่น้ำ ใต้เงาไม้ร่มครึ้ม มีเจดีย์ทรายก่ออยู่ทั่วลานทรายตรงหน้า ธงราวประดับสีสวย เสียงหัวเราะเริงรื่นและเสียงสาดน้ำดังอยู่รอบกาย
ผู้คนมากมายเดินไปมา ถือขันบ้าง ถังบ้าง บรรจุน้ำจนเต็ม ภาพตรงหน้าทำให้ปรัศวินทร์รู้ว่าคือวันสงกรานต์...หากการแต่งกายของผู้คนดูจะผิดแผกไปจากเขา ผู้หญิงมิได้ใส่กางเกงหรือเสื้อยืดอย่างที่สมัยนี้นิยมใส่ แต่เป็นนุ่งโจงกระเบนและผ้าลาย ท่อนบนห่มตะแบงมาน สไบ มากวัยหน่อยก็ผ้าแถบ ปรัศวินทร์มองอย่างงุนงง ตั้งท่าจะเดินออกจากร่มไม้ไปดู ภาพตรงหน้าดุจภาพฝัน หากเขาก็ตื่นจากภวังค์ในทันทีเพราะเหมือนมีคนมากระชากตัวเขาอย่างแรง
“ คุณ คุณ เบลอหรือเปล่าเนี่ย ???? ” เสียงร้องถามอย่างงตกใจดังขึ้น ปรัศวินทร์กะพริบตาถี่ๆ ภาพตรงหน้าเลืนหาย กลายเป็นภาพของซากปรักหักพัง...ร่องรอยจากวันวาน...
“ ทำไมทะเล่อทะล่าออกไปอย่างนั้นละคู๊ณณณณ เกือบโดนรถชนแล้วมั้ยล่ะ ” เสียงนั้นยังถามต่อ ปรัศวินทร์หันไปตอบอย่างเบลอๆ
“ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก...เฮ้ย !” คำหลังปรัศวินทร์อุทานพร้อมกับชายหนุ่มตรงหน้า
“ ไอ้วินทร์ !” “ ไอ้สิงโต! ”
ปรัศวินทร์ร้องขึ้นอย่างดีใจ เพราะชายหนุ่มตรงหน้า หรือที่เขาเรียกว่า ‘ ไอ้สิงโต ’ คือเพื่อนซี้เก่าสมัยมัธยมที่ไม่ได้เจอกันหลายปีตั้งแต่เขาเลือกเรียนแพทย์ และสิงโตสอบชิงทุนไปเรียนต่อคณะสถาปัตยกรรมที่ต่างประเทศ
เขากับสิงโตนั่งคุยกันจนเกือบเที่ยงคืน ปรัศวินทร์จึงบอกลาเพื่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน เขาเดินมาเอาจักรยานที่จอดไว้ข้างทางและถีบกลับบ้าน
ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เมื่อหัวของนายแพทย์หนุ่มถึงหมอน เขาก็ผล็อยหลับไป ในใจยังสงสัยเรื่องภาพที่เห็น ก่อนที่สติจะดับลง เสียงหนึ่งแว่วในหัว
“ หากเจ้าใคร่เห็น เราก็จักให้เจ้าได้เห็น ”
ทันทีที่เขาปล่อยใจให้ล่องลอยไปตามสายลมหนาวภายนอก ภาพที่เห็นเมื่อตอนยืนอยู่หน้าซากหังพังของวัดวังเหมือนกับย้อนมาฉายภาพต่ออีกครั้ง...ภาพที่เขาเห็นดำเนินต่อไป...
ปรัศวินทร์ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ดังเดิม ตั้งท่าจะก้าวเดินไปดูรอบๆ แต่เขาก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงใสหัวเราะเจื้อยแจ้ว เริงร่า เสียงนั้นคุ้นหูดุจเคยได้ยินมา...แสนนาน
ปรัศวินทร์หมุนตัวขวับไปมองข้างกาย มองหาเจ้าของเสียงนั้น
สาวน้อยร่างโปร่ง บาง ที่เขาเห็นในฝันครั้งก่อนยืนหัวเราะร่าอยู่ตรงหน้า นุ่งผ้าลายห่มสไบดังเช่นสาวกรุงเก่าในสมัยโบราณ ดวงหน้าผุดผ่องนวลลออนั้นบ่งบอกว่าเยาว์วัย ใสสะอาดปราศจากเครื่องประทินผิวใดๆ ดวงตาสุกใสนั้นไร้แววทุกข์ทนที่เคยปรากฏเหมือนตอนที่เขาเห็นเธอครั้งแรก เธอเบี่ยงตัวหลบสายน้ำที่พุ่งออกจากขัน เมื่อเพื่อนของเธอผู้นั้นสาดเข้าใส่
“ โธ่ จันทร์ นี่เจ้าจะมิยอมให้ตัวเจ้าเปียกเลยรึ ” สาวน้อยอีกคนตรงหน้าที่พยายามสาดน้ำใส่ถามค้อนควัก “ ขึ้นปีใหม่ทั้งที นานปีกว่าจะได้เล่นสนุกเช่นนี้หนา ”
สาวน้อยร่างแบบบางดุจกลีบดอกไม้ที่ถูกเรียกว่า ‘ จันทร์ ’ ยังคงหัวเราะร่าเริง ตอบยั่วเย้า
“ โธ่ แม่แสง เจ้าก็ลองสาดน้ำข้าให้ได้สิ ” แม่จันทร์พูดเสร็จก็ออกวิ่งด้วยความเร็วเท่าที่ผ้านุ่งที่นุ่งอยู่จะอำนวยให้ได้ เพื่อนๆของนางหัวเราะและออกวิ่งตาม
ปรัศวินทร์เองก็ลองวิ่งเหยาะๆตามไปดู อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่านางที่เห็นในฝันมีชื่อ ‘จันทร์’
สาวน้อยที่มีรูปโฉมงามดุจเดียวกับนามของนางหันไปดูเพื่อน ทำให้ไม่ทันมองทางตรงหน้า นางจึงชนเข้าชายหนุ่มตรงหน้าอย่างจังจนเซ
ชายหนุ่มพยายามรั้งร่างนางไม่ให้ล้มลงไป ทำให้นางเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาโดยไม่รู้ตัว
แม่จันทร์หน้าแดงด้วยความเขินอาย สะบัดร่างออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วเพื่อมิให้ใครเห็นแล้วเอาไปนินทาให้เป็นที่อับอาย หากนางก็เอื้อนเอ่ยคำ “ ขอบคุณ...”
เขายิ้ม ก้มมองแม่จันทร์ที่ถึงจะเงยหน้าน้อยๆหากหลุบตาลงต่ำ ทำให้เห็นแต่ขนตาหนา ยาวงอนเป็นแพ หญิงสาวรีบหันกลับไปทันที หากสายตาของชายหนุ่มยังมองอย่างอาวรณ์
...นางอื่นนั้น จักงาม สักเหลือแสน
มิอาจเปรียบ มาตรแม้น นางตรงหน้า
ตรึงจิต ตรึงใจ ตรึงนัยนา
ดวงจันทรา งามเท่าใด ไม่เท่านาง...
ความคิดเห็น