ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Repeat and Try นายคือความทรงจำของฉัน

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 หนุ่มวิศวะสุดเท่

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 60


    “ตฤณ หน้าไปโดนอะไรมา!!!” ธิชาเอ่ยอย่างตกใจ  เมื่อเห็นใบหน้าเขาที่มีรอยฟกช้ำ ชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือ เงยหน้ามองผู้มาเยือน ก่อนจะเกาหัวปอยๆ หลุดหัวเราะออกมา

    “อ๋อ นี่น่ะเหรอ มีเรื่องนิดหน่อย” เขาว่า ธิชาที่หอบหนังสือกองโต วางหนังสือก่อนนั่งลงข้างๆเขา

    “ไหนดูสิ เรื่องอะไรถึงต้องลงไม้ลงมือขนาดนี้ด้วย” เธอว่า พลางลูบแผลเขาเบาๆ

    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไม่มีอะไรหรอก” เขาว่า ก่อนจะก้มหน้า อ่านหนังสือต่อ

    “ไม่ให้เป็นห่วงได้ไงกันล่ะ ดูแผลพวกนี้สิ” เธอตำหนิ เขาเบือนหน้าหนีมือเรียวเล็กที่จับต้องเขาอยู่

    “ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ เดี๋ยวนี้เพื่อนเราเป็นอะไรไปรึเปล่าเนี่ย” เขาเอ่ยหยอกเธอ ธิชามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่เคยมองเห็นความรู้สึกดีๆที่เธอมีให้เลย ตั้งแต่เขาเลิกคบกับเอม เธอก็เห็นเขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ พอสอบติด ได้เข้ามาเรียน เขาก็ยังเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธออยู่เคียงข้างเขาแบบนี้ มีผู้หญิงน่ารักหลายๆคนเข้ามาชอบเขา แต่เขาก็ไม่มีทีท่าจะชอบใครสักคน ทำไมเขาถึงได้เย็นชาแบบนี้นะ แม้แต่ความห่วงใยมากมายของเธอ เขาเองก็ไม่เคยมองเห็นมันเลยสักครั้ง

    ธิชาพลิกอ่านหนังสือที่เธอยืมมาจากห้องสมุดบ้าง

    “น้องตฤณ อาทิตย์หน้าอยากไปค่ายอาสากับพี่มั้ย” ชายหนุ่มนักศึกษาแพทย์รุ่นพี่ปี 5 รูปร่างผอมสูง ผิวขาว ใบหน้าคมเข้ม เอ่ยเรียกเขาแต่ไกล ทั้งคู่หันมองผู้มาเยือนก่อนกล่าวทักทาย หนุ่มรุ่นพี่ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าที่ฟกช้ำของเขา

    “ไปมีเรื่องกับใครมาเนี่ยเรา!!!

     ชายหนุ่มยิ้มก่อนเอ่ยแกมตลก “โถพี่! ไม่คิดจะถามไถ่อาการผมหน่อยหรอ เห็นผมเป็นพวกชอบใช้กำลังหรือไง”

    หนุ่มรุ่นพี่ยิ้ม “ไหนๆ ขอดูอาการหน่อย เจ้าเด็กคนนี้” เขาเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มเอี้ยวตัวหลบก่อนบอกปัด

    “อาการผมดีมากเลยล่ะตอนนี้ ไม่ต้องจัดยาครับ ผมมีพาราเต็มกระเป๋าแล้ว” เขาพูดหยอก

    “ช่างเขาเถอะค่ะพี่หมอ เขาไม่เป็นอะไรมากหรอก เขาไม่ชอบให้ใครเป็นห่วง” ธิชาพูดประชดประชันเพื่อนหนุ่มของเธอ

    “ว่าแต่ชวนตฤณคนเดียวเหรอค่ะ” ธิชาว่า หนุ่มรุ่นพี่ยิ้มอย่างอบอุ่น

    “พี่ก็ชวนสองคนนั่นแหละ งานนี้ลุยๆหน่อย ธิชาจะไหวเหรอ” หญิงสาวเลิกคิ้ว นั่นไม่ใช่งานที่เธอถนัดนัก

    “ค่ายอาสาที่ไหนเหรอครับ” ตฤณเอ่ยถามด้วยความสนใจ

    “พอดีว่ามันเป็นกิจกรรมโรงพยาบาลในสังกัดทำร่วมกันน่ะ จัดที่ต่างจังหวัด คณะเราส่งไป 5 คน พี่มาถามดู เห็นตฤณชอบทำกิจกรรมก็เลยมาถามเราก่อน” หนุ่มรุ่นพี่เอ่ยเล่า

    “ผมขอคิดดูก่อนครับ กิจกรรมของชมรมกำลังวุ่นๆน่ะครับ” เขาว่า

    “ถ้าตฤณอยากไป เดี๋ยวธิชาจะดูแลทางนี้ให้เองเอามั้ย”ธิชาอาสา เพราะรู้ดีว่าเขาไม่เคยพลาดโอกาสในการได้ทำงานเพื่อส่วนรวมเช่นนี้ “เอางั้นเหรอ” เขาว่า พลางโอบเธอแล้วยิ้มกว้าง “รู้ใจเราไปหมดเลยนะธิชา ฝากด้วยแล้วกัน”

    “ตกลงไปใช่มั้ยตฤณ” หนุ่มรุ่นพี่ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เขาพยักหน้างึกๆ ยิ้มกว้าง

     

                    “เอม…!!! ตื่นได้แล้ว เลิกเรียนแล้ว” เน็ตเขย่าเธอให้ตื่น ท่ามกลางเสียงนักศึกษาในห้องคุยกันจอแจอึกทึก ร่างเล็กงัวเงียลืมตามองดูนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนหน้าห้องบอกเวลา เที่ยงตรง

    “หลับทั้งคาบเลยนะเอม เป็นเป็นอะไรรึป่าว เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ” เปรมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เอมพยักหน้างึกๆ ยังคงงัวเงียอยู่

    “เอมๆ เซ็นซะๆ ด่วนพิเศษ” เสียงใสๆของประธานห้อง “เนย” ผู้หญิงตัวเล็ก ใบหน้าหมวย  เสียงใส ผิวชมพูเอ่ยกับเธอ วางเอกสารตรงหน้า อย่างเร่งรีบ ร่างเล็กเอ่ยถามด้วยความสงสัย “อะไรน่ะ

    เนยยิ้มกว้างก่อนชี้แจงเอกสารให้ฟัง “ช่วยหน่อยเถอะนะเอม เหลือแค่คนเดียวแล้ว คณะเราส่งไป 5 คน มันเป็นกิจกรรมอาสาของโรงพยาบาลสังกัดเราน่ะ เอมเนยไม่รู้จะหาใครแล้ว  คิดซะว่าไปเที่ยวนะ นะ ขอร้องล่ะ ”

    เน็ตเลิกคิ้ว เอ่ยถามเธอ

    “ที่ไหนเหรอเนย”

    “ต่างจังหวัดน่ะ ไปเช้าวันเสาร์กลับเย็นๆวันอาทิตย์” เนยว่าก่อนช้อนสายตาอันออดอ้อนมายังร่างเล็ก ที่ยังคงหาวอยู่

    “เอมช่วยหน่อยนะ” ร่างเล็กตอบตกลงอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนเซ็นชื่อหงึกๆ  ลงกระดาษบันทึกข้อความ

     

                    “เอม อย่าลืมเที่ยวเผื่อด้วยนะ”เน็ตดีด๊าอารมณ์ดีหลังจากกินข้าวเที่ยงจนอิ่มท้อง ทั้งสามแวะมานั่งเล่นยังม้าหินอ่อน ที่ถูกจัดไว้ในสวนเล็กๆ ร่างเล็กที่ทีท่าเหม่อลอย พลอยทำให้เพื่อนทั้งสองอดสงสัยไม่ได้

    “เอมช่วงนี้ดูแปลกๆไปนะ” เปรมเอ่ยขึ้น ร่างเล็กได้ฟัง จึงหันมามองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัยก่อนทวนประโยคเมื่อครู่ซ้ำ

    “แปลกแปลกยังไงเหรอ ก็ปกติดีนี่ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกเลย สองคนคิดมากไปรึเปล่า”

    “ทะเลาะกับนนท์เหรอ พวกเราเห็นนะว่าพักหลังๆมาเนี่ย เอมไม่ค่อยคุยกับนนท์เหมือนแต่ก่อน” ทั้งคู่ชี้แจง เธอฉุดคิด ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จริงด้วยสิตั้งแต่ที่เธอพบตฤณวันนั้น เธอก็ดูเหม่อลอย คิดถึงแต่ใบหน้าของเขาตลอดเวลา แม้แต่ขณะนี้

    “คือว่า” เธอถอนหายใจ

    “ไม่มีอะไรหรอก เรายังเหมือนเดิมแหละ ไม่มีอะไร” เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกับเขายังเหมือนเดิมรึเปล่า หัวใจของเธอมันไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว ดูเหมือนว่าเธอกำลังทำผิดต่อเขาอยู่รึเปล่า การที่เธอปิดบังเรื่องนี้ มันจะเป็นการทำผิดต่อเขารึเปล่า ทำไมในหัวของเธอมีแต่ความรู้สึกผิดเต็มไปหมด

    “แต่ดูเหมือนเอมมีเรื่องอะไรที่ปิดบังพวกเราอยู่นะ” เน็ตเห็นท่าทีที่ดูแปลกไปของเธอ

    “ช่วงนี้เราห่างๆกันน่ะ นนท์เองก็ยุ่งๆด้วย เราเลยไม่ได้เจอกันน่ะ” เธอว่า

    “ทำไมเอมไม่แวะไปหานนท์เขาบ้างล่ะ นนท์เขาคงดีใจนะ ถือโอกาสไปบอกเขาเรื่องค่ายอะไรนั่นด้วย” เปรมเสนอ

    “นั่นสิ นนท์เขาคงเซอร์ไพร์สน่าดูเลย” เน็ตเห็นด้วย

    “ทำอะไรให้นนท์เขาดีใจบ้างก็ได้ ไม่ใช่เฉยชาแบบนี้ ไม่เข้าใจเลย คนเป็นแฟนกันทำไมถึงไม่เห็นจะหวานกันเหมือนคู่อื่นเขา” เอมมองเพื่อนด้วยความหนักใจ

    “บอกแล้วนี่นา ว่าแค่ดูๆไปก่อน” เธอว่า

    “เป็นปีแล้วนะเอม ที่นนท์ดีกับเอมสม่ำเสมอแบบนี้ ทำไมถึงได้ใจแข็งนักนะ” เปรมว่า

    “ช่างเอมเถอะน่า เอาเป็นว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะแวะไปหาเขาแล้วกัน” เธอตอบอย่างเสียไปที

    “ดีๆ” เน็ตยิ้มออก

     

                    สนามกีฬากว้างสุดลูกหูลูกตา ร่างเล็กมองตัวตึกที่อยู่เบื้องหลัง ก่อนจะถามหาคณะวิศวกรรมจากนักศึกษาที่เดินผ่านไปมา ไม่นานเธอก็มายังถึงยังตึกรูปตัวแอล ด้านหน้ามีโต๊ะม้าหินอ่อนเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ร่างเล็กมองตัวตึกเก่ารายรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เธอนั่งลงยังม้าหินก่อนกวาดตามองหาใครคนหนึ่ง

     

                    “นนท์ เมื่อกี้มีคนมาถามหามึง สวยด้วยนะโว้ย ใครกันว่ะ แนะนำให้กูรู้จักหน่อยสิว่ะ” เท็น หนุ่มในเสื้อช็อบ เอ่ยแซวเพื่อนคณะเดียวกัน นนท์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย ขณะง่วนอยู่กับการเก็บของเข้าล็อคเกอร์

    “อะไรมึง ใครมาก็ยังไม่รู้เลย จะให้กูแนะนำอะไร” เขาว่า

    “หรือว่าจะเป็นเอมน่ะ!!!” เสียงใสๆของศศิมาเพื่อนสนิทของนนท์เอ่ยมาแต่ไกล เขาหันมองตามเสียงก่อนจะมีแววตาตื่น

    “เอมมาเหรอ” เขาดีใจออกนอกหน้า

    “ชื่อเอมเหรอว่ะ เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน น่ารักซะมัดเลยมึง” เท็นว่า นนท์หันขวับ จ้องเขาด้วยความไม่ชอบใจนัก พลางกระแทกล็อคเกอร์เข้าที่ดังปัง!!!

    “ไม่ต้องยุ่งเลยมึง” เขาเดินจากไป ปล่อยให้เท็นยืนงงอยู่อย่างนั้น ก่อนจะหันมาบ่นกับศศิมาอย่างหัวเสีย

    “อะไรของมันว่ะ หวงซะจริงแฟนมันหรือไง”

    “ก็ใช่น่ะซี้!!!” ศศิมาตอบเสียงดัง เท็นหน้าเหวอก่อนโวยวาย “อะไรกันว่ะ คนที่มันจีบมาเป็นปีเป็นชาตินั่นเหรอ คนนี้เหรอ น่ารักเป็นบ้าเลย แหมหวงซะจริง หมั่นไส้ว่ะ”

    “ตัวจริงน่ารักกว่าในรูปเยอะเลยว่ะแก” ศศิมาว่า เท็นหันมองเพื่อนก่อนเอ่ยถามอย่างสงสัย

    “แล้วนี่แกยังยิ้มระรื่นได้ยังไงว่ะ ฉันดูออกนะเว่ย ว่าแกน่ะชอบไอ้นนท์มัน” ศศิมาหันมองเพื่อนหนุ่ม เธอยุบยิ้มแทบจะทันที ก่อนจะถลึงตาใส่เขา

    “แล้วแกยุ่งอะไรด้วยว่ะ ไอ้เพื่อนบ้าเอ้ย หิวแล้วไปหาอะไรกินได้แล้ว!!!” เธอว่าก่อนเดินนำออกไป เขาได้แต่ยืนนิ่ง ก่อนได้สติรีบตามสาวร่างเล็กผมหยิกไป

     

                    “เอมมีเรื่องอะไรรึเปล่า ถึงได้มาหานนท์ถึงนี่” เขายิ้มเล็กๆเอ่ยถามแฟนสาว ทั้งคู่เดินคุยกันมาเรื่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของมหาวิทยาลัยกว้าง

    “เปล่าหรอก พอดีวันนี้มีเรียนครึ่งวันน่ะ ก็เลยแวะมาหา”

    “ดีจัง” เขายิ้มอย่างยินดี เธอเริ่มพูดต่อ

     “อาทิตย์นี้เอมต้องไปค่ายน่ะ คงไม่ได้เจอกัน” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว

    “มันเป็นค่ายต่างจังหวัดน่ะ รู้สึกว่าจะได้ไปเที่ยวทะเลด้วยนะ”

    “แล้วเอมไปคนเดียวเหรอ” เขาถามด้วยความเป็นห่วง

    “เน็ตกับเปรมไม่ได้ไปด้วยหรอก แต่เป็นเพื่อนๆในคณะนี่แหละ ไม่ต้องเป็นห่วง” เธอลดเสียงลงในประโยคสุดท้าย ไม่อยากให้เขาต้องห่วงเธอมากมายนัก

    “เอมดูแลตัวเองดีๆนะ วันนั้นให้เราไปส่งมั้ย”

    “อย่าเลยนนท์ รถออกตั้งแต่เช้าตรู่เลย เอมดูแลตัวเองได้” เธอย้ำ

    “เอมไหวใช่ใหม วันจันทร์ก็ต้องมาเรียนอีก”

    “เอมเป็นพยาบาลนะนนท์ ต่อให้ต้องเหนื่อย แล้วก็หนักแค่ไหน ก็ต้องไหวอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคนไข้จะหวังพึ่งเราได้ยังไง” หญิงสาวมองแฟนหนุ่มก่อนหลุดถามออกมา

    “นนท์ เบื่อมั้ย ที่ต้องรอเอม” แววตาเล็กหม่นเศร้า ชายหนุ่มตรงหน้า หยุดมองร่างเล็กตรงหน้าเอ่ยออกมา

    “เอมหมายถึงรอเอมว่างแล้วเราจะมีเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันน่ะเหรอ ไม่ต้องห่วงเลยนะ เรารอเอมได้เสมอ แต่ถ้ารอวันที่เอมจะเห็นความรักของเราบ้าง” เขากุมมือเธอเอาไว้ จ้องมองแววตาเล็กตรงหน้า

    “ที่ผ่านมานนท์ก็ยังรอเอมเสมอนะ” เธอมองแววตาจริงจังของเขา หัวใจของเธอถูกบีบคั้น เธอหลบตาเขาก่อนเอ่ยเสียงใส “นนท์ก็พูดอะไรแบบนั้นล่ะ เอมหิวแล้วล่ะไปหาอะไรกินกันเถอะ”

     

                    “อย่าพูดประโยคแบบนั้นสิ รู้มั้ยว่าเธอกำลังทำร้ายหัวใจของเธอ ด้วยหัวใจของเธอเอง

     

                    “ไง วันนี้ไปเที่ยวกับเอมมาเป็นไงบ้างล่ะ” ศศิมานั่งลงบนม้าหินอ่อน ข้างๆเพื่อนที่เพิ่งกลับจากไปส่งแฟนสาว

    ชายหนุ่มหันมองผู้มาเยือนที่ยิ้มร่า

    “ถ้าการที่เรารอใครสักคนมานานแสนนาน แต่ท้ายที่สุดแล้ว การรอคอยของเรามันจบลงด้วยความว่างเปล่า แกจะทำยังไงว่ะ” ศศิมาหุบยิ้ม จ้องมอง ชายหนุ่มที่เหม่อมองยังท้องฟ้าที่มืดมิด ไร้ดวงดาวแต่ร่างนั้นจ้องมันราวกับว่า มีหลายสิ่งจมอยู่ในท้องฟ้ามืดเต็มไปหมด  เสียงระคนเศร้าของเขา  ทำให้เธออดถามไม่ได้

    “แล้วแกคิดว่าการได้รอคอยใครคนนั้น แกมีความสุขรึเปล่า

    ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ “ฉันไม่ใช่แค่ชอบเอมนะเว่ย” เขาเอ่ยออกมาในที่สุด

     ร่างบางที่นั่งข้างๆ มองเพื่อนหนุ่มแววตาหม่นเศร้า

    “ฉันรักเอมมาก  แกก็รู้ ตั้งแต่วันแรกที่ฉันได้เจอเอม มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนกับการได้เจอผู้หญิงคนไหนมาก่อน เอมเป็นคนพิเศษ

    “ ฉันยอมทำทุกอย่าง ขอแค่ให้ได้อยู่ใกล้ๆเขา ฉันมานั่งคิดนะเว่ย ว่าฉันคงบ้าที่ยอมทำอะไรมากมายแบบนั้น แต่การได้อยู่ใกล้ๆเอม ฉันมีความสุขมากเลยว่ะ” ดวงตาเขาเป็นประกาย

    เขาเงียบไป ศศิมามองเพื่อนอย่างเข้าใจ เธอเองก็ไม่ต่างอะไรจากเขา เธอเองก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาเช่นกัน เธอก็รอคอยเขามานาน แม้ไม่รู้ว่าต้องรอเขาอีกนานแค่ไหน แต่เธอก็พร้อมจะรอเขา และอยู่เคียงข้างเขาเสมอ

    “แกไม่เห็นจะต้องทำยังไงเลยนี่หว่า ก็แกบอกเองว่ามีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆเขา แค่นั้นไม่ใช่เหรอ แล้วแกยังจะต้องทำอะไรอีก” ชายหนุ่มฉุดคิด “นั่นสินะสงสัยฉันคงคิดมากไปการได้อยู่ใกล้ๆได้ดูแลเขาแบบนี้ก็ดีแล้ว” เขายิ้ม ตบบ่าเพื่อนสนิทเบา ๆ “ขอบใจแกมากนะ”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×