สำหรับน้องๆที่อยากเรียนพยาบาลคะ - สำหรับน้องๆที่อยากเรียนพยาบาลคะ นิยาย สำหรับน้องๆที่อยากเรียนพยาบาลคะ : Dek-D.com - Writer

    สำหรับน้องๆที่อยากเรียนพยาบาลคะ

    ชีวิตพยาบาล

    ผู้เข้าชมรวม

    4,499

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    15

    ผู้เข้าชมรวม


    4.49K

    ความคิดเห็น


    30

    คนติดตาม


    9
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ม.ค. 62 / 10:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    แนะนำตัวละคร / ทักทายผู้อ่าน / เขียนตามใจชอบ พิมพ์ตรงนี้ได้เลย...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ชีวิตพยาบาลเกื้อการุณย์

      สวัสดีคะ น้องๆ สำหรับใครที่สนใจหรืออยากก้าวเข้ามาสู่วิชาชีพ อันทรงเกียรตินี้นะคะ 


                 ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยนะค่ะ โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่อยากเรียน

      หรือว่า

      "อยากเป็นพยาบาลมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วคะ"

       
      แต่จุดเปลี่ยนและความฝันมันเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาค่ะ 
      ใครจะคิดล่ะคะว่า เด็กหญิงที่มีความใฝ่ฝันตอนเด็กว่าอยากเป็นนักกระโดดร่ม 

      สุดท้ายจะมาเป็นพยาบาล ซะได้ 
      ช่างแตกต่างกันมากใช่มั้ยล่ะ



      ความจริง คนเรามีความใฝ่ฝันและคาดหวังอยู่ได้เรื่อยๆ แม้บางทีมันอาจเป็นความใฝ่ฝันที่เเน่วแน่
      และตั้งใจไว้เเล้วก็ตาม
      แต่บางครั้ง ปัจจัยหลายๆอย่าง อาจมากระทบหรือส่งผลต่อความฝันของเราได้คะ 

      โดยส่วนตัว ครอบครัวปลูกฝัง หรือส่งถ่ายพลังงานบางอย่างมา เพื่อให้เป็นพยาบาลค่ะ 
      และเรามักจะเถียงพ่อตลอดว่า “ พยาบาลงานหนักนะพ่อ”
      และจะถูกพ่อตำหนิกลับมาทุกครั้ง ว่าไม่ว่างานไหนๆก็ลำบากด้วยกันทั้งนั้น
       ลองมองดูคนอื่นที่เขาไม่มีโอกาสสิ 

      ได้ยินแบบนั้นเรื่อยๆก็  กลายเป็นว่า  อยากเรียนพยาบาลขึ้นมา เพราะชอบเครื่องเเบบยูนิฟอร์ม
       อะไรประมาณนั้น 
      (อีกอย่าง ความลับนะ ตอนนั้นเราเเอบมีเเฟน พ่อเเม่ไม่รู้ เรารักเเฟนคนนั้นมาก เเต่สุดท้ายเราก็ตัดใจเลิกรากันเพราะแม่ของเขาอยากให้โฟกัสที่เรื่องเรียนก่อน เหตุผลที่เคยให้คือ เค้าอยากเป็นหมอให้ได้ 
      เราก็เลย ถ้าเธอเปนหมอ เราจะเป็นพยาบาลให้ได้ เผื่อว่าสักวันนึงเราได้กลับมาเจอและรักกันอีก)


      พอถึงโค้งสุดท้ายของการสอบ บอกตรงๆว่า ตอนนั้นไม่มีหวังเลย 
      ไอ้เรามันคนเรียนไม่ดีเท่าไหร่ เป็นช่วงสอบ Gat pat ปีแรกนั่นล่ะคะ 
      ที่ดราม่ากันไปหลายข้อ คำถามท่ีว่า เราจะใช้ผ้าปูโต๊ะสีอะไร
       อาหารเช้าเป็นอะไร ถามวิธีซักผ้า ต้องแช่ผ้ากี่ชั่วโมง 
      เป็นประเด็นกันยุพักนึงเลยล่ะออกนั้น สำหรับข้อสอบ

      แต่คะเเนนไม่ค่อยโอเท่าไหร่ เลยตัดใจไปสมัครครูที่ต่างจังหวัดบ้านเกิดซะเลย 



      แต่ในท้ายที่สุด   คณะที่ยื่นรับตรงไว้ ประกาศผลว่าเรามีสิทธิ์สัมภาษณ์ ตอนนั้นก็ดีใจมากนะคะ 
      แต่มันยังดีใจไม่สุดเพราะไม่รู้ว่าจะสัมภาษณ์ผ่านรึเปล่า 

      วันสัมภาษณ์ คำถาม ที่ทักถูกถามก็คือ 
      “ทำไมถึงอยากเรียนพยาบาล”
      คิดคำตอบไว้ได้เลยค่ะ มีเเน่นอน เเต่เอาจริงๆนะ ไม่ว่าจะตอบว่าอะไร 
      ทุกคนก้มักจะเเสดงเเววตาของความคาดหวังและมีความมุ่งมั่นกันทุกคน
      ประเด็นไม่ได้อยู่ที่คำตอบหรอก ประเด็นมันอยู่ตรงบุคคลิกลักษณะท่าทาง มากกว่า 
      ว่าเราอ่อนโยน สุภาพ มีความเชื่อมั่นในตัวเองรึเปล่า คะเเนนสอบก็ความสำคัญเช่นกัน


      วันที่ประกาศผล พ่อกับแม่นั่งรอเราอยู่หน้าคอม ก่อนเราจะตื่นนอนซะอีก ท่านดีใจมาก 
      แต่ก็คงไม่มากเท่ากับวันที่ ลูกสาวรับปริญญา หรอกคะ เห็นแม่ร้องไห้แล้วเราก็ปลื้มใจ



      ตอนนี้ก็จบมาได้ครึ่งปีกว่าแล้ว เลยอยากฝากสาร ถึงน้องๆหลายคนที่อยากเข้ามาเป็นส่งหนึ่งของวิชาชีพเรานะคะ


      ทุกอย่างที่จะพิมพ์ต่อไปนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ได้หมายรวมถึงทุกคนนะคะ แค่อยากเเชร์ประสบการณ์ให้น้องได้เตรียมใจเท่านั้นคะ เพราะบางคนอาจยังไม่เคยสัมผัสหรืออาจไม่ได้เตรียมใจมาก่อนสำหรับการเรียนพยาบาล

      ปี 1  ถือเป็นปีแห่งการปรับตัว จะว่าไปก็ทุกๆที่นั่นล่ะคะ แต่การเรียนพยาบาลที่พี่เรียน
      จะบังคับให้อยู่หอพัก นะคะ ตั้งแต่ ปี 1-4 เลย
      เพื่อง่ายต่อการดูแล และสะดวกต่อการฝึกปฏิบัติงานคะ 
      ปีแรกก้เป็นช่วงแสนลำบากอีกช่วงนึงคะ ทั้งการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่น การรับผิดชอบต่อตนเอง 
      การดูเเลตนเอง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องส่วนตัว 
      แต่ถ้าเป็นด้านการเรียนก็จะยังไม่มีอะไรให้ปวดหัวมากนัก 
      เพราะจะเป็นการปรับพื้นฐานเรียนวิชาที่เคยๆเรียนมาแล้วในระดับมัธยมปลาย
      ไม่มีอะไรซับซ้อน 
      แต่จะเริมเข้าสู่วิชา เกี่ยวกับ Anatomy สรีระวิทยาก็เทอม 2 ยอมรับเลยว่า ต้องใช้สมองส่วนจำ ล้วนๆ จำชื่อ กระดูกชิ้นนู้นชิ้นนี้ 
      บอกตรงๆว่า ปวดหัวและเครียดดี แต่ใครที่มีทักษะ หรือพื้นฐานมาดีก็ชิลเลยเเระ 




      อีกอย่าง เราจะมีพี่รหัสใจดี ที่คอยดูแลเราเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน ความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตประจำวัน อีกด้วยนะ ที่นี่พี่น้องเขารักกันมากคะ จะมีประเพณี จีบน้อง รับน้อง คลานเทียน

      แต่ปี 1 ต้องซ้อมเชียร์ สวดมนต์ตอนเย็นทุกวันจันทร์ มีเรียน lab วิทยาศาสตร์ฝุดๆ


      ปี 2 จะเป็นการเข้าสู่บทบาทการพยาบาลมากขึ้น เรียนรู้เทคนิคการทำหัตถการต่างๆ ไม่ว่า จะเป็น การฉีดยา  ขอบอกว่าฉีดกันเองนะจ้ะ เช็ดตัว ใส่สายสวนปัสสาวะ ใส่สายให้อาหารทางรูจมูก การคำนวณการฉีดยาต่างๆ ปีนี้ เราก็จะเริ่มฝึกงานกันเลย 

      บางคนก็ขึ้นฝึกงานในชุดฟอร์มสีขาวโดยที่ยังไม่มีหมวกกันด้วยซ้ำค่ะ 
      ความรู้สึกที่ขึนฝึกงานครั้งแรก บอกตรงๆว่า กลัว และ เครียดมาก เพราะเราไม่เคยไปเจอคนไข้ที่นอนเรียงกัน 30 เตียงแบบนี้มาก่อน แต่ก่อนจะขึ้นฝึกเราจะมีการขึ้นไปราววอร์ด(หอผู้ป่วย)ก่อนนะคะ คือการ แนะนำวอร์ด ว่าวอร์ดนี้มีขั้นตอนการทำงานอย่างไร เวลาไหนต้องทำอะไร และของต่างๆที่เราจำเป็นต้องใช้อะไร อยู่ตรงไหน และก่อนขึ้นฝึกงาน 1 วัน อาจารย์จะเป็นผู้มอบหมายว่า เราจะได้ดูแลผู้ป่วยคนใดค่ะ โดยอาจารย์จะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม และอยู่ภายใต้ขอบเขตการดูเเลของอาจารย์อีกทีคะ 

      (แต่ในปี 2 จะมีพิธีอันศักดิ์ของเหล่าพยาบาล นั่นคือ พิธีรับหมวก เดินเทียน คือการมอบหมวก เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของวิชาชีพเราคะ แต่จะยังไม่มีเเถบสีดำนะคะ อันนั้นเราจะรับเเถบตอนที่เรียนจบชั้นปีที่ 4 อีกทีนึงคะ)


      เเรกๆเราก็จะกล้าๆกลัวๆคะ ไม่กล้าคุยกับคนไข้ ยิ่งในคนไข้ที่ไม่ค่อยพูด เรายิ่งรู้สึกหงอยเหงา แต่ในคนไข้ที่อารมณ์ดี เฟรนรี่ ก็นะ รักเราอย่างกับลูกเลย แต่ยอมรับนะว่ากว่าจะผ่านพ้นปี 2 รู้สึกชีวิตโหด เพราะไหนจะฝึกงาน ไหนจะสอบ เสาร์อาทิตย์เเทบไม่ได้กลับบ้านกันเลยทีเดียว ไม่ได้หมายความว่ากลับบ้านไม่ได้นะคะ เสาร์อาทิตย์ กลับบ้านได้ แต่ถ้าใครอยากอยู่การหนังสือที่หอก็ได้คะ บรรยากาศดี มองไปทางไหนก็จะเจอแต่คนอ่านหนังสือ ชีวิตเด็กเรียนก็งี้คะ แต่ใครที่จัดการกับชีวิตตัวเองได้ดี ก็ไม่ต้องกังวลคะ ลั่นนล๊าได้ตามสบาย สอบผ่านเป็นพอแต่ต้องเก็บความรู้่ไว้ดีๆนะคะ เพราะยังไง ปี 3 ก็ต้องใช้ต่อ และต้องใช้ต่อไปเรื่อยๆคะ 

      สำหรับปี 3 ถือว่า ชีวิตชิล ขึ้นมานิดนึง เพราะเริ่มปรับตัวได้ เริ่มฝึกปฏิบัติงานแบบไม่ต้องมีอาจารย์ 

      แต่อยู่กับพี่ๆที่วอร์ดแทน มีการขึ้นเวร
      บ่าย ดึก เวรบ่าย คือ (16.00 - 24.00) เวรดึก (00.01-8.00) เราจะเริ่มค่อยๆฝึกการอยู่เวรตอนกลางคืน เวรดึกเป็นอะไรที่ทรมานมากเพราะเป็นช่วงปกติที่เรานอนมาตลอด แต่ถ้าเป็นเวรบ่ายก็ยังได้อยู่ เพราะปกติ วัยรุ่นกว่าจะนอน เล่นเน็ตดูซีรีย์ก็ปาไปเที่ยงคืน ตีหนึ่งแล้ว ปีสามจะเป็นการฝึกงานเฉพาะทางมากขึ้น เช่น ห้องผ่าตัด ไอซียู สูติ เด็ก ฝึกบริหาร วิชาก็จะเจาะลึกและละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ค่อยๆเรียนไปคะ สำหรับตัวเองคิดว่า ปี สาม สบายกว่า ปี 2 นะ เพราะมีเข้าค่ายออกต่างจังหวัด ทัศนศึกษาบ้าง คลายเครียดคะ




      และในปีสุดท้าย ปี 4 ชีวิตชิล สุด ๆ ผ่านอะไรมาเยอะ คราวนี้ จะได้ฝึกการทำคลอด ออกชุมชน ทำกิจกรรมกับชุมชน ประสานงานต่างๆ ออกสู่โลกภายนอกมากขึ้น และในช่วงท้าย เราจะได้ไปฝึกปฏิบัติงานตามสาขาที่เราเลือก ว่าเราชอบด้านไหนก็จะได้ไปฝึกด้านนั้น 

      ส่วนตัวเป็นคนชอบเด็กคะ เลยได้ไปฝึกวอร์ดเด็ก พอไปอยู่จริงๆ ก็เลยรู้ว่าไม่ใช่เเนว ประมาณว่า เด็กที่ป่วยน่าสงสารเกินกว่าที่เราจะให้การพยาบาลไหว อย่างเช่น ต้องเคาะปอด ต้องเปิดเส้นให้สารน้ำ คือทำใจไม่ได้อ่ะคะ เลยตัดใจไม่อยู๋วอร์ดเด็กดีกว่า



      อีกอย่าง นะคะ ช่วงสำคัญ อีกช่วงของชีวิต คือ เราต้องสอบใบประกอบวิชาชีพคะ 
      เป็นอะไรที่เครียดและกดดันมาก ต้องสอบให้ผ่านทุกวิชาในรอบเดียว คือมันก็มีโอกาสให้อยู่นะคะ 
      แต่คือ ด้วยความกลัวว่าจะไม่ได้ คือมันเป็นอะไรมี่ทุกคนมีเหมือนกันทั้งรุ่น คือเครียดเเละกดดัน 

      แต่เพื่อนๆจะช่วยกันติว ช่วยกันสอน เพื่อน และตัวเราเองก็ต้องตั้งใจอ่านหนังสือจริงจังนะคะ 


      แต่เมื่อถึงวันที่เรียนจบทำงาน เลือกเส้นทางการทำงานก็เป็นอีกจุดเปลี่ยนนึงของชีวิตนะคะ บางทีเราอาจต้องเลือกในสิ่งที่ชอบมากกว่าสิ่งที่ใช่ หรือ เลือกเพราะจำใจอะไรก็ตามแต่ แต่จงรู้ไว้อย่างนึงว่า

      งาน คือ สิ่งที่เราต้องทำทุกวัน ต้องอยู่กับมันทุกวัน ถ้าเราทำแล้วไม่มีความสุขหรือรู้สึกท้อแท้

      นั่นจะมีประโยชน์อะไรกับการที่ต้องตื่นลืมตาขึ้นมาทุกวันแล้วไม่พบความสุขเลย 

      จบมาแล้วชีวิตก็ต้องปรับตัวอีกนะคะทั้งกับงานและเพื่อนร่วมงาน 


      สู้ๆคะ 

      สำหรับใครที่อยากเป็นพยาบาล ขอบอกอย่างนึงว่า 
      พยาบาลเป็นวิชาชีพที่ต้องใช้ความอดทนสูง 
      ทั้งการทำงานและสภาวะแวดล้อมต่างๆ 
      สามารถที่ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองให้ได้  เพราะประชาชนคาดหวังสูงค่ะ 
      ทุกๆประโยคที่พิมพ์มานี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ได้ตั้งใจพาดพิงบุคคลใด แต่อย่างใด นะคะ 
      หากมีถ้อยคำไม่สุภาพหรือดูหมิ่นต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยคะ 


      ติดตาม ได้ที่ FB : chaba songsub 

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×