คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF] My lovely bro ☆ !! - TAO x Xiumin ll [1] Warmness gift
[1] Warmness gift ☆☆!!
(☆ !☆ !!☆ !!เรื่องแรกและตอนแรกของคู่นี้คะ หวังว่าทุกคนจะเอ็นดูนะคะ ปล. บางเรื่องที่ขัดกับแฟคก็อย่าจริงจังนะคะ มันฟิคชั่น คึๆๆๆ)
เขาบอกว่าความรัก มักเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ...
อืม...เดี๋ยวนะ..เขาเรียกว่าอะไรนะ...
อ๋อ! ‘พรมลิขิต’ สินะ...ใช่ไหมล่ะครับ!
สีขาว เป็นสิ่งแรกที่เขาจดจำได้ในวันนี้... หิมะโปรยปรายลงมาราวกับสายฝน สีเขียว สีแดง สีทองตัดกับสีขาวของหิมะ ร้านรวงตกแต่งระยิบระยับไปด้วยไฟกระพริบหลากสี ผู้คนด้านนอกที่มากันเป็นครอบครัวและบ้างก็มาเป็นคู่ๆต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ดวงตากลมโตมองผ่านกระจกแผ่นใหญ่สีหม่นเพราะฝ้าบดบัง มือเล็กยกมือป้อมๆของตัวเองลูบกระจกเช็ดฝ้าแล้วเหม่อมองไปยังด้านนอก ริมฝีปากเผยอเล็กๆจนติดเป็นนิสัยเมื่อใจจดใจจ่อกับอะไรบางอย่าง
คิมมินซอก เด็กชายตัวอวบกลมในชุดสูทสีเขียวเข้มปนดำนั่งรออยู่ด้านนอกของห้องอาหารที่มีสิ่งพิเศษบางอย่างรอเขาอยู่
เพลง Sleigh Ride เปิดบรรเลง หูเล็กๆนั้นกระดิก ตากลมกระพริบแล้วหันมานั่งตัวตรงเตรียมตัวจัดสูทเล็กสุดเนี๊ยบพอดีตัวของเขา ชะเง้อมองว่าแม่จะเรียกเขาตอนไหน แต่แล้วก็หันกลับไปสนใจหิมะด้านนอกต่ออยู่ดี
....ก็มันระยิบระยับราวกับน้ำแข็งใสในหน้าร้อนเลยนะสิ ...
“ว๊าวว ว๊าวว อยากกินอ่ะ” สายตานั้นวิบวาวพร้อมกับคิดสิ่งนี้ในใจ
มินซอกยิ้มกว้างให้กับกระจกฝ้าที่วาดรูปรอยยิ้มด้วยมือตัวเอง ภาพครอบครัวสุขสันต์เกิดขึ้นในหัว เจ้าตัวอมยิ้มแล้วก็หัวเราะคิกคัก นานแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนั้น ตั้งแต่อายุหกขวบเมื่อคุณพ่อและคุณแม่แยกทางกัน
เด็กน้อยสิบขวบคนนี้มีความเป็นผู้ใหญ่พอ หลังจากเรื่องจบผู้เป็นแม่ก็ได้สิทธิในการเลี้ยงดูเขา ท่านเก่งมากในสายตา แม่คือฮีโร่ของเด็กน้อยมินซอกเลยก็ว่าได้ วันนั้นที่เห็นน้ำตาของแม่ไหลแล้วกอดเขาแน่น ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงตั้งปฏิทานกับตนว่า เขาจะไม่ทำให้แม่ร้องไห้อีกเป็นอันขาด เด็กน้อยตัวกลมจึงตั้งใจเรียนและเป็นเด็กดี
สองขาที่แตะไม่ถึงพื้นแกว่งไกวฆ่าเวลาอย่างเพลิดเพลิน ในร้านอาหารที่เขานั่งอยู่นั้นอบอุ่นและสวยงาม ทั่งร้านตกแต่งด้วยตุ๊กตาและต้นสนรับเทศกาลคริสมาสตร์ ทำนองเพลง Sleigh Ride ที่คลอบางเบา เด็กน้อยขยับปากร้องตามอย่างคุ้นเคย
ตากลมสอดส่ายมองไปเรื่อย รอเวลาเพื่อจะได้เข้าไปพบปะครอบครัวใหม่ เจ้าตัวกระโดดลงจากเก้าอี้ไปแง้มประตูแอบดู ครอบครัวใหม่ที่มีผู้ชายคนหนึ่ง กับเด็กน้อยหน้าตาแปลกๆที่อุ้มตุ๊กตาแมวไว้ในอก เขาจ้องอย่างอยากรู้อยากเห็นอยู่นาน อยู่ดีๆเด็กน้อยตาขวางคนนั้นก็จ้องมาที่เขา เด็กตัวกลมสะดุ้งเฮือก วิ่งกลับไปนั่งที่นั่งตัวเองทันที คุณแม่บอกให้เขานั่งรออยู่นี้ ดังนั้นเขาจึงทำเสียแผนไม่ได้
“เฮ้อ..เกือบไปแล้วสิเรา”... มินซอกทำหน้าแหย เอามือทาบอกตัวเอง เพราะรู้สึกกลัวนิดหน่อย...
‘แต่นั้นหรอน้องชายของเรา…’
มินซอกนึกขึ้นได้ก็นั่งยิ้มกับเรื่องใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในชีวิต
.
“มินซอก...ออกมานี้หน่อยลูก” เสียงหญิงสาววัยกลางคนเรียกหนุ่มน้อยมินซอกเข้าไปในห้องอาหาร เด็กชายเดินก้มหน้า แล้วก้าวเข้ามาในห้องอาหารเบาๆก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะตรงข้ามกับเด็กผู้ชายอีกคนที่นั่งจ้องเขาด้วยสายตานิ่งเฉย ไม่วางตา
เขายอมรับว่ากลัว ...ในหลายๆเรื่อง แต่ตอนนี้... เขากลัวเด็กน้อยตรงหน้าเขามากกว่า รู้สึกอยากร้องไห้แปลกๆ T_T
เด็กน้อยเงยหน้าเพื่อมองตอบกลับ แต่ก็ต้องหลบลง ซักพัก.. เจ้าตัวทำท่าอึกอัก พยายามเหลือบตามองว่าเด็กคนนั้นเลิกมองเขาหรือยัง แต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม
“แม่ครับ...”มินซอกเงยมองหน้าแม่อย่างงอแง
“มินซอก นั้นน้องชายของลูกนะครับ ชื่อเทา น้องน่ารักไหมครับ?” พยายามดึงความสนใจลูกให้มองไปด้านตรงกันข้าม ก่อนจะลุกแล้วพามินซอกเดินไปยืนข้างๆเก้าอี้ของเด็กน้อยชุดสูทสีน้ำตาลที่นั่งกอดตุ๊กตาแมวไว้แน่น
“เข้าไปหาน้องสิครับ มินซอก...”คุณแม่ดันหลังมินซอกเบาๆให้ก้าวเข้าไป เด็กหนุ่มชุดสีน้ำตาลดันตัวจากที่นั่งก่อนจะโดดลงยืนต่อหน้าคนที่ตอนนี้เปลี่ยนจากสถานะคนไม่คุ้นหน้า กลายเป็นพี่ชายของเขา
“เราสัญญากันว่ายังไงจำไม่ได้แล้วหรอครับ มินซอก ฮืม?”มินซอกเงยหน้าขึ้นมองคุณแม่ของเขา ก่อนจะยิ้มให้แล้วหันหน้าไปหาเด็กหนุ่มหน้าบึ้ง มินซอกยิ้มอย่างกล้าๆกลัว ค่อยๆยกมือไปหาเพื่อหวังสานสัมพันธ์
“ส..สวัสดี เทา...ใช่ไหม? พี่ชื่อมินซอกนะ”มินซอกพูดเป็นภาษาจีนอย่างที่เคยฝึกมากับจากแม่ของเขาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณแม่ต้องทำงานเกี่ยวกับการติดต่อค้าขายกับชาวจีน เขาจึงได้ฝึกพูดกับคุณแม่ไว้
“นาย...เทา...ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” มินซอกส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรมากที่สุด ขณะยื่นมือออกไป
“เรามาจับมือสานสัมพันธ์กันนะ!”
มินซอกยิ้มกว้าง ก่อนทุกคนจะต้องลุ้นระทึกกับการตอบสนองของเด็กหนุ่มชุดสีน้ำตาลที่ยืนมองคนเป็นพี่ด้วยสายตานิ่งเฉย แล้วมือเล็กที่ไม่ได้ถือตุ๊กตาแมวสีดำนั้นก็ยกขึ้นแล้วยื่นไปตรงข้างหน้าคนเป็นพี่ เสี้ยววินาทีนั้น มินซอกรู้สึกโล่งใจที่เทาจะจับมือกับเขากลับ แต่เด็กน้อยสิบขวบคิดผิด
“เปาจื่อ” *ภาษาจีน*
นิ้วเล็กจิ้มจึกๆที่แก้มขาวนวลเรื่อแดงหวานๆ แล้วทวนซ้ำคำ
“เปา..เปาจื่อ” *ภาษาจีน*
ห้องเงียบกริบฉับพลัน ก่อนคุณแม่จะหัวเราะขึ้นมาเสียงดังลั่น...คุณพ่อใหม่ของมินซอกก็เดินเข้ามาหาเทาแล้วมานั่งลงข้างๆเพื่อตักเตือนเทาว่าไม่ให้เรียกพี่เขาแบบนั้นด้วยหน้าตายิ้มๆปนขำ
“เทา อย่าพูดแบบนั้นเขาเป็นพี่ชายของลูกนะครับ...”
“คุณคะ..ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ก็แก้มกลมๆขาวๆของมินซอกเนี่ย(คุณแม่หยิกแก้มกลมเบามือ)...ใครๆก็คงคิดว่าเหมือนซาลาเปากันทั้งนั้น...มินซอกครับ ไม่ได้โกรธน้องใช่ไหมครับ?” คุณแม่หันมาคุยกับเด็กหนุ่มที่ยืนเอ๋อด้วยความอึ้ง ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆแล้วยิ้มให้
“ไม่โกรธครับ”เจ้าตัวบอกแล้วก็ส่งยิ้มหวาน
“ไม่ได้โกรธน้องหรอกครับ คุณอา ...เอ้ย! คุณ...คุณพ่อ...”*ภาษาเกาหลี* ก้มหน้าเขินอายเพราะเขาไม่เคยเรียกใครแบบนี้มานานแล้ว
แล้วอยู่ดีๆเขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ แล้วภาพที่เห็นก็คือคุณพ่อใหม่ของเขากำลังนั่งคุกเข่าเอามือปิดหน้า น้ำตาซึมอยู่ข้างๆเทาที่เอาตุ๊กตาแมวสีดำนั้นฟาดไหล่ด้วยหน้าตานิ่งๆ
คุณแม่เดินเข้าไปปลอบ ก่อนจะปล่อยให้เขายืนมองอย่างอึ้งๆกับสถานที่เห็นตรงหน้า
“คุณหวาง เป็นอะไรไป? เจ็บอะไรงั้นหรอ?”
“เปล่าครับ..คือ..ผมไม่ได้เป็นอะไร...คือ ผมไม่ได้ยินคำนี้มานานแล้วนะครับ ผมเลยดีใจมากไปหน่อย”แล้วเขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาตัวเองเบาๆ
“คือเทา...ตั้งแต่ผมหย่ากับแม่ของเทา หนึ่งปีมานี้เขาก็ไม่เคยเรียกผมว่าพ่อเลยนะครับ” มือหนานั้นกะลูบหัวเด็กน้อยชุดสีน้ำตาลแต่เจ้าตัวกลับเดินถอยห่างเล็กน้อยเพื่อหลบมือ ชายวัยกลางคนยิ้ม
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมชินแล้ว...วันนี้เจ้าตัวยอมมาด้วยผมก็ดีใจแล้วละครับ”
“โถ!คุณ...”
ผมยืนมองคนตรงหน้าด้วยอารมณ์สับสนเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกดีที่แม่ของผมนั้นมีใครคนใหม่ เพราะแม่จะได้มีความสุขซักที แล้วคุณพ่อคนใหม่ของผมก็ดูเป็นคนดีมากๆด้วย แต่ติดอย่างเดียวที่ “เทา” น้องชายคนใหม่ของผมดูท่าจะไม่ค่อยชอบใจซักเท่าไร
“หวางจื่อเทา” เด็กน้อยหน้าตานิ่งเฉยในชุดสูทสีน้ำตาลและถือตุ๊กตาแมวในมือตอนนั้น ตอนนี้กลับสูงใหญ่กว่าผม จนต้อง
...เงยหน้ามอง
“เทา...เทา เอาซีเรียลกล่องใหม่บนชั้นลอยให้พี่หน่อยสิ”
ตอนนี้เรื่องวันนั้นก็ผ่านมาได้แปดปีแล้วมั้ง ที่บ้านของเรารวมกันเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่นิสัยนิ่งๆของเทาก็ยังไม่ได้หายไปไหนเลย แถมดูจะเข้มมากกว่าเดิม
“อันนี้ หรืออันนี้” เทาที่พูดภาษาเกาหลีคล่องแล้วชี้ไปที่กล่องรสช็อคโกแลตกะกล่องรสธรรมดา
“ช็อคโกแลต” เทาพยักหน้าหงึกๆแล้วเอื้อมมือไปเอาซีเรียล ยื่นให้มินซอกที่หน้าตาสะลึมสะลือบ่งบอกได้ดีที่เดียวว่าพึ่งตื่น
เจ้าตัวรับมาก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินตรงไปข้างหน้า ก่อนจะผงะตาโต
“เฮ้ย!” มินซอกอุทานตกใจ
เทาเอามือมาบังหน้าผากมินซอกได้พอดิบพอดีก่อนเจ้าตัวจะเอาหน้าผากชนเสาบ้าน
“แฮๆ ขอบใจนะ” มินซอกยิ้มแหยๆ เทามองด้วยสายตานิ่งประจำตัวก่อนจะส่ายหน้าแล้วเดินจากไป ปล่อยให้มินซอกลูบหัวตัวเองเบาๆ
“เกือบไปแล้วสิเรา”
เหมือนจะเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้วเรื่องซุ่มซ่าม...เดินชนนู้น ชนนี้ไปเรื่อย เรื่องที่ร้ายแรงที่สุดก็ตอนแปดขวบ ตอนนั้นผมบ้ากินนมมาก
จนมีอยู่วันหนึ่งผมกินนมมากไปหน่อย นั่งเล่นอยู่บนชั้นสองพร้อมกับนั่งดูการ์ตูนไปด้วย อิ่มมากเสียจนลุกไม่ไหว ...แต่แม่ก็มาเรียกให้ไปกินข้าวเย็นพอดีเลยต้องรีบไป พอหนักท้องหน่อยก็หนังตาตึงเป็นไปตามสัจธรรม ผมเลยตกบันไดมาทั้งสภาพอย่างนั้นเลยนะสิ
ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่กล้ากินนมมากกว่าหนึ่งขวดอีกเลย...แต่ความซุ่มซ่ามของผมก็ไม่ได้หมดไป จนกระทั่งมีน้องเข้ามาอยู่ที่บ้านด้วย ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เทาเขาคอยระวังไม่ได้ผมเกิดอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆประจำวัน แล้วก็มารู้สึกตัวอีกทีว่าผมเจ็บตัวน้อยลง
.
เรื่องปกติที่ผมต้องดูแลเทาก่อนไปโรงเรียนแทนพ่อและแม่ของเรา เพราะพ่อกับแม่ของเราเค้าไปทำงานที่จีนบ่อยๆ ตอนนี้ผมและเทาเลยได้อยู่บ้านกันแค่สองคน ข้าวกล่องจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผมต้องตื่นมาทำทุกเช้าของวัน
หน้ากลมแก้มป่องยืนกอดอก แล้วฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อมองลงไปในกล่องข้าวอาหารง่ายๆแต่อร่อยเลิศของตัวเอง เพราะมีโอกาสได้ฝึกปรือ ฝีมือเลยล้ำจนเทาออกปากชม
ไข่ม้วน และข้าวปั้นก้อนโตสองก้อนห่อสาหร่ายไส้ทูน่า พร้อมกิมจิและแตงกวาดอง เขาทำไว้สองกล่องให้ตัวเองและเทา ปริมาตรพอๆกัน ที่เยอะเพราะเทาเป็นนักกีฬาต้องใช้พลังงาน แต่ที่กล่องเขาเยอะก็เพราะ....
เจ้าตัวก้มลงมองพุงตัวเองและแขนขาที่อวบอั๋นเบาๆ แล้วเบะปาก...ถึงแม้คิดว่าจะลดน้ำหนักซักที แต่พอได้ทำข้าวเช้าก็เผลอทำกล่องตัวเองเยอะทุกที...ก็ของที่เขาชอบทั้งนั้นนิน่า T_T
เจ้าตัวในชุดนอนทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีครีมลายลูกไม้ของคุณแม่ เดินถือกล่องข้าวมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร เจ้าตัวหันไปดูนาฬิกา ตอนนี้อาเทาคงกำลังลงมา...
เสียงรัวเท้าวิ่งได้ยินมาแต่ชั้นบน แล้วร่างเพรียวก็กระโดดมาคว้าเอากล่องข้าวไปรวดเร็ว
“เทา! นม!” มินซอกยื่นนมให้เทาที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยนักให้ก่อนเจ้าตัวจะรีบใส่รองเท้าไปอย่างว่องไว
“ซิ่วหมิ่น! ไปก่อนนะ! เย็นนี้อย่าเลท!”
ชื่อจีนที่คุณแม่ตั้งให้ “ซิ่วหมิ่น” เป็นสรรพนามที่เทาใช้บ่อยสุดในการเรียกเขา เพราะส่วนมากทุกคนจะเรียกชื่อเกาหลีของเขา ยกเว้นพวกเพื่อนๆชาวจีนที่คณะ
“เฮ้! ระวังตัวล่ะ”
“อ่า...”
เจ้าตัวขานเท่านั้นก็วิ่งปรู๊ดไปข้างหน้าเลยทันที เห็นบอกว่าวันนี้ชมรมเคนโด้ของเทาจัดรับน้องใหม่ เขาต้องไปดูแลรุ่นน้องปีหนึ่งที่เข้าใหม่
...อาเทาน้องชายเรานี้บึกบึนมาดแมนเหมาะเป็นชายชาตรีเสียจริง!...
(มินซอกยืนภาคภูมิใจ ก่อนจะบ่นกับตัวเองในใจเบาๆ)
...แต่ทำไมเราเตี้ยและอ้วนงี้วะ น่าอายชะมัด...
.
.
“งาย หวาง จื่อ เทา...” เสียงยานคางของเด็กชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ตัวสูงก็พอๆกัน แต่ติดจะหน้ายาวกว่าหน่อย เดินมากอดคอเทาที่กำลังจะเดินไปมุมสงบๆหาที่กินข้าว
“วันนี้ก็มีข้าวกล่องอีกแล้ว สาวที่ไหนให้มาเนีย” ฮันเซฮุน จับคางตัวเองทำท่าว่าครุ่นคิด เดินล้อมหน้าล้อมหลังก่อกวนให้รำคาญใจ ก่อนจะโดนใครบางดึงหลังคอเสื้อลากคอออกมา
“เฮ่ยๆ! เจ็บนะเว้ยกัมจง...แว๊ก!!! หายใจไม่ออก”
“นายนี้วุ่นวายชะมัดเลยวะ” เจ้าของเสียงพูดเสร็จก็ผลักหัวเจ้าหน้ายาวไปอีกทาง โดยไม่รู้ว่าอาเทาเดินหนีไปแล้ว
“ฉันก็แค่ทักทายเพื่อน...เฮ้ยๆๆ รอด้วย ฉันไปด้วย!!”
เซฮุนวิ่งตามอาเทาไปติดๆ และเป็นอีกวันที่ทั้งสามคนกินข้าวพร้อมหน้า... ไม่สิ ต้องบอกว่า...เป็นอีกวันที่เจ้าโย่งสองคนไปรบกวนเวลาอาหารที่แสนสงบของหวางจื่อเทา นะสิ!
“นี้! ซาลาเปาเกาลัด!”
เซฮุนยื่นของโปรดควันฉุยให้อาเทาที่นั่งมองเขาทั้งสอง สายตาที่ตอนแรกนิ่งเฉย คล้ายๆว่าจะระยิบระยับ เซฮุนจับสังเกตได้มานานแล้วว่าเทาชอบกินมาก ทุกวันตอนเที่ยงจึงเอาของโปรดมาให้ตลอด ก็เพราะ....
คิมจงอินเดินไปนั่งอีกมุมพร้อมกล่องข้าวสามชั้นแบบผู้ดี วางลงตรงหน้าคนทั้งสอง...
“ส่วนนี้ อาหารชั้นยอดจากพ่อครัวญี่ปุ่นเลยนะ ฮิฮิ” เซฮุนแกะห่อผ้าออกอย่างว่องและจัดเรียงสวยงาม
“น่ากินใช่ไหมล่ะ!”
อาเทาที่โดนอาหารล่อเข้าเต็มเปาแต่ยังคงทำหน้านิ่งแม้สายตาจะวิบวาว เจ้าตัวเงยหน้ามองทั้งสองแล้วถาม “พวกนายต้องการอะไรกันแน่?”
เซฮุนยิ้มกริ่มก่อนจะยื่นรูปของใครคนหนึ่งให้ดู “น่ารักใช่ไหมล่ะ?”
“ลูฮานนะ เห็นว่าเป็นเพื่อนพี่นาย เอ่อ...ไม่สิ พี่บุญธรรมของนายใช่ไหมล่ะ พี่มินซอกนะ” แล้วเซฮุนก็ควักรูปออกมาอีกอันให้ดู ในนั้นมีภาพของคิมมินซอกที่กำลังยิ้มร่าเริงนั่งข้างลู่ฮาน ยิ้มแย้มสนุกสนาน เขาได้กลิ่นไม่ดีทันที
“พวกนายต้องการอะไรกันแน่! ถ้านายแตะต้องพี่ฉันนายได้เจอดีแน่!!!” เจ้าตัวจ้องเขม็งด้วยสายตาโกรธจัด แล้วเตรียมลุกจะโจมตีทันที
“เห้ย! ไม่ใช่ๆ ฉันไม่ได้จะฆ่าไปแกงพี่นาย ...คือ...”
“แต่สิ่งที่พวกนายทำนี้มัน... จะไม่ให้ฉันคิดเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง!”เจ้าตัวย่างสามขุม จับไหล่เซฮุนเขย่าเค้นความจริงอย่างรุนแรงจนเจ้าตัวแทบอ้วก
“เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ กัมจง ช่วยกันหน่อยสิวะ นั่งนิ่งเป็นหินอัคนีอยู่ได้ จื่อเทาใจเย็น ใจเย็น....”
“เห้ย! ใจเย็น!” ร่างสูงอีกคนแตะเข้าที่ไหล่ แต่เพราะความว่องไวและระแวดระวังของจื่อเทาเจ้าตัวเลยเผลอจับกัมจงทุ่มไปอีกด้านเสียงดังลั่น...เซฮุนยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก...
“ขอเบอร์?”
“อืม ใช่!” เซฮุนยิ้มแหยๆ ก่อนจะโดนมือของเพื่อนเบิ๊ดกะโหลก
“ไอ้บ้า มัวแต่ลีลา เจ็บตัวเลยเห็นไหม!?”
“แฮะๆ โทษทีวะกัมจง เดี๋ยวฉันเลี้ยงเนื้อย่างนะ นะ...เอ่อ น่า เจ็บแค่นี้...ไม่ตายเนาะ” เจ้าตัวอมยิ้มทะเล้นแล้วยกนิ้วโป้งให้ กัมจงได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินไปนวดไหล่ไป
“ตะกี้...โทษทีนะ” เทาเดินไปบอกจงอินด้วยท่าทีที่เขาคิดว่าดูอ่อนน้อม แต่ในสายตาคนตรงหน้าช่างดูเย่อหยิ่งเป็นบ้า
“ฮึ!” เจ้าตัวกระตุกยิ้มก่อนจะหันหนีอย่างไม่รับคำขอโทษ เซฮุนเห็นท่าไม่ได้เลยรับเข้าไปสงบศึก...
“อ่า พวกนายอ่า...พอเถอะนะ ...กัมจง นายก็อภัยเขาสิ เขาอุตส่าห์ขอโทษ เร็ว...เร็ว!” เจ้าตัวถองศอกใส่ ก่อนร่างสูงจะเออออพยักหน้า
“งั้น...เราทั้งสามมาเป็นเพื่อนกันนะ เห่ย! ไอ้ดำ อย่าลีลา!”
จะด้วยเหตุการณ์อะไรไม่รู้ก็แล้วแต่ มือขวาของทั้งสามก็ผูกจับกันด้วยมิตรภาพที่เซฮุนเป็นคนมโนขึ้นมาด้วยตัวเองในวินาทีนั้นทันที....
เซฮุนเลยลากทุกคนมานั่งกินข้าวพร้อมกับกระเซะเทาและหยิบรูปใบใหม่ให้ดู
“ลูฮานนะ เรียนคณะเดียวกะพี่นายใช่ไหม? ฉันไปเจอโดยบังเอิญตอนเดินลูฮานเดินกับพี่นาย โคตรของโคตรน่ารักเลยวะ สเป็กสุดๆ” เจ้าตัวโอเวอร์แอ็คติ้งใส่ ทำหน้าเพ้อฝันอย่างแรง
“แล้วทำไมไม่เข้าไปคุย?” เทาถาม
“ฮึ... ก็ฉันพูดจีนไม่เป็นนะสิ แล้วแกเห็นไอ้โย่งหน้าเหยี่ยวคนนี้มะ? ส่วนอีกคนเหมือนจะไม่อะไรเท่าไร แต่ก็เกรงๆอยู่ดี ..นายก็รู้ถ้าฉันโจมตี แปปเดียวอยู่หมัด แต่ก็นะ...” เซฮุนชี้เข้าไปในรูป มีผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเดินอยู่อีกคนกับพี่มินซอกและลูฮาน
“ไอ้นี้ ยิ่งกว่าหมาหวงก้างซะอีก มันเดินตามลูฮานทุกฝีก้าวเลยเว้ย!!”
“ฉันเลยต้องให้นายช่วย...ติดต่อผ่านทางพี่นายหน่อยนะ”
เซฮุนควักรูปออกมาเป็นปึก แล้วส่งให้เขาดู เขาเลยรู้สึกได้ถึงความจริงจังของเพื่อนใหม่คนนี้ว่ามีมากมายแค่ไหน กลุ่มคนในรูปสี่คนที่ดูสนุกสนานกันเป็นปกติของคนเป็นเพื่อนกัน แต่มีหลายรูปที่เขารู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ
ก็ไอ้หน้าเหยี่ยว...มือมันแตะตัวพี่ชายเขาเยอะแยะยังไงชอบกล...ไม่น่าไว้ใจสุดๆ
.
“ช้า!”
หวางจื่อเทาที่ยืนกอดอกอยู่หน้าคณะของคิมมินซอกเขกหัวพี่ชายตัวเองไปหนึ่งที่เป็นการลงโทษ หลังจากที่เจ้าตัววิ่งหน้าตั้งมาหา
“โทษ...ขอโทษ คือพี่ต้องคุยงานกับเพื่อนนะ ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จเลย ...เทารอแปปหนึ่งได้ไหม?”
“ทำไม?”
“คือ...เห้! มากันแล้วหรอ ...แปปหนึ่งนะเทา”
คิมมินซอกท่าทางร่าเริงวิ่งดุ๊กดิ๊กตรงไปหากลุ่มเพื่อนหน้าตาดีทั้งสามคน มินซอกพูดคุยกับพวกนั้นซักครู่ก่อนทั้งหมดจะเดินตรงมาหาเขา นั้นมันลูฮาน กะผู้ชายเจ้าหล่อหน้าเหยี่ยวนิหว่า...แต่สีหน้าก็ยังคงนิ่ง
“อาเทา...นี้เพื่อนประเทศจีนพวกพี่เอง เขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาเรียนเกาหลีนะ คนนี้ลูฮาน คนนี้คริส คนนี้อี้ชิง” ร่างสูงมองด้วยสายตานิ่ง แล้วโค้งทักทาย
“อ่า...ตาเจี่ยหาว” เทายิ้มแหยๆเพราะติดเขินนิดๆ ทั้งหมดทำความรู้จักกัน ก่อนผู้ชายหน้าตาน่ารักที่ติดไปทางสวยจะเดินมากอดคอเขาตีสนิท
“วันนี้พี่ก็ฝากตัวด้วยนะ!” ลูฮานยิ้มกว้าง
“อาเทา พี่จะพาเพื่อนๆไปกินข้าวด้วย คงไม่ว่าพี่ใช่ไหม?” มินซอกจ้องหน้าแล้วถาม เพราะวันนี้เขากับเทาจะออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน นานๆทีก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศ
“แต่ฉันอยากลองกินฝีมือนายมากกว่านะ ซิ่วหมิ่น!” ร่างสูงโอบคอมินซอกแล้วหัวเราะคิกคัก มินซอกปฏิเสธเป็นพัลวัน ก่อนจะหยอกเอินกัน บรรยากาศน่ารักเกินหน้าเกินตา
...ซิ่วหมิ่น...ทำไมไอ้หน้าเหยี่ยวนี้ถึงเรียกมินซอกว่าซิ่วหมิ่นละ แล้วทำไม? ..แกถึงโอบคอพี่ฉันวะ...
เขาจ้องพี่เขานิ่งก่อนจะรู้สึกเหมือนเจ้าหน้าเหยี่ยวมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“ฮืม? พี่ไปกินด้วยได้ไหม?” เสียงของเพื่อนพี่ชายดึงความสนใจจากเขาหลังจากเผลอคิดอะไรในใจ
“อ่า...เอ่อ...ไม่เป็นไรนิครับ”
“โอเค! น้องนายอนุญาตแล้ว เราไปกันเถอะ!” ลูฮานเดินไปควงแขนมินซอกที่ยิ้มกว้างน่ารักน่าชัง ทั้งหมดเดินตรงไปยังร้านเนื้อย่าง ทั้งหมดต่างรุมเฮกันเข้าไปหยอกล้อมินซอกกันหมด
เขารู้นะว่าพี่ชายของเขาน่ารัก ใครๆก็อยากเข้าใกล้ แต่แบบนี้มันมากเกินไป...
...หยอกจนมินซอกแก้มแดงหมดแล้ว...
“นี้ เทา! รีบมาสิ” มินซอกหันหลังกลับมาเรียก เพราะไม่เห็นน้องชายตัวเองเดินตามมาซักที...
“ต้องให้พี่ไปรับใช่ไหม?”
เจ้าตัวยิ้มกว้างแล้วเดินมาควงแขนคนเป็นน้องพร้อมกับฉุดให้เดินไปข้างหน้าพร้อมกัน แก้มกลมๆที่ติดจะแดงเพราะหัวเราะมากไปนั้นแนบลงมาบนแขนเขา นุ่มนิ่มจนรู้สึกได้ ก่อนจะบ่นพึมพำให้เขาฟัง....
“วันนี้สั่งได้เลยน่า จะคาลบี้ จะสันใน นายก็สั่งได้เลยนะ นายไม่ต้องเป็นห่วงค่าใช้จ่าย น้องชายคนเก่งของพี่ต้องกินเยอะๆนะ...”
…มินซอกนี้ไม่เคยรู้ตัวเลยสินะ ว่าการทำอะไรแบบนี้มันทำให้ใครซักคนหวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว...
TBC
(☆ฝากด้วยนะคะ ^_^)
ความคิดเห็น