ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] All about short fiction ☆☆

    ลำดับตอนที่ #7 : [SF] Secret Session (ChanxBaek) 2/2 ll (NC-17) [END]

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 56


    (2)






    สลักกลอนด้านนอกโดนลั่นเมื่อประตูบานนั้นปิดลง เสียงคำสั่งเด็ดขาดก็ตามมา

    “ถ้าทั้งคืนยังไม่มีประโยชน์พอที่จะทำให้พวกนายคืนดีกัน ก็อย่าคิดนะว่าฉันจะไม่มีไม้อื่น”
    เจ้าตัวสั่งเสียงเฉียบก่อนจะเดินหายไปเหลือไว้แต่บรรยากาศในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ

    ห้องนอนที่มีเอาไว้รับแขกได้กลายเป็นคุกเฉพาะกิจเพื่อดัดนิสัย ร่างเล็กยืนหันหน้าเข้าประตูอย่างหัวเสีย ทำเป็นไม่สนใจอีกคนที่เดินไปนั่งตรงมุมห้องอย่างหงอยๆ ไม่มีเสียงพูดคุย

    “อ๊า!! ซวยชะมัด”
    ร่างเล็กขยี้หัวระบายอารมณ์ แล้วหันไปจ้องคนรวมห้องนิ่ง ยืนค้ำเอว อยากจะด่าเต็มที่แต่ก็ทำไม่ลง

    “เจ็บมากไหมนะ?”
    แผลก็ยังไม่ได้ทำให้เสร็จเลยเพราะต้องมาฟังคำตัดสินโทษก่อน เขามองคนตัวสูงที่จับแขนนิ่ง

    “ถ้าเลือดฉันไม่ออกนายคงไม่ยอมพูดดีกับฉันสินะ”

    “ข...”
    ร่างเล็กกัดปาก คำจบเรื่องเหมือนจะหลุดออกจากปาก แต่เพราะยังไม่อยากพูด แพคฮยอนไม่อยากพูด เขาไม่ได้ผิด

    ร่างบางนั่งกระแทกลงบนเตียงแล้วมองร่างสูงนิ่ง ทั้งสองจ้องตากันก่อนร่างสูงจะแกะผ้าพันแผลออกดู

    “อ่าช...”

    “เป็นอะไร?” ร่างบางหน้าตื่น

    “มันแสบนะ”
    แพคฮยอนกลืนน้ำลายลงคอ ไอ้บาดแผลบนแขนที่ไม่ใหญ่มากนักแต่เลือดก็ไหลไม่หยุดนั้นทำให้เขาลืมอะไรต่อมิอะไรที่ผ่านมาไปเลย

    “ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องมองขนาดนั้นก็ได้นะ”

    “แต่เลือดมันไหลไม่หยุดเลยนิหน่า”

    “สงสัยมันจะบาดลึก นี้จุนมยอนฮยองก็ดึงเศษแก้วออกให้หมดแล้วนะ”
    เจ้าตัวพูดก่อนจะนิ่งแล้วเดินไปหยิบกล่องพยาบาลในห้องมาเพื่อทำแผล
    ตาเรียวมองตามการกระทำแต่ก็ไม่ได้ลุกไปช่วยจนกระทั่งร่างสูงเอาทิงเจอร์แตะแผลแล้วคำราม
    แพคฮยอนทนไม่ได้จนต้องไปแย่งมาทำให้เอง ไม่มีใครพูดอะไร แต่ภาษากายกลับชัดเจน

    ตากลมมองตามมือเรียวที่ทำแผลให้เขาอย่างเบามือก่อนจะเลื่อนมามองที่ใบหน้าละมุนที่ยับยู่ยี่

    “มองอะไร?”

    “เปล่า…”
    ร่างเล็กประหม่า เพราะสายตาแบบนี้และที่ทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุข

    “อยากตายรึไง?”
    แพคฮยอนขู่เสียงแข็งแต่มือก็ยังไม่หยุดทำแผลให้ ชานยอลดูจะอมยิ้มขึ้นมาเมื่อเขายิงฟัน จิ๊ปากใส่

    “ใจร้ายจัง ...นี่ฉันเจ็บเพราะนายอยู่นะแพคฮยอน” ร่างบางยู่ปากอย่างขัดใจ พ่นลมใส่

    “ก็ใครบอกให้นายทำแบบนั้นก่อน”

    “ถ้าไม่ทำ นายก็ตีฉันสิ”
    ร่างบางเงียบแล้วเขยิบหนี หันไปเก็บของแทนการไม่พูด ชานยอลไม่รู้จะต้องทำยังไงดี



    “นายทำไมต้องเงียบทุกครั้ง ฉันรับมือกับนายไม่ไหวแล้วนะแพคฮยอน”
    เขาพูดอย่างอ่อนใจ เพราะห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่มีทางออกให้หนี เขาก็เลยปล่อยมันออกมา

    “บอกฉันสิว่าฉันต้องทำยังไงนายถึงจะหายโกรธ”  เขาทนไม่ไหวแล้ว วันนี้ยังไงก็ต้องเคลียร์ให้จบ

    “นายสนมันด้วยรึไง? สนใจฉันขนาดนั้นเลยรึไง?”

    “แพคฮยอนอ่า..อย่าประชดกันสิ” เจ้าตัวกุมมือคนข้างตัว

    “ยังไงเราก็เป็น...เพื่อน..เพื่อนร่วมวงกัน”
    เจ้าตัวพูดเสียงแผ่ว แผ่วจนน่าสงสาร เขาจ้องคนตรงหน้าจนกระทั่งร่างเล็กหลบตาไปเอง

    “ก็ใช่น่ะสิ...เพราะเราเป็นเพื่อนร่วมวงกัน”





    คนเรามักมีความลับเสมอ...
    ในสภาวะจำยอมที่ต้องเก็บมันเป็นความลับแบบนี้ช่างทรมานจนน่าหัวเราะ

    ชานยอลเม้มปากมองเพื่อนตัวดียืนหันหลังให้เพราะเอากล่องพยาบาลไปเก็บ
    ถึงอารมณ์จะหายคุกรุ่นและแพคฮยอนก็คุยกับเขาบ้างแล้ว อะไรๆก็ดูจะดีขึ้น..รึเปล่านะ?

    “เอ่อ..คือ..”

    “ฉันอยากนอนแล้ว”
    แพคฮยอนพูดตัดบทแล้วขึ้นเตียงเตรียมตัวนอน ด้วยความที่เป็นห้องขนาดกลาง
    จึงมีเพียงเตียงเดี่ยวพอดีสำหรับหนึ่งคน ร่างสูงอ้ำอึ้งก่อนจะเงียบแล้วเดินไปปิดไฟ


    ถ้าเขาเข้าไปเบียดนอนแพคฮยอนต้องโกรธเขาอีกแน่

    มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เขาจะคาดเดาอารมณ์ของแพคฮยอนเผื่อแบ่งรับแบ่งสู้
    ทำไมเจ้าตัวไม่เข้าใจเลยนะว่าเขาแคร์มากขนาดไหน

    ขายาวเหยียดตรงเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้นวมตัวเดียวที่พอจะเป็นที่ที่สบายที่สุด ในตอนนี้ เขามองแสงจันทร์ที่ลอดเข้ามา สว่างพอที่จะไม่ทำให้ห้องนี้มืดเกินไป หลับตาลงเผื่อมันจะหลับง่ายๆ





    “นอนได้รึไง?
    ชานยอลสะดุ้งกับสิ่งที่ได้ยิน เขารับคำในลำคอ บอกไปว่าไม่เป็นไร ก่อนจะเงียบไปซักระยะ

    “นายกะแฟนนายเป็นไงบ้างช่วงนี้?”
    อยู่ดีๆแพคฮยอนก็ทำลายความเงียบอีกรอบด้วยคำถามที่เขาคิดไม่ถึง

    “ก็ดี...แต่ไม่ค่อยได้เจอ...อย่างที่นายก็รู้”

    “งั้นเหรอ? อย่างที่ฉันก็รู้งั้นเหรอ....”

    ชานยอลมองเข้าไปในความมืด ตัวเล็กขยุกขยิกก่อนจะนิ่งไป
    ความคิดมากมายตีกันในหัวเขาพร้อมกันคำถามเมื่อครู่ของแพคฮยอน

    สองขายาวเดินตรงไปข้างเตียง เกิดเสียงสะบัดผ้าแหวกอากาศ
    ร่างเล็กเอาผ้าห่มนวมคลุมหัวหนีร่างสูงที่นั่งลงข้างเตียง
    เจ้าตัววางแขนคร่อมร่างบางที่ตอนนี้กลายร่างเป็นไส้ผ้าห่มเสียแล้ว




    “ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนี้อีก”

    “แพคฮยอนอ่า หายโกรธฉันเถอะนะ ...นะ แพคฮยอนอ่า อย่าทำแบบนี้”

    “นี้นายหยุดทำตัวน่ารำคาญซักที!”
    ร่างเล็กสะบัดผ้าออกแล้วลุกขึ้นว่า แต่ก็ต้องสะดุ้งถอยเพราะใบหน้าที่มันใกล้เกินไป
    ตากลมจ้องเขานิ่ง นัยน์ตานั้นที่มองเขาด้วยสายตาที่เขามักต้องหลบเสมอ

    “ออกไปไกลๆเลยนะ”มือสวยผลักหน้าออก แต่กลับโดนจับไว้




    “อันที่จริงไม่ได้คุยกันนานแล้ว”
    เป็นประโยคที่ใครอื่นฟังอาจไม่เข้าใจ แต่เขาเข้าใจมันได้ดี ตาเรียวเสมองไปทางแสงจันทร์อย่างเบื่อหน่าย

    “เจอครั้งล่าสุดก็พร้อมกับนายตอนนั้น”

    “แล้วยังไง?”

    “ยังไม่เข้าใจอีกรึไง?”

    “จะให้ฉันเข้าใจอะไร? ความจริงก็คือพวกนายยังไม่ได้เลิกกันต่างหาก”

    ...นายเห็นฉันเป็นตัวอะไร!?...




    ระหว่างพวกเขาก็มีความลับ ความลับที่บอกใครไม่ได้

    ร่างบางเบะปาก พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็อยากจะฆ่าคนข้างหน้าให้ตายทุกที
    ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้กับเขาด้วยนะ

    “แล้วฉันก็ไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของใครด้วย!”
    ร่างสูงสะเทือนเพราะแรงชกของคนตรงหน้า เขาพยายามกลั้นเสียงเมื่อมันชนเข้าที่แขนข้างนั้น พยายามอดทน

    “ฉันขอโทษ”

    “แพคฮยอน ฉันขอโทษ...”




    ริมฝีปากอิ่มกัดปากตัวจนแดงช้ำ สกัดกลั้นความเสียใจที่โถมเข้ามาในความคิด
    ผ่านมาปีกว่าแล้วที่เราอยู่ห้องเดียวกัน แต่ระยะเวลาความเป็นเพื่อนมันนานมากกว่านั้น
    ทุกอย่างมันค่อยสั่งสม จนมันอัดแน่น แล้วปริแตก

    แพคฮยอนทำไมจะไม่รู้ว่าชานยอลคิดยังไงกับเขา....

    เรื่องมันไม่มีอะไรมากไปกว่าเขาเหมือนจะกลายเป็นคนผิด เพราะมาทีหลัง


    NCคลิกอ่านที่นี้!!

    https://docs.google.com/document/d/1hQ-yU5zXtFaOrZPmB2w4PyQKTy8Ce0jUkl-MzIf6BGQ/edit


    .


    .


    .



    แสงแฟรชสาดกระจายเมื่อพวกเขาย่างก้าวเข้ามาในงาน  เด็กหนุ่มทั้งหกในชุด แฟชั่นสีเรียบโทนเทาดำเฉิดฉายเหมือนดังงานที่ผ่านมา เสียงกรี๊ดของแฟนคลับปนกับเสียงคำสั่งของนักข่าวหลายสำนักบอกให้พวกเขาหัน มองกล้องตัวเอง บรรยากาศแห่งความวุ่นวายยังคงดำเนินไปเหมือนดังที่แล้วๆมา

    แสงแฟรชสาดกระทบ  ชานยอลกระพริบตาถี่ รู้สึกเคืองเล็กน้อย มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับเขาที่เป็นแบบนี้ เพราะตาของเขาโตมากเกินไป แต่เขาก็ชินไปแล้ว ท่ามกลางแสงแฟรชเขาแอบเหลือบมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ขวาสุด

    ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ทั้งหกกล่าวทักทายกับเจ้าของงานที่เข้ามาถ่ายรูปพร้อมพวกเขาในวันนี้ ก่อนจะรวมตัวกันแล้วเดินกลับออกไปอีกประตูหนึ่ง เขาอยู่ท้ายแถวสุดจึงมองเห็นอะไรได้ถนัดรวมทั้งพยอนแพคฮยอนด้วย ก่อนจะรู้สึกว่าคยองซูมาเดินอยู่ข้างๆเขาแล้ว

    “ใจเย็นบ้างสินายนะ”
    ชานยอลเหลือบลงมองคยองซูที่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วขมวดคิ้ว เพื่อนตัวเล็กหัวเราะขำ

    “อย่าทำอะไรโจ่งแจ้งนักสิ”

    “ทำไม? หมายความว่ายังไง”

    “วันนั้นน่ะ พี่ซึงวานกำลังจะไปเปิดประตูให้พวกนายออกมาหลังจากผ่านไปสองชม.แล้ว ดีนะที่ฉันทันฉุกคิดก็เลยเป็นคนอาสาไปเปิดให้ ...”

    คนตัวเล็กขยิบตาแล้วตบไหล่เขาเบาๆ

    “นายต้องเลี้ยงข้าวฉันมื้อใหญ่นะ”

    เจ้าตัวหัวเราะร่วนก่อนจะเดินไปคุยกับแพคฮยอนที่กำลังเดินคุยกับเซฮุนอยู่ เขาแอบหัวเสียเล็กๆ ชานยอลไม่ทันคิดว่าเรื่องคืนนั้นจะมีคนอื่นรู้ แล้วที่รู้ทุกครั้งก็เป็นคยองซูซะนี้ ....หลายคงคงคิดว่าเจ้าตัวดูจะไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ความจริงถ้าไม่สนิทสนม จะไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวร้ายกาจมากแค่ไหน

    คยองซูยืนหัวเราะร่า ตีที่ไหล่แพคฮยอนเพราะขำหนัก เขาไม่รู้ทั้งคู่ยืนคุยอะไรกัน มันดูสนุกสนานจนอยากจะเข้าไปร่วมวงด้วย เจ้าตัวขมวดคิ้วด้วยความคิดมาก เพราะสิ่งที่คยองซูปล่อยไว้มันทำให้เขาไม่อยากไปร่วมสนุก เจ้าตัวยืนเหม่อจ้องคนตัวเล็ก ก่อนความรู้สึกจะสะดุดเมื่อแพคฮยอนสบตาเขา สีหน้าเรียบเฉย

    คนตัวเล็กหลบตาแล้วยืนหันหลังให้...ชานยอลอมยิ้มติดมุมปาก



    อย่างน้อยตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกับแพคฮยอนอีกเลย...
     


     

    END






    Featheraee talk : เรื่อง ที่ทะเลาะกันไรเตอรืก็ยังไม่รู้เหมือนเดิมคะ ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ตอนนี่กลับมีข้อสงสัย อยากรู้จักว่าครั้งแรกของทั้งคู่มันเป็นยังไงกันนะ รีดเดอร์อยากรู้เหมือนไรเตอร์ไหมคะ?

    ถ้าอยากรู้ก็มาบอกกันหน่อยน๊า อย่าลืมคอมเมนต์กันนะ ให้กำลังใจไรเตอร์คนนี้หน่อย ปั่นฟิกแต่ละทีออกมายากมากเลยแล้วไม่รู้ว่าทุกคนชอบไหม ....โดยเฉพาะเรื่องนี้ ....มันเขียนยากมากจริงๆคะ T_T

    แล้วพบกันใหม่เรื่องหน้านะคะ ^_^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×