ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] All about short fiction ☆☆

    ลำดับตอนที่ #6 : [SF] Runaway - Chanyeol x Baekhyun version

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 56


    Title : [SF] Runaway
    Author : Choco Bar
    Couple : Chanyeol x Baekhyun
    Rate : PG-15
    Talk to you : เรื่องนี้เป็นฟิคแปลงทูมินคะ ปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ภาษาจะเมาๆ เชิญอ่านกันเลยนะคะ นะคะ ^_^
    Song : Runaway - Krissy & Ericka
    http://www.youtube.com/watch?v=okfS5nmJxnA

    ปลล. สีม่วงเป็นเนื้อเพลงนะคะ

    Posted Image


    เคยไหมครับ ...ที่คิดจะให้ใจหนีตามใครบางคนไป...

    Say it's true, there's nothing like me and you
    พูดถูกแล้ว, สิ่งเหล่านั้นมันไร้ความหมาย เหมือนกับฉันและเธอ

    I'm not alone, tell me you feel it too
    ฉันนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว บอกฉันทีว่าเธอก็รู้สึกเหมือนกัน



    “คบกับฉันนะ แพคฮยอน”


    And I would run away
    แล้วฉันจะหนีตามเธอไป

    I would run away, yeah..., yeah
    จะหนีตามเธอไป….




    ใจของผมเต้นเร็ว  ในเสี้ยววินาทีนั้น....มันเร็วจนห้ามไม่อยู่



    เสียงกีต้าโปร่งและกลองคลอเคล้าเป็นเสียงแสนไพเราะ เสียงหวานของนักร้องเริ่มประสานคลอไปกับเสียงดนตรี เพลงหวานๆที่คลอเบาๆอยู่ในหูของแพคฮยอนมันช่างหวานซึ้งทั้งเนื้อหาเสียงร้อง และทำนองเพลง มันอ่อนหวานและทำให้รู้สึกล่องลอย แต่เทียบไม่เท่ากับสิ่งนั้นที่ทำให้หัวใจก้อนนี้เต้นแรง

    ดวงหน้าละมุนหันอย่างรวดเร็วไปจ้องตาโตที่มองเข้ามานัยตาเขาอย่างจริงจัง หลังจากมือนั้นเกี่ยวเอาหูฟังไอพอตสีขาวออกเบามือ

    ท่ามกลางเครื่องยนต์ที่ขับไปบนถนนอย่างเงียบเชียบกลางดึกคืนหนึ่งหลังจากที่ เด็กหนุ่มทั้งหกทำงานเสร็จ บรรยากาศที่เหมือนจะเงียบเพราะผู้คนบนรถที่นั้นมิได้พูดคุยปฏิสัมพันธ์กัน แต่อย่างใดกลับแต่มีเสียงเพลงที่เปิดในวัตถุทรงสี่เหลี่ยมอัจฉริยะมีชื่อที่ ลอดผ่านออกมาจึงทำให้บรรยากาศไม่ได้เงียบกริบ

    “อ่า...ฮะๆ ล้อเล่นกันสินะ ไอ้บ้า...คึคึ ...ตลกฝืดว่ะ ไม่ฮา”
    ถึงแม้เจ้าตัวจะเอ่ยทัดทานออกไปแสร้งเผลอไผลหัวเราะเป็นเรื่องตลก แต่ใจกลับเต้นและสั่นจนบอกไม่ถูก ....
    คนข้างกายที่สีหน้าแลดูจริงจังในห้วงเสี้ยววิของความคิดของพยอนแพคฮยอน เขากลับเห็นนัยแต่ที่ดูวูบเศร้า
    ไม่รู้เขาคิดไปเองหรืออย่างไร แต่จู่ๆก็ยิ้มกว้าง...ทำหน้าตลกทะเล้น ขบขันพลางหัวเราะคิกคักจนพยอนแพคฮยอนถึงกับหน้าเหวอไปเลย

    “อ่า.. 55555555555+ เอ่อ ลองซ้อมบทนะ..อย่าใส่ใจ...ล้อเล่นนะล้อเล่น”
    ตอบไปก็แสร้งตบหลังเพื่อน ที่หน้าเหวอจนกลับมายิ้มตามอีกครั้งเหมือนกับจะไม่คิดอะไรแล้ว



    ...แต่ฉันก็ใจเต้นเพราะแกไปแล้วนะ  ปาร์คชานยอล...



    เคยคิดอยากจะปล่อยหัวใจให้ตามใครบางคนบ้างไหมครับ...


    ตอนเด็กๆผมเคยถามทุกคนที่รู้จักว่าความรักคืออะไร เพราะไม่เคยเข้าใจ
    แต่พอโตขึ้นผมก็เริ่มเข้าใจ ...เข้าใจเพราะทุกคนรอบกายรักผมและผมก็รู้จักที่จะรักตอบพวกเขา
    แต่คำว่ารักในรูปแบบนั้น...ผมไม่เคยรู้จัก

    จนไม่รู้ตั้งแต่วันไหนที่ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ...เพียงแค่ได้เจอหน้า...


    “พยอนแพค นายคิดอะไร!”
    สติที่เหม่อเมื่อครู่กลับลงมาจุติ ณ ดวงจิตน้อยๆของคนนั่งเหม่ออีกครา จะไม่ให้ตกใจได้ไง
    หน้าหล่อๆของปาร์คชานยอลห่างจากหน้าผมไม่ถึงฝ่ามือ  เกือบจะถอยห่างไม่ทัน
    แต่เสียใจถอยต่อไม่ได้เพราะหัวมันเอนพิงบานกระจกซะชิดเงี้ย
    จะให้ผมถอยไปทางไหนนอกจากไหลตัวไปด้านข้างออกห่าง...

    “อ..อะไรวะ จะเข้ามาใกล้ทำไมเนี๊ย!”
    มือบางกั้นอกเพื่อนออกแต่คนที่ถอยกลับเป็นร่างบาง ถอยจะนอนไปกับพื้นแล้วเนียไอ้เพื่อนยีราฟก็ยังไม่เลิกแกล้ง....ยังจะมาทำ หน้าเข้มทำเป็นดุ

    “ก็นาย!....”อยู่ดีๆก็พรวดหน้าเข้ามาใกล้  สะดุ้งถอยเองแต่เสียใจ...นอนติดพื้นไปละ ฮือ....

    “....ไม่ตอบพี่นิหว่า ก๊ากๆๆ....ดูหน้ามันตลกวะ ฮาๆๆๆ” ปาร์คชานยอลก็เลยดันตัวออกมานั่งหัวเราะเอาเป็นเอาตายกะการได้แกล้งพยอนแพ คฮยอนผู้หายใจหายคอรวยริน(?) ….เอิ่มมม ก็มันตกใจ

    “นี้...เดี๋ยวนี้เป็นอะไร นั่งเอ๋อตลอด ไปซ้อมได้แล้ว”

    ใจผมเต้นเร็ว...

    รอยยิ้มหวานนั้นส่งมาให้ผมเป็นกิจวัติยามเราคุยกัน รอยยิ้มธรรมชาติของเพื่อนที่ได้เรียกว่าสนิทชิดเชื้อ...
    ผมชินนะ ชินที่จะรับมัน ...ผมชอบรอยยิ้มของชานยอลมาก

    “อ่า...ฮะ”
    มือนั้นเอื้อมออกมาขยี้หัวผมเบามือ...สิ่งนี้ผมก็ชินเหมือนกัน...ชินจริงๆ


    I would run away
    จะหนีตามเธอไป

    I would run away with you
    จะหนีตาม…ไปกับเธอ


    แล้วเคย...อยากจะแค่ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไป เพียงแค่ใครคนนั้นอยู่ข้างกายไหม...?

    Hidden Content


    ตาเรียวกระพริบปริบยามเมื่อได้เห็นอาหารวางอยู่ตรงหน้า สารพัฒบุฟเฟ่คาวหวาน  
    วันนี้เป็นวันฉลองหลังจบกิจกรรมโปรโมตอัลบั้มแรกของเรา ผู้จัดการใจดีมาเลี้ยงเลยสั่งอาหารมาเลี้ยงพวกเรา EXO –K(คิดถึง EXO-Mเหมือนกันแฮะ พยอนแพคฮยอนเดินมามองของบนโต๊ะแล้วตาวาวร้อง ว๊าว!!!!

    “ส...สุดยอดเลยฮะ ซึงฮวานฮยอง สุดยอด!!!”
    ก็อาหารมันเยอะและน่ากินจนเกินพยอนแพคฮยอนจะพรรณาว่ามันสุดยอดระดับไหน

    “มันสุดยอด สุดยอดเท่า...โตเกียวทาวเวอร์เลยละฮะ”
    ...อ่า~ ช่างหาคำเปรียบเปรยจริงๆเจ้าคนนี้ ก็แค่นั่งดูหนังญี่ปุ่นกับเขาเมื่อกี้ มันมีโตเกียวทาวเวอร์และก็อตซิลล่านี้สิ...

    ปาร์คชานยอล หันไปเพื่อนเห็นแก่กินแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำๆ … แต่น่ารักชะมัดเลย
    มองแล้วมันเพลินดีนิฮะ คนน่ารักแบบนี้นะ...

    “ผมจะกิน ไอ้นี้ นี้ นี้ นี้ๆๆๆ!”

    “หมดแล้วไหมนะ คนอื่นไม่ต้องกินกันพอดี” พี่ซึงวานร้องทักพลางยืนค้ำเอวหันมายิ้มให้

    “ได้กินครับ แต่...คนละนิดละหน่อย นอกนั้นแพคฮยอนคนนี้เหมาหมด”

    “ฮ่าๆ พี่จะคอยดูว่าเราจะทำได้อย่างที่ปากว่าไหม...วันนี้ยังมีอีกเยอะ ...” ซึงฮวานเอามือตบอกปั๊กๆ!

    “...เพราะพี่เป็นอาเฮียใหญ่~!” พร้อมกับทำหน้าภาคภูมิใจที่จะต้องเสียเงิน
    เจ้าคนบ๊องมองตามพรางทำเลียนแบบซึงฮวานฮยองอย่างไว เอามือทุบอกอั๊กๆ!

    “...ผมอาเฮียน้อยคนนี้ก็จะไม่เกรงใจ ทุกสิ่งตรงหน้าผมจะกินให้หมดเลยละฮะ!”
    ประกาศกร้าวทำหน้ามุ่งมั่น...แล้วพลันเสียงหัวเราะก็ดังสนั่นไปทั่วห้องพัก ก่อนฝ่ามือหนาของพี่ซึงฮวานจะโยกคลอนหัวพยอนแพคฮยอนด้วยความเอ็นดู
    ผมรู้สึกดีจังที่มันยังคงเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆในห้องเล็กๆที่เรียกว่าหอพักของเอ็กโซ่แห่งนี้...

    “น่าสนุกจังนะฮะคืนนี้” ปาร์คชานยอลที่เดินออกมานั่งมองคนทั้งสองกับพี่จุนมยอนที่กำลังจัดไก่ใส่จาน ไป ...กินไป ก็ยิ้มตาหยีให้กับน้องชายที่เอ่ยพูด

    “อืม...พี่ก็ว่างั้น...ชานยอลเอาซักชิ้นไหมละ...”
    ว่าพรางก็หยิบชิ้นไก่ราดซอสให้คนข้างๆหน้าตาเฉย ชานยอลก็ได้แต่ยิ้มรับก่อนจะบอกว่าไม่เอาแล้วก็หันไปนั่งพร้อมเปิดขวดน้ำ มะนาวแถวนั้นกระดกเข้าปากแทน

    “ย่า!!!!! ชานยอลแกกินของฉันทำไม ฉันยังไม่อนุญาติเลยนะ” เจ้าตัวทำสีหน้าท่าทางจริงจัง
    ก่อนชานยอลจะยกน้ำมะนาวออกจากปากแล้วทำหน้าเหรอหรางงงวย แล้วหันไปชี้จินกิที่ยังมีชิ้นไก่อยู่ในปาก

    “พี่เป็นกรณียกเว้น...ผมไม่ถือ” ก่อนจะยิ้มแป้นให้คิมจุนมยอนอย่างรู้กัน

    “ลำเอียงแฮะคนเรา” ชานยอลทำหน้าไม่พอใจก่อนจะแอบบ่นเล็กๆกับตัวเอง

    “ป่าวลำเอียงนะ เมื่อกี้เราพึ่งประกาศเองว่าทุกอย่างเป็นของเรานิหน่า นายก็ต้องเชื่อฟังสิ”
    แพคฮยอนยิ้มหยีอย่างอ้อนๆ ดูก็รู้ว่ากำลังแกล้งเขาอยู่ เจ้าตัวก็เลยเออออตามน้ำไป

    “อ่า~เจ้าชายพยอนแพคฮยอน ผู้เอาแต่ใจต้องให้ผู้ติดตามปาร์คชานยอลคนนี้ทำอะไรก็สั่งมาได้ตามสะดวกเลยพะยะค่ะ”
    เจ้าตัวพูดพร้อมย่อตัวคุกเข่าข้างเดียวลงราวกับอัศวินผู้สวามิภักดิ์ต่อผู้ เป็นใหญ่ในโลกล่า ผายมือออกไปจับฝ่ามือเรียวสวยนั้นยกขึ้นราวขอความรัก แต่เขาก็แค่นึกสนุกแกล้งคนตรงหน้า...

    แต่รู้สึกมันแปลกๆไหมละเนีย เมื่ออยู่ดีๆเจ้าตัวดีของเขาก็หยุดกึก ทำหน้านิ่งมองเขาอย่างงงๆก่อนจะวิ่งหนีออกไป...ซะอย่างงั้น

    ปาร์คชานยอลผู้หล่อเหลาและมีความมั่นใจสูงในทุกๆเรื่องเป็นอันต้องหยุดชะงัก แล้วหันไปด้านหลังมองตากับพี่จุนมยอนที่ได้แต่ส่งตากระพริบปริบๆให้ เขา...หรือมุกเราจะปัญญาอ่อนเกินไปจนพยอนแพคตกใจวิ่งหนีวะ

    แล้วก็เอามือที่ค้างไว้มาเกาหัวตัวเองแกรกๆ ยิ้มแหยๆให้กับชะตากรรม แถมยังไม่ลืมหัวเราะแฮะๆด้วยแนะ

    ปาร์คชานยอลก็งงเหมือนกันนะครับ...อยู่กันมาเล่นแรงกว่านี้อีกไอ้ตัวดีนั้น ก็ยังไม่เห็นมีทีท่าประหลาดๆแบบเมื่อกี้...ตบหัวลูบหลังกันเป็นกิจวัตรเผลอๆ เจ้าบ้านั้นมันจะตบหัวผมเล่นเสียอีก....

    อ่า~ พูดถึงตอนนั้นก็เสียวหัว...มันตบทีเจ็บนะ ใครว่ายั้งมือ ฟาดลงมาทำยังกะผมเป็นตัวตุ่นในตู้เกมส์...อูย ตอนนั้นคงเล่นเกมส์ชิงขนมอะไรซักอย่างนิละ ลืมแล้วอะ

    ปาร์คชานยอลที่รำลึกความหลังก็เดินไปพร้อมเกาท้องไปด้วยอย่างนึกหิว...คงต้องหาอะไรเข้าปากก่อนเจ้าตะกระคนนั้นจะกลับมาซะแล้วสิเนีย...
    ว่าไปก็หันไปจัดจานเอาของกินลงจานพร้อมกับจับเข้าปากตัวเองไปพลาง กว่าจะเสร็จเกือบทุกคนก็ช่วยกันทำเกือบจะเรียบร้อยแล้ว
    เว้นเสียแต่พยอนแพคที่เดินหายไปไหนไม่รู้และเจ้าตัวยุ่งที่หนีหายเขาไปเมื่อ ครึ่งชั่วโมงก่อน...นี้เจ้าตัวยังไม่โผล่หัวมากลั่นแกล้งเขาต่อเลย ไปไหนของมันเนีย

    “เดี๋ยวฉันออกไปตามเจ้าต็องพยอนแพคมาช่วยงานก่อนนะ”หันไปบอกไคที่ยืนดูดปลาหมึกหลอดอยู่ข้างๆ ก่อนจะพยักเพยิดทำเป็นรับทราบ

    ~ทำเป็นหนีแล้วชิ่งหนีช่วยงาน แบบนี้ต้องลงโทษเด็กดื้อนะเนีย~

    ว่าพลางก็จับลูกชิ้นไปสองไม้เผื่อเอาไปล่อคนตะกละบ้าของกินซะหน่อย กลัวมันหิวแล้วอาละวาด
    ขายาวๆก้าวไปก็ไปแต่หูกลับได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกที่ฟังก็รู้เลยว่าเป็น ใคร เจ้าตัวเลยโผล่หัวเข้าไปกะจะไปดูเจ้าตัวอู้งานซะหน่อย ก็เห็นสองคนนั้นกำลังถ่ายรูปเล่นกันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับหัวเราะคิกคักก่อนจะโน้มตัวเข้าใกล้กันอีกครั้ง

    ชานยอลกะจะไปร่วมวงซะหน่อยก็ต้องชะงักเท้าทันทีเมื่ออยู่ดีๆเจ้านั้นดันหอมแก้มคยองซูตอนถ่ายรูปซะงั้น...เฮ้ย!
    O_____o

    เฮ้ย! ….เฮยยยย...เห้ยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ผมก็ได้แต่ยืนทำตาโตมองคยองซูตีอาละวาดตบตีมันเพราะความเขิน เจ้าตัวดีมันก็ได้แต่หัวเราะร่าเริงใจอยู่แบบนั้นก่อนสายตาเชี่ยวผู้น่า รัก(?) จะหันมาจ้องเขาแล้วส่งยิ้มให้ พร้อมกับสีหน้าของคยองซูที่ดูก็รู้ว่ามันเขินจนอยากแทรกแผ่นดินหนีพร้อมกับ ทำหน้ากระเง้ากระงอดหันมาทางชานยอลพลางถาม

    “เมื่อกี้แกไม่เห็นอะไรใช่มะ ชานยอล”
    ผมก็ได้แต่ทำหน้า...บอกไม่ถูกอะครับ...คือบอกไม่ถูกจริงๆนะ

    “ไม่เห็น...มั้ง แฮะๆ”

    “เห็นไหม พยอนแพคฮยอนอ่า เล่นอะไรของเราเนียมันเขินนะ คนอื่นมาเห็น*&(^&*^(&)*&)(*~”
    แล้วก็บ่นไปไม่หยุดอีกยาววิ่งหนีไล่ตีกันอ้อมตัวผมซะหนึ่งรอบก่อนจะวิ่งหาย เข้าห้องอื่นไป...ปล่อยให้ผมยืนอึ้งๆอย่างงงๆ ...เดียวนี้พยอนแพคฮยอนชักร้ายไปหน้าแล้วแฮะ

    แต่ทำไมรู้สึกอยากเป็นคยองซูขึ้นมาซะอย่างงั้น...สงสัยเราชักจะคิดแผลงๆเกินไปแล้วแฮะ...
    “อยากโดนแบบนั้นบ้างแฮะ~”

    ก็แค่รำพึงกับตัวเองเบาๆแล้วยิ้มกว้างพลางมองลูกชิ้นสองไม้ในมือ...
    “ม้ายซะแล้วสิเจ้าลูกชิ้น เจ้าของที่ตั้งใจเอามาให้สนใจไปกินแก้มคนอื่นแล้วสิ”
    ว่าพลางก็คิดไป...นี้คำพูดตูจะล่อแหลมเกินไปไหม...

    ว่าไปก็อิจฉาคยองซู ฮ่ะๆ



    I would runaway with you
    แล้วฉันจะหนีตามไปกับเธอ...


    ทำไมความคิดผมมันชักแปลกๆไม่เหมือนก่อนซะแล้วแฮะ...


    .



    บางครั้งคุณเคยหลับตาฝันแล้วปล่อยให้หัวใจล่องลอยเป็นอิสระกับความคิดของคุณบ้างไหม?

    ตาเรียวกระพริบเป็นจังหวะหลังจากหยิบหูฟังออกจากหูของตัวเองก่อนจะไปสนใจ เพื่อนตัวใหญ่ที่นอนมึนๆหน้าแดงอยู่บนพื้นข้างตัว...พยอนแพคฮยอนก็รู้สึกมึน เหมือนกันนะ ...แต่ชิมไปนิดเดียวเพราะมันไม่อร่อย ก็เลยไม่หนักเท่าพวกคุณๆที่ก๊งเหล้ากันจนดึกดื่น

    หลังจากที่ช่วยคยองซูเก็บอะไรเสร็จสรรพ กะว่าจะมาเคลียร์ร่างที่แน่นิ่งไปเพื่อนตัวดีและพี่จุนมยอนที่รายนั้นคออ่อน กินไปปุ๊บหลับเลย...

    เพราะด้วยที่ผมอยู่ห้องเดียวกันมัน หน้าที่สำคัญในการลากร่างยีราฟกลับห้องเลยต้องเป็นผมคนเดียวเสียนี้ ก็เพราะพี่คยองซูก็ดูจะกึ่มๆเดินเอียงๆนะสิ ผมเลยไล่ให้ไปนอน และให้ไคไปช่วยเซฮุนพาพี่จุนมยอนไป

    ตาเรียวจ้องอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะถอนหายในหนึ่งพรืด~พอเป็นพิธีแสดงความ หนักใจแล้วจัดการวางไอพอตลงบนโซฟา ก่อนจะเยื้องย่างเท้าเล็กๆแล้วย่อตัวเล็กพยายามฉุดไอ้สูงบ้าหนักห้าร้อยนี้ ขึ้น ฮึบ!...แต่ก็ต้องล้มเหลวตามคาด

    ...ตัวก็บางๆนะ มีดีก็แค่สูงกับหน้าสวย แล้วทำไมตัวหนักขนาดนี้วะ โอ้ยยย กินเหล็กลงท้องรึไงกัน!!!!

    ก่อนจะกลายร่างเป็นหมีหาผึ้งกิน(?)ไปซะก่อน พยอนแพคฮยอนทั้งตบหน้า ทั้งเตะทั้งตีมันซะเสียดัง มันก็ยังไม่มีท่าทีจะรู้สติ หลับสนิท นิ่งสงัด แพคฮยอนยืนค้ำเอวแล้วจ้องมองด้วยสายตาอาฆาต...

    บ่นในใจไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็พยายามยึดตัวมันให้ลุกขึ้นแล้วกะลากให้ไปถึงเตียง จะสำเร็จแล้วนะ จะแล้วนะ...จะแล้ว~

    “เหวอออออ~~!!!!!!!!!!”

    ล้มอั๊กๆเต็มๆรักทับพยอนแพคฮยอนแทบหักกันเลยทีเดียวก่อนจะรู้สึกเจ็บที่มุมปาก แล้วได้รส...คาวเลือด
    แพคฮยอนค่อยๆเปิดตาออกมองแล้วก็พบว่าชานยอลเอาหัวเถิกมาชนปากเขาจนปาก แตก...ก็จมูกมันได้กลิ่นหอมของแชมพูเต็มจมูกเลยนี้สิ...อ๊ากกกก เจ็บเว้ยยยยย!!!

    ก่อนจะร้องตะโกนพลักไอ้ยีราฟบ้านี้ออก  แต่กลับรู้สึก...แปลกๆที่ซอก คอ...เมื่ออยู่ดีๆไอ้หัวทุยที่พิฆาตปากเมื่อกี้กลับเอียงองศาหาความสบายแล้ว ย้ายลงซอกคอพอดี...เป๊ะ!!!!

    หายใจระรินรดซอกคอเค้าไม่เกรงใจร่างน้อยๆที่มันชักหวิวๆปนขนลุก

    “เฮ้ยๆๆไอ้ยีราฟนี้ชักเอาใหญ่ ออกไปนะเว้ย!” ก็ไม่รู้จะด่ามันยังไง เลยว่ามันไปแก้คันปากซักหน่อย
    มือบางก็พยายามดันก็แล้วทำอะไรก็แล้วก็ยังเอาตัวหนักๆที่ทับเขาออกไปได้เลยแม้แต่ครึ่งมิล ...แต่หน้านั้นมันกลับ...ซุก

    พยอนแพคฮยอนขนลุ๊ก~!!!!!!!!!!!!!!!

    “ฮะ...เฮ้ย~ จะไซร้ทำโตเกียวทาวเวอร์รึไงวะ โอ้ยยยขนลุกนะ”
    เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาสามัญต้องโดนนะเว้ยคราบ~~~~~ ถึงแม้จะโดนโอบโดนกอดเป็นปกติก็เถอะ

    เราก็สกินชิพ ใกล้ชิดกันตามประสาคนสนิท ตามปกติมันไม่แปลก แต่นี้ชักไม่ใช่...ผมไม่ใช่หมอนข้างนะจะมาซุกไซร้...ห..หยุดไซร้ ..ไซร้คอโผมมม!!!

    ชักร้อนๆที่หน้าแบบไม่รู้ตัว พยอนแพคฮยอนรู้สึกแปลกๆ...เมื่อคอรู้สึกว่าโดนไซร้ ผิวหนังเจ้ากรรมก็ดันสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆที่รดต้นคอ

    ...จะ...จะเป็นลม ใครก็ได้มายกไอ้โย่งเลวนี้ออกไปจากตัวผมซักทีสิฮ๊ะ~~!!!

    “จุนมยอนฮยอง ช่วยผมด้วย” จะตะโกนออกไปดันเจ็บปาก งือ...ไอ้โย่งบ้ามาทำผมเจ็บได้อีกนะ

    “แจ๊บๆ พยอนแพคอ่า....วันนี้เนื้ออร่อยเน๊อะ~” เสียงใหญ่งุนงัวมัวเมามันสะท้อนอยู่บนตัวผมได้ยินซะลัดเลย ชัดๆเลย...

    ...เออสิ อร่อย...คนเราก็ยังมาละเมอหากันอีกนะ ...แล้วทำไมรู้สึกแฉะๆที่คอวะ หรือว่า....น้ำลาย
    อยากจะกรีดร้องเป็นภาษาตุระกี....แต่ก็ทำได้แต่เบะปากด้วยความรังเกียจ
    พยอนแพคฮยอนรับไม่ได้ แหวะ..

    “อ้าปากๆ ฉันจะป้อนนายเองน๊า  อ๊า~!!!”
    ...พูดอะไรของไอ้คุณท่านวะครับ...จะป้อนผมหรอ...ตอนกลางวันแย่งผมยังกะขาดอาหาร...

    “อ้ำ~!”





    “อ๊ะ!...จ...เจ็บ”
    รู้สึกหยุ่นๆที่คอและก็อะไรคมๆงับเนื้อ...พยอนแพคฮยอนถึงกับใจวูบไปเสี้ยววิ ก่อนจะรู้สึกหน้าแดงๆแข็งเป็นหิน...มารู้สึกรู้สาอีกทีก็ตอนที่เหมือนว่าบน ตัวหนักกว่าเก่าแล้วโดนงับรอบสองพร้อมกับเหมือนโดนดูดคอ….ใจหล่นวูบไปถึง ตาตุ่ม...

    “กูไม่ใช่ปลากหมึกหลอดนะเว้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
    ตะโกนลั่นก่อนจะถีบเพื่อนเลวหงายหลังไปชนโต๊ะรับแขกดังอั๊ก!   แล้ววิ่งหายหนีเข้าไปซุกผ้าห่มบนเตียงจนคนที่ตื่นอยู่วิ่งมาดูเกือบไม่ทัน

    เสียงเซฮุนที่ไถ่ถามอย่างเป็นห่วงแต่ก็ไม่เป็นผล พยอนแพคฮยอนก็ได้แต่เงียบกริบอยู่ใต้โปงผ้าห่มก่อนเซฮุนจะเหนื่อยใจเดินออก ไปช่วยไคยกยีราฟตามเสียงเรียก

    เมื่อรู้สึกได้ว่าไม่มีใครแล้วพยอนแพคฮยอนก็ได้แต่ดินคลุกคลักโวยวายในโปง ผ้าห่ม เอามือจับที่ต้นคอแล้วดิ้นอย่างขนลุกขนพอง...พลางอีกมือกับที่หัวใจที่มัน ตีระรัวปานกรอกแต็กลิงตีไขลานที่เคยเห็นในยูทูป....เฮือก! แล้วก็เพิ่งมาระรึกได้ว่ามัน...เจ็บอะ ฮือออ

    “เจ็บอะ...ฮือ เจ็บอะ”
    ก็จะไม่ให้บ่นได้ไงกัน เอามือไปสีคอยามแผลเพิ่งเกิดใหม่...จะไม่ให้มันเจ็บได้ไง
    พยอนแพคฮยอนคิดในใจ...ปากกูก็เจ็บงะ...

    กูจะกล้าลุกไปเผชิญหน้ากับเหล่าบรรดาสมาชิกวงพร้อมรอยแดงบนคอได้ไงวะ...ถึงไม่เห็นก็รู้ว่ามันชัด...ชัดแน่ๆชัดชัวร์

    อยากจะกรีดร้องเป็นภาษาก็อตซิลล่า..ฮือ ว่าแต่มันกรีดร้องยังไงวะ...ฮือออ




    เช้าย่ำร่ำร้องเรียกว่าใกล้เที่ยง...พยอนแพคฮยอนที่รู้สึกตัวตั้งแต่เก้าโมง เช้าไม่กล้าลุกเมื่อยังรู้สึกว่าเซฮุนเดินวนไปมาอยู่ในห้อง...ต่อมาเมื่อดู ว่าห้องว่างแล้วเจ้าตัวก็ย่างเท้าลงพื้นอย่างเงียบเชียบก่อนจะไปยืนหน้า กระจกยาวเอียงคอดูรอยจารึกจากปากเพื่อน(เวร)...

    แดงแจ๊งแว๊งไร้เมคอัพเสริมแต่ง...รอบคอดูเขียวม่วงแดงยังกะมะเขือม่วงทาลิ ป...ปลายนิ้วเอื้อมแตะนิดๆก็ต้องสะดุ้งนิ้วออกเพราะมันเจ็บ...แล้วเปลี่ยนมา ดูแผลที่มุมปากแทน...ยังมีรอยเลือดอยู่เลย...พยอนแพคฮยอนก็ได้แต่รำพึง ร้องไห้ฮือๆในใจแล้วก็ลากขาไปค้นๆหาผ้าพันคอผืนยาวมาพันคอจัดตกแต่งปิดไปถึง ปากเลยเฮอะ...ดีที่ช่วงนี้มันเป็นหน้าหนาวนะ

    ...เห็นแล้วก็นึกแค้นในใจ แค้นนี้จะต้องเอาคืน...!!!

    พยอนแพคฮยอนผู้เหลือแต่ตาให้ทุกคนแลก็เดินออกมาจากห้องผ่านไปเข้าห้องน้ำอย่างว่อง...ก่อนจะกลับมาสภาพเดิม

    “แพคฮยอนทำอะไรนะ...จะรัดหน้าอะไรเยอะแยะขนาดนั้นกัน” ว่าไปจุนมยอนก็เดินไปจะเอามือไปจับจัดๆให้น้องซะหน่อย แต่เจ้าเด็กบ้าดันจับมือออกห่างแถมยังเอี่ยวตัวออกข้างอย่างไวไม่ให้จับ

    “ป...เปล่าฮะคือผมรู้สึกแสบคอหน่อยๆก็เลยหาผ้าพันคอมาพันไว้ให้อบอุ่น...อ่าพี่จุนมยอนเดี่ยวงั้นผม ...ผมไปปลุกชานยอลกะคยองซูฮยอง...”

    “เรียกกันทำไมอ่ะ แพคฮยอน” คยองซูที่โผล่ออกมาจากมุมฝ้าเพดานราวกับเสกได้นั้นเดินทุบหัวตัวเองโป๊กๆทำ หน้าเหยเก ดูก็รู้ว่าพิษเหล้ากำเริบ

    เมื่อเห็นว่าคยองซูเดินมา ก็เหลือชานยอลคนเดียวสินะที่ไม่ตื่น ฮะๆ แค้นนี้ต้องชำระ!!!!!!!!!



    ร่างยาวหลับอุตุไม่รู้สึกรู้สาจากรังสีอำมหิตซักนิด ...พยอนแพคฮยอนรู้สึกเหมือนมีชัยไปกว่าครึ่ง(เมื่อเหยื่อไม่รู้สึกตน...)

    ก่อนจะย่องเบา(?) แล้วกระชากผ้าห่มอย่างแรงดังฟึ่บ!

    รอดูปฏิกิริยาของคนตัวยาว...หนาวสั่น ซุกมุมกำแพง
    “บรึยยย หนาววว~”

    กร๊ากกกกก สะใจเว้ย!!!

    ยังไม่พอ ต้องต่อด้วยไม้สองเอาหมอนตัวเองฟาดที่นอนขนาดควีนไซน์นั้นแล้วแหกปากโวยวายกรอกหู

    “ตื่นโว้ยปาร์คชานยอล ตื่นๆๆๆๆๆ สายแล้ว อย่ามาหลับเป็นหมีจำศีลให้เสียเวลาออกมาหากินผึ้งกินอ้อย(?) ลุกๆๆๆๆๆ )()*&*^%&$^#$%#$@$#@$#@$@#”
    ไปอีกยืดยาวจนเจ้าคนโดนรบกวนถึงกับนิ่วหน้าแล้วเด้งตัวขึ้นนั่งมองพร้อมกับด่ากลับแล้วเอามือปิดหู

    “พยอนแพคฮยอน หยุดๆๆๆ ปวดหัว โอ้ยยย!!หยุด!”

    “แบร๊~! ก็ไม่รู้จักลุกเอง” เจ้าตัวบางที่นั่งขย่มเตียงเมื่อคู่แลบลิ้นปริ้นตาก่อนจะรีบลุกไปแต่กลับ สะดุดสายผ้าพันคอตัวเองพันมาหน้าคะมำลงเตียง ปาร์คชานยอลถึงกับถึงกับหัวเราะกร๊ากอย่างลืมปวดหัวไปเลยทีเดียว

    ก่อนเจ้าตัวจะกระวีกระวาดคว้าหมอนใกล้มือมาฟาดๆๆๆๆ ปาร์คชานยอลผู้หัวเราะจนน้ำตาเล็ด ก่อนจะรู้ตัวว่าโดนคว้าหมอนเอาไว้ ชานยอลดึงหมอนออกจากมืออย่างแรงแล้วเกิดช่องอากาศกั้น...ร่างทั้งร่างของ พยอนแพคฮยอน

    หล่นใส่ตัวชานยอลเต็มรัก...ก่อนที่ร่างบางจะเด้งตัวออกทันแต่สายตาว่องวัยปานเหยี่ยวกลับเห็นรอยแดงๆที่ต้นคอและมุมปากสีช้ำ

    คว้าข้อมือบางก่อนที่เจ้าตัวจะหนีทันแล้วกระชากเบาๆ แต่เจ้าตัวก็เซถลามาล้มตรงหน้าเขา...สายตาคมพินิจพิเคราะห์แล้วก็รู้สึกตัว ว่าชานยอลเห็นอะไร ก่อนจะเอามือตะปบคอ

    “แพคฮยอนไปโดนอะไรมา...ไหนๆ เอาออกซิ นี้ จะมาบังไว้ทำไมให้เราดูหน่อย”

    “เปล่านิ...ไอ้บ้าอย่ายุ่งน่า...ก็แค่ล้มคอฟาดพื้นเป็นรอยเอง” แถสีข้างจนเลือดซิปซะอย่างงั้น ...เพิ่งมาคิดได้ตอนชานยอลมองหน้า คิ้วมุ่นเข้าหากันจนผูกโบว์...นี้จะมาบอกว่าเค้าแถไม่เนียนใช่ไหมล่ะ ก็เห็นละครมันใช้บ่อยยามเข้าตาจนนี๊~  ฮือ ใครจะกล้าบอกคนทำก็แกและ T______________T

    “แพคฮยอนนี้เราจริงจังนะอย่ามาล้อเล่น...ปากนายก็อีกมันช้ำเนียเห็นไหม ?..บอกเรามาใครทำให้นายเจ็บเราจะไปจัดการ...แล้วเนี้ยเจ็บมากไหมเนีย...?”
    ว่าพลางก็เอาปลายนิ้วโป้งเกลี่ยเบามือนิ้วชี้ก็เกี่ยวคางเรียวไม่ให้หลบหน้ายามเค้าแตะแผล...แต่มือที่คอก็ยังไม่เอาออก

    “พยอนแพคเราขอดูคอหน่อย”

    “ไม่นะเว้ย ไม่มีอะไร... ก็บอกแล้วไงว่าคอฟาดบันไดเลยเกิดแผล”

    “ไหนเมื่อกี้บอกล้มฟาดพื้น”
    ร่างบางถึงกับสะอึกก่อนจะอ้าปากแถต่อ

    “ก็ตอนแรกมันฟาดพื้นแล้วเลยลื้นไปชนบันไดถไลตกพื้นก็แค่นั้นเอง ไม่ได้มีอะไร นายคิดมาก”
    คิดตามภาพตามพยอนแพคพูดไป...แบบนั้นก็คอหักตายแล้วละ

    “...จริงๆนะเว้ย เปล่าโดนอะไรกัดคอนะ”
    ยังจะมาทำหน้าตาบ๊องแบ๊วให้เค้าเชื่ออีก...

    “พยอนแพคฮยอนฉันจะถามอีกรอบจะยอมให้เราดูคอไหม” พูดแค่นั้นร่างบางก็ปากเบะส่ายหัวพัลวันก่อนจะเกิดความชุลมุนชุลเกยื้อแย้ง ข้อมือออดจากคอแล้วร่างบางก็โดนผลักกดลงเตียง...

    สุดท้ายชานยอลก็เป็นฝ่ายชนะ...ก่อนที่เจ้าตัวหัวไว(ไปไหมวะ!) เอียงคอมาด้านที่มีแผลบังแผลไว้...
    บางครั้งก็อยากเตะมันซักป๊าบ!ด้วยความขัดใจ...มันจะฉลาดเป็นกรดไปไหมไอ้เรื่องเอาตัวรอดเนีย

    “พยอน – แพค – ฮยอน! หยุดลูกเล่นเดี๋ยวนี้นะ จะให้ดูดีๆหรือว่าต้องให้ใช้กำลัง”
    แต่ไอ้เรื่องอยากเอาชนะเนียชานยอลมันเยอะนัก

    “ไม่ให้ดู...อย่ามาบังคับขู่เข็นกันนะเว้ย ถ้านายแกล้งเรา เราจะฟ้องซึงฮวานฮยอง จุนมยอนฮยอง และทุกๆคนว่านายแกล้งเรา”

    “แต่นายก็ฟ้องตลอดยู่แล้วนิ เจ้าพยอนดื้อ!”

    “ไอ้บ้า! ปล่อยนะเว้ย! ไม่ให้ดู”
    เจ้าตัวทำหน้ายู่ก่อนจะจ้องตาเขียวปั๊ดเขม็งท้าทาย...ชานยอลเห็นแบบนั้นก็ ฉุนใหญ่หันซ้ายหันขวาวิธีเอาชนะ แต่สองมือก็จับแขนเด็กนี้มันกดไว้แล้วปล่อยไม่ได้ด้วย ไอ้รึจะยกเท้ามาเขี่ยก็เอาขากดขาไว้แล้ว(เอ่อ...นี้กูก็คิดไป)

    ...เลยเอาว๊ะ! มันอยากจะดื้อเองทำไมก็เหลืออย่างเดียวให้ใช้เนี้ยและ




    ผมตกใจตื่นก่อนจะหลับตามิดแล้วรู้สึกได้ถึงอะไรนิ่มๆแตะอยู่ที่ปลายคางและ เนื้อผิวเย็นๆของหน้าชานยอลมาแนบหน้าผมอยู่...ไอ้บ้าพยายามเอาหน้ามาดันหน้า ผมให้เปิดคอออก...

    “ไอ้ยอลยีราฟ ทำอะไรนะ ออกไปนะ...อ๊ากๆๆไอ้เสาไฟฟ้าบ้า...”
    ผมกร่นด่าไปหลายสิบคำด่าจนไม่รู้จะด่าอะไร ใจมันก็ระรัวอยู่ได้หยุดซักทีสิวะไอ้ใจบ้า...แต่ผมก็สู้หลังชนเตียงนะ(?) ไม่มีทางที่มันจะชนะผมได้หรอก!


    เอาหน้าดันกันไปดันกันมาชานยอลก็เป็นฝ่ายเหนื่อยซะเอง...

    เฮือก!!!!! ไอ้ต๊องแรงควาย

    ละหน้าขึ้นมาจ้องแพคฮยอนที่หลับตาปี๋ และเอียงคอปิดแน่นกว่าเดิมเสียอีก...ไม่กลัวคอเคล็ดรึไงวะ

    “พยอนแพคฮยอน ฉันชักเหนื่อยแล้วนะ!”

    “เหนื่อยก็เรื่องของเอ็งสิวะ...ปล่อยนะเว้ยไอ้ยีราฟเสาไฟฟ้า!”
    อ๊า...สรรพนามผมชักจะเยอะไปหน้าแล้วสิ

    “ฉันปล่อยนายไปฉันก็แพ้สิ”

    “ฉันให้แกดูก็แพ้สิว่ะ!!!”

    รู้สึกเหมือนกระแสการแข่งขันจะเริ่มขึ้นอีกครา แล้วชานยอลก็เอาหน้างัดหน้ารอบสอง…เสียงโวยวายดังขึ้นอีกระรอก ผองเพื่อนสองหน่อผู้ได้ถือว่าการเอาชนะเป็นใหญ่หาได้คิดคดเรื่องอื่นไม่นอก จากการงัดคอ(?)

    ตอนแรกก็กะว่าจะไม่ทำไปมากกว่านี้นะ แต่คนอย่างชานยอลมีรึจะยอมแพ้พยอนแพคฮยอน จมูกโด่งๆของคนด้านบนพยายามช้อนแล้วดันจมูกคมของร่างบางขึ้นอย่างเอาเป็นเอา ตาย...แล้วก็ได้ชัยมาสิบเปอร์เซ็น..พยอนแพคฮยอนเอียงหน้าเพียงนิดเพราะเจ้า ตัวเผลอ...

    ก่อนคนด้านบนจะใช้จมูกงัดอีกรอบ และได้ชัยชนะมาสมใจ เจ้าตัวยิ้มกวางแต่ใจกลับกระตุกเมื่อมาคิดได้ว่าอยู่ในท่วงท่าที่แปลกๆ

    ...ทั้งคู่เลยเฮอะ...

    ชานยอลหยุดชะงักทันควันก่อนที่ร่างบางจะตาเบิกโพลงแล้วนิ่งงันจ้องตาคนเป็น เพื่อแล้วรู้สึกเต็มๆว่ามีอะไรหยุ่นๆอยู่ที่ปากของตัวเอง..ร่างบางเผยอปาก ด้วยอารามใจ

    ค้างปากกันได้ครึ่งวิ ชานยอลที่เหมือนความรู้สึกตัวจะกลับมาก่อนก็เผลอทำบางสิ่งที่ไม่ทันให้สมอง คิด ...แต่ร่างกายมันทำไปเอง...เผลอดันริมฝีปากเพียงนิดแล้วเสียงประหลาดก็เกิด ขึ้นกลางห้องเงียบ

    ริมฝีปากหลุดออกจากกันเมื่อแพคฮยอนพยายามหันหน้าหนี แต่อยู่ดีๆกลับโดนนิ้วเรียวแทรกเข้าทางท้ายทอยช้อนกดให้หน้านั้นหันหนีไม่ ได้ แล้วตามต่อด้วยริมฝีปากของคนด้านบนที่เบียดชินจนแพคฮยอนเผลอเผยอปากด้วยความ ตกใจ สองมือตีคนด้านบนพัลวัน แต่ก็ต้องหยุดลงเมื่อรู้สึกว่าแนบชิดขึ้น

    กลีบปากของคนด้านบนงับกลีบปากล่างดูดชิมคลอเคลียอยู่แบบนั้นจนคนด้านล่าง เผลอร้องครางอย่างลืมตัว แต่หน้าคมทำเพียงแค่ละออกมาเพียงผิวเผินก่อนจะดูดเม้มริมฝีปากแล้วแทรกปลาย ลิ้นชื้นผ่านกลีบปากอิ่มที่เริ่มตึงแน่นเพราะโดนขบ

    พยอนแพคฮยอนไม่รู้จะทำยังไงได้แต่หลับตาปี๋รับความรู้สึกที่คนด้านบนมอบให้...

    มันเริ่มรุนแรงและแนบแน่น เขารู้สึกว่าคนเป็นชานยอลเริ่มจูบเขาหนักขึ้น ปลายลิ้นร้อนเล็มเลียเก็บกินความหวานของโพรงปากอิ่มโดยไม่สนใจเสียงครางทัด ทาน  เสียงจูบสะท้อนผ่านไปทั่วทั้งห้องโดยไม่สนใจอายสิ่งใด

    เจ้าตัวพยายามเล็มเลาะริมฝีปากนั้นที่เขาไม่คิดว่ามันจะหวานจนเกินห้ามใจ ปากนั้นเริ่มบดขยี้ริมฝีปากของคนด้านล่างหนักขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายร่างบางก็หมดแรงต้านทานมือบางที่ตอนแรกนั้นตบตีและปัดป่ายอย่างไร้ จุดหมายตอนนี้กลับวางลงบนท้ายทอยของคนด้านบน ขยับปลายนิ้วไล้ไปบนหลังคอทุกครั้งที่เขาเพิ่มแรงดูดดึง แล้วเจ้าตัวก็ค่อยๆกลืนกินลมหายใจของร่างบางจนเขารู้สึกได้ถึงอาการสั่นและ ตื่นกลัวที่แพคฮยอนมีให้...เจ้าตัวจึงละหน้าออกมา

    แพคฮยอนเบือนหน้าหนีฉับพลันทันด่วนไปอีกทาง หอบโกยอากาศที่โดนแย่งชิงอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อกี้เกือบถีบออกไปแล้วแต่โดนกดแน่น...

    แล้วเจ้าตัวก็ได้แต่กลั้นใจครางฮือพยายามดิ้นให้หลุด ดิ้นสองสามทีแต่ชานยอลก็ยังนิ่ง



    ปาร์คชานยอลยังค้างอยู่ท่านั้น...ลมหายใจรดรินข้างแก้มขาวจนมันขึ้นสีแดง ทั้งสองข้างอย่างเงียบกริบแล้วที่นิ่งอยู่ดีเจ้าตัวกลับกดหน้าลงให้ริมฝีปาก และปลายจมูกชิดแก้มนวลอย่างลืมตนและลดลงตามแรงต้านของโลกลงเรื่อยๆราวกับจะ จมหายไปในหวงแก้มแดงก่อนจะได้สติคืนกลับมาเพราะเสียงคราง

    “อื้อออ ไอ้บ้า หยุด...ลวนลามนะเว้ย!!” เสียงสั่น แหบพร่าเหมือนจะร้องไห้
    เสี้ยวของความความเสียดายหล่นวูบภายในจิตใจ ก่อนเจ้าตัวจะได้สติว่ากำลัง...คิดลึกกว่าจูบ

    เฮ้ย!!!!...นี้กูคิดอะไรเนี๊ย~

    แต่กลับรู้สึกได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองและเสียงหัวใจของอีกคนมันระรัว หนัก...เขาถึงกับพูดไม่ออก ก่อนสายตานั้นจะต้องเข้ากับรอยบนซอกคอ

    แล้วก็เห็นว่ามันเป็นรอยสองรอยที่ไม่ธรรมดา...เกิดมาสามชาติยีราฟไม่ต้องหดคอกันหญ้าก็รู้ว่ารอยสองรอยนี้มันรอยอะไร

    “คิสส์มาร์ค”
    เจ้าตัวหล่นเสียงออกมาจากลำคออย่างตกใจ...แล้วก็นึกไปใครมาทำก่อนกูวะ (เฮ้ย! ไม่ช่ายยย)

    “พยอนแพคฮยอน...รอยพวกนี้ใครทำนะ”
    เจ้าตัวกัดปากอย่างนึกเจ็บใจแต่ก็ไม่พูด

    “พยอนแพคฮยอน”
    เจ้าตัวพยายามคิดไปเองรำลึกความหลัง เมื่อวานก็ไม่เห็น แบบนี้ต้องเมื่อคืนแน่เลยตอนกินโซจู...
    หรือว่าไอ้พวกแสบๆนั้นจะมือไวใจเร็วจับมันดูดคอ...จุนมอยนนี้ไม่น่าใช่แน่ๆ พี่แกไม่ใช่คนหื่นกาม
    คยองซูก็อีก...รายนั้นน่าจะโดนพยอนแพคฮยอนกดซะมากกว่า ...
    เฮ้ย! เซฮุนล่ะ ก็ไม่น่าใช่ รายนั้นอะไรก็เพ้อหาแต่ลู่หาน...ก็เหลือรอดอย่าตัวเดียว..จงอิน!

    “ไคมันทำนายใช่ไหม...ไอ้ไก่นรก มันได้เห็นดีกัน”

    ว่าพลางก็ลุกพรวดออกจากแพคฮยอนแล้วดิ่งไปกระชากประตูกระชากคออิจงอินที่มัน ทำหน้าไม่ประสีประสาเอาไก่ยัดปากอยู่ก่อนจะโดนผมถล่มโวยวายใส่จนเสียงเอะอะ มะเทิ่งวุ่นวาย! จะไม่รู้ด้วยอารมณ์ไหน
    ผมก็โกรธจนไม่อยากให้อภัยคนที่ทำแบบนี้กับพยอนแพคฮยอน(ของผม)...ก่อนที่ผมจะ โดนแรงย่อยๆกระชากอย่างแรงจนเซถลาแล้วล้มลงกับพื้นไปอีกครั้งด้วยแรงหมัด หลุนๆจากปลายมือเล็ก...

    “ไอ้ชานยอล ไอ้บ้า เอ็งนั้นและที่เป็นคนทำ...ไอ้ยีราฟงี่เง่า!”

    ว่าเสร็จพยอนแพคฮยอนก็วิ่งหนีเข้าห้องล็อคกลอนกระแทกประตูเสร็จสรรพ ...ปล่อยความเงียบเข้าครอบงำภูมิอากาศทั่วพื้นทวีปเอ็กโซ่เค

    ก่อนจะโดนฝ่ามือไก่นี้และตบหัวเรียกสติ

    ป๊าบ!!! (เฮ้ย! นี้กูพี่มึงนะ!)

    “สมมันดีไอ้ฮยองงี้เง่าเอ้ย! ถึงไก่ตัวนี้จะไม่รู้อะไรก็ขอสรรเสริญสมน้ำหน้าฮยองไปอีกสิบรอบ..”
    เขาบอกว่าคนล้มห้ามเหยียบไม่ใช่เหรอครับ... (-________-)

    “ไอ้คิสมาร์คบ้าบออะไรผมไม่รู้เรื่องหรอกนะเว้ย ตื่นมาก็ยักไม่เห็นแม้แต่คอแพคฮยอง ไม่เชื่อก็ถามคนอื่นๆดูก็ได้”
    ทุกคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวพร้อมกับทำหน้าว่าไม่รู้เรื่องเลยซักนิด...เป็นคยองซูนี้อีกที่อยากรู้จนถามออกไป

    แต่ชานยอลก็รู้เต็มๆอกซะแล้วสิว่าเขาพลาดอย่างจัง!!





    แล้วคุณเคยที่เดือดเนื้อร้อนใจยามเมื่อเห็นใครบางคนไม่สบายใจบ้างไหม...

    เสียงนาฬิกาตีบอกเวลา..บ่ายสี่โมงโดยประมาณ แต่ประตูบ้านนั้นที่โดนมือหนาทุบตีเมื่อสี่ชั่วโมงก่อนก็ยังไม่เปิดออก

    ชายร่างโย่งที่ตอนแรกตบตีประตูราวกับมันไปฆ่าคน ตอนนี้กลับนั่งเหนื่อยพิงมันอย่างไม่รู้สึกผิดที่ไปทำร้ายประตู...ยีราฟตน นี้เลยได้แต่นั่งคอตก

    “พยอนแพค...เราขอโทษ ออกมาคุยกันเถอะนะ...น๊ะ นี้ไม่หิวรึไง คยองซูอุตส่าห์ต้มกิมจิชิเกให้กินเลยน้า..~ อ๊า หอมจัง อืมมม หวานอร่อยจริง~”
    ไม้แข็งไม่ได้ก็ต้องไม้อ่อนๆนี้และครับ...เอาของกินเข้าล่อ..แต่ก็เงียบกริบ

    ตอนนี้ผมคงต้องยอมแพ้ต่อพยอนแพคอล้วใช่ไหม? เพราะทำยังไงขู่เข็นอ้อนวอนอะไรมันก็ไม่แม้แต่จะตอบรับผมซักคำ...แม้แต่ เสียงยุงผมยังไม่ได้ยินเล็ดลอดมาจากห้องนี้เลยครับ ฮือออ สี่ชั่วโมงแล้วนะครับ ผมเหนื่อยอะ ฮืออ
    T____________________T

    ร่างหนาของปาร์คชานยอลนั่งหมดอาลัยตายอยากราวกับคนไม่ได้กินข้าวมาเจ็ดวัน นั่งหงอยเป็นยีราฟเหงาตายเอาแต่เคาะกระตูเรียกชื่พยอนแพคฮยอนอยู่แบบนั้น คนอื่นเห็นแล้วก็ละเหี่ยใจ..คิมจงอินที่ยืนดูอยู่นานก็เลยเดินหายไปจากตรง นั้นแล้วกลับมาพร้อมสิ่งสำคัญบางอย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึง

    “ฮยอง เป็ปซี่สามเดือนนะ!” คนเป็นน้องยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะชูพวงกุญแจขึ้นให้ดูแล้วลุกขึ้นไขประตูห้องนอนที่แพคฮยอนไปสถิตอยู่
    ร่างหนาได้แต่มองตามตาละห้อย...ก่อนจะยิ้มให้ แล้วพูดขอบคุณก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้

    “จงอิน...นี้กัมจง แกรู้แต่แรกแล้วใช่ไหมว่ามีกุญแจ”

    “เออสิ..” กัมจงยิ้มให้ตามสไตล์ก่อนจะกลั้นขำ

    “ตอนพี่หงอยตายนี้โคตรฮาเลยว่ะ ก๊ากกกกกกกกกกกก”
    สุดท้าย ปาร์คชานยอลก็ได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ...

    “ฝากไว้ก่อนเถอะแก”
    .


    ผมก้าวเข้าไปในห้องนั้นก่อนจะพบแผ่นหลังของใครบางคนที่นั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นพรม...


    Close the door, lay down upon the floor
    ปิดประตูบานนั้น หย่อนตัวลงบนพื้นแสนกว้าง

    And by candlelight, make love to me through the night
    ด้วยแสงเทียนที่สาดส่อง  ความรักก่อกำเนิดผ่านห้วงแห่งค่ำคืน



    ด้วยที่ห้องนี้มันเป็นมุมอับแสง ห้องทั้งห้องจึงทั้งเงียบและมืดสนิทเพราะเจ้าตัวไม่เปิดม่านแม้กระทั่งไฟซัก ดวงก็ยังไม่มี แต่ก็ไม่ได้มืดมากจนมองไม่เห็นใครเลย
    ขายาวๆก้าวเดินไปตรงหน้าแล้วนั่งลงข้างๆร่างบางซุกหน้าลงบนเข่าที่ชันขึ้นมา ร่างหนาเห็นแบบนั้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรสุดท้ายมือเรียวก็เพียงเอื้อมออกไป เกลี่ยไล้ลูบหัวเบามือ

    “พยอนแพค...ฉันขอโทษ ยกโทษให้ได้ไหม?”
    ร่างบางก็ทำแค่หันไปอีกทางหนี ชานยอลได้แต่ทอดถอนใจ

    “นี้นายจะโกรธฉันจริงๆหรอ พูดตามตรงนะเรายังงงอยู่เลยนะว่า...ทำไมรอยนั้น...ฉันเป็นคนทำ?”
    เจ้าตัวรู้ดีรอยแบบนั้นไม่ใช่จะแค่เอาปากแตะแล้วมันก็เกิด มันต้องกดน้ำหนักอย่างแรงแล้วก็...อ่านะ นั้นและ คนมีสติอย่างเขาคงไม่ทำเรื่องบ้าๆกัเพื่อนที่แสนดีอย่างพยอนแพคฮยอนได้ หรอก... (จ้าตัวคิดเข้าข้างตัวเอง)
    เงียบไปอึดใจใหญ่ แล้วสุดท้ายแพคฮยอนก็ยอมพูด

    “เมื่อคืนนายเมา”
    แล้วก็เงียบชวนให้คนฟังอึดอัดเสียนี้กระไร

    “ฉันจะยกนาย...ไปนอนห้อง...แล้วยก..ไม่ไหว...”พูดติดๆขัดชวนให้หายใจลำบากแต่เพราะเป็นแพคฮยอนเขาก็ทนรับฟัง

    “นายล้มใส่ฉัน...แล้วก็ละเมอกินเนื้อย่าง...”

    “ละเมอกิน?”

    “อืม...ละเมอกิน ...แล้วก็กัดคอฉัน...สองครั้ง...แล้วเมื่อคืน ยังเอาหัวมาชนปากแตกอีก”
    แล้วก็เงียบไปอีกครา ปาร์คชานยอลถึงกับอึ้งไปไม่เป็น...นี้เพราะเราเมาใช่ไหมเนีย???

    “พยอนแพค...ฉันขอโทษ...คือฉันไม่ทันได้ระวังตัว...”

    “ก็...ก...กะจะไม่ถือก็เพราะนายเมา...แต่วันนี้นายทำให้ฉันคิด”
    ปาร์คชานยอลเริ่มใจไม่ดีกับประโยคที่จะได้รับในอนาคต...หรือเพราะเรื่องนั้นบนเตียง

    “นายจูบฉัน...ทำไม ???”



    Cause I have run away
    เพราะว่าฉันจะหนีตามไป


    I have run away, yeah..., yeah
    ฉันจะหนีตามไป

    I have run away, run away
    ฉันจะหนีตามไป


    I have run away with you

    ฉันจะหนีตามไป…ตามเธอไป




    กับคำถามที่เขาถาม...ผมตอบมันไม่ได้...




    Cause I am falling in love (falling in love) with you
    เพราะฉันตกหลุมรักเธอ(ตกหลุมรัก)เธอ

    No never I'm never gonna stop
    ไม่มีทางเลย .ฉันหยุดมันไม่ได้เลย




    “พยอนแพค...นายรู้ไหมว่าวันนั้นฉันไม่ได้ซ้อมเล่นละครบนรถตู้”
    ผมนั่งตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่หลังจากเปล่งถามออก...ผมเริ่มไม่เข้าใจกะท่า ทีของคนข้างๆที่เป็นอยู่..และตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ที่ผม...ใจเต้นไม่เป็น จังหวะเพราะเขา

    เรื่องเมื่อวานก็เหมือนกัน...ที่ต้องวิ่งหนีออกมาแบบนั้นเพราะใจของผมมันเต้นเสียงดัง...กลัวว่าอีกคนจะได้ยิน

    ร่างหนาเริ่มขยับเบียดชิดตัวร่างบางที่เริ่มเขยิบหนีไปอีกทาง แต่สุดท้ายร่างบางก็เขยิบไปชนขอบเตียง
    ในอกซ้ายของร่างบางรู้สึกและสัมผัสได้ทันทีว่ามันเริ่มปะทุหนัก...หนักขึ้น หนักขึ้น
    แล้วก็รู้สึกได้ถึงกระแสร่างกายของอีกคนที่โอบรอบตัว

    “นายก็หัวใจเต้นเร็วเหมือนฉันเลย...”
    มือเรียวนั้นกอดกระชับไปทั้งตัวของร่างบางที่เบียดตัวกอดเข่าตัวเองแน่นกว่า เดิม...มันและดูช่างง่ายดายเหลือเกินสำหรับคนร่างยาวอย่างปาร์คชานยอลที่จะ ครอบคลุมตัวทั้งตัวของร่างบางตรงหน้าด้วยเพียงสองแขนและสองมือนี้...เจ้าตัว ซุกหน้าลงกับไหล่แล้วซุกลงไปบนกลุ่มผมสีสว่างของคนตรงหน้าที่นุ่มลื่นราว เส้นไหม...ความรู้สึกดีๆที่บอกใครได้ยาก...และอาจไม่มีโอกาสได้ทำ

    “นาย..ก็รู้สึก...เหมือนที่ฉันรู้สึกใช่ไหม?”

    ก็เพียงเพราะใจผมมันก็เข้าใจความหมายนั้นโดยไม่ต้องเอ่ยอะไรมากกว่านี้




    Falling in love with you...

    การได้ตกหลุมรักเธอ



    เพราะตอนนี้หัวใจของผม...มันได้หนีตามใครคนนั้นไปซะแล้ว


    With you...
    ได้รักเธอ...










    ใช่...มันเป็นเรื่องจริง

    เมื่อก่อนนั้นทุกๆอย่างมันดูไร้ความหมายราวตัวผมและเขาคนนั้น

    และผมก็รู้สึก เหมือนที่เขาก็รู้สึกเช่นกัน



    แล้วคุณเคยคิด...ที่อยากจะหนีตามใครซักคนไปบ้างไหม?












    Special

    ณ ห้องพักของเอ็กโซ่เคที่ทุกคนต่างทำงานกันเสร็จแล้วเตรียมเก็บของ...แล้วสุด ท้ายก็เหลือแค่หกคนในห้องที่ต้องนั่งรอเพื่อฟังว่าถ่ายรายการเสร็จสมบูรณ์ หรือไม่ ระหว่างที่ว่างๆกันปาร์คชานยอลก็ควักอาวุธประจำตัวขึ้นมาถ่าย...มือถือรุ่น แพง

    เจ้าตัวหันซ้ายหันขวาพอเป็นพิธีก่อนจะหามุมเหมาะๆทางใบหน้าถ่ายรูปตัวเอง...แล้วอารมณ์ชั่ววูบหนึ่งก็เกิดประกายความคิด...

    ตาโตมองตรงไปยังร่างบางที่นั่งเล่นเกมส์ผ่านไอแพดเครื่องแบนที่มีนูน่าใจดีซื้อให้แล้วเดินเข้าไปหา
    “นี้พยอนแพค...มาถ่ายรูปกันไหม?”
    ร่างบางถึงกับลืมหยุดเกมส์เงยหน้าขึ้นมามอง..ก่อนจะสบถกับตัวเองหนึ่งทีแล้ว หันไปสนใจเกมส์ที่หน้าจอป่าวประกาศว่าอัศวินผู้มีชัยในอดีตได้ดับสิ้นใน สมรภูมิล่าแมวน้ำแล้ว

    “เห็นไหมเพราะนาย ฉันเลยตายเลยอะ!”เจ้าตัวบ่นหัวเสียก่อนจะปิดเกมส์แล้ววางไอแพดไว้ข้างๆก่อนจะหันมาบ่นคนเป็นเพื่อนนั่งมองเขาตาละห้อย

    “อ่ะๆ ถ่ายก็ถ่าย...หน้าหงอเป็นลิงแบบนี้ตลกวะ นานๆทีจะมาถ่ายรูปกันเอง?”


    “ก็...”
    เจ้าตัวพูดแค่นั้นก็เงียบไปเสี้ยววิก่อนเพราะตอนนี้ในหัวของคนเป็นพี่มันคิดถึงตอนพยอนแพคมันถ่ายกะคยองซู

    “เอาเถอะ ถ่ายๆ”
    แล้วทั้งสองก็เอียงหัวเข้าหากันแล้วมองมือถือที่อยู่บนมือของชานยอล....พยอน แพคยิ้มกว้างให้กับกล้องก่อนจะถ่ายไปได้สองสามภาพ...แล้วในจังหวะเดียวกัน ชานยอลก็เพียงเหลือบสายตาไปมองคนข้างๆที่ไม่รู้สึกตัว

    “นี้ยอล...หยุดถ่ายทำไมกำลังสนุกเลย”
    ว่าพรางก็หันไปมองคนข้างๆแต่ก็ชะงักหน้าออก

    “มองอะไรเนีย?”
    คนถูกถามทำหน้าเหรอหราปากบอกว่าเปล่าแต่ปากกลับฉีกยิ้มอยู่แบบนั้นโดยมืออีกข้างก็ยังไม่วายโอบไหล่บางให้หันมาถ่ายรูปต่อ

    พยอนแพคพยายามทำเป็นไม่สนใจ..แต่แล้วบางอย่างก็ต้องทำให้เขากลับมาสนใจ

    *แชะ!*

    “เฮ้ย! ชานยอลหอมแก้มทำไม(ว่ะ)?”ว่าแล้วเจ้าตัวก็กระเถิบหนีหันไปว่าทอ มองตาดุอย่างคาดโทษ

    “นายยังหอมคยองซูได้เลย ฉันอยากหอมบ้าง...ผิดเหรอ?”
    สายตาคาริสม่านั้นกรุ่มกริ่มเกินไปจนแพคฮยอนอยากจะเอานิ้วตัวเองเนียจิ้มตา นี้ให้พลุนซะ ...นี้ไปเอานิสัยพี่จงฮยอนวงชายนี่มาใช่ไหมเนีย!

    “ผิด! เพราะฉันไม่ได้อนุญาติ เลิกถ่ายได้แล้ว บ้าๆ”
    ก่อนที่เขาจะหลุดจากอ้อมแขนนั้นได้เขากลับได้รับข้อความบางอย่างจนไม่รู้จะ ทำอะไรได้นอกจากเดินหนีออกจากห้องนั้นไปอย่างรวดเร็วเขินจนตัวแตกตาย

    เสียงกระซิบเพียงเสี้ยววิที่ร่างหนานั้นดึงร่างบางเข้ามากอดแล้วลอบพูดให้คนในอ้อมกอดเท่านั้นที่รู้

    “อยากหอมแก้ม “แฟน” ผิดเหรอครับ?”
     



    END again~~~~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×