คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [SF] hidden tears ( Luhan x Minseok)
รอยยิ้มที่ยิ้มตอบผมทุกวัน มันดูเป็นรอยยิ้มที่จริงใจ แววตาน่ารักที่จ้องมองผมทุกครั้ง การตอบสนองอย่างคนที่คุ้นเคยกัน ดูเหมือนเราจะสนิทกันมากจนทุกคนคิดอิจฉา แต่ในใจมินซอกกลับไม่มีที่ว่างให้ผมเลย
“มินซอก ครีมติดปาก” ลู่หานมือไวเท่าความคิด เขาใช้ปลายนิ้วโป้งเช็ดที่มุมปากนิ่ม ก่อนจะอมยิ้มตอบคนตรงหน้าที่จ้องเขาตาโต เจ้าตัวหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปากตนเอง มินซอกอมยิ้มให้เขาเบาๆก่อนจะทำสีหน้าแปลกๆ
“บอกแล้วไม่ใช่รึไง ไม่ให้ทำแบบนี้มันสกปรกนะ” คำพูดที่เหมือนว่ากล่าวตักเตือนนั้นมันบางเบาและดูน่ารัก การห้ามของมินซอกไม่เคยจริงจังเลย
“ก็ปากมินซอกเปื้อน ฉันเห็นแล้วทนไม่ได้นะ...” คนตรงหน้าตาโต
“ก็บอกสิ เราเช็ดเองได้น่า...”
“แต่ฉันเห็น ทำให้เลยมันง่ายกว่านะ”
“แต่มันไม่ดีนิ มันสกปรกแล้วอีกอย่าง ถ้าคนอื่นมาเห็นจะทำยังไง?”
สีหน้าจริงจังนั้นจ้องมองผม เจ้าตัวถอดหมวกสีชมพูสดออก ผมที่นั่งอยู่กับมินซอกสองคนโดยคนอื่นๆไม่ได้อยู่แถวนี้ ผมหันไปมองเครื่องบินลำนั้นทะยานขึ้นฟ้า
ผมเงียบ...ไม่พูดต่อ
“คราวหลังอย่าทำอีกนะ เรากลัวคนอื่นเข้าใจผิด” เจ้าตัวพูดเสร็จก็ทำปากงุบงิบพูดไม่มีเสียง ตักไอติมเข้าปาก
“ฉันอยากดูแลนาย มันผิดนักรึไง?”
.
บนเครื่องที่ทะยานอยู่น่านฟ้า เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วที่ผมจ้องมองไปบนเพดานเครื่องบิน เพลง머문다 ของรุ่นพี่ SJ วิ่งวนไปมาอยู่ในหูของผมมากกว่าสิบรอบแล้ว ตัวผมนั่งอยู่บนพนักด้านนอกติดทางเดินของอีกฝั่ง ผมเอียงคอ จ้องไปยังที่นั่งด้านข้าง มินซอกนั่งกับเทา เจ้าตัวหลับ หัวอิงหน้าต่างเครื่องบิน เอียงพับซุกอยู่ในเสื้อฮู้ดของตนเอง
ความหมายของเพลงเศร้าไม่เคยมีความหมายต่อผมเลย จนกระทั่งผมได้รู้จักคิมมินซอก
“อันยองฮาเซโย ผมชื่อคิมมินซอก ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ”
ท่าทางเคอะเขินแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด เจ้าตัวโค้งให้กับทุกคนและแนะนำตัวพอเป็นพิธี
เพราะเป็นคนที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม เจ้าตัวเลยได้เป็นคนแรกในการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการต่อหน้าทุกคนที่ถูกคัดเลือกสำหรับยูนิตใหม่ของบริษัท บางคนก็อาจสนิทกันแล้ว บางคนก็พึ่งเข้ามา ทางบริษัทจึงจัดปาร์ตี้แนะนำตัวเพื่อละลายพฤติกรรม
ทุกคนปรบมือให้มินซอก ผมนั่งมองเพลินๆกับปฏิกิริยาใสซื่อที่ยืนจ้องนิ่ง พยักหน้าเบาๆอย่างขยันขันแข็ง เชื่อฟังในคำสั่งของเมเนเจอร์ คนคนนี้ผมเห็นมานานแล้วในค่ายเด็กฝึกหัด แต่ก็ไม่ได้สนใจมากไปกว่าที่ตัวเองต้องพยายามเป็นเด็กฝึกหัดที่ดีเพื่อความฝันของตัวเอง จะบอกได้เลยว่าความเหนื่อยและท้อแท้มันมีมากกว่าการจะสนใจใยดีคนอื่น
เพราะโลกของการแข่งขันมันทำให้ผมเหนื่อยอ่อน น้อยครั้งนักที่ผมจะได้เจอคนๆนี้ เพราะเวลาว่างส่วนมากของเราไม่ค่อยตรงกันนัก ส่วนมากก็อยู่แต่กับเพื่อนชาวจีน ในครั้งแรกที่เห็นก็แอบดีใจนึกว่าเป็นคนจีนเหมือนกัน แต่ก็มารู้ทีหลังว่าเป็นคนเกาหลีแท้ที่อยู่ก่อนผมมานาน
...ในเวลาที่ฝึกหนักการได้เห็นคิมมินซอกเพียงแค่แวบผ่านมันทำให้รู้สึกมีความสุข...
จะหาว่าผมเพ้อเจ้อก็ไม่ว่าอะไร คุณเคยหวั่นไหวกับอะไรบางอย่างไหมล่ะ?
“อ่า...เอาเป็นว่า ไม่ต้องเป็นทางการหรอกเนอะ ฉันคิมมินซอก ดีใจมากจริงๆที่พวกเราจะได้อยู่วงเดียวกัน ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยละกันนะ ตั้งแต่ครั้งนี้ไปเรามาพยายามด้วยกันนะ!”
เสียงปรบมือของสมาชิกทุกคนดังขึ้น เจ้าตัวยิ้มอย่างเก้อเขินก่อนจะเดินไปประจำนะมุมหนึ่งของห้องที่มีเจ้าเด็กหน้าประหลาดยืนอยู่ เจ้าตัวยิ้มกว้าง ดูเก้ๆกังๆ
“..ฮาน ลูฮาน”
“โอ้ย!” ผมรู้สึกตัวก็เพราะโดนคริสกระทุ้งเข้าให้ที่สีข้าง ผมหันไปว่าผ่านสีหน้าก่อนจะพยักหน้า แล้วโค้งให้เมเนเจอร์ที่ตัวเองชักช้า
“เฮ! ตื่นตัวๆ มัวเหม่อจริงนะ แนะนำตัวซะ!”
“อ่า...อันยองฮาเซโย ผมลูฮาน... ” ภาษาเกาหลีในสำเนียงที่มั่นใจกล่าวออกไปอย่างคล่องแคล้ว หลายคนดูตื่นเต้นกับการที่ผมแนะนำตัว มีหลายคนกระซิบกระซาบ ผมหันไปมองมินซอก ก็ต้องขัดใจเล็กน้อย เพราะการแนะนำตัวของผมโดนดึงความสนใจไปจากเจ้าเด็กหน้าประหลาด
“หน้าลูฮานนี้คล้ายโอเซฮุนเลยแฮะ..”เมเนเจอร์พูดออกมาหลังจากเงยหน้าขึ้นมาจากใบประวัติ ผมมองตอบอย่างงงๆ
“ก็เจ้าเด็กที่ยืนตรงนั้นไง ไหน เซฮุน ออกมายืนเทียบดูหน่อยสิ” เจ้าของชื่อทำหน้าเขินๆแล้วโค้งให้ผมอย่างสุภาพ อ่าคนเกาหลีแท้สินะ
“ทุกคนว่าไง?”
“เหมือนแฝดเลยครับ” คิมจุนมยอนพูดออกมา ผมรู้จักคนนี้เพราะเห็นอยู่ในบริษัทมานานแล้ว ก่อนผมอีก
“แต่ลูฮานสวยกว่านะครับ ผมว่า...”
“เฮ้ย! อีชิง!!”ผมท้วงใส่อย่างอารมณ์เสียขณะทุกคนต่างหัวเราะร่วน ถึงผมจะสวยผมก็แมนนะ!
“งั้นจับคู่โปรโมตเลยเป็นไง Twin Couple! ”
คริสเสนอความคิดเห็นบ้าง ก่อนผมจะมองค้อนใส่อย่างเคืองๆ เจ้าเด็กข้างๆผมก็เหมือนจะยืนเขินแปลกๆ สีหน้าของเมเนเจอร์ดูจริงจังมาก คงจะไม่คิดบ้าๆตามเจ้าพวกนี้นะ..
“อ่า...น่าสนใจนะ” ทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะจดอะไรยุกยิก ก่อนจะมีเสียงโห่นำชัยจากเจ้าเพื่อนตัวดี ทุกคนหัวเราะลั่น ผมยกมะเหงกใส่ก่อนจะต้องสะดุดหันไปมองมุมเดิมที่เคยมอง
มินซอกหัวเราะ ยิ้มกว้าง หันมามองผมก่อนจะหันไปคุยกับเด็กหน้าตาประหลาดอีกแล้ว ...ถ้าไม่ตลกคงไม่สนใจผมสินะ
“เอาล่ะ เอาล่ะ งั้นเซฮุนแนะนำตัวต่อนะ ไหนๆก็ออกมาแล้ว...”
“สวัสดี คิมมินซอก ฉันลู่หานนะ อ่า..อีกคนละ?”
“ผม โด้คยองซู ครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ลู่หาน นี้นายเป็นคนจีนเหรอเนีย? สำเนียงเกาหลีนายสุดยอดยอดไปเลยแฮะ!”
“จริงๆด้วย ผมฟังแล้วนึกว่าคนเกาหลีแท้พูดแนะ”
“อ่า..จริงเหรอ? เขินแฮะ” ผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ เกาหัวแก้เก้อไปก็เท่านั้น นานแล้วที่อยากคุยด้วยแบบนี้นะ แต่ก็ไม่สบโอกาสซักที ในที่สุดรอยยิ้มนี้ผมก็ได้รับมันมาไว้ในมือ
.
.
“อ๊ะ! เจ็บ”
“มินซอก ไหวไหม?”
เจ้าตัวส่ายหน้า สีหน้าบ่งบอกว่าเจ็บอย่างเห็นได้ชัด น้ำตาเล็ด
“อือ..ลู่ ...หาน เจ็บ..”
เจ้าตัวพยายามลองยันตัวเองขึ้นยืน แต่ก็ต้องยอมแพ้
“ก็เพราะไม่พักนะสิ มันถึงเป็นแบบนี้ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้พักก่อน”
ผมติดเสียงดุ แต่ดุก็เพราะเป็นห่วง เราซ้อมเต้นเพลงเดบิวท์กันทั้งวันทั้งคืน มีบางจุดที่มินซอกไปไม่ถึง แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมแพ้ ยังดันทุรังจะซ้อมอยู่นั้นให้ได้ ถึงแม้ตอนนี้จะเหลือแค่เราสองคนในห้องซ้อมก็ตาม
“ก็ฉันเต้นไม่ได้นิน่า”
“แล้วยังไง ต้องเต้นจนเจ็บตัวแบบนี้เลยรึไง?”
เจ้าตัวนิ่ง ก้มหน้านั่งจับข้อเท้าตัวเองแน่น ....
เจ้าตัวผงะเมื่อปลายนิ้วผมแตะเข้าที่หางตา จะดึงหน้าหนีแต่ผมจับหน้าไว้แน่น ก็มีเพียงแต่สายตานั้นและที่มองค้อน
“รักษาตัวบ้างสิ รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงมากแค่ไหน...”
*ปึง!*
“ลู่ฮาน มีแต่น้ำแอ็ป...เปิล...” เซฮุนที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมจงอินและแบคฮยอนมองอย่างอึ้งๆ ผมมองกลับไปนิ่งๆ แต่มินซอกกลับไหวตัวหนี ...ผมก็ทำได้แค่มองอย่างเซงๆ
“อ่า...เซฮุนนายรู้ไหมกล่องพยาบาลอยู่ไหน?” ผมเดินไปถามเซฮุนโดยไม่ได้สนใจคนอื่นเท่าใด
“อ่า..เอ่อ ...ห้องซ้อมใหญ่มั้ง ผมว่านะ...” เซฮุนตอบเอ่อออกไป ก่อนจะมองข้ามไหล่ผมที่จงอินและแพคฮยอนเข้าไปถามอาการมินซอกแล้ว
“ไหนว่าจงอินกลับหอแล้วไง?”ผมหันไปถามเซฮุน
“เหมือนมันลืมกระเป๋านะ ทำไมเหรอ?”
“เปล่า! งั้น...พี่ใช้นายอีกอย่างหน่อยสิ ไปเอากล่องยามาให้พี่หน่อย”
“อ่า..แต่ผมพึ่ง..”
“เออ รีบป...”
“ขอบใจนะจงอิน”
“โชคดีนะที่ผมลืมกระเป๋าไว้พอดี ก็เลยมีของพวกนี้ติดมาด้วย”เจ้าตัวตอบก็ค่อยๆทายานวดตรงข้อเท้าให้มินซอก คลึงเบาๆ ก่อนจะโดนจุดเจ็บจนเจ้าตัวต้องร้องโอย
“ขอโทษ ฮยอง”
“ไม่เป็นไรๆ แค่นี้นายก็ช่วยพี่มากแล้ว” มินซอกยิ้มบางๆ แต่ก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา
“ผมว่ามันคงไม่จำเป็นแล้วมั้งนะ” เซฮุนยืนมองนิ่งๆก่อนจะจ้องมาที่ผมอย่างรู้ทัน บางครั้งบางคราวผมก็เกลียดที่สนิทกะเซฮุนมากเกินไป เพราะเจ้าตัวคอยเอาแต่จับผิดผมอยู่เรื่อย
“เดี๋ยวพี่ทำเอง” ผมเดินไปคว้าผ้ายืดมาจากมือจงอิน จงอินจ้องผมนิ่ง ไม่ยอมยื่นผ้ายืดมาให้ผม ผมเลยต้องคุมอารมณ์ให้นิ่งมากกว่านี้
“โทษทีนะ พี่แค่อารมณ์เสียนิดหน่อยที่มินซอกไม่ยอมเชื่อคำพี่นะ...” ผมแสร้งทำเป็นโมโหมินซอก ร่างอวบได้ฟังก็ก้มหน้าเกือบติดอก คงรู้สึกผิกมากน่าดู แต่จะให้ผมทำยังไง...
“ข..ขอโทษ” เจ้าตัวพูดออกมาเบาๆ
บางครั้งการที่มินซอกเป็นคนแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ผมเป็นห่วง เจ้าตัวหัวอ่อนเกินไปเกินกว่าจะปฏิเสธใครอย่างจริงจัง อ่อนข้อให้กับคนอื่นง่ายๆถึงแม้คนอื่นจะอายุน้อยกว่า
“ใจเย็นสิครับ ทำเร็วแบบนี้เดี๋ยวพี่มินซอกก็เจ็บหรอก” จงอินพูดเบาๆแล้วแตะมือผมให้หยุด
“ผมว่าผมทำให้ดีกว่า”
ผมแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ก็เพราะสายตาที่มินซอกมองเจ้าเด็กคนนี้นะสิ...
การที่คนเรามองสนใจใครบางคนมากเกินไปมันทำให้เรามองเห็นอะไรบางอย่างที่เราไม่ควรเห็น หรือไม่อยากที่จะเห็น...ผิดที่ผมเอาแต่คอยจับตามองคิมมินซอกมากเกินไป เรื่องบางเรื่องมันจึงไม่เป็นความลับอีกต่อไป
สายตา...
“ขอบใจนะจงอิน พี่ไม่เจ็บแล้ว”
น้ำเสียง...
“ถ้าไม่ได้จงอินช่วยไว้พี่คงแย่แน่ๆ”
...บางครั้งทุกอย่างมันก็มากเกินไป...
...จะผิดไหม ถ้าอยากให้มินซอกเปลี่ยนความรู้สึกนั้นมายัง “ผม” ไม่ใช่ “เขา”...
.
ผมเดินไปกดน้ำจากตู้กดน้ำหลังจากซ้อมเสร็จ บรรยากาศช่วงนี้มันหนาวและแห้งเกินไป ผมเกลียดอากาศหนาว...
“ขอบใจนะ พี่เอามาคืน”
เสียงที่ผมคุ้นเคย ผมหลบหลังตู้กดน้ำแล้วลอบมอง มินซอกกำลังคืนผ้ายืดให้จงอิน
“ไม่ต้องคืนผมก็ได้ ผมมีอีกเยอะ...” เจ้าตัวทำหน้าตื่นๆ ยกมือปฏิเสธ
“เอ่อ...ไม่ได้หรอกมันเป็นของจงอิน ...อีกอย่างพี่มีของที่อยากจะขอบคุณที่ช่วยพี่วันนั้นด้วย”
เจ้าตัวยกถุงกระดาษที่ห่อย่างดีให้คนตัวสูงกว่า ร่างสูงทำหน้างงๆก่อนจะรับมาและเห็นว่าเป็นผ้าพันคอสีแดงสด
“เอ่อ...ไม่รู้ว่านายจะชอบไหม แต่พี่คิดว่ามันเหมาะกับนายมากนะ...อีกอย่างก็อากาศหนาวแล้วด้วย เป็นหวัดช่วงนี้คงจะแย่”
“นี้ให้ผมจริงๆเหรอ?” ร่างสูงเลิกคิ้ว ร่างอวบพยักหน้าเบาๆติดจะเขินนิดๆ
“แล้วพี่ไม่หนาวเหรอ?”
มินซอกเงยหน้ามองอย่างงงๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบคอ
“ก็นิดหน่อย คือ...”
“นี้ได้เอาผ้าพันคอมาไหมครับ?” จงอินเลิกคิ้วถาม เจ้าตัวส่ายหน้า ก่อนจงอินจะบอกให้เจ้าร่างเล็กยืนรอเขาตรงนี้แล้ววิ่งหนีหายไป แล้วก็กลับมาพร้อมกับผ้าพันคอสีเทาปนน้ำเงิน
“ใส่ไว้นะครับ ปล่อยให้คอว่างในอากาศแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพ” สองมือคล้องผ้าพันคอรอบคอให้คนตัวเล็ก สองมือนั้นหยุดลงก่อนร่างสูงจะยืนนิ่งจนร่างเล็กเลิกคิ้วสงสัย
“ม..มีอะไรรึเปล่า? จ้องพี่ทำไม?”
นิ้วเรียวนั้นยกขึ้นเกี่ยวเอาปลายผมที่โดนผ้าพันคอทับไว้ แล้วจัดทรงให้ร่างเล็กอย่างเบามือ เจ้าตัวอมยิ้ม
“ดูไปดูมาพี่ก็น่ารักกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยแฮะ...”
.
“มินซอก มินซอก ถึงหอแล้ว ตื่นๆ” ลู่หานปลุกคนข้างกายที่ผล็อยหลับไปตั้งแต่ขึ้นรถมาได้ไม่ไกล นี้ก็ดึกมากแล้วกว่ารถจะมาจอดที่หอพักของพวกเขา การเดินทางที่แสนยาวไกลมันทำให้ร่างกายของทุกคนเมื่อยล้า
อากาศที่เกาหลีวันนี้เย็นกว่าปกติ มินซอกกอดตัวเองแน่นในฮูดตัวหนา น่ารักมากจนผมอยากจะหยุดเวลาไว้ แก้มขาวที่แดงฝาดนั้น ผมขอแตะมันซักครั้งได้ไหมนะ...
“เฮ้! พวกนายลงมาได้แล้ว เร็วเข้า เดี๋ยวพวกแฟนคลับด้านนอกก็เข้ามาทันหรอก...”
มินซอกที่ค่อยๆสะลึมสะลือขึ้นมาอย่างมึนๆมองหน้าผม เจ้าตัวเดินลงรถอย่างมึนๆโดยที่ผมมองตามด้านหลังอย่างระวังภัยให้ ไม่วายเจ้าตัวก็สะดุดเบาะเกือบล้มไปด้านหน้า
“นายนี้นะ!”
“อ่า..โทษทีลูฮาน ฉันง่วงมากไปหน่อยนะ”
ผมส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะค่อยๆพยุงให้เจ้าตัวเดินได้สะดวก แล้วพาขึ้นหออย่างคิดว่าปลอดภัย เจ้าตัวมาถึงที่นอนตัวเองก็กระโดดขึ้นเตียง นอนนิ่ง...แม้แต่หมวกก็ไม่ถอด
“เฮ้! อาบน้ำก่อนสิ”
“ไม่เอาอ่า เหนื่อย...”
เจ้าตัวออดอ้อนอย่างเอาแต่ใจ เจ้าตัวจับมือผมออก แล้วนอนบนตักผมนิ่ง...
“อ่า..สบายอ่ะ...คิดถึงเตียงที่สุดเลย” เจ้าตัวขยับหัวเล็กน้อยเพื่อหาที่นอนที่อบอุ่นพอเหมาะบนตักเขา ผมไม่อยากขยับแม้แต่นิดเดียวถึงแม้จะรู้สึกง่วงมากก็ตาม
“สบายจัง...ตักลู่นิ่มที่สุดเลย”
...มินซอกบางครั้งก็ขี้โกงเกินไป ไม่เคยนึกถึงใจผมบ้างเลย...
“มินซอก...ดึกแล้วน่าอย่าเล่นสิ”
หัวกลมยังคงนอนนิ่งบนตักเขา ปลายเส้นผมลู่ตามใบหน้า อดไม่ได้ที่จะเขี่ยออกให้พ้นสายตา เรียวคิ้วได้รูป ขนตายาวสวยของมินซอก ริมฝีปาก...
“ฮืม..เหนื่อยจังเลย” เจ้าตัวอยู่ดีๆก็ดิ้นคลุกคลักไปมา เอาหน้าซุกเข้าที่ท้องของผมแล้วกอดแน่น สงเสียงครางอย่างกะแมวขี้เกียจไม่หยุด
“มินซอกอ่า...นายเป็นแมวรึไง”
เจ้าตัวเงียบไปก่อนจะพูดเบาๆ “ไม่ใช่แมวแล้วนอนตักลู่ไม่ได้รึไง?”
เอาแต่ใจ...
“เอาแต่ใจชะมัด....”
มินซอกเป็นคนชอบเอาแต่ใจ....เอาแต่ใจมากจริงๆ แต่ที่จริงแล้วคนที่เอาแต่ใจนะ...มันใครกันแน่นะ
“นี้ลูฮาน...”
หลังจากเงียบไปอยู่นานจนเขาเริ่มจะรู้สึกว่าตะคริวมันกินไปเล็กๆ เจ้าตัวก็พูดขึ้นมา
“มีอะไร?”
“นายได้คุยกับเซฮุนบ้างไหม? ช่วงนี้...”
ผมอมยิ้ม...สงสัยเจ้าตัวจะคิดถึงสมาชิกคนอื่นมั้งนะ มินซอกก็เป็นแบบนี้และ
“ทำไม? คิดถึงพวกเคเหรอ? คิดถึงเซฮุนรึไงถึงถามถึง”
ผมขยี้หัวมินซอกเบามือกะแกล้งแหย่แกล้งล้อจนเจ้าตัวหน้ายุ่ง...เจ้าตัวนั่งตัวตรงก่อนจัดผม
“คนโปรดของนายฉันจะไปคิดถึงทำไมเล่า! โถ่!”
“แล้วถามทำไม?” ลู่หานยิ้มกว้าง...
“ก็...ก็...”
*ติ๊ด ติ๊ด*
เสียงเมสเสจเข้าโทรศัพท์ของมินซอกพอดี ด้วยความที่สนุกกับการแกล้งเจ้าตัวอยู่ ผมเลยแกล้งดึงโทรศัพย์นั้นมาดูก่อนจะต้องผงะ และนิ่งงัน
โลกทั้งโลกเหมือนถล่มลงตรงนั้น
From : Jongin Kai
“คิดถึง...”
แค่ข้อความสั้นๆ ....
“ลู่หาน เอามานะ! ...ไอ้บ้านี้!” เจ้าตัววิ่งออกจากห้องอย่างว่องไว ก่อนจะหลบไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
ผมโกรธมาก โกรธจนไม่รู้จะทำยังไง...ผมยืนมองด้านหลังเขาอยู่แบบนั้นอยู่นานก่อนจะเดินสวมกอดเขาทางด้านหลัง ซุกหน้าลงกับไหล่แน่น แกล้งทำว่าอยากหลับเสียเต็มประดา
“มินซอก...ดึกแล้ว นอนกันเถอะ!”
“แต่...อาลู่..แล้วเทาละ”
“ฉันบอกเทาแล้ว...วันนี้นอนกับฉันนะ ฉันคิดถึงหม่าม๊า...ฮือ”
ผมรู้ ...ถ้ามินซอกรู้ว่าผมรู้สึกแย่เจ้าตัวจะไม่ปฏิเสธ ...ผมรู้...
“อ่า...โอเค ก็ได้” เจ้าตัวเอียงคอหนีเพื่อจะเอื้อมมือมาลูบหัวเบาๆเป็นการปลอบโยน
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวช่วงวันหยุดก็ได้เจอหม่าม๊านายแน่นอน ไม่ต้องเหงานะลู่หาน...ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายเอง”
ผมแกล้งครางเสียงเศร้าให้เจ้าเข้าใจว่าผมเหงา เพราะตอนนี้มันเป็นทางเดียวที่ผมจะดึงเขาออกมาจากเด็กคนนั้น...เด็กคนที่เขามีใจให้
“อย่าทิ้งฉันไปนะมินซอก...อย่าทิ้งฉันไป...”
*ติ๊ด ติ๊ด*
เสียงข้อความเข้า ร่างอวบยิ้มกว้าง หัวเราะคิกเมื่อเห็นข้อความในโทรศัพท์ขณะที่อีกมือก็ยังคงลูบหัวปลอบใจเพื่อนที่ซบไหล่เขานิ่ง ไม่รับรู้ถึงแรงสั่นเทิ้มที่มีอยู่ในใจ ไม่แม้แต่จะใส่ใจ ว่าคนที่กอดตัวเองกำมือแน่นมากขนาดไหนก็ตาม
END
*พูดจริงๆ แปะเพลงยังไง(หัวเราะ)*
ความคิดเห็น