ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Demon34 ศึกชิงคัมภีร์สะท้านฟ้า

    ลำดับตอนที่ #2 : เพลงที่ 2 : เจียถิงถิง...นางในหอคลัง ( Give me all the damn clues!! )

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 50


    เพลงที่ 2 : เจียถิงถิง...นางในหอคลัง ( Give me all the damn clues!! )

       เสียงพิณบรรเลงไพเราะลอยแว่วมาแต่ไกล ทว่าต้นเสียงของมันนั้นมาจากห้องที่อยู่บนยอดหอคอยสูงเจ็ดชั้น นิ้วเรียวของสตรีนางหนึ่งกำลังขยับไปมาอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับดูอ่อนโยนนัก นางเป็นสตรีร่างเล็ก เอวบางในอาภรณ์แนบเนื้อบางเบาสีขาว กำลังตั้งหน้าตั้งตาบรรเลงบทเพลงแห่งราตรีคลอเคล้าไปกับเสียงจั่กจั่นแลเหล่าแมลงกลางคืน

       ทว่าความสุนทรีย์นั้นเป็นอันต้องหยุดชะงัก! เมื่อเสียงเปิดประตูผางดังขึ้นที่ชั้นล่างของหอ....นางจึงได้ละจากเครื่องดนตรีตรงหน้า คว้าดาบคู่ใจข้างๆตัวแล้วรีบลงไปดูเหตุการณ์ข้างล่างในทันที

       สายตาของนางทอดมองลงไปที่โถงล่าง บัดนี้มีเงาดำของผู้มาเยือนปรากฎขึ้น

       "เจ้าเป็นใคร?!" นางทำใจกล้าถามออกไป

       บุคคลปริศนาไม่ตอบว่ากระไร หากแต่กลับสาวเท้าเข้ามาข้างใน ครั้นเมื่อใบหน้าโผล่พ้นออกมาจากเงามืด นางในชุดขาวก็ต้องเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ

       "หวินติ้ว?" หางเสียงของนางเลิกสูง "เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?" นางถามเมื่อเห็นสตรีตรงหน้าหอบหายใจราวกับเพิ่งออกแรงอย่างมากมา

       หวินติ้ว...อยู่ในอาภรณ์ยาวสีเขียวเข้มผ้าคาดเอวสีส้มผูกเป็นโบว์ด้านหน้า นางเงยนัยน์ตาสีน้ำตาลสวยขึ้นสบมองผู้เป็นเจ้าบ้านก่อนเอ่ยปนหอบเล็กๆด้วยความร้อนรน "ท่านเจีย ข้ามีเรื่องอยากให้ท่านช่วย!"

       เจียถิงถิง หรือเจียตามที่อีกฝ่ายเรียกเมื่ออ่านสีหน้าของนางผู้มาเยี่ยมยามวิกาลก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องดังกล่าวคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จึงกล่าวว่า "เข้าใจแล้ว เจ้ารีบปิดประตูเสีย แล้วขึ้นมาหาข้าข้างบน"

       เมื่อได้รับอนุญาตอีกฝ่ายก็ไม่รอช้า หันหลังไปดึงบานประตูมาปิดไว้จากนั้นจึงรีบสาวเท้าขึ้นบันไดไปยังห้องที่อยู่ชั้นบน

       "มีเรื่องอะไรรึ?" เสียงของสตรีผู้เป็นเจ้าบ้านเอ่ยขึ้นทันทีที่ร่างของนางเข้ามาในห้อง "แล้วฮวยบ่อสีอาจารย์ของเจ้าไปไหนแล้ว"

       คำถามนั้นเหมือนจะย้ำ เมื่อหวินติ้วหลุบสายตาลงต่ำแทนคำตอบ

       "หรือว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาด้วย" เจียเดาความ

       "ท่านอาจารย์มอบของสิ่งหนึ่งให้ข้า จากนั้นจึงถ่วงเวลาให้ข้าหนี ป่านนี้ท่านคง..." คำตอบที่ไม่คาดคิดทำให้เจียถิงถิงยันตัวลุกขึ้น ตะโกนเสียงดัง

       "เจ้าว่าอะไรนะ?"

       แทนที่จะตอบ สตรีตรงหน้ากลับล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อแล้วหยิบห่อผ้าสีดำมาวางไว้บนโต๊ะ...

       "เจ้าอย่าบอกนะว่านี่คือสิ่งนั้น!" นางในชุดขาวเอ่ยถาม นัยน์ตาเบิกกว้างขณะพินิจของในห่อผ้าด้วยความตระหนก "เจ้าเอามาได้ยังไงหรือว่าฮวยมันเป็นคนเอาให้เจ้า"

       "ท่านอาจารย์ไม่ได้บอกอะไรไว้ กำชับเพียงว่า ให้ข้ารีบตามหาผู้พิทักษ์คัมภีร์ให้พบโดยเร็วที่สุด"

       "เจ้าจึงมาหาข้าเพื่อสอบถามข้อมูลของพวกผู้พิทักษ์ใช่มั้ย" หวินติ้วพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนเอ่ย

       "ข้าไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครอีกแล้ว นึกได้ว่าท่านกับท่านอาจารย์เป็นศิษย์ในสำนักเดียวกัน ข้าจึงคิดว่าท่านน่าจะช่วยข้าได้"

       ความเงียบทอดตัวระหว่างสตรีทั้งสองชั่วครู่เมื่อนางในชุดขาวกำลังครุ่นคิด ทว่าสุดท้ายแล้วนางก็เอ่ยขึ้น

       "เสียใจด้วย ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องของพวกผู้พิทักษ์คัมภีร์ด้วยเช่นกัน" คำกล่าวนั้นทำให้สีหน้าของนางในอาภรณ์สีเขียวสลดลง กระทั่ง... "แต่ข้าเคยได้ยินมาว่าผู้พิทักษ์เพลิงไว่ฉันท์ตอนนี้ไปฝึกฝนวิชาอยู่ที่นครหลวง"

       "ข้าทราบซึ้งน้ำใจของท่านนัก" หญิงสาวค้อมคำนับ "ข้าจะรีบไปที่นครหลวง"

       เจียถิงถิงสดับความคิด นางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนก่อนจะต่อคำ

       "หากเจ้าจะไปที่นครหลวง..." ว่าแล้วนางก็ยกมือขึ้นปรบสองครั้ง "ซงเกียด"

       ฉับพลันร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้นในห้องนั้น เขาคุกเข่าลงทำความเคารพสตรีผู้เป็นเจ้าของหอ "มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือท่านเจียถิงถิง"

       "เจ้าจงไปคุ้มกันนางผู้นี้จนกว่านางจะถึงที่หมาย"

       "รับบัญชา" ชายหนุ่มขานรับแล้วจึงลุกขึ้นยืน...เมื่อพินิจได้ชัดๆหวินติ้วก็พบว่าบุรุษตรงหน้ามีใบหน้าค่อนไปทางหวาน หากกระนั้นก็ดูองอาจสมชายชาตรี อยู่ในอาภรณ์สีดำรัดกุมเยี่ยงจอมยุทธ์ หากทว่าก็ดูเย็นชา ยากจะเข้าใกล้

       แล้วความคิดทั้งหลายของนางจำต้องหยุดลงเมื่อเสียงเอะอะโวยวายข้างล่างดังขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเบือนไปมองสตรีเจ้าของหอ ใบหน้าของนางในชุดเขียวเผือดสีเพราะไม่คิดว่านางจะเป็นฝ่ายนำทางศัตรูมาจนถึงที่นี่   

       "เจ้าจงรีบไปเสีย หวินติ้ว" สตรีตรงหน้าเอ่ย หากแต่คนฟังยังคงลังเลอยู่

       "ท่านเจีย ข้าไม่..." นางกล่าวออกมาได้เท่านั้นแล้วก็ถูกขัดด้วยการยกมือปรามจากผู้เป็นเจ้าหอ

       "เจ้ารีบไปที่นครหลวงเถอะ ทางนี้ข้าจัดการเองได้" นางในชุดขาวลดมือลงเป็นสัญญาณบุรุษชุดดำที่ยืนอยู่ข้างๆก็คว้าเข้าที่เอวบาง มืออีกข้างไม่ลืมที่จะคว้าห่อผ้าบนโต๊ะมาด้วย ก่อนจะกระโดดออกไปทางหน้าต่างไม่ฟังคำทัดท้านของนางในชุดเขียวเลยสักนิด

       "อย่าห่วงไป...เพราะที่แห่งนี้คือหอคลังวิชาการ ไม่มีใครหน้าไหนที่จะบุกเข้ามาได้" เจียถิงถิงเอ่ยเหมือนจะพูดกับตนเอง ทว่าเมื่อนางหันกลับไปที่ประตูตอนนี้มีร่างของผู้บุกรุกปรากฎเด่นตรงกรอบประตู พวกมันมีจำนวนนับสิบแต่งกายในชุดดำ ทว่าในหมู่พวกมันยังมีอีกสองร่างที่มีรัศมีโดดเด่น หนึ่งนั้นเป็นสตรีหน้าตาสะสวยในชุดกี่เพ้าสีแดงสดปักลายวิหคสีดำ มือข้างที่ถือพัดยกมาปิดบังใบหน้าส่วนหนึ่ง ...อีกคนนั้นเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อคลุมบุรุษของจีนสีน้ำเงินเข้มปักลายเดียวกัน

       "สายันห์สวัสดิ์ ท่านเจ้าหอ" เสียงหวานจับใจของสตรีผู้บุกรุกเอ่ยขึ้นก่อน "ขออภัยที่มาเยี่ยมโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า"

       "ไม่นึกว่าผู้ที่บุกรุกบ้านคนอื่นโดยไร้มารยาทจะรู้จักการขอภัย" เจียถิงถิงกล่าวเสียงเย็นเยียบ

       "ข้ามาเพราะอยากจะรู้ที่ซ่อนของคัมภีร์ฟ้า ถ้าท่านบอกมาดีๆ ข้าก็จะจากไปแต่โดยดี ง่ายใช่ไหม"

       "คนที่เข้ามาโดยไม่แม้แต่จะเคาะประตูสำหรับข้าไม่ถือว่ามาอย่างดี" สตรีในชุดขาวกล่าวอย่างตัดรอน

       "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้" สตรีในชุดแดงเอ่ยด้วยเสียงเย็นยะเยือก "อยากจะรู้เหมือนกันว่าผู้ที่ถูกขนานนามให้เป็นหนึ่งในสิบสองขุนพลฟ้าอย่างท่านจะมีฝีมือสักแค่ไหน" นางสะบัดพัดเป็นสัญญาณ เหล่าลูกน้องราวสิบกว่าคนก็พุ่งเข้าหาเป้าหมายตรงหน้าพร้อมอาวุธในมือ!

       ทว่า...ยังไม่ทันจะได้เข้าถึงตัวเป้าหมาย ชายชุดดำกลุ่มแรกก็กระเด็นออกมาด้วยพลังของใครบางคน!

       "อ้อ..." สตรีฝ่ายผู้บุกรุกพึมพำในคอเมื่อสายตาพินิจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ชัด "สมกับที่เขาร่ำลือจริงๆ...จตุทวารแห่งหอคลังวิชาการ...ในที่สุดก็มีโอกาสได้ยล"

       เพราะเบื้องหน้าของเจียถิงถิงขณะนี้มีร่างของสองสตรีหนึ่งบุรุษปรากฎขึ้นขวางระหว่างผู้เป็นเจ้าหอกับผู้บุกรุกเอาไว้ สตรีนางหนึ่งสวมอาภรณ์รัดกุมสีแดงเลือดหมูสายคาดเอวก็เป็นสีเดียวกัน อีกนางสวมอาภรณ์แบบเดียวกันหากแต่สายคาดเอวเป็นสีดำ ขณะที่บุรุษอีกคนอยู่ในชุดรัดกุมสีดำสนิท

       "ท่านหัวหน้าถอยไปเจ้าค่ะ" สตรีผ้าคาดเอวสีแดงเอ่ยขึ้นขณะขยับร่างเข้าบังเจียถิงถิงไว้

       "ดูเหมือนว่าวันนี้จะขาดไปคนหนึ่งนะ" นางในชุดกี่เพ้าเอ่ยเหมือนเยาะ "แล้วอย่างนี้จะไหวหรือ"

       "จะไหวหรือไม่ไหวไว้ประมือกันก่อนค่อยพูดดีกว่า!" แพเน้ บุรุษชุดดำหนึ่งในผู้เฝ้าประตูเอ่ยพร้อมๆกับพุ่งเข้าหาศัตรูตรงหน้า

       ริมฝีปากเรียวของสตรีในชุดกี่เพ้าขยับรอยยิ้ม สะบัดพัดในมือเป็นสัญญาณ บรรดาลูกน้องที่รออยู่แล้วจึงพุ่งเข้าประมือกับนักรบทั้งสาม

       เสียงกระบี่ปะทะดาบ เสียงคมมีดแทงผ่านผิวเนื้อ เสียงร้องของผู้ถูกสังหารดังสะท้อนไปทั่ว

       ค่ำคืนนี้คงจะยาวนาน...

       "มือกันหยง...เจ้าคอยอารักขาท่านเจ้าหอไว้!" สตรีในชุดแดงเลือดหมูหรือแจมิฉายาผู้เฝ้าทวารบูรพาร้องบอกสหายก่อนที่ตัวเองจะกลับเข้าสู่สมรภูมิอีกครั้ง

       ร่างของนางในชุดแดงเข้มพุ่งเข้าหาสตรีผู้บุกรุกพร้อมดาบในมือหมายจะปลิดชีวิตคนตรงหน้าในดาบเดียว ทว่าเมื่อวาดวงดาบลงไป สิ่งที่คมดาบสัมผัสกลับเป็นคมดาบของบุรุษในชุดจีนที่ปราดเข้ามากันหญิงสาวไว้ แจมิงกระโดดออกมาตั้งหลักเพื่อคอยดูท่าที

       "ฝีมือไม่เลวนี่ผู้เฝ้าทวารบูรพา ดาบเมื่อครู่หากไม่ใช่คนของข้าคงจะแย่ไปแล้ว" นางผู้ตกเป็นเป้าหมายเอ่ยชมทว่ากลับรู้สึกได้ถึงความน่ารังเกียจในน้ำเสียง

       "เจ้าเป็นใคร...ทำไมถึงรู้เรื่องของพวกข้าละเอียดนัก" สตรีเจ้าของฉายาผู้เฝ้าประตูบูรพาส่งคำถามไปให้แก่สตรีโฉมสะคราญผู้บุกรุก นางผู้ถูกถามสะบัดพัดน้อยๆก่อนเอ่ยปนยั่ว

       "หากเจ้าทำได้ข้าตอบได้ล่ะก็..."

       "ก็มาดูกัน!" แจมิงรับคำท้านั้น ไม่ทันที่พยางค์สุดท้ายจะจบ ร่างบางก็หายไปจากสายตา ก่อนจะปรากฎตัวอีกครั้งด้านหลังของสตรีชุดแดง แจมิงเงื้อดาบขึ้นสูง ทว่าในวินาทีที่จะฟันลงนั้น นางก็ต้องเป็นฝ่ายถอยกลับออกมาเองเมื่อบุรุษในชุดสีน้ำเงินพุ่งเข้ามาปะทะ ดาบนั้นหนักหน่วงซ้ำยังรวดเร็ว หากทว่านางในชุดแดงเข้มก็ยังคงรับทุกการโจมตีได้ไม่มีพลาด

       ฝ่ายแพเน้งก็ยังคงประมืออยู่กับเหล่าชายชุดดำ ไม่อาจปลีกตัวเข้าไปช่วยสหายร่วมต่อสู้ได้ บุรุษผู้มีฉายาผู้เฝ้าประตูอุดรกัดฟันกรอดเมื่อชายชุดดำที่เขาเพิ่งลงมือสังหารไปไม่กี่นาทีก่อนหน้าค่อยๆลุกขึ้นมาใหม่ราวปาฏิหารย์

       ทำไมมันยังลุกมาได้?!... คิดพร้อมกับแทงกระบี่ลงไปยังจุดตายอีกหน มันล้มลงไปทว่าก็ลุกขึ้นมาอีกครั้งจนได้

       เหตุการณ์ตรงหน้าปรากฏในคลองสายตาของสตรีผู้เป็นเจ้าของหอ นางสดับความคิดพลันสิ่งหนึ่งก็ชัดเจนในสมอง

       "วิชาคืนชีพร้อยศพ" เจียถิงถิงเปรยขึ้นก่อนจะเบือนสายตาไปมองเหล่าชายชุดดำนั้นชั่วครู่ "เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักหงส์ทมิฬงั้นรึ"

       สตรีในอาภรณ์สีแดงเบื้องหน้าไม่ได้มีสีหน้าตื่นตระหนกกังวลใดๆที่ถูกอีกฝ่ายล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริง นางสะบัดพัดน้อยๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนพึงพอใจ

       "ท่านรู้ดี สมกับเป็นผู้ปกครองหอแห่งความรู้" ว่าแล้วก็หัวเราะคิก แล้วเอ่ยต่อ "หากรู้ว่าข้ามาจากสำนักหงส์ทมิฬ ท่านก็ควรจะรู้ว่าศึกในครั้งนี้ท่านคงไม่มีวันชนะ"

       "บังอาจนัก!" มือกันหยงที่ยืนอยู่กับเจ้าหอสบถ หากแต่สตรีที่อยู่ด้วยกลับเพียงต่อคำพูดเบาๆ

       "วิชาศพสังหาร"

       "น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แม้ท่านกับคนของท่านจะมีฝีมือสักแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจเอาชนะสังขารตัวเองได้" ผู้บุกรุกว่าพลางเบือนสายตาไปยังผู้เฝ้าประตูอุดรที่ดูท่าเริ่มอ่อนกำลังลง "ท่านเจ้าหอ...คนเรามีขีดจำกัด อาจมีเหนื่อย มีพลาด...แต่ศพนั้นไร้ชีวิต ไม่รู้จักคำว่าเหนื่อยและตาย"

       "ข้ารู้" เจียถิงถิงหลุบตาลงรับคำ เรียกรอยยิ้มย่องจากสตรีผู้บุกรุก หากทว่าโดยไม่มีใครคาดคิด จิตสังหารรุนแรงจากร่างบางก็พุ่งขึ้นสูงจนทุกคนสังเกตได้ เมื่อเจียถิงถิงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แววตาที่เคยสงบนิ่งก็แปรเป็นกระด้างเย็นชา

       "ในที่สุดก็เผยตนเสียที แพรพรรณสังหารแห่งสิบสองขุนพลฟ้า"
     
       สตรีในชุดขาวยืนสงบนิ่ง นางสะบัดมือ ฉับพลันอาภรณ์ที่ใส่ก็ราวกับมีชีวิต ผ้าแพรสีขาวยาวปรากฏขึ้นในมือ เจียถิงถิงชูมือขึ้นพริบตาที่นางสะบัดข้อมือลง ผ้าสีขาวนั้นก็พุ่งเข้าหาร่างของสตรีผู้บุกรุกอย่างรวดเร็วราวกับมีชีวิตพร้อมๆกับคำพูดที่ถูกส่งออกมา

       "งั้นก็กำจัดเจ้าเสียก่อนที่จะแพ้!!"


    To be continued...(มั้ง)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×