ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เพลงที่ 2 : เจียถิงถิง...นางในหอคลัง ( Give me all the damn clues!! )
เพลงที่ 2 : เจียถิงถิง...นางในหอคลัง ( Give me all the damn clues!! )
เสียงพิณบรรเลงไพเราะลอยแว่วมาแต่ไกล ทว่าต้นเสียงของมันนั้นมาจากห้องที่อยู่บนยอดหอคอยสูงเจ็ดชั้น นิ้วเรียวของสตรีนางหนึ่งกำลังขยับไปมาอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับดูอ่อนโยนนัก นางเป็นสตรีร่างเล็ก เอวบางในอาภรณ์แนบเนื้อบางเบาสีขาว กำลังตั้งหน้าตั้งตาบรรเลงบทเพลงแห่งราตรีคลอเคล้าไปกับเสียงจั่กจั่นแลเหล่าแมลงกลางคืน
ทว่าความสุนทรีย์นั้นเป็นอันต้องหยุดชะงัก! เมื่อเสียงเปิดประตูผางดังขึ้นที่ชั้นล่างของหอ....นางจึงได้ละจากเครื่องดนตรีตรงหน้า คว้าดาบคู่ใจข้างๆตัวแล้วรีบลงไปดูเหตุการณ์ข้างล่างในทันที
สายตาของนางทอดมองลงไปที่โถงล่าง บัดนี้มีเงาดำของผู้มาเยือนปรากฎขึ้น
"เจ้าเป็นใคร?!" นางทำใจกล้าถามออกไป
บุคคลปริศนาไม่ตอบว่ากระไร หากแต่กลับสาวเท้าเข้ามาข้างใน ครั้นเมื่อใบหน้าโผล่พ้นออกมาจากเงามืด นางในชุดขาวก็ต้องเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ
"หวินติ้ว?" หางเสียงของนางเลิกสูง "เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?" นางถามเมื่อเห็นสตรีตรงหน้าหอบหายใจราวกับเพิ่งออกแรงอย่างมากมา
หวินติ้ว...อยู่ในอาภรณ์ยาวสีเขียวเข้มผ้าคาดเอวสีส้มผูกเป็นโบว์ด้านหน้า นางเงยนัยน์ตาสีน้ำตาลสวยขึ้นสบมองผู้เป็นเจ้าบ้านก่อนเอ่ยปนหอบเล็กๆด้วยความร้อนรน "ท่านเจีย ข้ามีเรื่องอยากให้ท่านช่วย!"
เจียถิงถิง หรือเจียตามที่อีกฝ่ายเรียกเมื่ออ่านสีหน้าของนางผู้มาเยี่ยมยามวิกาลก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องดังกล่าวคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จึงกล่าวว่า "เข้าใจแล้ว เจ้ารีบปิดประตูเสีย แล้วขึ้นมาหาข้าข้างบน"
เมื่อได้รับอนุญาตอีกฝ่ายก็ไม่รอช้า หันหลังไปดึงบานประตูมาปิดไว้จากนั้นจึงรีบสาวเท้าขึ้นบันไดไปยังห้องที่อยู่ชั้นบน
"มีเรื่องอะไรรึ?" เสียงของสตรีผู้เป็นเจ้าบ้านเอ่ยขึ้นทันทีที่ร่างของนางเข้ามาในห้อง "แล้วฮวยบ่อสีอาจารย์ของเจ้าไปไหนแล้ว"
คำถามนั้นเหมือนจะย้ำ เมื่อหวินติ้วหลุบสายตาลงต่ำแทนคำตอบ
"หรือว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาด้วย" เจียเดาความ
"ท่านอาจารย์มอบของสิ่งหนึ่งให้ข้า จากนั้นจึงถ่วงเวลาให้ข้าหนี ป่านนี้ท่านคง..." คำตอบที่ไม่คาดคิดทำให้เจียถิงถิงยันตัวลุกขึ้น ตะโกนเสียงดัง
"เจ้าว่าอะไรนะ?"
แทนที่จะตอบ สตรีตรงหน้ากลับล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อแล้วหยิบห่อผ้าสีดำมาวางไว้บนโต๊ะ...
"เจ้าอย่าบอกนะว่านี่คือสิ่งนั้น!" นางในชุดขาวเอ่ยถาม นัยน์ตาเบิกกว้างขณะพินิจของในห่อผ้าด้วยความตระหนก "เจ้าเอามาได้ยังไงหรือว่าฮวยมันเป็นคนเอาให้เจ้า"
"ท่านอาจารย์ไม่ได้บอกอะไรไว้ กำชับเพียงว่า ให้ข้ารีบตามหาผู้พิทักษ์คัมภีร์ให้พบโดยเร็วที่สุด"
"เจ้าจึงมาหาข้าเพื่อสอบถามข้อมูลของพวกผู้พิทักษ์ใช่มั้ย" หวินติ้วพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนเอ่ย
"ข้าไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครอีกแล้ว นึกได้ว่าท่านกับท่านอาจารย์เป็นศิษย์ในสำนักเดียวกัน ข้าจึงคิดว่าท่านน่าจะช่วยข้าได้"
ความเงียบทอดตัวระหว่างสตรีทั้งสองชั่วครู่เมื่อนางในชุดขาวกำลังครุ่นคิด ทว่าสุดท้ายแล้วนางก็เอ่ยขึ้น
"เสียใจด้วย ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องของพวกผู้พิทักษ์คัมภีร์ด้วยเช่นกัน" คำกล่าวนั้นทำให้สีหน้าของนางในอาภรณ์สีเขียวสลดลง กระทั่ง... "แต่ข้าเคยได้ยินมาว่าผู้พิทักษ์เพลิงไว่ฉันท์ตอนนี้ไปฝึกฝนวิชาอยู่ที่นครหลวง"
"ข้าทราบซึ้งน้ำใจของท่านนัก" หญิงสาวค้อมคำนับ "ข้าจะรีบไปที่นครหลวง"
เจียถิงถิงสดับความคิด นางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนก่อนจะต่อคำ
"หากเจ้าจะไปที่นครหลวง..." ว่าแล้วนางก็ยกมือขึ้นปรบสองครั้ง "ซงเกียด"
ฉับพลันร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้นในห้องนั้น เขาคุกเข่าลงทำความเคารพสตรีผู้เป็นเจ้าของหอ "มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือท่านเจียถิงถิง"
"เจ้าจงไปคุ้มกันนางผู้นี้จนกว่านางจะถึงที่หมาย"
"รับบัญชา" ชายหนุ่มขานรับแล้วจึงลุกขึ้นยืน...เมื่อพินิจได้ชัดๆหวินติ้วก็พบว่าบุรุษตรงหน้ามีใบหน้าค่อนไปทางหวาน หากกระนั้นก็ดูองอาจสมชายชาตรี อยู่ในอาภรณ์สีดำรัดกุมเยี่ยงจอมยุทธ์ หากทว่าก็ดูเย็นชา ยากจะเข้าใกล้
แล้วความคิดทั้งหลายของนางจำต้องหยุดลงเมื่อเสียงเอะอะโวยวายข้างล่างดังขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเบือนไปมองสตรีเจ้าของหอ ใบหน้าของนางในชุดเขียวเผือดสีเพราะไม่คิดว่านางจะเป็นฝ่ายนำทางศัตรูมาจนถึงที่นี่
"เจ้าจงรีบไปเสีย หวินติ้ว" สตรีตรงหน้าเอ่ย หากแต่คนฟังยังคงลังเลอยู่
"ท่านเจีย ข้าไม่..." นางกล่าวออกมาได้เท่านั้นแล้วก็ถูกขัดด้วยการยกมือปรามจากผู้เป็นเจ้าหอ
"เจ้ารีบไปที่นครหลวงเถอะ ทางนี้ข้าจัดการเองได้" นางในชุดขาวลดมือลงเป็นสัญญาณบุรุษชุดดำที่ยืนอยู่ข้างๆก็คว้าเข้าที่เอวบาง มืออีกข้างไม่ลืมที่จะคว้าห่อผ้าบนโต๊ะมาด้วย ก่อนจะกระโดดออกไปทางหน้าต่างไม่ฟังคำทัดท้านของนางในชุดเขียวเลยสักนิด
"อย่าห่วงไป...เพราะที่แห่งนี้คือหอคลังวิชาการ ไม่มีใครหน้าไหนที่จะบุกเข้ามาได้" เจียถิงถิงเอ่ยเหมือนจะพูดกับตนเอง ทว่าเมื่อนางหันกลับไปที่ประตูตอนนี้มีร่างของผู้บุกรุกปรากฎเด่นตรงกรอบประตู พวกมันมีจำนวนนับสิบแต่งกายในชุดดำ ทว่าในหมู่พวกมันยังมีอีกสองร่างที่มีรัศมีโดดเด่น หนึ่งนั้นเป็นสตรีหน้าตาสะสวยในชุดกี่เพ้าสีแดงสดปักลายวิหคสีดำ มือข้างที่ถือพัดยกมาปิดบังใบหน้าส่วนหนึ่ง ...อีกคนนั้นเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อคลุมบุรุษของจีนสีน้ำเงินเข้มปักลายเดียวกัน
"สายันห์สวัสดิ์ ท่านเจ้าหอ" เสียงหวานจับใจของสตรีผู้บุกรุกเอ่ยขึ้นก่อน "ขออภัยที่มาเยี่ยมโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า"
"ไม่นึกว่าผู้ที่บุกรุกบ้านคนอื่นโดยไร้มารยาทจะรู้จักการขอภัย" เจียถิงถิงกล่าวเสียงเย็นเยียบ
"ข้ามาเพราะอยากจะรู้ที่ซ่อนของคัมภีร์ฟ้า ถ้าท่านบอกมาดีๆ ข้าก็จะจากไปแต่โดยดี ง่ายใช่ไหม"
"คนที่เข้ามาโดยไม่แม้แต่จะเคาะประตูสำหรับข้าไม่ถือว่ามาอย่างดี" สตรีในชุดขาวกล่าวอย่างตัดรอน
"ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้" สตรีในชุดแดงเอ่ยด้วยเสียงเย็นยะเยือก "อยากจะรู้เหมือนกันว่าผู้ที่ถูกขนานนามให้เป็นหนึ่งในสิบสองขุนพลฟ้าอย่างท่านจะมีฝีมือสักแค่ไหน" นางสะบัดพัดเป็นสัญญาณ เหล่าลูกน้องราวสิบกว่าคนก็พุ่งเข้าหาเป้าหมายตรงหน้าพร้อมอาวุธในมือ!
ทว่า...ยังไม่ทันจะได้เข้าถึงตัวเป้าหมาย ชายชุดดำกลุ่มแรกก็กระเด็นออกมาด้วยพลังของใครบางคน!
"อ้อ..." สตรีฝ่ายผู้บุกรุกพึมพำในคอเมื่อสายตาพินิจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ชัด "สมกับที่เขาร่ำลือจริงๆ...จตุทวารแห่งหอคลังวิชาการ...ในที่สุดก็มีโอกาสได้ยล"
เพราะเบื้องหน้าของเจียถิงถิงขณะนี้มีร่างของสองสตรีหนึ่งบุรุษปรากฎขึ้นขวางระหว่างผู้เป็นเจ้าหอกับผู้บุกรุกเอาไว้ สตรีนางหนึ่งสวมอาภรณ์รัดกุมสีแดงเลือดหมูสายคาดเอวก็เป็นสีเดียวกัน อีกนางสวมอาภรณ์แบบเดียวกันหากแต่สายคาดเอวเป็นสีดำ ขณะที่บุรุษอีกคนอยู่ในชุดรัดกุมสีดำสนิท
"ท่านหัวหน้าถอยไปเจ้าค่ะ" สตรีผ้าคาดเอวสีแดงเอ่ยขึ้นขณะขยับร่างเข้าบังเจียถิงถิงไว้
"ดูเหมือนว่าวันนี้จะขาดไปคนหนึ่งนะ" นางในชุดกี่เพ้าเอ่ยเหมือนเยาะ "แล้วอย่างนี้จะไหวหรือ"
"จะไหวหรือไม่ไหวไว้ประมือกันก่อนค่อยพูดดีกว่า!" แพเน้ง บุรุษชุดดำหนึ่งในผู้เฝ้าประตูเอ่ยพร้อมๆกับพุ่งเข้าหาศัตรูตรงหน้า
ริมฝีปากเรียวของสตรีในชุดกี่เพ้าขยับรอยยิ้ม สะบัดพัดในมือเป็นสัญญาณ บรรดาลูกน้องที่รออยู่แล้วจึงพุ่งเข้าประมือกับนักรบทั้งสาม
เสียงกระบี่ปะทะดาบ เสียงคมมีดแทงผ่านผิวเนื้อ เสียงร้องของผู้ถูกสังหารดังสะท้อนไปทั่ว
ค่ำคืนนี้คงจะยาวนาน...
"มือกันหยง...เจ้าคอยอารักขาท่านเจ้าหอไว้!" สตรีในชุดแดงเลือดหมูหรือแจมิงฉายาผู้เฝ้าทวารบูรพาร้องบอกสหายก่อนที่ตัวเองจะกลับเข้าสู่สมรภูมิอีกครั้ง
ร่างของนางในชุดแดงเข้มพุ่งเข้าหาสตรีผู้บุกรุกพร้อมดาบในมือหมายจะปลิดชีวิตคนตรงหน้าในดาบเดียว ทว่าเมื่อวาดวงดาบลงไป สิ่งที่คมดาบสัมผัสกลับเป็นคมดาบของบุรุษในชุดจีนที่ปราดเข้ามากันหญิงสาวไว้ แจมิงกระโดดออกมาตั้งหลักเพื่อคอยดูท่าที
"ฝีมือไม่เลวนี่ผู้เฝ้าทวารบูรพา ดาบเมื่อครู่หากไม่ใช่คนของข้าคงจะแย่ไปแล้ว" นางผู้ตกเป็นเป้าหมายเอ่ยชมทว่ากลับรู้สึกได้ถึงความน่ารังเกียจในน้ำเสียง
"เจ้าเป็นใคร...ทำไมถึงรู้เรื่องของพวกข้าละเอียดนัก" สตรีเจ้าของฉายาผู้เฝ้าประตูบูรพาส่งคำถามไปให้แก่สตรีโฉมสะคราญผู้บุกรุก นางผู้ถูกถามสะบัดพัดน้อยๆก่อนเอ่ยปนยั่ว
"หากเจ้าทำได้ข้าตอบได้ล่ะก็..."
"ก็มาดูกัน!" แจมิงรับคำท้านั้น ไม่ทันที่พยางค์สุดท้ายจะจบ ร่างบางก็หายไปจากสายตา ก่อนจะปรากฎตัวอีกครั้งด้านหลังของสตรีชุดแดง แจมิงเงื้อดาบขึ้นสูง ทว่าในวินาทีที่จะฟันลงนั้น นางก็ต้องเป็นฝ่ายถอยกลับออกมาเองเมื่อบุรุษในชุดสีน้ำเงินพุ่งเข้ามาปะทะ ดาบนั้นหนักหน่วงซ้ำยังรวดเร็ว หากทว่านางในชุดแดงเข้มก็ยังคงรับทุกการโจมตีได้ไม่มีพลาด
ฝ่ายแพเน้งก็ยังคงประมืออยู่กับเหล่าชายชุดดำ ไม่อาจปลีกตัวเข้าไปช่วยสหายร่วมต่อสู้ได้ บุรุษผู้มีฉายาผู้เฝ้าประตูอุดรกัดฟันกรอดเมื่อชายชุดดำที่เขาเพิ่งลงมือสังหารไปไม่กี่นาทีก่อนหน้าค่อยๆลุกขึ้นมาใหม่ราวปาฏิหารย์
ทำไมมันยังลุกมาได้?!... คิดพร้อมกับแทงกระบี่ลงไปยังจุดตายอีกหน มันล้มลงไปทว่าก็ลุกขึ้นมาอีกครั้งจนได้
เหตุการณ์ตรงหน้าปรากฏในคลองสายตาของสตรีผู้เป็นเจ้าของหอ นางสดับความคิดพลันสิ่งหนึ่งก็ชัดเจนในสมอง
"วิชาคืนชีพร้อยศพ" เจียถิงถิงเปรยขึ้นก่อนจะเบือนสายตาไปมองเหล่าชายชุดดำนั้นชั่วครู่ "เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักหงส์ทมิฬงั้นรึ"
สตรีในอาภรณ์สีแดงเบื้องหน้าไม่ได้มีสีหน้าตื่นตระหนกกังวลใดๆที่ถูกอีกฝ่ายล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริง นางสะบัดพัดน้อยๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนพึงพอใจ
"ท่านรู้ดี สมกับเป็นผู้ปกครองหอแห่งความรู้" ว่าแล้วก็หัวเราะคิก แล้วเอ่ยต่อ "หากรู้ว่าข้ามาจากสำนักหงส์ทมิฬ ท่านก็ควรจะรู้ว่าศึกในครั้งนี้ท่านคงไม่มีวันชนะ"
"บังอาจนัก!" มือกันหยงที่ยืนอยู่กับเจ้าหอสบถ หากแต่สตรีที่อยู่ด้วยกลับเพียงต่อคำพูดเบาๆ
"วิชาศพสังหาร"
"น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แม้ท่านกับคนของท่านจะมีฝีมือสักแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจเอาชนะสังขารตัวเองได้" ผู้บุกรุกว่าพลางเบือนสายตาไปยังผู้เฝ้าประตูอุดรที่ดูท่าเริ่มอ่อนกำลังลง "ท่านเจ้าหอ...คนเรามีขีดจำกัด อาจมีเหนื่อย มีพลาด...แต่ศพนั้นไร้ชีวิต ไม่รู้จักคำว่าเหนื่อยและตาย"
"ข้ารู้" เจียถิงถิงหลุบตาลงรับคำ เรียกรอยยิ้มย่องจากสตรีผู้บุกรุก หากทว่าโดยไม่มีใครคาดคิด จิตสังหารรุนแรงจากร่างบางก็พุ่งขึ้นสูงจนทุกคนสังเกตได้ เมื่อเจียถิงถิงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แววตาที่เคยสงบนิ่งก็แปรเป็นกระด้างเย็นชา
"ในที่สุดก็เผยตนเสียที แพรพรรณสังหารแห่งสิบสองขุนพลฟ้า"
สตรีในชุดขาวยืนสงบนิ่ง นางสะบัดมือ ฉับพลันอาภรณ์ที่ใส่ก็ราวกับมีชีวิต ผ้าแพรสีขาวยาวปรากฏขึ้นในมือ เจียถิงถิงชูมือขึ้นพริบตาที่นางสะบัดข้อมือลง ผ้าสีขาวนั้นก็พุ่งเข้าหาร่างของสตรีผู้บุกรุกอย่างรวดเร็วราวกับมีชีวิตพร้อมๆกับคำพูดที่ถูกส่งออกมา
"งั้นก็กำจัดเจ้าเสียก่อนที่จะแพ้!!"
เสียงพิณบรรเลงไพเราะลอยแว่วมาแต่ไกล ทว่าต้นเสียงของมันนั้นมาจากห้องที่อยู่บนยอดหอคอยสูงเจ็ดชั้น นิ้วเรียวของสตรีนางหนึ่งกำลังขยับไปมาอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับดูอ่อนโยนนัก นางเป็นสตรีร่างเล็ก เอวบางในอาภรณ์แนบเนื้อบางเบาสีขาว กำลังตั้งหน้าตั้งตาบรรเลงบทเพลงแห่งราตรีคลอเคล้าไปกับเสียงจั่กจั่นแลเหล่าแมลงกลางคืน
ทว่าความสุนทรีย์นั้นเป็นอันต้องหยุดชะงัก! เมื่อเสียงเปิดประตูผางดังขึ้นที่ชั้นล่างของหอ....นางจึงได้ละจากเครื่องดนตรีตรงหน้า คว้าดาบคู่ใจข้างๆตัวแล้วรีบลงไปดูเหตุการณ์ข้างล่างในทันที
สายตาของนางทอดมองลงไปที่โถงล่าง บัดนี้มีเงาดำของผู้มาเยือนปรากฎขึ้น
"เจ้าเป็นใคร?!" นางทำใจกล้าถามออกไป
บุคคลปริศนาไม่ตอบว่ากระไร หากแต่กลับสาวเท้าเข้ามาข้างใน ครั้นเมื่อใบหน้าโผล่พ้นออกมาจากเงามืด นางในชุดขาวก็ต้องเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ
"หวินติ้ว?" หางเสียงของนางเลิกสูง "เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?" นางถามเมื่อเห็นสตรีตรงหน้าหอบหายใจราวกับเพิ่งออกแรงอย่างมากมา
หวินติ้ว...อยู่ในอาภรณ์ยาวสีเขียวเข้มผ้าคาดเอวสีส้มผูกเป็นโบว์ด้านหน้า นางเงยนัยน์ตาสีน้ำตาลสวยขึ้นสบมองผู้เป็นเจ้าบ้านก่อนเอ่ยปนหอบเล็กๆด้วยความร้อนรน "ท่านเจีย ข้ามีเรื่องอยากให้ท่านช่วย!"
เจียถิงถิง หรือเจียตามที่อีกฝ่ายเรียกเมื่ออ่านสีหน้าของนางผู้มาเยี่ยมยามวิกาลก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องดังกล่าวคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จึงกล่าวว่า "เข้าใจแล้ว เจ้ารีบปิดประตูเสีย แล้วขึ้นมาหาข้าข้างบน"
เมื่อได้รับอนุญาตอีกฝ่ายก็ไม่รอช้า หันหลังไปดึงบานประตูมาปิดไว้จากนั้นจึงรีบสาวเท้าขึ้นบันไดไปยังห้องที่อยู่ชั้นบน
"มีเรื่องอะไรรึ?" เสียงของสตรีผู้เป็นเจ้าบ้านเอ่ยขึ้นทันทีที่ร่างของนางเข้ามาในห้อง "แล้วฮวยบ่อสีอาจารย์ของเจ้าไปไหนแล้ว"
คำถามนั้นเหมือนจะย้ำ เมื่อหวินติ้วหลุบสายตาลงต่ำแทนคำตอบ
"หรือว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาด้วย" เจียเดาความ
"ท่านอาจารย์มอบของสิ่งหนึ่งให้ข้า จากนั้นจึงถ่วงเวลาให้ข้าหนี ป่านนี้ท่านคง..." คำตอบที่ไม่คาดคิดทำให้เจียถิงถิงยันตัวลุกขึ้น ตะโกนเสียงดัง
"เจ้าว่าอะไรนะ?"
แทนที่จะตอบ สตรีตรงหน้ากลับล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อแล้วหยิบห่อผ้าสีดำมาวางไว้บนโต๊ะ...
"เจ้าอย่าบอกนะว่านี่คือสิ่งนั้น!" นางในชุดขาวเอ่ยถาม นัยน์ตาเบิกกว้างขณะพินิจของในห่อผ้าด้วยความตระหนก "เจ้าเอามาได้ยังไงหรือว่าฮวยมันเป็นคนเอาให้เจ้า"
"ท่านอาจารย์ไม่ได้บอกอะไรไว้ กำชับเพียงว่า ให้ข้ารีบตามหาผู้พิทักษ์คัมภีร์ให้พบโดยเร็วที่สุด"
"เจ้าจึงมาหาข้าเพื่อสอบถามข้อมูลของพวกผู้พิทักษ์ใช่มั้ย" หวินติ้วพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนเอ่ย
"ข้าไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครอีกแล้ว นึกได้ว่าท่านกับท่านอาจารย์เป็นศิษย์ในสำนักเดียวกัน ข้าจึงคิดว่าท่านน่าจะช่วยข้าได้"
ความเงียบทอดตัวระหว่างสตรีทั้งสองชั่วครู่เมื่อนางในชุดขาวกำลังครุ่นคิด ทว่าสุดท้ายแล้วนางก็เอ่ยขึ้น
"เสียใจด้วย ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องของพวกผู้พิทักษ์คัมภีร์ด้วยเช่นกัน" คำกล่าวนั้นทำให้สีหน้าของนางในอาภรณ์สีเขียวสลดลง กระทั่ง... "แต่ข้าเคยได้ยินมาว่าผู้พิทักษ์เพลิงไว่ฉันท์ตอนนี้ไปฝึกฝนวิชาอยู่ที่นครหลวง"
"ข้าทราบซึ้งน้ำใจของท่านนัก" หญิงสาวค้อมคำนับ "ข้าจะรีบไปที่นครหลวง"
เจียถิงถิงสดับความคิด นางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนก่อนจะต่อคำ
"หากเจ้าจะไปที่นครหลวง..." ว่าแล้วนางก็ยกมือขึ้นปรบสองครั้ง "ซงเกียด"
ฉับพลันร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้นในห้องนั้น เขาคุกเข่าลงทำความเคารพสตรีผู้เป็นเจ้าของหอ "มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือท่านเจียถิงถิง"
"เจ้าจงไปคุ้มกันนางผู้นี้จนกว่านางจะถึงที่หมาย"
"รับบัญชา" ชายหนุ่มขานรับแล้วจึงลุกขึ้นยืน...เมื่อพินิจได้ชัดๆหวินติ้วก็พบว่าบุรุษตรงหน้ามีใบหน้าค่อนไปทางหวาน หากกระนั้นก็ดูองอาจสมชายชาตรี อยู่ในอาภรณ์สีดำรัดกุมเยี่ยงจอมยุทธ์ หากทว่าก็ดูเย็นชา ยากจะเข้าใกล้
แล้วความคิดทั้งหลายของนางจำต้องหยุดลงเมื่อเสียงเอะอะโวยวายข้างล่างดังขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเบือนไปมองสตรีเจ้าของหอ ใบหน้าของนางในชุดเขียวเผือดสีเพราะไม่คิดว่านางจะเป็นฝ่ายนำทางศัตรูมาจนถึงที่นี่
"เจ้าจงรีบไปเสีย หวินติ้ว" สตรีตรงหน้าเอ่ย หากแต่คนฟังยังคงลังเลอยู่
"ท่านเจีย ข้าไม่..." นางกล่าวออกมาได้เท่านั้นแล้วก็ถูกขัดด้วยการยกมือปรามจากผู้เป็นเจ้าหอ
"เจ้ารีบไปที่นครหลวงเถอะ ทางนี้ข้าจัดการเองได้" นางในชุดขาวลดมือลงเป็นสัญญาณบุรุษชุดดำที่ยืนอยู่ข้างๆก็คว้าเข้าที่เอวบาง มืออีกข้างไม่ลืมที่จะคว้าห่อผ้าบนโต๊ะมาด้วย ก่อนจะกระโดดออกไปทางหน้าต่างไม่ฟังคำทัดท้านของนางในชุดเขียวเลยสักนิด
"อย่าห่วงไป...เพราะที่แห่งนี้คือหอคลังวิชาการ ไม่มีใครหน้าไหนที่จะบุกเข้ามาได้" เจียถิงถิงเอ่ยเหมือนจะพูดกับตนเอง ทว่าเมื่อนางหันกลับไปที่ประตูตอนนี้มีร่างของผู้บุกรุกปรากฎเด่นตรงกรอบประตู พวกมันมีจำนวนนับสิบแต่งกายในชุดดำ ทว่าในหมู่พวกมันยังมีอีกสองร่างที่มีรัศมีโดดเด่น หนึ่งนั้นเป็นสตรีหน้าตาสะสวยในชุดกี่เพ้าสีแดงสดปักลายวิหคสีดำ มือข้างที่ถือพัดยกมาปิดบังใบหน้าส่วนหนึ่ง ...อีกคนนั้นเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อคลุมบุรุษของจีนสีน้ำเงินเข้มปักลายเดียวกัน
"สายันห์สวัสดิ์ ท่านเจ้าหอ" เสียงหวานจับใจของสตรีผู้บุกรุกเอ่ยขึ้นก่อน "ขออภัยที่มาเยี่ยมโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า"
"ไม่นึกว่าผู้ที่บุกรุกบ้านคนอื่นโดยไร้มารยาทจะรู้จักการขอภัย" เจียถิงถิงกล่าวเสียงเย็นเยียบ
"ข้ามาเพราะอยากจะรู้ที่ซ่อนของคัมภีร์ฟ้า ถ้าท่านบอกมาดีๆ ข้าก็จะจากไปแต่โดยดี ง่ายใช่ไหม"
"คนที่เข้ามาโดยไม่แม้แต่จะเคาะประตูสำหรับข้าไม่ถือว่ามาอย่างดี" สตรีในชุดขาวกล่าวอย่างตัดรอน
"ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้" สตรีในชุดแดงเอ่ยด้วยเสียงเย็นยะเยือก "อยากจะรู้เหมือนกันว่าผู้ที่ถูกขนานนามให้เป็นหนึ่งในสิบสองขุนพลฟ้าอย่างท่านจะมีฝีมือสักแค่ไหน" นางสะบัดพัดเป็นสัญญาณ เหล่าลูกน้องราวสิบกว่าคนก็พุ่งเข้าหาเป้าหมายตรงหน้าพร้อมอาวุธในมือ!
ทว่า...ยังไม่ทันจะได้เข้าถึงตัวเป้าหมาย ชายชุดดำกลุ่มแรกก็กระเด็นออกมาด้วยพลังของใครบางคน!
"อ้อ..." สตรีฝ่ายผู้บุกรุกพึมพำในคอเมื่อสายตาพินิจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ชัด "สมกับที่เขาร่ำลือจริงๆ...จตุทวารแห่งหอคลังวิชาการ...ในที่สุดก็มีโอกาสได้ยล"
เพราะเบื้องหน้าของเจียถิงถิงขณะนี้มีร่างของสองสตรีหนึ่งบุรุษปรากฎขึ้นขวางระหว่างผู้เป็นเจ้าหอกับผู้บุกรุกเอาไว้ สตรีนางหนึ่งสวมอาภรณ์รัดกุมสีแดงเลือดหมูสายคาดเอวก็เป็นสีเดียวกัน อีกนางสวมอาภรณ์แบบเดียวกันหากแต่สายคาดเอวเป็นสีดำ ขณะที่บุรุษอีกคนอยู่ในชุดรัดกุมสีดำสนิท
"ท่านหัวหน้าถอยไปเจ้าค่ะ" สตรีผ้าคาดเอวสีแดงเอ่ยขึ้นขณะขยับร่างเข้าบังเจียถิงถิงไว้
"ดูเหมือนว่าวันนี้จะขาดไปคนหนึ่งนะ" นางในชุดกี่เพ้าเอ่ยเหมือนเยาะ "แล้วอย่างนี้จะไหวหรือ"
"จะไหวหรือไม่ไหวไว้ประมือกันก่อนค่อยพูดดีกว่า!" แพเน้ง บุรุษชุดดำหนึ่งในผู้เฝ้าประตูเอ่ยพร้อมๆกับพุ่งเข้าหาศัตรูตรงหน้า
ริมฝีปากเรียวของสตรีในชุดกี่เพ้าขยับรอยยิ้ม สะบัดพัดในมือเป็นสัญญาณ บรรดาลูกน้องที่รออยู่แล้วจึงพุ่งเข้าประมือกับนักรบทั้งสาม
เสียงกระบี่ปะทะดาบ เสียงคมมีดแทงผ่านผิวเนื้อ เสียงร้องของผู้ถูกสังหารดังสะท้อนไปทั่ว
ค่ำคืนนี้คงจะยาวนาน...
"มือกันหยง...เจ้าคอยอารักขาท่านเจ้าหอไว้!" สตรีในชุดแดงเลือดหมูหรือแจมิงฉายาผู้เฝ้าทวารบูรพาร้องบอกสหายก่อนที่ตัวเองจะกลับเข้าสู่สมรภูมิอีกครั้ง
ร่างของนางในชุดแดงเข้มพุ่งเข้าหาสตรีผู้บุกรุกพร้อมดาบในมือหมายจะปลิดชีวิตคนตรงหน้าในดาบเดียว ทว่าเมื่อวาดวงดาบลงไป สิ่งที่คมดาบสัมผัสกลับเป็นคมดาบของบุรุษในชุดจีนที่ปราดเข้ามากันหญิงสาวไว้ แจมิงกระโดดออกมาตั้งหลักเพื่อคอยดูท่าที
"ฝีมือไม่เลวนี่ผู้เฝ้าทวารบูรพา ดาบเมื่อครู่หากไม่ใช่คนของข้าคงจะแย่ไปแล้ว" นางผู้ตกเป็นเป้าหมายเอ่ยชมทว่ากลับรู้สึกได้ถึงความน่ารังเกียจในน้ำเสียง
"เจ้าเป็นใคร...ทำไมถึงรู้เรื่องของพวกข้าละเอียดนัก" สตรีเจ้าของฉายาผู้เฝ้าประตูบูรพาส่งคำถามไปให้แก่สตรีโฉมสะคราญผู้บุกรุก นางผู้ถูกถามสะบัดพัดน้อยๆก่อนเอ่ยปนยั่ว
"หากเจ้าทำได้ข้าตอบได้ล่ะก็..."
"ก็มาดูกัน!" แจมิงรับคำท้านั้น ไม่ทันที่พยางค์สุดท้ายจะจบ ร่างบางก็หายไปจากสายตา ก่อนจะปรากฎตัวอีกครั้งด้านหลังของสตรีชุดแดง แจมิงเงื้อดาบขึ้นสูง ทว่าในวินาทีที่จะฟันลงนั้น นางก็ต้องเป็นฝ่ายถอยกลับออกมาเองเมื่อบุรุษในชุดสีน้ำเงินพุ่งเข้ามาปะทะ ดาบนั้นหนักหน่วงซ้ำยังรวดเร็ว หากทว่านางในชุดแดงเข้มก็ยังคงรับทุกการโจมตีได้ไม่มีพลาด
ฝ่ายแพเน้งก็ยังคงประมืออยู่กับเหล่าชายชุดดำ ไม่อาจปลีกตัวเข้าไปช่วยสหายร่วมต่อสู้ได้ บุรุษผู้มีฉายาผู้เฝ้าประตูอุดรกัดฟันกรอดเมื่อชายชุดดำที่เขาเพิ่งลงมือสังหารไปไม่กี่นาทีก่อนหน้าค่อยๆลุกขึ้นมาใหม่ราวปาฏิหารย์
ทำไมมันยังลุกมาได้?!... คิดพร้อมกับแทงกระบี่ลงไปยังจุดตายอีกหน มันล้มลงไปทว่าก็ลุกขึ้นมาอีกครั้งจนได้
เหตุการณ์ตรงหน้าปรากฏในคลองสายตาของสตรีผู้เป็นเจ้าของหอ นางสดับความคิดพลันสิ่งหนึ่งก็ชัดเจนในสมอง
"วิชาคืนชีพร้อยศพ" เจียถิงถิงเปรยขึ้นก่อนจะเบือนสายตาไปมองเหล่าชายชุดดำนั้นชั่วครู่ "เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักหงส์ทมิฬงั้นรึ"
สตรีในอาภรณ์สีแดงเบื้องหน้าไม่ได้มีสีหน้าตื่นตระหนกกังวลใดๆที่ถูกอีกฝ่ายล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริง นางสะบัดพัดน้อยๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนพึงพอใจ
"ท่านรู้ดี สมกับเป็นผู้ปกครองหอแห่งความรู้" ว่าแล้วก็หัวเราะคิก แล้วเอ่ยต่อ "หากรู้ว่าข้ามาจากสำนักหงส์ทมิฬ ท่านก็ควรจะรู้ว่าศึกในครั้งนี้ท่านคงไม่มีวันชนะ"
"บังอาจนัก!" มือกันหยงที่ยืนอยู่กับเจ้าหอสบถ หากแต่สตรีที่อยู่ด้วยกลับเพียงต่อคำพูดเบาๆ
"วิชาศพสังหาร"
"น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แม้ท่านกับคนของท่านจะมีฝีมือสักแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจเอาชนะสังขารตัวเองได้" ผู้บุกรุกว่าพลางเบือนสายตาไปยังผู้เฝ้าประตูอุดรที่ดูท่าเริ่มอ่อนกำลังลง "ท่านเจ้าหอ...คนเรามีขีดจำกัด อาจมีเหนื่อย มีพลาด...แต่ศพนั้นไร้ชีวิต ไม่รู้จักคำว่าเหนื่อยและตาย"
"ข้ารู้" เจียถิงถิงหลุบตาลงรับคำ เรียกรอยยิ้มย่องจากสตรีผู้บุกรุก หากทว่าโดยไม่มีใครคาดคิด จิตสังหารรุนแรงจากร่างบางก็พุ่งขึ้นสูงจนทุกคนสังเกตได้ เมื่อเจียถิงถิงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แววตาที่เคยสงบนิ่งก็แปรเป็นกระด้างเย็นชา
"ในที่สุดก็เผยตนเสียที แพรพรรณสังหารแห่งสิบสองขุนพลฟ้า"
สตรีในชุดขาวยืนสงบนิ่ง นางสะบัดมือ ฉับพลันอาภรณ์ที่ใส่ก็ราวกับมีชีวิต ผ้าแพรสีขาวยาวปรากฏขึ้นในมือ เจียถิงถิงชูมือขึ้นพริบตาที่นางสะบัดข้อมือลง ผ้าสีขาวนั้นก็พุ่งเข้าหาร่างของสตรีผู้บุกรุกอย่างรวดเร็วราวกับมีชีวิตพร้อมๆกับคำพูดที่ถูกส่งออกมา
"งั้นก็กำจัดเจ้าเสียก่อนที่จะแพ้!!"
To be continued...(มั้ง)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น