ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เพลงที่ 1: ภารกิจที่ได้รับ (Do you understand the underline words above?)
เพลงที่ 1: ภารกิจที่ได้รับ (Do you understand the underline words above?)
"มาได้เสียที ปล่อยข้ารออยู่ตั้งนมนาน" สุรเสียงที่ดังแทรกขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดในยามรัตติกาลเป็นของหญิงสาว นางแฝงตัวอยู่ในเงามืดของอาคารเก่าทำให้ไม่อาจเห็นใบหน้าของนางได้ถนัดนักในเวลานี้ ครั้นเมื่อแลไปเห็นสภาพของผู้มาเยือน นัยน์ตาของหญิงสาวก็หรี่ลงก่อนเอ่ย "เกิดอะไรขึ้นกับท่านฮวยบ่อสี"
บุรุษที่เพิ่งมาถึงผู้มีนามว่าฮวยบ่อสีหรือฮวยอยู่ในสภาพเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล แม้ว่ายังคงยันร่างเอาไว้ได้ทว่ารอยโลหิตที่ซึมจากชายเสื้อนั้นหยดเป็นทาง
"อย่าเพิ่งถามอะไรมาก รับสิ่งนี้ไปก่อน" ฮวยยื่นห่อผ้าสีดำส่งให้แก่นางในเงามืด นัยน์ตาของหญิงสาวเบิกกว้างเมื่อรับรู้จากสัมผัสว่าอะไรคือสิ่งที่อยู่ในห่อผ้านั่น ครั้นตวัดสายตาขึ้นถามคนตรงหน้าก็ชิงตอบก่อน
"...อะไรก็ตามที่เจ้ากำลังคิดอยู่นั่นแหละถูกต้องแล้ว" นางผู้ถือห่อผ้าปริศนายังส่งสายตาเหมือนจะคาดคั้นอย่างไม่เชื่อ ทว่าเมื่อแววตาของร่างสูงยืนยันหนักแน่น นางจึงได้เก็บเอาห่อผ้านั้นใส่ไว้ในอกเสื้อก่อนเอ่ยขึ้นใหม่
"ท่านบาดเจ็บ...ให้ข้าช่วยรักษาเถอะ"
"ไม่มีเวลามากขนาดนั้น เจ้ารีบนำของสิ่งนั้นไปส่งให้กับผู้พิทักษ์คัมภีร์เสีย อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้" ฮวยย้ำคำหนักแน่น หญิงสาวพยักหน้ารับ นางทอดสายตามองบุรุษตรงหน้าด้วยแววตาเปี่ยมความรู้สึก
"ท่านอาจารย์..." น้ำคำเอ่ยมาได้เพียงเท่านั้นแล้วต้องเปลี่ยนเป็นเงียบสนิท เมื่อเสียงใบไม้พลิกพลิ้วต้องลม มันคงจะไม่แปลกนักหากไม่ใช่เพราะในเวลานี้ไม่มีสายลมใดพัดมาแม้สักนิด!
นัยน์ตาของหญิงสาวสบประสานนัยน์ตาสีเทาเข้มของบุรุษตรงหน้า ความนัยบางอย่างที่สื่อออกมาทำให้นางผู้อายุน้อยกว่าอ้าปากจะเถียง แต่ก็ถูกผู้เป็นอาจารย์ห้ามไว้ก่อน
"หวินติ้ว" ฮวยบ่อสีเอ่ยกับลูกศิษย์ "เจ้าจงรีบไปเสีย"
"ข้าช่วยท่านสู้ได้!" หญิงสาวยังรั้น "สภาพของท่านในตอนนี้ใช่ว่าจะรับมือกับมันได้!"
"ไม่!" ผู้เป็นอาจารย์ตัดบท "เจ้ามีหน้าที่ของเจ้า จงไปทำให้สำเร็จเสีย"
"แต่ว่า---!"
"รีบไปเสีย เร็วเข้า!!" น้ำคำตัดรอนของบุรุษตรงหน้าทำให้คนเป็นลูกศิษย์เม้มริมฝีปากแน่น ทอดสายตามองคนตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจำใจจากลา ร่างบางนั้นกระโดดพลิ้วหายไปในความมืด ทิ้งให้ผู้เป็นอาจารย์ไว้เพียงลำพัง
บุรุษนามฮวยบ่อสี(ห้ามผวนนะ)หันกลับมา...ในเวลานี้บนกิ่งหลิวไม่ไกลเบื้องหน้าปรากฎเงาของบุคคลปริศนาขึ้นสองร่าง
มันมาถึงเร็วนัก... ฮวยคิด
"ส่งของนั่นมาเสีย" เสียงที่เยียบเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลก(เหนือหรือใต้ก็ไม่รู้)เอ่ยขึ้นก่อน
"ข้าไม่มีของที่เจ้าว่า!" บุรุษที่ยืนพิงกำแพงเบื้องล่างตอบด้วยเสียงกร้าว ฮวยบ่อสียกมือขึ้นมาตั้งท่าเตรียมต่อสู้ ทว่ายังไม่ทันแม้แต่จะขยับกาย หนึ่งในเงาปริศนาตรงหน้าก็หายไปจากการรับรู้ก่อนจะปรากฎขึ้นอีกครั้งด้านหลัง รวดเร็วราวลมพัด! คมมีดวาวับถูกจ่อเข้าที่ลำคอ ทำให้ฮวยตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ!
"ดูท่าว่าเจ้ายังไม่เข็ดสินะ" เสียงเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง บุรุษผู้ถูกจับกุมพยายามขัดขืน หากแต่ก็ทำได้เพียงแค่เพิ่มรอยแผลบางๆบนลำคอให้ตัวเองเท่านั้น
"ส่งคัมภีร์นั่นมาเสีย แล้วข้าอาจจะใจดีปล่อยเจ้าไป" เสียงของบุรุษอันตรายตรงหน้ายื่นข้อเสนอที่คนฟังไม่มีวันสนอง เพราะรู้แก่ใจดีว่าสุดท้ายแล้วพวกมันคงไม่ปล่อยให้เขารอดไปเป็นแน่ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้คือพยายามถ่วงเวลาเอาไว้ขณะหวังว่าหวินติ้วจะหนีออกไปได้ไกลพอ
"ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคัมภีร์ที่เจ้าว่าเลยสักนิด!"
"อย่าโกหกเลย พวกข้าเห็นกับตาว่าเจ้าคือคนสุดท้ายที่เข้าไปในห้องเก็บคัมภีร์ ก่อนที่มันจะหายไป"
"คัมภีร์ไม่ได้อยู่กับข้า!!" ฮวยว่า "พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ แล้วต้องการเอาคัมภีร์ไปทำไม?!"
"มันไม่ใช่ธุระที่ข้าจะต้องบอกเจ้า" คราวนี้ชายในชุดดำเบื้องหน้าแสยะยิ้มเย็นชาก่อนกล่าว "แต่การจะบอกชื่อให้กับคนที่กำลังจะตายคนจะไม่เสียหายอะไร..."
พร้อมกันนั้นใบมีดคมกริบที่จ่ออยู่ที่คอของฮวยบ่อสีก็เงื้อขึ้นสูงในระดับหนึ่ง แสงจันทราที่ส่องลงมาสะท้อนเงาผู้ถือมีดนั้นในสายตา บุรุษผู้ถูกจับกุมประหลาดใจนักที่เพิ่งรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาเป็นเพียงเด็กชายที่เพิ่งจะย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับผ้าคาดศีรษะซึ่งปักตราสัญลักษณ์มังกรสีเงิน
นัยน์ตาของฮวยบ่อสีเบิกกว้างเมื่อรู้ตัวจริงของศัตรูหากแต่ก็ดูจะสายไปเสียแล้วเมื่อพริบตาต่อมาที่คมมีดนั้นตวัดลงฉับ!
โลหิตสีแดงฉานสาดกระเซ็น! เปรอะเปื้อนกำแพงและเสื้อผ้าของผู้ลงมือสังหาร ก่อนที่มันจะปล่อยมือออกจากเหยื่อ ร่างไร้วิญญาณของฮวยบ่อสีทรุดลงไปกับพื้น แม้ความคิดสุดท้ายยังเหลืออยู่ในห้วงคำนึง
เก้าดาวมังกร...!
ก่อนจะทิ้งไว้เพียงนามของจอมยุทธ์แห่งทิศตะวันตกอันลือลั่นให้ชาวยุทธภพได้จดจำ...
เสียงฝีเท้าย่ำไปบนหลังคามุงกระเบื้อง(ตราช้างรึเปล่าไม่รู้)ดังสอดแทรกเสียงหอบหายใจ ยามที่หวินติ้วหอบของสำคัญที่ได้รับมาจากอาจารย์มุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ตนเองก็ไม่อาจรู้ได้ รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้จะต้องรีบหนีไปให้ไกลที่สุด ให้จากที่นี่ได้เท่าไหร่ยิ่งดี นางไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองทิศทางที่จากมา ทางที่นางทิ้งผู้เป็นอาจารย์เอาไว้
หัวใจของหญิงสาวรู้ดีว่านั่นคือครั้งสุดท้ายที่นางจะมีโอกาสได้พบกับเขา มือหนึ่งยกขึ้นกุมหน้าอก บริเวณที่ห่อผ้าถูกสอดเอาไว้ พลางนึกถึงตำนานเกี่ยวกับของในมือที่นางไม่เคยคิดจะได้มาไว้ในครอบครอง
ในดินแดนที่ถูกแบ่งแยกเป็นแว่นแคว้น จอมยุทธ์แห่งอาณาจักรไท่ผิงแยกตัวเป็นก๊กเป็นเหล่า ผู้ทรงอำนาจสูงสุดในขณะนั้นคือหัวหน้าพรรคคชสารน้ำเงิน ท่านตั้วหมิงซื่อ ได้ส่งสานส์ไปยังอาณาจักรต่างๆโดยรอบเพื่อให้แต่ละอาณาจักรส่งตัวแทนมาร่วมประลองยุทธ์ ซึ่งรางวัลในการประลองครั้งนี้คือคัมภีร์เก่าแก่โบร่ำราณนานนมแต่ครั้งบรรพกาล(สรุปว่ามันโคตรจะเก่าว่างั้น) คัมภีร์ซึ่งถือเป็นสุดยอด คัมภีร์ซึ่งถือเป็นคัมภีร์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของคัมภีร์วิชาทั้งหลาย คัมภีร์ที่มิอาจประเมินค่าใดๆได้ คัมภีร์ที่...(นี่ตูมาเสนอขายคัมภีร์อยู่เหรอฟร่ะ เอาเป็นว่ามันเป็นคัมภีร์ที่จอร์จมากก็แล้วกัน) ว่ากันว่าในคัมภีร์นั้นรวบรวมบทเพลงแห่งมนตราคาถาของสวรรค์และนรกเอาไว้ บทเพลงพวกนั้นมีพลังวิเศษ ที่หากถูกนำมาขับร้อง ก็สามารถบันดาลให้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น ชื่อของคัมภีร์นี้คือ คัมภีร์แห่งชี-อา(ความจริงอยากลากยาวๆแต่เวิร์ดมันไม่ให้...ดังนั้นกรุณาอ่านลากเสียงด้วยจะดีมาก)
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น เมื่อท่านประมุขตั้วหมิงซื่อถูกลอบสังหารในระหว่างดูบอล เอ้ย การประลอง... ทำให้เกิดความระส่ำระสาย(ไม่ใช่บ่าย) ไปทั่วหอสามซึ่งเป็นที่จัดงาน และว่ากันว่าคัมภีร์แห่งชี-อาก็ได้หายสาปสูญไปจากห้องเก็บอย่างไร้ร่องรอย
หวินติ้วกัดฟันกรอดเพราะไม่คิดว่าคัมภีร์ที่หลายคนตามหาแทบพลิกแผ่นดินในเวลานี้จะตกมาอยู่ในมือของนางได้(สรุปแล้วนี่อาจารย์ตรูเป็นคนขโมยมาใช่มั้ย...ตรูจะโดนหางเลขมั้ยฟร่ะเนี่ย)
ป่านนี้ท่านอาจารย์คง...
หญิงสาวพยายามข่มใจให้สงบเมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่นางคิดว่าอาจจะได้เบาะแสของผู้พิทักษ์คัมภีร์...หอคลังวิชาการ!
ตึง!
เสียงกำปั้นทุบลงไปบนเนื้อไม้ดังสะท้อนในความเงียบ ขณะที่บุรุษในชุดดำกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิดที่หาคัมภีร์ไม่พบ(และตรูเจ็บมือด้วย) ก่อนจะย่ำเท้าลงไปบนร่างไร้วิญญาณของชายหนุ่มอย่างไม่ปราณี
"มันคงส่งมอบคัมภีร์ให้คนอื่นไปแล้ว" บุรุษชุดดำเค้นเสียงลอดไรฟัน...ก่อนจะนึกถึงเรื่องบางอย่างได้ "ได้ยินว่าฮวยบ่อสีมีลูกศิษย์คนหนึ่ง...มันคงจะมอบคัมภีร์ให้ลูกศิษย์นั่นเป็นแน่" ชายนั้นเอ่ยยามที่คิดได้แล้ว
"เจ้าฮวยบ่อสี คิดเรอะว่าจะหนีจากสายตาของพวกเราไปได้" ว่าแล้วก็หันไปหาร่างเล็กกว่าที่ยืนอยู่ข้างตัว "ไปบอกพวกพี่สาวของเจ้าเสียว่ามีงานชิ้นใหม่มาให้พวกเราได้เล่นสนุกกันอีกแล้ว" บุรุษนั้นสะบัดชายเสื้อคลุม(นึกถึงมาดเท่แบบเดอะแมทริกซ์)ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้(ตามหลักตัวโกงที่ดี ทำผิดจารีตประเพณีเดี๋ยวอดได้ค่าตัว)
"ไม่มีอะไรที่จะรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของพวกเรา เก้าดาวมังกร"
สายลมยามรัตติกาลพัดมาวูบหนึ่ง ต้องกิ่งหลิวให้ไหวลู่ตามแรงลม ครั้นเมื่อลมหยุดพัดแล้ว ร่างของบุรุษสองคนที่เคยอยู่ตรงนั้นก็หายไปราวด้วยความรวดเร็วดุจสายลม...!!
ม่านของละครเรื่องใหม่ได้ถูกชักขึ้นแล้ว....
To be continued...(มั้ง)
"มาได้เสียที ปล่อยข้ารออยู่ตั้งนมนาน" สุรเสียงที่ดังแทรกขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดในยามรัตติกาลเป็นของหญิงสาว นางแฝงตัวอยู่ในเงามืดของอาคารเก่าทำให้ไม่อาจเห็นใบหน้าของนางได้ถนัดนักในเวลานี้ ครั้นเมื่อแลไปเห็นสภาพของผู้มาเยือน นัยน์ตาของหญิงสาวก็หรี่ลงก่อนเอ่ย "เกิดอะไรขึ้นกับท่านฮวยบ่อสี"
บุรุษที่เพิ่งมาถึงผู้มีนามว่าฮวยบ่อสีหรือฮวยอยู่ในสภาพเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล แม้ว่ายังคงยันร่างเอาไว้ได้ทว่ารอยโลหิตที่ซึมจากชายเสื้อนั้นหยดเป็นทาง
"อย่าเพิ่งถามอะไรมาก รับสิ่งนี้ไปก่อน" ฮวยยื่นห่อผ้าสีดำส่งให้แก่นางในเงามืด นัยน์ตาของหญิงสาวเบิกกว้างเมื่อรับรู้จากสัมผัสว่าอะไรคือสิ่งที่อยู่ในห่อผ้านั่น ครั้นตวัดสายตาขึ้นถามคนตรงหน้าก็ชิงตอบก่อน
"...อะไรก็ตามที่เจ้ากำลังคิดอยู่นั่นแหละถูกต้องแล้ว" นางผู้ถือห่อผ้าปริศนายังส่งสายตาเหมือนจะคาดคั้นอย่างไม่เชื่อ ทว่าเมื่อแววตาของร่างสูงยืนยันหนักแน่น นางจึงได้เก็บเอาห่อผ้านั้นใส่ไว้ในอกเสื้อก่อนเอ่ยขึ้นใหม่
"ท่านบาดเจ็บ...ให้ข้าช่วยรักษาเถอะ"
"ไม่มีเวลามากขนาดนั้น เจ้ารีบนำของสิ่งนั้นไปส่งให้กับผู้พิทักษ์คัมภีร์เสีย อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้" ฮวยย้ำคำหนักแน่น หญิงสาวพยักหน้ารับ นางทอดสายตามองบุรุษตรงหน้าด้วยแววตาเปี่ยมความรู้สึก
"ท่านอาจารย์..." น้ำคำเอ่ยมาได้เพียงเท่านั้นแล้วต้องเปลี่ยนเป็นเงียบสนิท เมื่อเสียงใบไม้พลิกพลิ้วต้องลม มันคงจะไม่แปลกนักหากไม่ใช่เพราะในเวลานี้ไม่มีสายลมใดพัดมาแม้สักนิด!
นัยน์ตาของหญิงสาวสบประสานนัยน์ตาสีเทาเข้มของบุรุษตรงหน้า ความนัยบางอย่างที่สื่อออกมาทำให้นางผู้อายุน้อยกว่าอ้าปากจะเถียง แต่ก็ถูกผู้เป็นอาจารย์ห้ามไว้ก่อน
"หวินติ้ว" ฮวยบ่อสีเอ่ยกับลูกศิษย์ "เจ้าจงรีบไปเสีย"
"ข้าช่วยท่านสู้ได้!" หญิงสาวยังรั้น "สภาพของท่านในตอนนี้ใช่ว่าจะรับมือกับมันได้!"
"ไม่!" ผู้เป็นอาจารย์ตัดบท "เจ้ามีหน้าที่ของเจ้า จงไปทำให้สำเร็จเสีย"
"แต่ว่า---!"
"รีบไปเสีย เร็วเข้า!!" น้ำคำตัดรอนของบุรุษตรงหน้าทำให้คนเป็นลูกศิษย์เม้มริมฝีปากแน่น ทอดสายตามองคนตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจำใจจากลา ร่างบางนั้นกระโดดพลิ้วหายไปในความมืด ทิ้งให้ผู้เป็นอาจารย์ไว้เพียงลำพัง
บุรุษนามฮวยบ่อสี(ห้ามผวนนะ)หันกลับมา...ในเวลานี้บนกิ่งหลิวไม่ไกลเบื้องหน้าปรากฎเงาของบุคคลปริศนาขึ้นสองร่าง
มันมาถึงเร็วนัก... ฮวยคิด
"ส่งของนั่นมาเสีย" เสียงที่เยียบเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลก(เหนือหรือใต้ก็ไม่รู้)เอ่ยขึ้นก่อน
"ข้าไม่มีของที่เจ้าว่า!" บุรุษที่ยืนพิงกำแพงเบื้องล่างตอบด้วยเสียงกร้าว ฮวยบ่อสียกมือขึ้นมาตั้งท่าเตรียมต่อสู้ ทว่ายังไม่ทันแม้แต่จะขยับกาย หนึ่งในเงาปริศนาตรงหน้าก็หายไปจากการรับรู้ก่อนจะปรากฎขึ้นอีกครั้งด้านหลัง รวดเร็วราวลมพัด! คมมีดวาวับถูกจ่อเข้าที่ลำคอ ทำให้ฮวยตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ!
"ดูท่าว่าเจ้ายังไม่เข็ดสินะ" เสียงเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง บุรุษผู้ถูกจับกุมพยายามขัดขืน หากแต่ก็ทำได้เพียงแค่เพิ่มรอยแผลบางๆบนลำคอให้ตัวเองเท่านั้น
"ส่งคัมภีร์นั่นมาเสีย แล้วข้าอาจจะใจดีปล่อยเจ้าไป" เสียงของบุรุษอันตรายตรงหน้ายื่นข้อเสนอที่คนฟังไม่มีวันสนอง เพราะรู้แก่ใจดีว่าสุดท้ายแล้วพวกมันคงไม่ปล่อยให้เขารอดไปเป็นแน่ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้คือพยายามถ่วงเวลาเอาไว้ขณะหวังว่าหวินติ้วจะหนีออกไปได้ไกลพอ
"ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคัมภีร์ที่เจ้าว่าเลยสักนิด!"
"อย่าโกหกเลย พวกข้าเห็นกับตาว่าเจ้าคือคนสุดท้ายที่เข้าไปในห้องเก็บคัมภีร์ ก่อนที่มันจะหายไป"
"คัมภีร์ไม่ได้อยู่กับข้า!!" ฮวยว่า "พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ แล้วต้องการเอาคัมภีร์ไปทำไม?!"
"มันไม่ใช่ธุระที่ข้าจะต้องบอกเจ้า" คราวนี้ชายในชุดดำเบื้องหน้าแสยะยิ้มเย็นชาก่อนกล่าว "แต่การจะบอกชื่อให้กับคนที่กำลังจะตายคนจะไม่เสียหายอะไร..."
พร้อมกันนั้นใบมีดคมกริบที่จ่ออยู่ที่คอของฮวยบ่อสีก็เงื้อขึ้นสูงในระดับหนึ่ง แสงจันทราที่ส่องลงมาสะท้อนเงาผู้ถือมีดนั้นในสายตา บุรุษผู้ถูกจับกุมประหลาดใจนักที่เพิ่งรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาเป็นเพียงเด็กชายที่เพิ่งจะย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับผ้าคาดศีรษะซึ่งปักตราสัญลักษณ์มังกรสีเงิน
นัยน์ตาของฮวยบ่อสีเบิกกว้างเมื่อรู้ตัวจริงของศัตรูหากแต่ก็ดูจะสายไปเสียแล้วเมื่อพริบตาต่อมาที่คมมีดนั้นตวัดลงฉับ!
โลหิตสีแดงฉานสาดกระเซ็น! เปรอะเปื้อนกำแพงและเสื้อผ้าของผู้ลงมือสังหาร ก่อนที่มันจะปล่อยมือออกจากเหยื่อ ร่างไร้วิญญาณของฮวยบ่อสีทรุดลงไปกับพื้น แม้ความคิดสุดท้ายยังเหลืออยู่ในห้วงคำนึง
เก้าดาวมังกร...!
ก่อนจะทิ้งไว้เพียงนามของจอมยุทธ์แห่งทิศตะวันตกอันลือลั่นให้ชาวยุทธภพได้จดจำ...
เสียงฝีเท้าย่ำไปบนหลังคามุงกระเบื้อง(ตราช้างรึเปล่าไม่รู้)ดังสอดแทรกเสียงหอบหายใจ ยามที่หวินติ้วหอบของสำคัญที่ได้รับมาจากอาจารย์มุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ตนเองก็ไม่อาจรู้ได้ รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้จะต้องรีบหนีไปให้ไกลที่สุด ให้จากที่นี่ได้เท่าไหร่ยิ่งดี นางไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองทิศทางที่จากมา ทางที่นางทิ้งผู้เป็นอาจารย์เอาไว้
หัวใจของหญิงสาวรู้ดีว่านั่นคือครั้งสุดท้ายที่นางจะมีโอกาสได้พบกับเขา มือหนึ่งยกขึ้นกุมหน้าอก บริเวณที่ห่อผ้าถูกสอดเอาไว้ พลางนึกถึงตำนานเกี่ยวกับของในมือที่นางไม่เคยคิดจะได้มาไว้ในครอบครอง
ในดินแดนที่ถูกแบ่งแยกเป็นแว่นแคว้น จอมยุทธ์แห่งอาณาจักรไท่ผิงแยกตัวเป็นก๊กเป็นเหล่า ผู้ทรงอำนาจสูงสุดในขณะนั้นคือหัวหน้าพรรคคชสารน้ำเงิน ท่านตั้วหมิงซื่อ ได้ส่งสานส์ไปยังอาณาจักรต่างๆโดยรอบเพื่อให้แต่ละอาณาจักรส่งตัวแทนมาร่วมประลองยุทธ์ ซึ่งรางวัลในการประลองครั้งนี้คือคัมภีร์เก่าแก่โบร่ำราณนานนมแต่ครั้งบรรพกาล(สรุปว่ามันโคตรจะเก่าว่างั้น) คัมภีร์ซึ่งถือเป็นสุดยอด คัมภีร์ซึ่งถือเป็นคัมภีร์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของคัมภีร์วิชาทั้งหลาย คัมภีร์ที่มิอาจประเมินค่าใดๆได้ คัมภีร์ที่...(นี่ตูมาเสนอขายคัมภีร์อยู่เหรอฟร่ะ เอาเป็นว่ามันเป็นคัมภีร์ที่จอร์จมากก็แล้วกัน) ว่ากันว่าในคัมภีร์นั้นรวบรวมบทเพลงแห่งมนตราคาถาของสวรรค์และนรกเอาไว้ บทเพลงพวกนั้นมีพลังวิเศษ ที่หากถูกนำมาขับร้อง ก็สามารถบันดาลให้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น ชื่อของคัมภีร์นี้คือ คัมภีร์แห่งชี-อา(ความจริงอยากลากยาวๆแต่เวิร์ดมันไม่ให้...ดังนั้นกรุณาอ่านลากเสียงด้วยจะดีมาก)
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น เมื่อท่านประมุขตั้วหมิงซื่อถูกลอบสังหารในระหว่างดูบอล เอ้ย การประลอง... ทำให้เกิดความระส่ำระสาย(ไม่ใช่บ่าย) ไปทั่วหอสามซึ่งเป็นที่จัดงาน และว่ากันว่าคัมภีร์แห่งชี-อาก็ได้หายสาปสูญไปจากห้องเก็บอย่างไร้ร่องรอย
หวินติ้วกัดฟันกรอดเพราะไม่คิดว่าคัมภีร์ที่หลายคนตามหาแทบพลิกแผ่นดินในเวลานี้จะตกมาอยู่ในมือของนางได้(สรุปแล้วนี่อาจารย์ตรูเป็นคนขโมยมาใช่มั้ย...ตรูจะโดนหางเลขมั้ยฟร่ะเนี่ย)
ป่านนี้ท่านอาจารย์คง...
หญิงสาวพยายามข่มใจให้สงบเมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่นางคิดว่าอาจจะได้เบาะแสของผู้พิทักษ์คัมภีร์...หอคลังวิชาการ!
ตึง!
เสียงกำปั้นทุบลงไปบนเนื้อไม้ดังสะท้อนในความเงียบ ขณะที่บุรุษในชุดดำกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิดที่หาคัมภีร์ไม่พบ(และตรูเจ็บมือด้วย) ก่อนจะย่ำเท้าลงไปบนร่างไร้วิญญาณของชายหนุ่มอย่างไม่ปราณี
"มันคงส่งมอบคัมภีร์ให้คนอื่นไปแล้ว" บุรุษชุดดำเค้นเสียงลอดไรฟัน...ก่อนจะนึกถึงเรื่องบางอย่างได้ "ได้ยินว่าฮวยบ่อสีมีลูกศิษย์คนหนึ่ง...มันคงจะมอบคัมภีร์ให้ลูกศิษย์นั่นเป็นแน่" ชายนั้นเอ่ยยามที่คิดได้แล้ว
"เจ้าฮวยบ่อสี คิดเรอะว่าจะหนีจากสายตาของพวกเราไปได้" ว่าแล้วก็หันไปหาร่างเล็กกว่าที่ยืนอยู่ข้างตัว "ไปบอกพวกพี่สาวของเจ้าเสียว่ามีงานชิ้นใหม่มาให้พวกเราได้เล่นสนุกกันอีกแล้ว" บุรุษนั้นสะบัดชายเสื้อคลุม(นึกถึงมาดเท่แบบเดอะแมทริกซ์)ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้(ตามหลักตัวโกงที่ดี ทำผิดจารีตประเพณีเดี๋ยวอดได้ค่าตัว)
"ไม่มีอะไรที่จะรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของพวกเรา เก้าดาวมังกร"
สายลมยามรัตติกาลพัดมาวูบหนึ่ง ต้องกิ่งหลิวให้ไหวลู่ตามแรงลม ครั้นเมื่อลมหยุดพัดแล้ว ร่างของบุรุษสองคนที่เคยอยู่ตรงนั้นก็หายไปราวด้วยความรวดเร็วดุจสายลม...!!
ม่านของละครเรื่องใหม่ได้ถูกชักขึ้นแล้ว....
To be continued...(มั้ง)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น