ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เพลงที่ 4: ภารกิจของมังกร (What the heck you do that for?)
เพลงที่ 4: ภารกิจของมังกร (What the heck you do that for?)
ภายในห้องโถงโล่งกว้าง โออ่า...พื้นที่ยืนอยู่นั้นสร้างจากหินอ่อนเนื้อดี เสาหินอ่อนสูงต่างที่ค้ำยันที่เรียงรายขนาบสองข้างพรมสีแดงหนานุ่มสลักเสลาลวดลายมังกรปีนป่ายขึ้นถึงยอด หากมองออกไปสุดระเบียงจะมองเห็นสวนหินแบบญี่ปุ่น เสียงกระบอกน้ำดังกระทบหินเป็นจังหวะเชื่องช้า ทิวทัศน์รอบด้านนั้นงดงาม ทว่าความสนใจของทุกผู้ในห้องเพลานี้อยู่ที่ร่างของบุคคลหน้าบัลลังก์มังกรที่ยกขึ้นสูงจากพื้น บ่งบอกตำแหน่งเหนือใครทุกคนในที่นั้น
“ท่านพ่อ...ตามที่ลูกได้รายงานไปแล้ว คาดว่าตอนนี้คัมภีร์ฟ้าที่ฮวยบ่อสีมันขโมยออกมาจากห้องเก็บคัมภีร์คงได้ถูกส่งต่อให้ลูกศิษย์ของมันแน่” เสียงชายในชุดดำกล่าวรายงานต่อร่างที่นั่งอยู่บนบัลลังค์หยกขาวเนื้อดีหลังม่านกั้น
“หึ...ไอ้ฮวยบ่อสี มันคงคิดว่าพวกเราไม่อาจจะสืบรู้เรื่องของศิษย์มัน” เสียงตอบรับดังมาจากร่างหลังม่านกั้นที่หากเพ่งดูให้ดีๆก็จะยังเห็นเงาของใครอีกคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างหลังบัลลังก์นั้นได้รางๆ
“คนของลูกได้ไปสืบมาแล้ว ที่หอคลังวิชาการ...บัดนี้ถูกไฟเผาวอดวายไม่เหลือสภาพ” ชายคนเดิมยังคงกล่าวรายงาน
“น่าเสียดายคัมภีร์ล้ำค่าที่ถูกเก็บไว้ที่นั่น” เสียงดังสอดแทรกขึ้นเป็นเสียงหวานล้ำของสตรีที่ยืนอยู่ทางฝั่งขวาของพรมแดง ทว่ากลับมีเสียงบุรุษอีกคนกล่าวต่อ
“จะห่วงไปไยเล่าพี่รอง คัมภีร์ในหอคลังวิชาการมันก็แค่ของคัดลอกจากต้นฉบับเดิม หาใช่ของแท้ที่ไหนกัน” ประโยคนั้นเรียกเสียงหัวเราะคิกจากสตรีคนแรก
“แต่ก็ยังนับว่ามีค่ามหาศาล” น้ำเสียงเยือกเย็นของบุรุษจากฝั่งตรงข้ามกล่าวสนับสนุน
“พี่ใหญ่ก็พูดเกินไป สำหรับพวกเราดาวมังกรที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์ทุกแขนงมาแต่เล็ก วิชาในคัมภีร์พวกนั้นเราเองก็สำเร็จมาหมดแล้ว จะมัวพะวงถึงไปทำไม” เสียงทุ้มที่เยาว์กว่าเอ่ยแทรก คำแย้งจากบุรุษผู้ถือเป็นอาวุโสสุดในกลุ่มจึงตามมา
“คุณค่าของคัมภีร์หาใช่อยู่ที่การสำเร็จวิชาไม่ หากแต่อยู่ที่มีคัมภีร์วิชาไว้ให้ผู้สนใจได้ศึกษา”
“เห็นไหมน้องเจ็ด เพราะเจ้าทำให้พี่ใหญ่ต้องเริ่มวิชาปรัชญาศึกษาเข้าอีกจนได้” สตรีคนแรกกล่าวพลางหัวเราะคิกคัก
“อย่าว่าแต่น้องเจ็ดเลย ข้าพเจ้าเองก็มักจะเป็นคนถูกพี่ใหญ่จับมานั่งสอนเรื่องพวกนี้เสมอ” บุรุษเจ้าของเสียงนั้นกล่าวปนขำน้อยๆ แล้วบรรยากาศสรวลเสเฮฮาของเหล่าดาวมังกรก็ต้องหยุดลง เมื่อเสียงทรงอำนาจของผู้ประทับบนบัลลังก์เอ่ยขึ้น
“พวกหงส์ทมิฬงั้นรึ”
“ขอรับท่านพ่อ” ชายในชุดดำคนแรกตอบ
“แล้วเจ้าหอ...?”
“ขออภัยขอรับท่านพ่อ ตอนที่ลูกกับน้องเล็กไปถึงก็ไม่พบผู้ใด เจอแต่ร่างของพวกชายชุดดำที่คาดว่าจะเป็นศพที่เกิดจากวิชาคืนชีพร้อยศพของบุปผาร้อยพิษ ส่วนร่างของแพรพรรณสังหาร หรือพวกสำนักหงส์ทมิฬนั้นไม่ว่าจะหาเท่าใดก็ไม่พบ”
“งั้นจะด่วนสรุปว่าพวกมันกับแพรพรรณสังหารสิ้นแล้วคงไม่ได้” บุรุษผู้ประทับบนบัลลังก์หรือต่อให้ม้วย...ผู้นำของเหล่ามังกรบูรพา หนึ่งในสมาพันธ์นักฆ่าสี่ดินแดน ที่ครอบครองอำนาจเหนือแผ่นดินตะวันออกจบเหนือกล่าวกับบุตรของตน
“ข้ารึอุตส่าห์ลุ้นว่าจะได้มีโอกาสเข้าชิงตำแหน่งสิบสองขุนพลฟ้าแทนนาง” เสียงของบุรุษที่ขัดคำของสตรีคนแรกดังขึ้นอีกครั้ง
“การประลองเพื่อค้นหาผู้ดำรงตำแหน่งสิบสองขุนฟ้าแทนปราณไร้เงาฮวยบ่อสี คงจะมีขึ้นในฤดูชุนเทียนครั้งหน้า พวกเรายังมีเวลาจนถึงตอนนั้น หากกำจัดสิบสองขุนพลฟ้าคนอื่นๆได้ พวกเจาก็สามารถเข้าชิงตำแหน่งนั้นได้...และตำแหน่งของปราณไร้เงาที่ยังว่างตอนนี้ ข้าก็อยากให้พวกเจ้าคนใดคนหนึ่งได้มาครอบครอง” คำเอ่ยราบเรียบแต่ทรงอำนาจดังมาจากหลังม่าน เรียกรอยยิ้มย่องให้กับเหล่าบุรุษสตรีในที่นั้น
“แต่ท่านพ่อ...หากตำแหน่งเดียวในสิบสองขุนพลฟ้าว่างอยู่ ท่านก็รู้ว่ามันคงหนีไม่พ้นพี่ใหญ่ที่จะได้ตำแหน่งนี้ไป” เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าน้องเจ็ดออกความเห็น แต่กลับถูกขัดขึ้นด้วยคำกล่าวของผู้ถูกอ้างถึง
“ข้าไม่คิดจะร่วมการประลอง” ประโยคนั้นเรียกให้สีหน้าของพี่น้องดาวมังกรปรากฎความประหลาดใจ หากแต่ผู้ที่เอ่ยถามก่อนคือผู้เป็นบิดา
“ทำไมหรือ เพ็กเล้ง?” บุรุษนามเพ็กเล้งผู้อาวุโสที่สุดในบรรดาดาวมังกรค้อมศีรษะลงนิดขณะเอ่ย
“ลูกมีเรื่องอื่นที่สนใจกว่า ขอท่านพ่อโปรดเข้าใจ” เหตุผลนั้นเรียกให้ผู้เป็นบิดาพึมพำว่าอืมม์ในคอ
“งั้นตำแหน่งนี้คงหนีไม่พ้นท่านพี่ชิยูแน่ๆ” เสียงของน้องเจ็ดออกแววตื่นเต้นร่าเริง ไม่ต้องบอกก็เดาได้ไม่ยากว่ามีความรู้สึกอย่างไรกับผู้ที่ตนพูดถึง
“หึ...นั่นสินะ ถ้าชิยูเข้าร่วม พวกเราที่เหลือคงปิดประตูชนะ” เสียงที่เคยหวานของสตรีคนแรกแฝงแววประชดนิดๆ ยามเมื่อชื่อของบุคคลที่สามถูกอ้างถึง เสียงบุรุษข้างตัวนางหรือคนที่ถูกเรียกว่าน้องสี่ผิวปากหวือ ขณะที่น้องเจ็ดหน้าเสียลงเล็กน้อย
“เรื่องการประลองตำแหน่งสิบสองขุนพลฟ้าเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ข้ามีงานที่ต้องการให้พวกเจ้าไปทำ” ต่อให้ม้วยกล่าวขึ้นขัดบรรยากาศที่ดูเหมือนจะแย่ลง “งานชิ้นแรกคือติดตามหาคัมภีร์ฟ้าที่อยู่กับลูกศิษย์ของต่อให้ม้วยมัน ส่วนงานอีกชิ้นคือการตามหาตัวแพรพรรณสังหารแล้วปลิดชีวิตนางเสีย”
“แล้วพวกผู้พิทักษ์คัมภีร์...” ชายชุดดำที่เป็นผู้กล่าวรายงานเปรยขึ้น
“ตามหาพวกมันให้พบแล้วสังหารมันเสีย เราไม่อาจปล่อยให้พิธีผนึกมีขึ้นได้”
“งั้นงานตามหาผู้พิทักษ์คัมภีร์นี้ลูกกับน้องห้าขอรับเอง” บุรุษในชุดเสื้อผ้าสีขาวสะอาดตา ใบหน้าคมคายแสดงถึงความมั่นใจทะเยอทะยานเอ่ยพลางพยักเพยิดหน้าไปทางบุรุษอีกผู้หนึ่งที่ดูแล้วอายุคงจะห่างกันไม่มากนักที่อยู่ในชุดโบราณแบบจีนเรียบร้อย สวมแว่นกรอบดำดูรอบรู้เช่นเดียวกับผมสีดำสนิท
“งานกำจัดผู้พิทักษ์คัมภีร์ให้เป็นหน้าที่ของพวกเจ้า” ต่อให้ม้วยบอกเป็นสัญญาณว่าอนุญาตก่อนหันมาจัดการกับธุระอีกเรื่อง “แล้วแพรพรรณสังหารกับพวกหงส์ทมิฬ...”
“หากท่านพ่อไม่ขัดข้อง การตามหาแพรพรรณสังหารแห่งสิบสองขุนพลฟ้าขอให้ลูกเป็นผู้จัดการเถอะ” บุรุษในชุดกิโมโนสีดำสนิทประสานมือนอบน้อมขออนุญาต เส้นผมสีเงินยาวรวบไว้หลวมๆ ข้างเอวมีฝักดาบยาวสีดำสองอันเสียบไว้กับสายคาดเอว เขาก็คือบุตรชายคนโตแห่งเก้าดาวมังกร ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่ามีฝีมือเหนือใครในบรรดาคนของสมาพันธ์นักฆ่าสี่ดินแดน
ต่อให้ม้วยมองบุตรคนโตผ่านม่านกั้นราวชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “ตามใจเจ้า เพ็กเล้ง”
“ขอบคุณขอรับ ท่านพ่อ” บุรุษในกิโมโนดำค้อมศีรษะลงอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นลูกขอเป็นผู้สืบข่าวของพวกสำนักหงส์ทมิฬนะขอรับ” ชายในชุดดำที่นั่งชันเข่าอยู่เบื้องหน้าบัลลังก์สูงเอ่ยขอซึ่งก็ได้รับเสียงอนุญาตจากบิดา สายตาสามคู่สบมองกันแว่บหนึ่งแล้วบุรุษสามคนที่ได้รับภารกิจชิ้นใหม่จึงได้ขอตัวออกจาห้องไป คงมีเพียงแต่เพ็กเล้งที่ยืนรอดูท่าที
“แล้วงานตามหาตัวศิษย์ของปราณไร้เงาล่ะคะ ท่านพ่อ? จะให้ใครไปจัดการหรือ?” สตรีโฉมสะคราญในชุดกิโมโนสีแดงสดเปิดไหล่ยั่วยวนเอ่ยถาม “หรือจะให้ลูกไป?”
“ยังไม่ถึงเวลา...งานนี้ข้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยัคฆ์ร้อยเศียร”
“แต่...พวกมันยังคงแข็งข้อกับเราอยู่ ลูกมีความเห็นว่าหากให้มันไปแต่ผู้เดียวก็เหมือนกับปล่อยเสือเข้าป่า มันอาจจะเอาใจออกห่างไปเข้ากับศิษย์ของปราณไร้เงาก็ได้นะขอรับ” บุตรชายลำดับเจ็ดเอ่ยแย้ง ต่อให้ม้วยจึงได้พึมพำในลำคอว่าอืมม์ ก่อนจะสั่งการใหม่ “งั้นก็ให้ชิเรนะไปเป็นคนจับตาดูมัน”
ประโยคที่ดังขึ้นทำให้ผู้ถูกพาดพิงถึงที่ยืนเงียบมานานสะดุ้ง ร่างของเด็กหนุ่มที่เพิ่งผ่านพ้นวัยเด็กมาไม่นานขยับกายน้อยๆ หากแต่ก็ไม่ได้ผู้อะไร ทว่าคนที่เอ่ยออกมาก่อนกลับเป็นเพ็กเล้งผู้เป็นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ท่านพ่อ...น้องเก้ายังเด็กนัก ลูกคิดว่าให้เขาไปลำพังอาจไม่เหมาะ หากท่านจะไม่ขัดข้องข้าคิดว่าน่าจะให้พวกเราคนใดคนหนึ่งไปด้วย”
“งั้นก็ให้สามดารามังกรตามไปคอยดูอยู่ห่างๆ เจ้ามีอะไรจะเสนออีกหรือไม่เพ็กเล้ง...”
“ไม่ขอรับ...ลูกคิดว่าเหมาะสมดีแล้ว”
“คราวนี้คงจะสนุกดีพิลึก สามดารามังกรจะออกโรง...ข้าล่ะเสียดายที่ไม่ได้ไปดูด้วยตนเอง น่าอิจฉาน้องเล็ก...” ชายหนุ่มที่ยืนถัดจากเพ็กเล้งกล่าว
“เจ้ามีงานอื่นที่ต้องทำอยู่มิใช่หรือไร...งานดูแลเจ้าหญิงคีติกาโฉมงาม” เสียงหวานของสตรีในชุดแดงเอ่ยปนยั่ว แต่คนถูกปรามาสก็เพียงแต่ต่อคำอย่างอารมณ์ดี
“...หากนางจะงดงามได้เท่าท่านพี่รองกับท่านพี่ชิยู” ประโยคนั้นยังไม่ทันจบดี ก็ถูกขัดด้วยเสียงแหวของสาวรุ่น
“อะไรกัน เจ้าจะบอกว่าข้าไม่สวยใช่มั้ย!” เจ้าของเสียงเป็นเด็กสาวอายุราวสิบห้าสิบหกอยู่ในชุดกิโมโนสั้นทะมัดทะแมง กำลังยืนเท้าสะเอวอย่างไม่พอใจเล็กๆ
“ข้ายังไม่ทันพูดอย่างนั้นเลย เจ้านั่นแหละที่โวยวายออกมาเอง อย่างนี้เค้าเรียกว่ากินปูนร้อนท้องรู้ไหม”
“เจ้าเจ็ด!” แต่ก่อนที่เรื่องราวจะเกินเลยไปกว่านั้น บุรุษผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรก็ส่งเสียงปราม
“เอาล่ะ...พวกเจ้ารีบไปเตรียมตัวเสียให้พร้อม...รวมทั้งเจ้าด้วยชิยู” ประโยคหลังหันไปกล่าวกับร่างที่ยืนอยู่ด้านหลังตน
“นานๆทีถึงจะเห็นท่านพี่ชิยูออกปฏิบัติงานนะเนี่ย น้องเล็กโชคดีชะมัด ข้าเองก็อยากได้ทำงานร่วมกับท่านพี่ชิยูบ้าง” บุตรลำดับเจ็ดว่าเหมือนประชดนิดๆ หากแต่ผู้ถูกประชดยังคงนิ่งเฉยไม่ได้ตอบโต้ หากทว่าสายตานั้นทอดแน่วไปยังเงาหลังม่านกั้นพร้อมกับความคิดที่สดับในห้วงนึก
ท่านพี่ชิยู...
ภายในห้องโถงโล่งกว้าง โออ่า...พื้นที่ยืนอยู่นั้นสร้างจากหินอ่อนเนื้อดี เสาหินอ่อนสูงต่างที่ค้ำยันที่เรียงรายขนาบสองข้างพรมสีแดงหนานุ่มสลักเสลาลวดลายมังกรปีนป่ายขึ้นถึงยอด หากมองออกไปสุดระเบียงจะมองเห็นสวนหินแบบญี่ปุ่น เสียงกระบอกน้ำดังกระทบหินเป็นจังหวะเชื่องช้า ทิวทัศน์รอบด้านนั้นงดงาม ทว่าความสนใจของทุกผู้ในห้องเพลานี้อยู่ที่ร่างของบุคคลหน้าบัลลังก์มังกรที่ยกขึ้นสูงจากพื้น บ่งบอกตำแหน่งเหนือใครทุกคนในที่นั้น
“ท่านพ่อ...ตามที่ลูกได้รายงานไปแล้ว คาดว่าตอนนี้คัมภีร์ฟ้าที่ฮวยบ่อสีมันขโมยออกมาจากห้องเก็บคัมภีร์คงได้ถูกส่งต่อให้ลูกศิษย์ของมันแน่” เสียงชายในชุดดำกล่าวรายงานต่อร่างที่นั่งอยู่บนบัลลังค์หยกขาวเนื้อดีหลังม่านกั้น
“หึ...ไอ้ฮวยบ่อสี มันคงคิดว่าพวกเราไม่อาจจะสืบรู้เรื่องของศิษย์มัน” เสียงตอบรับดังมาจากร่างหลังม่านกั้นที่หากเพ่งดูให้ดีๆก็จะยังเห็นเงาของใครอีกคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างหลังบัลลังก์นั้นได้รางๆ
“คนของลูกได้ไปสืบมาแล้ว ที่หอคลังวิชาการ...บัดนี้ถูกไฟเผาวอดวายไม่เหลือสภาพ” ชายคนเดิมยังคงกล่าวรายงาน
“น่าเสียดายคัมภีร์ล้ำค่าที่ถูกเก็บไว้ที่นั่น” เสียงดังสอดแทรกขึ้นเป็นเสียงหวานล้ำของสตรีที่ยืนอยู่ทางฝั่งขวาของพรมแดง ทว่ากลับมีเสียงบุรุษอีกคนกล่าวต่อ
“จะห่วงไปไยเล่าพี่รอง คัมภีร์ในหอคลังวิชาการมันก็แค่ของคัดลอกจากต้นฉบับเดิม หาใช่ของแท้ที่ไหนกัน” ประโยคนั้นเรียกเสียงหัวเราะคิกจากสตรีคนแรก
“แต่ก็ยังนับว่ามีค่ามหาศาล” น้ำเสียงเยือกเย็นของบุรุษจากฝั่งตรงข้ามกล่าวสนับสนุน
“พี่ใหญ่ก็พูดเกินไป สำหรับพวกเราดาวมังกรที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์ทุกแขนงมาแต่เล็ก วิชาในคัมภีร์พวกนั้นเราเองก็สำเร็จมาหมดแล้ว จะมัวพะวงถึงไปทำไม” เสียงทุ้มที่เยาว์กว่าเอ่ยแทรก คำแย้งจากบุรุษผู้ถือเป็นอาวุโสสุดในกลุ่มจึงตามมา
“คุณค่าของคัมภีร์หาใช่อยู่ที่การสำเร็จวิชาไม่ หากแต่อยู่ที่มีคัมภีร์วิชาไว้ให้ผู้สนใจได้ศึกษา”
“เห็นไหมน้องเจ็ด เพราะเจ้าทำให้พี่ใหญ่ต้องเริ่มวิชาปรัชญาศึกษาเข้าอีกจนได้” สตรีคนแรกกล่าวพลางหัวเราะคิกคัก
“อย่าว่าแต่น้องเจ็ดเลย ข้าพเจ้าเองก็มักจะเป็นคนถูกพี่ใหญ่จับมานั่งสอนเรื่องพวกนี้เสมอ” บุรุษเจ้าของเสียงนั้นกล่าวปนขำน้อยๆ แล้วบรรยากาศสรวลเสเฮฮาของเหล่าดาวมังกรก็ต้องหยุดลง เมื่อเสียงทรงอำนาจของผู้ประทับบนบัลลังก์เอ่ยขึ้น
“พวกหงส์ทมิฬงั้นรึ”
“ขอรับท่านพ่อ” ชายในชุดดำคนแรกตอบ
“แล้วเจ้าหอ...?”
“ขออภัยขอรับท่านพ่อ ตอนที่ลูกกับน้องเล็กไปถึงก็ไม่พบผู้ใด เจอแต่ร่างของพวกชายชุดดำที่คาดว่าจะเป็นศพที่เกิดจากวิชาคืนชีพร้อยศพของบุปผาร้อยพิษ ส่วนร่างของแพรพรรณสังหาร หรือพวกสำนักหงส์ทมิฬนั้นไม่ว่าจะหาเท่าใดก็ไม่พบ”
“งั้นจะด่วนสรุปว่าพวกมันกับแพรพรรณสังหารสิ้นแล้วคงไม่ได้” บุรุษผู้ประทับบนบัลลังก์หรือต่อให้ม้วย...ผู้นำของเหล่ามังกรบูรพา หนึ่งในสมาพันธ์นักฆ่าสี่ดินแดน ที่ครอบครองอำนาจเหนือแผ่นดินตะวันออกจบเหนือกล่าวกับบุตรของตน
“ข้ารึอุตส่าห์ลุ้นว่าจะได้มีโอกาสเข้าชิงตำแหน่งสิบสองขุนพลฟ้าแทนนาง” เสียงของบุรุษที่ขัดคำของสตรีคนแรกดังขึ้นอีกครั้ง
“การประลองเพื่อค้นหาผู้ดำรงตำแหน่งสิบสองขุนฟ้าแทนปราณไร้เงาฮวยบ่อสี คงจะมีขึ้นในฤดูชุนเทียนครั้งหน้า พวกเรายังมีเวลาจนถึงตอนนั้น หากกำจัดสิบสองขุนพลฟ้าคนอื่นๆได้ พวกเจาก็สามารถเข้าชิงตำแหน่งนั้นได้...และตำแหน่งของปราณไร้เงาที่ยังว่างตอนนี้ ข้าก็อยากให้พวกเจ้าคนใดคนหนึ่งได้มาครอบครอง” คำเอ่ยราบเรียบแต่ทรงอำนาจดังมาจากหลังม่าน เรียกรอยยิ้มย่องให้กับเหล่าบุรุษสตรีในที่นั้น
“แต่ท่านพ่อ...หากตำแหน่งเดียวในสิบสองขุนพลฟ้าว่างอยู่ ท่านก็รู้ว่ามันคงหนีไม่พ้นพี่ใหญ่ที่จะได้ตำแหน่งนี้ไป” เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าน้องเจ็ดออกความเห็น แต่กลับถูกขัดขึ้นด้วยคำกล่าวของผู้ถูกอ้างถึง
“ข้าไม่คิดจะร่วมการประลอง” ประโยคนั้นเรียกให้สีหน้าของพี่น้องดาวมังกรปรากฎความประหลาดใจ หากแต่ผู้ที่เอ่ยถามก่อนคือผู้เป็นบิดา
“ทำไมหรือ เพ็กเล้ง?” บุรุษนามเพ็กเล้งผู้อาวุโสที่สุดในบรรดาดาวมังกรค้อมศีรษะลงนิดขณะเอ่ย
“ลูกมีเรื่องอื่นที่สนใจกว่า ขอท่านพ่อโปรดเข้าใจ” เหตุผลนั้นเรียกให้ผู้เป็นบิดาพึมพำว่าอืมม์ในคอ
“งั้นตำแหน่งนี้คงหนีไม่พ้นท่านพี่ชิยูแน่ๆ” เสียงของน้องเจ็ดออกแววตื่นเต้นร่าเริง ไม่ต้องบอกก็เดาได้ไม่ยากว่ามีความรู้สึกอย่างไรกับผู้ที่ตนพูดถึง
“หึ...นั่นสินะ ถ้าชิยูเข้าร่วม พวกเราที่เหลือคงปิดประตูชนะ” เสียงที่เคยหวานของสตรีคนแรกแฝงแววประชดนิดๆ ยามเมื่อชื่อของบุคคลที่สามถูกอ้างถึง เสียงบุรุษข้างตัวนางหรือคนที่ถูกเรียกว่าน้องสี่ผิวปากหวือ ขณะที่น้องเจ็ดหน้าเสียลงเล็กน้อย
“เรื่องการประลองตำแหน่งสิบสองขุนพลฟ้าเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ข้ามีงานที่ต้องการให้พวกเจ้าไปทำ” ต่อให้ม้วยกล่าวขึ้นขัดบรรยากาศที่ดูเหมือนจะแย่ลง “งานชิ้นแรกคือติดตามหาคัมภีร์ฟ้าที่อยู่กับลูกศิษย์ของต่อให้ม้วยมัน ส่วนงานอีกชิ้นคือการตามหาตัวแพรพรรณสังหารแล้วปลิดชีวิตนางเสีย”
“แล้วพวกผู้พิทักษ์คัมภีร์...” ชายชุดดำที่เป็นผู้กล่าวรายงานเปรยขึ้น
“ตามหาพวกมันให้พบแล้วสังหารมันเสีย เราไม่อาจปล่อยให้พิธีผนึกมีขึ้นได้”
“งั้นงานตามหาผู้พิทักษ์คัมภีร์นี้ลูกกับน้องห้าขอรับเอง” บุรุษในชุดเสื้อผ้าสีขาวสะอาดตา ใบหน้าคมคายแสดงถึงความมั่นใจทะเยอทะยานเอ่ยพลางพยักเพยิดหน้าไปทางบุรุษอีกผู้หนึ่งที่ดูแล้วอายุคงจะห่างกันไม่มากนักที่อยู่ในชุดโบราณแบบจีนเรียบร้อย สวมแว่นกรอบดำดูรอบรู้เช่นเดียวกับผมสีดำสนิท
“งานกำจัดผู้พิทักษ์คัมภีร์ให้เป็นหน้าที่ของพวกเจ้า” ต่อให้ม้วยบอกเป็นสัญญาณว่าอนุญาตก่อนหันมาจัดการกับธุระอีกเรื่อง “แล้วแพรพรรณสังหารกับพวกหงส์ทมิฬ...”
“หากท่านพ่อไม่ขัดข้อง การตามหาแพรพรรณสังหารแห่งสิบสองขุนพลฟ้าขอให้ลูกเป็นผู้จัดการเถอะ” บุรุษในชุดกิโมโนสีดำสนิทประสานมือนอบน้อมขออนุญาต เส้นผมสีเงินยาวรวบไว้หลวมๆ ข้างเอวมีฝักดาบยาวสีดำสองอันเสียบไว้กับสายคาดเอว เขาก็คือบุตรชายคนโตแห่งเก้าดาวมังกร ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่ามีฝีมือเหนือใครในบรรดาคนของสมาพันธ์นักฆ่าสี่ดินแดน
ต่อให้ม้วยมองบุตรคนโตผ่านม่านกั้นราวชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “ตามใจเจ้า เพ็กเล้ง”
“ขอบคุณขอรับ ท่านพ่อ” บุรุษในกิโมโนดำค้อมศีรษะลงอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นลูกขอเป็นผู้สืบข่าวของพวกสำนักหงส์ทมิฬนะขอรับ” ชายในชุดดำที่นั่งชันเข่าอยู่เบื้องหน้าบัลลังก์สูงเอ่ยขอซึ่งก็ได้รับเสียงอนุญาตจากบิดา สายตาสามคู่สบมองกันแว่บหนึ่งแล้วบุรุษสามคนที่ได้รับภารกิจชิ้นใหม่จึงได้ขอตัวออกจาห้องไป คงมีเพียงแต่เพ็กเล้งที่ยืนรอดูท่าที
“แล้วงานตามหาตัวศิษย์ของปราณไร้เงาล่ะคะ ท่านพ่อ? จะให้ใครไปจัดการหรือ?” สตรีโฉมสะคราญในชุดกิโมโนสีแดงสดเปิดไหล่ยั่วยวนเอ่ยถาม “หรือจะให้ลูกไป?”
“ยังไม่ถึงเวลา...งานนี้ข้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยัคฆ์ร้อยเศียร”
“แต่...พวกมันยังคงแข็งข้อกับเราอยู่ ลูกมีความเห็นว่าหากให้มันไปแต่ผู้เดียวก็เหมือนกับปล่อยเสือเข้าป่า มันอาจจะเอาใจออกห่างไปเข้ากับศิษย์ของปราณไร้เงาก็ได้นะขอรับ” บุตรชายลำดับเจ็ดเอ่ยแย้ง ต่อให้ม้วยจึงได้พึมพำในลำคอว่าอืมม์ ก่อนจะสั่งการใหม่ “งั้นก็ให้ชิเรนะไปเป็นคนจับตาดูมัน”
ประโยคที่ดังขึ้นทำให้ผู้ถูกพาดพิงถึงที่ยืนเงียบมานานสะดุ้ง ร่างของเด็กหนุ่มที่เพิ่งผ่านพ้นวัยเด็กมาไม่นานขยับกายน้อยๆ หากแต่ก็ไม่ได้ผู้อะไร ทว่าคนที่เอ่ยออกมาก่อนกลับเป็นเพ็กเล้งผู้เป็นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ท่านพ่อ...น้องเก้ายังเด็กนัก ลูกคิดว่าให้เขาไปลำพังอาจไม่เหมาะ หากท่านจะไม่ขัดข้องข้าคิดว่าน่าจะให้พวกเราคนใดคนหนึ่งไปด้วย”
“งั้นก็ให้สามดารามังกรตามไปคอยดูอยู่ห่างๆ เจ้ามีอะไรจะเสนออีกหรือไม่เพ็กเล้ง...”
“ไม่ขอรับ...ลูกคิดว่าเหมาะสมดีแล้ว”
“คราวนี้คงจะสนุกดีพิลึก สามดารามังกรจะออกโรง...ข้าล่ะเสียดายที่ไม่ได้ไปดูด้วยตนเอง น่าอิจฉาน้องเล็ก...” ชายหนุ่มที่ยืนถัดจากเพ็กเล้งกล่าว
“เจ้ามีงานอื่นที่ต้องทำอยู่มิใช่หรือไร...งานดูแลเจ้าหญิงคีติกาโฉมงาม” เสียงหวานของสตรีในชุดแดงเอ่ยปนยั่ว แต่คนถูกปรามาสก็เพียงแต่ต่อคำอย่างอารมณ์ดี
“...หากนางจะงดงามได้เท่าท่านพี่รองกับท่านพี่ชิยู” ประโยคนั้นยังไม่ทันจบดี ก็ถูกขัดด้วยเสียงแหวของสาวรุ่น
“อะไรกัน เจ้าจะบอกว่าข้าไม่สวยใช่มั้ย!” เจ้าของเสียงเป็นเด็กสาวอายุราวสิบห้าสิบหกอยู่ในชุดกิโมโนสั้นทะมัดทะแมง กำลังยืนเท้าสะเอวอย่างไม่พอใจเล็กๆ
“ข้ายังไม่ทันพูดอย่างนั้นเลย เจ้านั่นแหละที่โวยวายออกมาเอง อย่างนี้เค้าเรียกว่ากินปูนร้อนท้องรู้ไหม”
“เจ้าเจ็ด!” แต่ก่อนที่เรื่องราวจะเกินเลยไปกว่านั้น บุรุษผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรก็ส่งเสียงปราม
“เอาล่ะ...พวกเจ้ารีบไปเตรียมตัวเสียให้พร้อม...รวมทั้งเจ้าด้วยชิยู” ประโยคหลังหันไปกล่าวกับร่างที่ยืนอยู่ด้านหลังตน
“นานๆทีถึงจะเห็นท่านพี่ชิยูออกปฏิบัติงานนะเนี่ย น้องเล็กโชคดีชะมัด ข้าเองก็อยากได้ทำงานร่วมกับท่านพี่ชิยูบ้าง” บุตรลำดับเจ็ดว่าเหมือนประชดนิดๆ หากแต่ผู้ถูกประชดยังคงนิ่งเฉยไม่ได้ตอบโต้ หากทว่าสายตานั้นทอดแน่วไปยังเงาหลังม่านกั้นพร้อมกับความคิดที่สดับในห้วงนึก
ท่านพี่ชิยู...
To be continued...(ล่ะมั้ง)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น