[SF] Catching Feelings (Kai x KyungSoo)
เค้าบอกว่าพวกเราเด็กเกินไปที่จะมีความรัก แต่ฉันกับกำลังได้รับความรู้สึกนั้น...จากนาย
ผู้เข้าชมรวม
1,206
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
Catching Feelings
“ Could there be a possibility
I’m trying to say what’s up
cause I’m made for you and you for me
and now it time for us
tryna keep it all together”
but enough is enough
They say we are too young to love”
ฟิคเรื่องนี้เบสออน งานวันที่ 130525 - RCYครบรอบ 60 ปี
WARNING:
- ฟิคเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ชาย x ชาย รับไม่ได้กรุณากด X
- ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการล้วนๆ กรุณาอย่าลอกเลียนแบบ
- นักอ่านที่น่ารักทุกคนอ่านแล้วช่วยเม้นท์เป็นกำลังใจกันนิดนึงนะค่ะ~~~~
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Catching Feelings
(JongIn x KyungSoo)
ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าในเช้าของอีกวัน
ไม่มีวันไหนที่ตื่นขึ้นมาโดยไม่มีเธอในความคิด
แม้แต่ในฝันฉันยังเจอเธอ มันบ้าจริงๆ
มันเป็นพรมลิขิตใช่ไหมกับสิ่งนี้ที่กำลังเกินขึ้นกับฉัน
แขนยาวยื่นออกไปหยิบผ้าห่มที่กองอยู่ข้างตัวขึ้นมาห่ม มือหนาควานหาโทรศัพทร์ที่วางไว้ข้างหมอนก่อนจะหยิบมันขึ้นมาเพื่อกดดูเวลา แล้วทิ้งมันกลับลงไปข้างหมอนเหมือนเดิม ร่างสูงบนเตียงขยับตัวนอนตะแคงหันไปหาเตียงอีกฝั่งในห้องแต่ก็พบเพียงเตียงนอนที่ว่างเปล่ากับเสื้อผ้าหนึ่งชุดที่ถูกวางไว้บนเตียงอย่างเรียบร้อย
“ตื่นแล้วเหรอ” บุคคลที่เพิ่งเปิดประตูห้องนอนเข้ามาเอ่ยถามขึ้น ก่อนจะเดินตรงไปที่เตียงของตัวเองแล้วหยิบเสื้อผ้าที่วางพาดอยู่บนเตียงนั้นขึ้นมาแล้วเดินตรงเข้าไปทางห้องน้ำ
“อาหารเช้าอยู่บนโต๊ะนะ” ร่างบางหันกลับมาบอกคนที่ยังนอนจ้องเค้าอยู่บนเตียง
“รีบออกไปกินก่อนเซฮุนจะตื่นขึ้นมากินหมดล่ะ” พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไป จงอินที่นอนอยู่บนเตียงได้แต่พยักหน้ารับรู้ก่อนสายตาที่จ้องไปหาคนเมื่อครู่นั้นจะหลับลงแล้วผุดรอยยิ้มบางๆขึ้นมา
ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงก่อนที่จะเดินเข้าไปที่บริเวณครัว แล้วก็เจอกับไข่ม้วนจานใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะพร้อมกับสาหร่ายแห้งที่วางอยู่ข้างๆและซุปเต้าหู้หม้อใหญ่ จงอินเดินตรงไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำขึ้นมาดื่มก่อนจะตักข้าวมานั่งกินคนเดียวบนโต๊ะ ไม่กี่นาทีต่อมาเทาและเซฮุนก็เดินเข้ามาในครัวพร้อมนั่งลงกินข้าวด้วยกัน
เรารู้จักและสนิทสนมกันก็ตั้งนาน
แต่ทำไมทุกครั้งที่นายเดินผ่านฉันต้องใจสั่น
เคยพูดคุยกันได้ทั้งวัน
แต่ตอนนนี้ฉันกลับหาคำมาพูดกับนายไม่ได้เลย
ฉันควรจะทำยังไงดี
ร่างบางที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กกำลังเช็ดผมที่เปียกอยู่เบาๆ เสื้อยืดสีดำยังพาดอยู่บนไหล่เล็ก ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกโยนลงตะกร้าผ้าที่วางอยู่ข้างๆกระจก ก่อนที่มือบางนั้นจะหยิบเสื้อที่พาดอยู่บนไหล่มาสวมใส่ และก่อนที่จะได้ทำอย่างที่หวังไว้คยองซูกลับรู้สึกว่ามีอีกสายตาหนึ่งกำลังจ้องมองเค้าอยู่
“มองอะไร ไปอาบน้ำได้แล้ว” ร่างบางมองอีกคนผ่านกระจกตรงหน้าก่อนจะเอ่ยสั่งเบาๆแล้วใส่เสื้อที่กำลังใส่อยู่เมื่อกี้ให้เรียบร้อย
จงอินที่โดนสั่งให้ไปอาบน้ำได้แต่ยิ้มแล้วก็หัวเราะกับตัวเองก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำตามที่อีกคนบอก ร่างบางแอบมองการกระทำของอีกคนผ่านกระจกตรงหน้าอีกครั้ง แล้วแก้มใสนั้นก็ค่อยๆร้อนผ่าวขึ้นมา
หลังจากแต่งตัวเสร็จร่างบางก็เดินมานั่งลงบนเตียงอีกครั้งก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องบางขึ้นมาพร้อมกับกระดาษเนื้อเพลงหนึ่งแผ่น หูฟังชิ้นเล็กถูกยักใส่เข้าไปในหูด้านซ้าย นิ้วเรียวกดปุ่มเพลย์ก่อนที่สายตานั้นจะอ่านตามเนื่อเพลงในมือ คิ้วบางขมวดเข้าหากันหลังจากที่พยายามจะอ่านออกเสียงตามเพลงและกดปุ่มหยุดเพลงก่อนที่จะกดเล่นอีกครั้ง เสียงนุ่มเปล่งออกมาเบาตามทำนองก่อนที่จะส่ายหัวกับตัวเอง แล้วกดเล่นเพลงใหม่อีกครั้ง
“ Could there be a possibility
I’m trying to say what’s up
Cause I’m made for you and...”
เสียงนุ่มหยุดอยู่แค่นั้น ก่อนจะถอนหายใจเสียงดังแล้วหลับตาลงช้าๆ ร่างบางสัมผัสได้ถึงมือของใครอีกคนที่อยู่บนไหล่เล็กจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วแล้วหันหน้าไปหาบุคคลที่ยืนอยู่ข้างหลังเค้าตอนนี้
ทันทีที่หันไปมือหนาก็ยกขึ้นมาขยี้ผมของอีกคน ก่อนที่มือนั้นจะเลื่อนลงมาอยู่ตรงท้ายทอยของร่างบางที่ยังนั่งคิ้วขมวดอยู่ตอนนี้
“เป็นอะไร” จงอินเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มบางที่ส่งไปให้ คยองซูไม่ได้ตอบอะไรกลับได้แต่ก้มหน้าแล้วส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นบางในมือออกไปให้อีกคน
ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะรับกระดาษนั้นมาจากคนตัวเล็กแล้วยกขึ้นมาอ่านดู
“เนื้อเพลง” จงอินถามด้วยน้ำเสียงสงสัยเล็ก
“ที่ต้องร้องวันนี้น่ะ” ร่างบางเอ่ยออกมาในขณะที่หน้าก็ยังก้มมองต่ำ
“จำเนื้อไม่ได้?” เสียงทุ่มถามออกไปอีกครั้ง พร้อมกับมองไปที่บุคคลที่ยังนั่งก้มหน้าอยู่ ร่างบางไม่ได้ตอบกลับอะไร ได้แต่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้นจนจงอินตัดสินใจนั่งลงข้างๆอีกคนบนเตียง มือหนายื่นกระดาษแผ่นในมือกลับให้ร่างบางตรงหน้าก่อนที่มือบางจะยื่นมารับไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมามองอีกคน
“พี่ทำได้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง” เสียงทุ่มเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ได้ห่วงว่าจำเนื้อไม่ได้ แต่...” ร่างบางหยุดคำพูดของตัวเองไว้แค่นั้น ก่อนจะก้มหน้ากลับลงไปเหมือนเดิม
“แต่...”เสียงทุ่มเอ่ยต่อหลังจากที่อีกคนเงียบไป
“มันรู้สึกไม่มีความมั่นใจ...ในการร้องเพลง...ภาษาอังกฤษ” ร่างบางค่อยๆเอ่ยออกมาทีละคำจนจบประโยคแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูงที่กำลังนั่งอมยิ้มให้เค้าอยู่
“ฮ่าๆ นึกว่าอะไร...เรื่องแค่นี้ เดี่ยวไปเรียกพี่คริสมาให้” จงอินเอ่ยก่อนที่จะลุกขึ้นแต่กลับถูกอีกคนดึงไว้ก่อน ร่างสูงหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่บนเตียงก่่อนจะเลิกคิ้วขึ้น
“ไม่ต้อง...” เสียงนุ่มเอ่ยเบาๆ ก่อนจะดึงให้จงอินกลับลงมานั่งที่เตียงเหมือนเดิน มือบางยกกระดาษเนื้อเพลงนั้นขึ้นมาก่อนที่เสียงหวานจะร้องตามจังหวะของเพลง
มันเป็นไปได้ไหม
ฉันอยากจะทักทายนาย
เพราะฉันเกิดมาเพื่อนายและนายเกิดมาคู่ฉัน
ที่รัก ตอนนี้ถึงเวลาของเราแล้ว
พยายามที่จะรักษาทุกอย่างไว้
แต่เมื่อมันถึงจุดแล้วก็คงต้องหยุด
เค้าบอกว่าพวกเราเด็กเกินไปที่จะมีความรัก
แต่ฉันกับกำลังได้รับความรู้สึกนั้น...จากนาย
เมื่อร้องจบท่านฮุกร่างบากก็เงยหน้าขึ้นมาจากเนื้อเพลงก่อนทีสายตานั้นจะจ้องไปสายตาคมที่กำลังจ้องกลับมา ตาโตค่อยๆหลบลงเมื่อเห็นว่าอีกคนจ้องไม่เลิก ก่อนทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียงแต่แขนบางนั้นกลับถูกรั้งไว้ก่อน
“ร้องอีกรอบ” เสียงทุ่มเอ่ยออกมาในขณะที่มือหนาก็ยังจับอยู่ที่แขนของอีกคน
“ทำไม” คยองซูเอ่ยถามเสียงเบาในลำคอก่อนที่จะกลืนน้ำลายหนึ่งอึกใหญ่
“ร้องให้ฟังอีกรอบ...นะ” เสียงทุ่มเอ่ยอ้อนอีกครั้งก่อนมือที่จับอยู่ที่แขนบางนั้นจะเลื่อนลงมาหยุดอยู่ที่มือของร่างบางมือหน้าค่อยๆดึงกระดาษเนื้อเพลงนั้นออกจากมือเล็ก ทำให้คยองซูมองขึ้นไปหาอีกคนอย่างสงสัย จงอินได้แต่ส่งรอยยิ้มกลับไปให้ร่างบางนั้น รอยยิ้มที่ทำให้คยองซูต้องก้มหน้าหลบสายตานั่นอีกครั้ง ร่างบางสูดหายใจเข้าก่อนที่จะเริ่มเปร่งเสียงออกมาอีกครั้ง
“ Could there be a possibility
I’m trying to say what’s up
Cause I’m made fo....” เสียงหวานหยุดนิ่งเมื่อมีมือของอีกคนยื่นมาจับที่คางของเค้า จงอินค่อยๆเชยคางนั้นขึ้นให้มองหน้าเค้าก่อนที่จะจับจ้องเข้าไปในดวงตาคู่โตนั้น
“ cause I’m made for you and you for me
and now it time for us
tryna keep it all together
but enough is enough
They say we are too young to love” เสียงหวานหยุดลงก่อนจะกลืนน้ำลายอีกครั้งแล้วก้มหน้าลง
“ but I’m catching feeling....”
ในจินตนาการณ์ของฉัน เราทั้งสองได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ตัวคนเดียวฉันไม่มีปัญหาแต่ถ้ามีนายอยู่ด้วยคงจะดีกว่า
ฉันแค่อยากเห็นรอยยิ้มของนาย
แค่พูดคำนั้นออกมา แล้วฉันจะไปหาทันที
แล้วจะไม่ไปไหนเลย
ตอนนี้พวกเค้าทั้งหกคนกำลังยืนอยู่บนเวทีงานครบรอบ60ปีโครงการRCY รุ่นพี่เรียวอุคและรุ่นพี่ซันนี่กำลังขอให้พวกเค้าแสดงความสามารถพิเศษให้แฟนๆดู จงอินและเซฮุนเลือกที่จะโชว์การเต้นโดยมีชานยอลและคยองซูคอยทำบีทบ๊อกซ์ให้จังหวะ หลังจากที่จงอินและเซฮุนเต้นเสร็จ แบคฮยอนก็เลือกที่จะร้องเพลงเกาหลีเพลงหนึ่งที่เค้าชอบฟังอยู่ในตอนนี้ คยองซูหันหน้าไปหาแบคฮยอนที่กำลังเตรียมตัวร้องเพลงอยู่ข้างๆ เค้าจ้องไปที่อีกคนโดยไม่ละสายตา คยองซูชอบเวลาที่แบคฮยอนร้องเพลง เค้าทั้งสองนั้นมักจะฟังเพลงและร้องเพลงด้วยกัน บางครั้งก็มักจะร้องเพลงให้กันและกันฟังเพื่อขอข้อเสนอข้อชี้แนะ และเพลงที่แบคฮยอนเลือกมาร้องในวันนี้ก็เป็นหนึ่งในหลายๆเพลงที่พวกเค้าชอบฟังและฝึกร้องไปด้วยกัน
แบคฮยอนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะยกไมค์ขึ้นมาจ่อปากแล้วเปล่งเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองออกมา แฟนๆในงานต่างพากันส่งเสียงกรี๊ดทันทีที่แบคฮยอนเริ่มร้องเพลง คยองซูยังจ้องแบคฮยอนอยู่อย่างไม่วางตาก่อนจะขยับปากร้องตามเนื้อเพลงเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลงเพื่อทำสมาธิกับตัวเอง
เมื่อแบคฮยอนร้องเพลงจบ ซันนี่และเรียวอุคก็ได้มีการพูดคุยกับแบคฮยอนเล็กน้อย ก่่่อนที่เรียวอุคจะเอ่ยชื่อเค้าขึ้นมา
“วันนี้ดีโอมีอะไรจะมาโชว์แฟนๆครับ” เสียงรุ่นพี่เรียวอุคเอ่ยขึ้นเรียกให้เจ้าของชื่อรีบเงยหน้าขึ้นมาแล้วหันไปทางเรียวอุคพร้อมกับส่งยิ้มไปก่อนที่จะยกไมค์ขึ้นมาตอบคำถามเมื่อครู่
“วันนี้ผมจะร้องเพลง catching feelings ให้ทุกคนฟังครับ” คยองซูตอบก่อนที่เสียงกรี๊ดจะดังขึ้นเสียงดัง
“โอ้~~ งั้นเรามาฟังกันเลยครับ” เรียวอุคเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือที่ดังขึ้น
คยองซูถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยกไมค์ขึ้นมาพร้อมเปล่งเสียงหวานออกมา
“ Could there be a possibility
I’m trying to say what’s up
cause I’m made for you and you for me
and now it time for us
tryna keep it all together”
ในขณะที่ร้องเสียงหวานแตกเล็กน้อยแต่คยองซูก็ยังร้องต่อไปจนจบท่อนฮุก
but enough is enough
They say we are too young to love”
but I’m catching feeling....”
เมื่อร้องจบคยองซูก็รีบเอาไมค์ลงก่อนที่จะยิ้มแล้วหันหลังไป มือบางยกขึ้นมาจับบริเวณคอของตัวเองแล้วหัวเราะออกมาเล็กน้อยแต่ในใจเค้ากลับรู้สึกผิดหวังกับตัวเองเล็กน้อยที่ไม่สามารถร้องออกมาให้ดีได้
“ดีโอครับ เดี่ยวร้องอีกรอบดีกว่า” เรียวอุคเอ่ยขึ้นเรียกให้ร่างบางนั้นต้องหันกลับมาทันทีก่อนจะตอบกลับรุ่นพี่ของเค้าไป
“ทุกคน อยากฟังอีกรอบไหมครับ” เรียวอุคตะโกนถามแฟนๆก่อนที่จะยื่นไมค์ออกไปเพื่อให้ตอบ
เมื่อได้รับการยืนยังจากทุกๆคนแล้ว คยองซูก็สูดลมหายใจเข้าอีกครั้งก่อนที่จะยกไมค์ขึ้นมาจ่อปาก แต่ทันทีที่เปร่งเสียงร้องออกมาได้ไม่กี่คำเสียงหวานก็สะดุดอีกครั้ง ร่างบางหลับตาแน่นก่อนจะก้มตัวลงขอโทษทุกคน แบคฮยอนที่ยืนอยู่ข้างๆรีบเข้ามาคยองซูก่อนที่จะใช้มือตบไปที่ไหล่ของอีกคนเบาๆเพื่อให้กำลังใจพร้อมกับที่แฟนๆข้างล่างก็ตะโกนออกมาเพื่อให้กำลังใจ
จงอินที่อยู่อีกข้างค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆร่างบางก่อนที่แขนยาวนั้นจะใช้โอบไปที่ไหล่ของอีกคนแล้วเอียงหัวไปหาร่างเล็กก่อนมือที่โอบไหล่บางอยู่นั้นจะเลื่อนลงมาลูบที่ต้นแขนของอีกคนแล้วค่อยๆถอยออกมา
หลังจากที่อีกคนถอยห่างออกไปเหมือนเดิมร่างบางก็ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าทุกคนจะได้ยิน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยังตื่นเต้นและกังวลกับการที่ต้องร้องเพลงนี้อีกครั้ง หรือเพราะการกระทำของร่างสูงเมื่อกี้กันแน่
ในหัวของเค้ากำลังคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า เหตุการณ์ที่ทำให้เค้าใจเต้นแรงเหมือนกับตอนนี้ มือเรียวค่อยๆยกไมค์มาจ่อปากอีกครั้ง แบคฮยอนที่ยื่นอยู่ข้างๆยื่นหน้ามาใกล้บริเวณหูของเค้าก่อนร้องเนื้อเพลงนั้นออกมาเพื่อช่วยให้เค้าขึ้นเพลงได้ถูกคีย์ ถึงแม้คยองซูจะไม่ได้หันหน้าไปมองแบคฮยอนแต่ร่างบางก็พยักหน้ารับรู้แล้วจึงเริ่มเปล่งเสียงร้องเพลงออกมาอีกครั้ง
“ Could there be a possibility
I’m trying to say what’s up
cause I’m made for you and you for me
and now it time for us
tryna keep it all together”
but enough is enough
They say we are too young to love” จงอินที่ยืนโยกตัวอยู่ข้างๆในตอนแรกจู่ๆก็หันหน้ามาหาคยองซูที่กำลังร้องเพลงก่อนที่สายตานั้นจะจ้องอีกคนนิ่ง
but I’m catching feeling....” เมื่อร่างบางร้องจบโดยที่ไม่สะดุดอะไรเสียงกรี๊ดก็ดึงขึ้นมาทันที รอยยิ้มบางฉีกกว้างก่อนที่จะก้มขอบคุณแฟนๆทุกคน จากนั้นจึงหันไปหาร่างสูงอีกคนที่กำลังยืนปรบมือให้เค้าอยู่ในตอนนี้ ก่อนที่ทั้งคู่จะยิ้มให้กัน
ฉันควรบอกออกไปไหม บอกถึงความรู้สึกของฉันที่มี
แล้วฉันควรจะเดินเข้าไปใกล้ หรือควรจะอยู่นิ่ง
เพราะถ้าหากถือโอกาสนี้จับมือนาย
ทุกอย่าง จะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม
จะรู้ได้ไหม ว่าความจริงแล้วนายรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า
หลังจากที่กลับมาถึงหอพัก ทุกคนก็แยกย้ายไปทำกิจส่วนตัวของตัวเอง บ้างก็ตรงดิ่งเข้าห้องนอนเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน บ้างก็ตรงเข้าไปในครัวที่มีอาหารหลากหลายอย่างซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของอี้ชิงที่ทำไว้ บ้างก็เดินตรงไปบริเวณโซฟากลางห้องเพื่อเปิดเกมส์เล่น และหนึ่งในนั้นก็คือจงอิน “สักนัดไหมจงอิน” ลู่ฮานที่กำลังนั่งหลังพิงโซฟาอยู่ระหว่างขาของมินซอกเอ่ยขึ้นถามร่างสูงอีกคนที่เพิ่งเดินเข้ามา “ใครแพ้ล้างจาน วันนี้เวรผมกับจงแด” ร่างสูงนั่งลงบนโซฟาข้างๆมินซอกก่อนจะหยิบคอนโซลเกมขึ้นมา แล้วกดเริ่มเกมในทันที
จงแดอยู่บนพื้นระหว่างเตียงนอนกำลังลังขมวดคิ้วแน่นเพราะเนื้อเพลงเพลงภาษาอังกฤษที่เค้าเพิ่งได้มาจากคยองซูเมื่อกี้นี้
“ทำไมต้องเป็นฉันด้วย ทำไมไม่ให้แบคฮยอนร้องกับนาย” จงแดเอ่ยถามร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงตรงหน้าเค้า
“แล้วฉันเลือกได้ไหมหละ” คยองซูตอบกลับไปเสียงเบา ก่อนจะใช้ดินสอขีดเขียนบนกระดาษเนื่อเพลงของพวกเค้าต่อ
“ร้องๆไปเหอะน่า ฉันร้องกับคยองซูบ่อยแล้ว เปลี่ยนอะไรให้คนฟังบ้าง” แบคฮยอนที่นอนหนุนตักคริสอยู่บนเตียงอีกตัวพูดขึ้นก่อนจะเอามือของตัวเองไปหยิบมือใหญ่ของอีกคนมาดึงเล่น
“ตุ้ยจ่าง คำนี้อ่านว่าอะไร” จงแดชี้พร้อมกับยกขึ้นเหนือศรีษะของตัวเองเพื่อให้คนตัวสูงที่นั่งอยู่บนเตียงช่วยดู
“The Last Time” เสียงทุ่มเอ่ยคำนั้นออกมาอย่างง่ายดาย ต่างจากจงแดที่พยายามอย่างมากที่จะทำเสียงให้เหมือนอีกคน
“จะรอดไหมเนี่ย” แบคฮยอนพูดขึ้นมาลอยๆก่อนที่จะโดนจงแดปายางลบที่วางอยู่ข้างตัวใส่แต่ร่างสูงที่แบคฮยอนนอนหนุนตักอยู่นั้นกลับรับไว้ได้ก่อน
จงอินที่เพิ่งล้างจานเสร็จเดินเปิดประตูเข้ามาในห้องก่อนจะกวาดสายตาไปรอบห้องพร้อมเอ่ยคำถามออกมาเสียงเบา
“มาทำอะไรกันในนี้?” เสียงทุ่มเอ่ยก่อนจะมองไปที่จงแดที่นั่งยิ้มอยู่บนพื้น คริสใช้มือยกไหล่แบคฮยอนให้ลุกขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกไปจากห้อง เมื่อเห็นอย่างนั้นจงแดก็รีบลุกตามออกไปทันทีโดยที่ไม่ลืมที่จะหันมาขยิบตาให้คยองซูก่อนจะปิดประตูห้องลง
“ไปอาบน้ำก่อนนะ” ร่างสูงเอ่ยเสียงทุ่มก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที คยองซูจึงได้แต่พยักหน้ารับรู้
ร่างสูงเดินกลับออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนไหล่หนาขายาวเดินมุ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าแต่ก่อนจะถึงที่หมายขายาวก็มาหยุดอยู่หน้าเตียงของอีกคน พร้อมกับก้มลงไปมองดูว่าร่างบางบนเตียงนั้นกำลังนั่งทำอะไรอย่างใจจดใจจ่อ
“เนื้อเพลงเหรอ” เสียงทุ่มเอ่ยถามพรางหมุนตัวเองลงไปนั่งอยู่บนเตียงของอีกคน เรียกให้คยองซูต้องละความสนใจกับเนื่อเพลงตรงหน้าแล้วหันมาคุยกับร่างสูงนี้
“อืม เพลงที่ต้องไปร้องในรายการของพี่เรียวอุคคู่กับจงแด เมือกี้พี่คริสเลยเข้ามาดูเนือเพลงให้” คยองซูพูดตอบยาวรวดเดียวก่อนจะหันไปสนใจกับเนื่อเพลงของตัวเองอีกครั้ง
“แล้วเพลงวันนี้หละ” เสียงทุ่มเอ่ยถามอีกครั้ง
“หืม...เพลงวันนี้ทำไม” คยองซูเอ่ยตอบในขณะที่ยังก้มหน้าอ่านเนื่อเพลงในมืออยู่
“ทำไมเลือกร้องเพลงนั้น” จงอินเอ่ยถามก่อนจะหันไปหยิบตู๊กตาโปโปโร๊ะของอีกคนมาเล่น
“ทำไมล่ะ” ครั้งนี้ร่างบางละสายตาขึ้นมาจากเนื่องเพลงและมองไปที่อีกคนพร้อมถามกลับ
“ก็วันนั้นที่ให้สัมภาษณ์ พี่บอกว่าเพลงนี้เอาไว้จีบผู้หญิง” จงอินหยุดเล่นตุ๊ดตาในมือก่อนจะหันมาจ้องอีกคนกลับ
“อืม ก็ความหมายมันดี” คยองซูพูดพร้อมกับยิ้มออกมา ทำให้ร่างสูงยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
“งั้นแปลให้ฟังหน่อย” จงอินพูดก่อนที่จะทิ้งตัวนอนลงไปบนเตียงของอีกคน
“แปล...ไม่เอา...อยากรู้ก็ไปหาเอาเองสิ” คยองซูตอบกลับติดๆขัดๆก่อนจะยกกระดาษเนื่อเพลงนั้นขึ้นมาบังแก้มที่เริ่มมีสีแดงขึ้น
เมื่อจงอินเห็นว่าอีกคนเบี่ยงความสนใจจากเค้าไปแล้วร่างสูงจึงหันมือไปหยิบโทรศัพท์เครื่องบางที่วางอยู่ข้างหมองของอีกคนมา ก่อนจะเปิดค้นหาเนื้อเพลงและคำแปลในอินเตอร์เน็ต
เมื่อเวลาผ่านไปสักพักความเงียบในห้องก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงทุ่มของร่างสูง
“คำนี้แปลว่าอะไร” จงอินเอ่ยถามขึ้นมาเรียกให้คยองซูต้องละสายตาจากเนื้อเพลงในมือแล้วหันขึ้นมาหาอีกคนก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปอ่านตัวหนังสือบนหน้าจอมือถือที่ร่างสูงถืออยู่
“possibility....ความเป็นไปได้” ร่างบางตอบกลับแล้วเตรียมจะกลับไปนั่งลงที่เดิมแต่เสียงทุ้มนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาอีก
“แล้วประโยคนี้หละ” เสียงทุ้มถามก่อนจะหันไปมองหน้าอีกคนที่ตอนนี้อยู่ใกล้หน้าเค้ามาก
“หืม...เพราะเราถูกสร้างมาเพื่อกันและกัน” เมื่อพูดจบร่างบางเตรียมจะพาตัวเองกลับไปนั่งที่เดิมอีกครั้งแต่ก็ยังโดนอีกคนรั้งไว้
“เดี่ยว...แล้วบรรทัดนี้หละ” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับชี้ไปบนหน้าจอโทรศัพท์
“เค้า...เค้าบอกว่าเราเด็กเกินไปที่จะรัก แต่...อุ๊บ” ริมฝีปากร้อนจากร่างสูงประทับลงมาที่ริมฝีปากรูปหัวใจ ตาโตที่เบิกกว้างในตอนแรกค่อยๆหลับลงพร้อมรับความอ่อนหวานจากปากหนาได้รูป ทั้งสองมอบความหวานผ่านจูบแสนอ่อนโยนให้กันอยู่แบบนั้นสักพักก่อนที่ร่างสูงจะถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่งโดยที่หน้าผากของทั้งคู่ยังแนบชิดกัน มือหนาทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นมาโอบใบหน้าของอีกคนไว้ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้คนฟังถึงกับใจเต้นรัวพร้อมร้อยยิ้มที่ทำให้คนมองรู้สึกหน้าร้อนผ่าวจนแทบระเบิด
“ตอนนี้... ผมก็กำลังรู้สึกอย่างนั้น"
。。。。。。。。。。。。。。。。End。。。。。。。。。。。。。。
ครื๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ลงได้สักที ฮ่าๆๆๆๆ
ฟิคเรื่องนี้เกิดมาจากอารมณ์ฟิน ณ โมเม้นท์จริงๆคะ
ความฟินทำให้เกิดกิเสส
ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคเรื่องที่สองของคู่ไคซูที่เจนแต่ง....อารมณ์ช่างต่างกับเรื่องแรก ฮ่าๆ
หวังว่าทุกคนคงจะชอบนะคะ
ยีงไงก็ฝากคอมเม้นท์ ติ-ชม กันได้เลยนะ^^
ป.ล ใครที่รอตอนจบของ เทาแบค Those bygone years รออีกนิดนะคะ ตอนนี้เจนกำลังพยายามอย่างมากที่จะแต่งตอนจบ(ในส่วนที่เหลือ)ออกมาให้ดีที่สุด อย่าเพิ่งงอนหายกันไปหมดนะคะ ฮ่าๆๆๆ (วิงวอน ขอร้อง)
ป.ล 2 : ฟิคเรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเราขาดคุณผู้ช่วย/บ.ก ที่น่ารักอย่าง @OH_duckyHUN ที่ช่วยยุยงจนต้องลงมือแต่งเรื่องนี้ออกมา และยังช่วยเป็นคนตรวจทานภาษาของเจน....ขอบคุณคะ^^
สำหรับใครที่อยากจะคุยเล่น ทักทาย หรือทวงฟิน(อย่าเลยคะ) ก็แวะมาคุยกันได้นะคะ @fc_jenny
ผลงานอื่นๆ ของ fc_jenny ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ fc_jenny
ความคิดเห็น