[Fic EXO] Not...Over You (Kai x D.O.) - [Fic EXO] Not...Over You (Kai x D.O.) นิยาย [Fic EXO] Not...Over You (Kai x D.O.) : Dek-D.com - Writer

    [Fic EXO] Not...Over You (Kai x D.O.)

    แล้วพี่ก็จากผมไป, พี่ทำได้ไง? ผมคิดถึงพี่.... ใครต่อใครต่างก็บอกว่าผมจะไม่เป็นไร แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ยังทำใจไม่ได้

    ผู้เข้าชมรวม

    2,299

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    2.29K

    ความคิดเห็น


    30

    คนติดตาม


    29
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ม.ค. 56 / 23:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     

    Not…Over You

     
     


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

       

      เค้าบอกว่าวันนี้หิมะจะตก

      ทั้งที่น่าจะชินกับความหนาวแล้ว

      แต่เดือนธันวาคมไม่เคยจะน่ากลัวอย่างนี้......

       

      ร่างสูงนั่งหลับตาอยู่ในรถตู้ส่วนตัวเพื่อพักสายตาจากการอ่านบทละครเรื่องใหม่ของเค้า รถตู้คันใหญ่เคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่เค้าคุ้นเคย บรรยากาศข้างนอกยามเช้านั้นหนาวเกินไป ท้องฟ้ามือครึ้มและนิ่งสนิทเหมือนว่าหิมะจะตกลงมาจริงๆตามที่พยากรณ์อากาศได้บอกไว้

      มือหนากระชับเสื้อโค้ทของตนเข้ามาอีก ถึงแม้ว่าในรถตู้จะมีฮีทเตอร์เพื่อช่วยบรรเทาความหนาว แต่สำหลับเค้าสิ่งเดียวที่จะช่วยทำให้เค้าหายหนาวได้ คือความอบอุ่นจากใครบางคนเท่านั้น ร่างสูงค่อยยกขาทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมาแล้วนั่งกอดเขาทั้งสองข้างไว้ เหมือนเด็กตัวเล็กๆคนนึ่งที่พยายามจะปลอบตัวเองจากความกลัว

      “จงอิน เป็นอะไรหรือเปล่า ” ซูโฮ ผู้จัดการของเค้าที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

      “เปล่าครับพี่ ผมแค่หนาวเฉยๆ”

      หลังจากที่ตอบกลับไปอย่างนั้น ซูโฮที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็จัดการปรับความแรงของฮีทเตอร์เพิ่มขึ้นให้เค้าทันที แต่นั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะสิ่งที่เค้าต้องการไม่ใช่ความอุ่นจากเครื่องฮีทเตอร์บนรถตู้คันนี้ ที่เค้าต้องการคือลำตัวของใครบางคนที่เคยกอดเค้าทุกครั้งเมื่อเค้ารู้สึกหนาว

       

      เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นทันทีเมื่อถึงเวลาที่มันถูกตั้งไว้ ร่างสูงที่กำลังนอนอยู่บนเตียงยืดไปกดปิดเสียงนั้นทันทีทั้งที่ตายังปิดอยู่ หลังจากนั้นก็หันหันกลับมาใช้แขนหนึ่งข้างคว้าเอวของอีกคนที่นอนหันหลังให้เค้าอยู่เข้ามากอดอย่างเคยชิน คนที่ถูกกอดส่งเสียงคางออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะพลิกตัวเองกลับมาแล้วหนุนหัวของตัวเองเข้าไปกับอกของอีกคน ร่างสูงกระชับอ้อมกอดของตัวเอง พร้อมกับใช้กับริมฝีกปากจูบลงไปบนหน้าผากของคนในอ้อมกอด  มือหนาลูบไปตามกระดูกสันหลังของอีกคนทำให้คนที่ถูกแกล้งนั้นรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย  ร่างสูงยิ้มให้กับการตอบสนองนั้น เค้ารู้ดีว่าคนในอ้อมกอดเค้านี้บ้าจี้ขนาดไหน เมื่อเลื่อนลงไปเรื่อยๆมือของร่างสูงนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงบริเวณของกางเกงของอีกคน แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมือหนานั้นก็ถูกมือของอีกคนเอื้อมมาดึงออกไปจากบริเวณนั้น จงอินหัวเราะออกมาเบาๆให้กับการกระทำเมื่อกี้ของอีกคน หลังจากนั้นก็ใช้มือที่ถูกดึงกลับมาจับมือของอีกขึ้นมาจูบเบาๆ ทำให้คนที่หลับอยู่ต้องลืมตาขึ้นมา

      “เล่นอยู่นั่นแหละ...ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว” คนที่ถูกรบกวนจากการนอนเอ่ยขึ้นมา พร้อมกับใช้มือหนึ่งข้างของตัวเองผลักที่อกของอีกคนเบาๆ

      “ไม่เอา..” เสียงทุ่มนั้นเอ่ยออกมาเบาๆพร้อมกับกระชับแขนที่กอดอยู่ที่เอวของร่างบาง

      “อีกไม่นานพี่ซูโฮก็จะมารับแล้ว...เดี่ยวก็สายอีก” ร่างบางบ่นอู้อี้ เพราะตอนนี้หน้าของเค้าถูกคนขี้แกล้งกดให้หน้าเข้าไปจุกอยู่กับอกแกร่ง

      “ ห๊ะ..อะไรน่ะ” ร่างสูงแกล้งถามออกไป ทำให้คนที่ถูกแกล้งอยู่ใช้แขนทุบหลังเค้าแรงๆหนึ่งที จนทำให้เค้าต้องยอมปล่อยมือจากหัวของอีกคน หลังจากที่ได้อิสรภาพกลับมา ร่างบางก็เงยหน้าขึ้นไปมองอีกคนพร้อมกับทำหน้าดุ แต่คนที่ถูกมองนั้นกลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิดแถมยังส่งยิ้มกลับมาอีก

      ทั้งสองนอนจ้องหน้ากันอยู่สักพักก่อนที่ร่างสูงจะใช้มือของตัวเองเชยคางอีกคนขึ้นมารับริมฝีปากของเค้า

      จูบยามเช้าของทั้งคู่นั้นไม่ได้ร้อยแรงหรือเต็มไปด้วยอารมณ์รักแต่อย่างใด แต่จูบยามเช้านี้เป็นจูบที่มีแต่ความนุ่มนวลและหอมหวาน ร่างบางเป็นฝ่ายที่ถอนริมฝีปากของตัวเองออกมาก่อนเพราะเริ่มจะขาดอากาศหายใจ ตาโตคู่นั้นหลับลงอีกครั้งพร้อมกับเขยิบตัวเองให้เข้าไปในอ้อมกอดของคนร่างสูง แล้วก็ซ่อนหน้าที่กำลังแดงของตัวเองไว้กับอกของอีกคน จงอินยิ้มให้กับการกระทำของคนในอ้อมกอด

      ครั้งหนึ่งที่เค้าถูกถามในรายการทีวีว่า ช่วงเวลาไหนของวันคือช่วงที่เค้าชอบที่สุด หลังจากที่ฟังคำถามจบก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาบนในหน้าของเค้าทันทีจนทำให้แฟนคลับส่งเสียงกรี๊ดออกมาเต็มห้องส่ง ก่อนที่ร่างสูงนั้นจะเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม

       “ช่วงเช้าครับ..ตอนที่พึ่งตื่น แล้วก็นอนเล่นบนเตียง”

       

       

       

      ช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้วผมยังจำได้ดี

      กล่องของขวัญ, ต้นคริสมาสต์, ผม, และพี่.....

       

      บนตึกสูงใจกลางกรุงโซล จงอินยกกาแฟแก้วเล็กขึ้นมาจิบ พรางมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อชมบรรยากาศตอนกลางคืนของเมืองที่วุ่นวายนี้ ผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมาตามทางเดินข้างถนนในย่านช๊อปปิง พ่อแม่พาลูกมาเดินเที่ยวเดินเล่นชมร้านค้าต่างๆที่ถูกตกแต่งไปด้วยสิ่งประดับสีสันสวยงามให้เข้ากับเทศกาลคริสมาสต์ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมง คู่รักหลายคู่ยืนถ่ายรูปกับต้นคริสมาสต์ต้นใหญ่ที่ถูกตกแต่งไปด้วยไฟหลอดเล็กมากมายที่ส่องแสงเป็นประกายสร้างบรรยากาศให้ดูโรแมนติกมากขึ้นไปอีก   ละสายตาออกจากผู้คนที่อยู่ตามถนน ร่างบางก้มหน้าลงแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ใช่เพราะเค้าตลกใครที่ไหน แต่มันเป็นการหัวเราะสมเพสตัวเค้าเองต่างหาก ในช่วงเวลานี้ที่ทุกคนต่างมีความสุขกับการกลับไปอยู่กับครอบครัว หรือคนที่รัก ร่างสูงกลับต้องมานั่งอยู่คนเดียวในร้านคาเฟ่บนตึกสูงนี้เพื่อรอให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฉบับหนึ่ง  แทนที่จะได้ใช้เวลานี้อยู่กับคนที่เค้ารักเหมือนที่เค้าเคยทำ

       

      เวลาเกือบเที่ยงคืน จงอินเดินออกมาจากตึกค่ายเพลงดังย่านกลางเมือง มือหนากระชับเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ที่กำลังใส่อยู่   ลมหนาวพัดโชยบวกกับหิมะสีขาวที่กำลังตกลงมาทำให้คืนนี้อากาศหนาวมากเป็นพิเศษ  เดินเลยออกมาจากตึกเพียงไม่กี่ก้าวร่างสูงก็มองเห็นชายร่างบางคนหนึ่งที่กำลังยืนหันหลังให้เค้าอยู่  มือบางยื่นมืออกมาลองรับหิมะที่กำลังโรยลงมา จงอินยิ้มให้ท่าทางเหมือนเด็กนั้นของอีกคน  ขายาวก้าวเดินเข้าไปหาอีกคนเรื่อยๆ และโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้   แขนขาวทั้งสองข้างก็อ้อมไปโอบเอวของอีกคนจากด้านหลัง ทำให้คนที่กำลังลังยืนเล่นหิมะอยู่นั้นส่งเสียงตกใจออกมาเล็กน้อย

      “รอนานไหมครับ” เสียงทุ่มเอ่ยออกมาพร้อมกับพักคางของตัวเองไว้บนไหล่ของคนในอ้อมกอด

      “หือ...ไม่นานหรอก” คยองซูตอบกลับพร้อมกับใช้มือบางที่เอื้อมมาลูบผมของอีกคนอย่างเบามือ หลังจากนั้นร่างบางก็หมุนตัวเองกลับมาหาอีกคนที่กำลังกอดเค้าอยู่  มือบางถอดหมวกไหมพรมที่ตัวเองกำลังใส่อยู่ออก แล้วก็นำหมวกใบนั้นไปสวมใส่ให้คนตัวสูงที่กำลังจ้องลงมาที่เค้า

      “ผมยังเปียกเหงื่ออยู่เลย เดี่ยวจะไม่สบายเอา” คยองซูเอ่อยออกมาเบาๆพร้อมกับใช้มือจัดผมให้ไม่ปิดหน้าอีกคน จงอินไม่ได้พูดตอบออะไร เพียงแต่พยักหน้าให้แล้วจ้องตาโตๆของอีกคนต่อ

       “ทำไมวันนี้ตาพี่ดูสวยเป็นพิเศษ” เสียงทุ่มเอ่ยออกมา พร้อมกับยกยกมือหนานั้นขึ้นมาลูบบริเวณแก้มของอีกคนแต่สายตานั้นก็ยังไม่อาจละไปจากตาตู่นั้น

      “จ้องอยู่นั่นแหละ กลับกันได้แล้ว จะเที่ยงคืนแล้ว” เป็นร่างบางเองที่เอ่ยออกมาหลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะหน้าแดงเพราะถูกอีกคนจ้องอยู่เป็นเวลานาน

      ทั้งคู่ก็เดินจูงมือกันเดินไปตามทางที่คุ้นเคย ตลอดเส้นทางทั้งสองฝั่งถนนต่างถูกประดับไปด้วยไฟแสงสีสวยมากมาย คู่รักเดินจูงมือกัน หยอกล้อกัน บ้างก็เล่นปาหิมะใส่กัน ทำให้ทั้งคู่ต่างก็ยิ้มออกมาให้กับภาพที่น่ารักเหล่านั้น จนกระทั่งทั้งสองเดินมาถึงบริเวณสวนสาธารณะใกล้คอนโดของพวกเค้า  ร่างสูงหยุดเดินทันทีทำให้ร่างบางนั้นหันกลับมามองด้วยความสงสัย

      “ไปดูต้นคริสมาสต์กัน” จงอินเอ่ยพร้อมกับใช้สายตามองไปทางต้นคริสมาสต์ต้นขนาดปานกลางที่ถูกตั้งประดับไว้กลางสวน จากนั้นก็จูงมือนำร่างบางมาหยุดหน้าต้นคริสมาสต์ที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม  เพราะอากาศที่กำลังหนาว บวกกับเวลาที่ใกล้จะเที่ยงคืนจึงทำให้แถวนี้ไม่ค่อยมีคนนัก

      Merry Christmas ครับ” เสียงทุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือที่ยื่นกล่องสีน้ำเงินขนาดพอดีมือไปให้อีกคน

      “ หือ...อะไรนะ ของขวัญวันคริสมาสต์ก็ให้มาเมื่อเช้าแล้วนิ”  คยองซูเอ่ยออกมาอย่างสงสัย

      “เปิดดูสิครับ” ร่างสูงเอ่ยออกมาพร้อมกับปล่อยมือบางที่ตัวเองกำลังจับอยู่ให้เป็นอิสระ คยองซูเงยขึ้นไปยิ้มให้อีกคน ก่อนที่จะเปิดกล่องสีน้ำเงินใบเล็กนั้นออก

      ภายในกล่องนั้นเผยให้เห็นสร้อยข้อมือเส้นบางหนึ่งเส้นที่มีจี้ตัวอักษร JK อยู่ตรงกลาง  ร่างสูงยื่นมือไปหยิบสร้อยข้อมือนั้นออกมาจากกล่องของมันจากนั้นก็เอื้อมไปจับข้อมือของอีกคนมาแล้วจัดการใส่สร้อยข้อมือนั้นให้อีกคนทันที

      “ขอบใจนะ จงอิน” ร่างบางเอ่ยออกมาหลังจากอีกคนใส่สร้อยข้อมือให้เค้าเสร็จ แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกอดคอของอีกคนไว้ก่อนที่จะเขย่งเท้าเล็กน้อยแล้วประทับรอยจูบลงไปที่ริมริมฝีปากของอีกคนคนเบาๆแล้วรีบถอนออกทันที เพราะรู้สึกเขิน แต่ร่างสูงนั้นกลับไวกว่า จัดการใช้มือหนาวางไว้บนท้ายทอยของอีกคนแล้วกดไว้ไม่ให้อีกคนถอยออก แล้วรับจูบของเค้าต่อ ก่อนที่จะปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระในที่สุด

      “อะไรกัน...แค่นี้เองหรอ” คนร่างสูงโวยออกมาเล็กน้อย แต่หน้านั้นกลับมีรอยยิ้มประดับอยู่ อีกคนไม่ได้ตอบกลับอะไรเพียงแต่ก้มหน้าลงมองพื้นเพื่อซ่อนหน้าที่กำลังแดงของตัวเอง....

       

      ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในห้องกว้างห้องนี้

      ผมไม่เคยกลัวเพราะทุกครั้งผมจะคิดถึงพี่

      ซีดีแผ่นนั้นยังเปิดฟังอยู่ทุกวัน

      เพราะพี่ชอบร้องตามไปกับมัน

      ผมรู้ดีว่าพี่จะไมได้ตั้งใจทิ้งมันไว้ให้มันผม

       

      จงอินยืนมองรถตู้คันสีขาวที่พึ่งขับออกไป  ขายาวก้าวเข้าไปในตึกคอนโด จากนั้นก็พาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของที่เป็นของเค้าและอีกคน มือข้างซ้ายล้วงเข้าไปกับกระเป๋าเสื้อกันหนาวราคาแพงเพื่อหยิบกุญแจออกมาไขประตู มือหนาควานหาสวิชไฟข้างประตูอย่างเคยชิน จัดการถอดรองเท้ากับเสื้อกันหนาวออกเก็บไว้ในตู้ข้างประตูอีกฝั่ง ขายาวก้าวเข้ามาเรื่อยๆจนถึงบริเวณห้องครัวที่เค้าไม่เคยได้ใช้มันเลย เดินมาหยุดอยู่ตรงเครื่องเล่นซีดีที่ตั้งอยู่บนกลางโต๊ะกลางห้องครัว  นิ้วยาวยื่นไปกดปุ่ม play บนเครื่อง จากนั้นเสียงเพลงที่เค้าคุ้นเคยนักก็ดังขึ้น

      ร่างสูงพาตัวเองมานั่งอยู่บนโซฟาที่อยู่ห่างไม่ไกลจากห้องครัว ตาทั้งสองข้างหลับลงช้าๆ ก่อนที่มือข้างหนึ่งนั้นจะยกขึ้นมาลูบบริเวณที่ว่างข้างๆเค้า  บริเวณที่เคยมีใครอีกคนนั่งอยู่เสมอเวลาที่พวกเค้าดูหนังด้วยกัน หรือเวลาที่อีกคนนั่งอ่านหนังสือโดยที่มีเค้านอนเล่นอยู่บนตัก

      ร่างสูงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย    การใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในห้องกว้างห้องนี้ไม่ได้ทำให้จงอินรู้สึกกลัว แต่เค้ากลับรู้สึกเหงามากกว่า   เสียงเพลงที่กำลังเปิดคลออยู่นั้นทำให้เค้ารู้สึกดีขึ้นมากทุกครั้ง  เพราะเพลงเหล่านี้คือเพลงที่อีกคนชอบ และมักจะร้องตามไปด้วยกับทุกเพลงเสมอ

      ทุกเช้าของเค้ามักจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอมอาหารและเสียงหวานๆของอีกคนที่ร้องกำลังคลอไปกับเพลงที่เปิดอยู่ในครัวทุกเช้า  หลังจากที่เดินออกมาจากห้องนอน  เค้าจะต้องเดินตรงไปในห้องครัวที่อีกคนกำลังวุ่นกับการทำอาหารเช้าอยู่ หลังจากนั้นเค้าก็จะเข้าไปสวมกอดอีกคนจากด้านหลัง แล้วก็รอให้คนที่วุ่นกับการทำอาหารนั้นจัดการกับสิ่งตรงหน้าให้เสร็จ ก่อนที่จะหัวตัวเองมารับกับจูบของเค้าอย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกเช้า.......

       

      แล้วพี่ก็จากผมไป

      พี่ทำได้ไง ?

      ผมคิดถึงพี่....

      ใครต่อใครต่างก็บอกว่าผมจะไม่เป็นไร

      แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ยังทำใจไม่ได้

       

      ร่างสูงลุกขึ้นมาจากโซฟาที่นอนอยู่ แล้วเดินตรงไปปิดเพลงที่กำลังเปิด

      ใครต่อใครต่างก็บอกเค้าว่าอีกไม่นานเค้าก็คงจะทำใจได้ เค้าพยายามตั้งใจทำงานเพื่อที่จะได้ไม่มีเวลาคิดถึงใครอีกคน แต่มันก็ไม่เป็นผล เพราะทุกครั้งที่มีความเงียบครอบงำ ไม่ว่าเค้าจะอยู่ที่ไหน เสียงหวานนั้น และตาโตคู่นั้นก็จะอยู่ในหัวตลอดเวลา เค้ารู้สึกเสียใจมากที่อีกคนจากเค้าไป เค้าโทษตัวเองที่มัวแต่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้อีกคน โทษตัวเองที่ค่อยได้ดูแลอีกคนเมื่อตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน

      มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องบางออกมา นิ้วเรียวกดไปยังหมายเลขหนึ่งแล้วกดปุ่มโทรออก

      “สวัสดีครับ ดู คยองซูครับ ตอนนี้ผมไม่ว่ารับสาย กรุณาฝากข้อความไว้หลังสัญญาณนี้นะครับ...ปี๊บ~~” มือหนาข้างที่ใช้ถือโทรศัพท์เครื่องบางนั้นสั่นเทา อีกข้างถูกยกขึ้นมาปิดปากของตัวเองไว้เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นของเค้าในตอนนี้  น้ำตาที่คลออยู่ในตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้

      มือที่ปิดอยู่ที่ปากนั้นถูกเลื่อนมากำอยู่ที่หน้าอกของเค้าที่มันรู้สึกจุก  ขายาวทั้งสองข้างเริ่มรู้สึกอ่อนแรงจนเค้าแทบยืนไม่ไหว จนร่างสูงนั้นต้องนั่งคุกเข้าลงไปกับพื้น ก่อนที่เสียงทุ่มนั้นจะเอ่ยลงไปในโทรศัพท์ที่แนบอยู่ข้างหู

      “ผม...ผมคิดถึงพี่...ได้ยินไหม....ผมคิดถึงพี่...พี่คยองซู”  

      จงอินรู้ดีว่าไม่ว่าเค้าจะพูดเท่าไหร่ เรียกหา หรือตะโกนชื่อของอีกคนแค่ไหน ร่างบางนั้นก็คงไม่มีวันได้ยินเค้า

      ร่างสูงกดตัดสายโทรศัพท์เมื่อกี้ แล้วพาตัวเองไปยังห้องนอนของเค้า ก่อนที่จะวางโทรศัพท์เครื่องบางของตัวเองลงบนโต๊ะที่มีโทรศัพท์อีกเครื่องวางอยู่แล้ว ร่างสูงหยิบโทรศัพท์เครื่องสีขาวที่มีรอยเปื้อนเลือดนั้นขึ้นมา ก่อนที่จะกดลบข้อความเสียงของเค้าเมื่อกี้แล้ววางโทรศัพท์ที่เปื้อนเลือดชองอีกคนนั้นลงไปที่เดิม  จากนั้นก็หยิบสร้อยข้อมือที่มีจี้ตัวอักษร Jk มากำไว้แนบอกแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง

      สร้อยข้อมือเส้นนี้ที่เค้าซื้อให้คยองซูวันนี้เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว สร้อยข้อมือที่ตอนนี้เปื้อนไปด้วยเลือดของเจ้าของของมัน.....คนที่ได้จากเค้าไปจากโลกนี้แล้ว

      。。。。。。。。。。。。End。。。。。。。。。。
       

      แว๊คคคคค
      ฟิคเรื่องที่ 3 ฮ่าๆๆๆๆ
      พยายามจะแต่งออกมาให้มันเศร้า ไม่รู้จะอ่านแล้วจะเศร้าหรือเปล่า 5555+ 
      รู้สึกชอบ หรือ ไม่ชอบ อะไรยังไง ก็ คอมเม้นท์ ติชมด้วยนะค่ะๆๆๆๆๆๆๆ

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×