ผ้าพันคอผืนหนึ่ง หน้ากากใบหนึ่ง มอเตอร์ไซด์คันหนึ่ง
ฮีโร่คนหนึ่ง ศัตรูตัวหนึ่ง กับฉากการต่อสู้ที่ตื่นตาตื่นใจฉากหนึ่ง
มดแดงมองดูทีวี มองอย่างเคลิบเคลิ้ม มองอย่างไม่วางตา
เด็กๆคู่กับทีวี เด็กๆคู่กับฮีโร่ และเด็กๆก็คู่กับการเพ้อฝัน
ในอดีตสิบปีก่อนเป็นเช่นนี้ ในอนาคตสิบปีให้หลังก็คงไม่ต่างกัน ในโลกนี้บางสิ่งบางอย่างคล้ายถูกสร้างขึ้นมาอยู่คู่กันตั้งแต่แรก เหมือนกาแฟคู่คอฟฟี่เมด และเหมือนน้ำเต้าหู้คู่ครูระเบียบ
แม้มดแดงจะเป็นเด็กน้อย แม้มดแดงจะเป็นผู้หญิง แต่มดแดงก็ยังคู่กับฮีโร่ และยิ่งคู่กับมอเตอร์ไซด์
พ่อแม่ของเธอออกไปทำงานหาเงินที่บางกอก ทิ้งเธอไว้ให้อยู่กับคุณลุงที่ร้านซ่อมรถเพียงลำพัง ดังนั้นไม่ว่าเช้า สาย บ่าย เย็น เพียงลืมตาขึ้นเธอก็จะพบมอเตอร์ไซด์จอดกันเรียงราย เพียงเงี่ยหูฟังก็จะได้ยินเสียงท่อไอเสียจากเจ้าจักรกลสองล้อนี้ดังกระหึ่มเสมอ ดังนั้นระหว่างเธอกับมอเตอร์ไซด์ก็คล้ายเกิดมาอยู่คู่กันเหมือนกัน
เธอเองก็ไฝ่ฝันว่าวันหนึ่งโตขึ้นจะต้องมีรถขี่เป็นของตัวเองบ้างซักคัน จากนั้นก็ออกเดินทางท่องเที่ยวแบบเดียวกับฮีโร่ในทีวี ใช่แล้ว เป็นการท่องเที่ยวเพื่อพิทักษ์คุณธรรม
แน่นอน ว่านั่นก็เป็นเรื่องในอนาคตที่แสนยาวไกลเท่านั้นเอง
หนังจบแล้ว มดแดงลุกขึ้นไปปิดทีวี จากนั้นก็เอาผ้าพันคอตัวเก่งมาพัน เป็นผ้าพันคอสีแดงสด
ก่อนออกจากบ้าน เธอต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ ผ้าพันคอนั้นขาดไม่ได้ จักรยานขาดไม่ได้ หมวกกันน๊อคยิ่งขาดไม่ได้
คิดจะเป็นนักบิด ต้องสวมหมวกกันน๊อค นี่เป็นความรู้พื้นฐานของคนขี่รถมอเตอร์ไซด์ แม้ว่าตอนนี้เธอจะแค่ขี่จักรยาน แต่เธอก็ฝึกฝนจิตสำนึกนี้เผื่อไว้สำหรับวันหน้าเสมอ
คนขี่จักรยานสวมหมวกไม่ผิดกฏหมาย แต่คนขี่มอเตอร์ไซด์ไม่สวมหมวกนี่สิผิด คนขี่รถส่วนมากมองแค่ความสะดวกจนละเลยที่จะสนใจสิ่งนี้ สุดท้ายก็จบลงที่เป็นศพนอนแผ่อยู่ในโลง
สำหรับข้อนี้มดแดงถูกคุณลุงปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าสอนกันตั้งแต่หัดขี่จักรยานกันเลยทีเดียว
ดังนั้นมดแดงจึงสวมหมวกยามขี่รถเสมอ แถมเวลาผ่านไปเจอคนขี่รถไม่สวมหมวกก็ยังมีการเคาะหมวกก๊อกๆเป็นเชิงสั่งสอนอีกด้วย เหล่านักบิดทั้งหลายในตำบลต่างก็เจอเด็กน้อยสวมหมวกมาเย้ยจนอับอายขายขี้หน้ากลับไปเป็นแถวๆ ให้มันรู้กันไปสิว่าขนาดเด็กตัวกระเปี๊ยกมันยังมีจิตสำนึก แล้วผู้ใหญ่ตัวโตๆล่ะมีอ๊ะเปล่า ?
------------------------------------------------------------------------------------------
เสียงดังเอี๊ยดๆอ๊าดๆจากจักรยานติดล้อเสริมดังขึ้น เป็นสัญญาณการออกเดินทางของเด็กน้อย
สำหรับวันนี้ เช้าวันอาทิตย์ เธอมีสถานที่ๆต้องไปเป็นพิเศษ
พอตัดผ่านตลาด เลาะไปตามเส้นทางลายเล็กราวๆครึ่งกิโล จะมีสวนสาธารณะประจำชุมชน นั่นเป็นสถานที่ๆเธอจะไปในวันนี้
เธอขี่รถส่ายอาดๆเข้าไปในสวน ผ่านฝูงผู้คนที่มาเต้นแอโรบิค ผ่านกลุ่มผู้คนที่มาวิ่งออกกำลังกาย สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ข้างศาลาริมน้ำแห่งหนึ่ง
ที่นั่นไม่มีผู้คนมากมาย เป็นศาลาที่เงียบสงบ และมีคนอยู่เพียงคนเดียว
ชายชราผู้หนึ่งกำลังร่ายรำท่วงท่าอย่างเชื่องช้า เป็นท่วงท่าที่แม้จะเชื่องช้า แม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับคล้ายมีพลังอันมองไม่เห็นมาควบคุมอาณาบริเวณโดยรอบ ที่โดยปกติก็เงียบสงบอยู่แล้ว ให้ยิ่งเงียบกริบจนแปลกประหลาด
แต่ความเงียบสงบที่ว่า ก็มีอยู่ได้แค่เพียงก่อนหน้านี้เท่านั้น
"คุณปู่ หนูมาแล้ว !!!!"
เสียงเด็กน้อยตะโกนเจื้อยแจ้วเหมือนระเบิดลง จากที่เงียบอยู่ดีๆก็เล่นเอาทั้งนกทั้งแมลงแถบนั้นเผ่นหนีกันเป็นแถวๆ พลอยทำให้ชายชราที่กำลังรำมวยเพลินๆตกใจจนสะดุ้งเฮือกตามไปด้วย
ชายชราหันรีหันขวางเพื่อตามหาต้นเสียง พอเห็นมดแดงที่นั่งยิ้มร่าอยู่บนอานจักรยานก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"โธ่ถัง นี่ความสงบสุขของเราผู้เฒ่าที่มีมาตั้งแปดสิบกว่าปี จะต้องมาจบลงในวันนี้เองหรือ ?"
ชายชราพึมพำออกมาเบาๆด้วยสำนวนราวกับหลุดออกมาจากนวนิยายกำลังภายในโบราณ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะฝึกมวยจีนมามากเกินไป หรือว่าเพราะอ่านนิยายมามากเกินไปกันแน่
"หนูมาตามสัญญาแล้ว คุณปู่ก็ต้องสอนมวยจีนให้หนูตามสัญญาเหมือนกันนะ"
ชายชราทอดถอนใจอีกเฮือก วันก่อนตอนรำมวยจู่ๆมีเด็กมาขอเป็นศิษย์ก็ว่าแปลกพออยู่แล้ว พอบอกปัดไปมั่วๆว่าไม่ว่างให้มาไหม่วันหลัง ก็ดันโผล่มามาทุกวันซะอีกนี่ เด็กจอมตื๊อขนาดนี้เกิดมาตั้งแปดสิบกว่าปียังไม่เคยพบเคยเห็น
แต่พอมองดูแบบตาใสซื่อของเด็กน้อยที่เปี่ยมไปด้วยความหวังนั้นแล้ว จะให้บอกปัดไปอีกก็ทำไม่ลง
"เด็กน้อยเอ๋ย เวลามีเยอะแยะไม่เอาไปวิ่งเล่นให้สมเป็นเด็ก จะมาฝึกมวยจีนให้มันลำบากลำบนไปทำไมกัน ?"
ชายชรากล่าวถาม ยังคงเป็นการพูดตามสไตล์นิยายกำลังภายใน หากตอนนี้คุณน.นพรัตน์ นักแปลนิยายกำลังภายในตัวยงผ่านมาเห็นเข้าคงจะปลื้มน่าดู
มดแดงยืดอกเชิดหน้ากล่าวอย่างมาดมั่นว่า
"ฮีโร่ก็ต้องฝึกวิชาต่อสู้สิคุณปู่ !!"
ชายชรามองดูเด็กน้อยที่เบื้องหน้า แค่เห็นหมวกกันน๊อคมีเสาอากาศกับผ้าพันคอสีแดงสดใส เขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าเด็กน้อยอยากจะเป็นฮีโร่แบบไหน
"เด็กเอ๋ย เส้นทางชีวิตฮีโร่มันแสนลำเค็ญ แล้วจะมานะบากบั่นเป็นไปทำไมเล่า ? อยู่เฉยๆให้มันสบายตัวสบายใจไม่ดีกว่ากันหรอกหรือ ?"
"ไม่ดีหรอก ก็เป็นฮีโร่แล้วมันเท่ห์กว่านี่นา"
ชายชราทอดถอนใจอีกเฮือกหนึ่ง วันนี้เป็นวันอะไรกันหนอ ถึงได้มาเจอแบบนี้ รู้งี้วันก่อนไม่ตกปากรับคำส่งเดชซะก็ดี
มองดูอีกที ก็เห็นเด็กน้อยกำลังเต้นไปเต้นมา ดูเหมือนว่าเธอกำลังพยายามเลียนแบบท่ารำมวยของชายชราอยู่ แต่เขาดูกี่ทีก็เหมือนลูกแมวกำลังวิ่งไปมาโดดไล่จับผีเสื้อซะมากกว่า
"เอาเถอะ บางทีการได้พบเด็กคนนี้อาจเป็นบุญพาวาสนาส่งก็เป็นได้ ถึงจะทำทีท่าเหมือนอยากเล่นเป็นฮีโร่ตามในหนัง แต่ดูๆไปแล้วไอ้ความมุ่งมั่นแบบเด็กๆนั่นก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน ไหนๆก็ว่างอยู่แล้วลองสอนให้ซักท่าสองท่าจะเป็นไร อย่างน้อยก็คงพอแก้เบื่อได้บ้างล่ะมั้ง"
ชายชราคิดอยู่ในใจ
ส่วนทางเด็กน้อย หลังจากเต้นไปเต้นมาจนเหนื่อยแล้วก็หันมาถามว่า
"แล้วคุณปู่จะสอนวิชาหมัดอะไรให้หนูล่ะ ?"
ชายชรามองดูท่าทางของเด็กน้อยเพียงแวบเดียวก็ตัดสินใจได้ สำหรับเด็กคนนี้แล้ว มีเพียงวิชาเดียวที่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
ชายชรายิ้มเล็กน้อย ลูบเคราพลางตอบว่า
"หมัดแมวเมามาย"
------------------------------------------------------------------------------------------
สายลมโชยพัดมาวูบหนึ่ง เคราขาวของผู้เฒ่าปลิวไสว ผ้าพันคอสีแดงสดของเด็กน้อยก็ปลิวไสว
หมัดแมวเมามาย เป็นเพลงหมัดที่ฟังดูพิกล แต่ชายชรายืนยันว่านั่นเป็นวิชาที่เหมาะกับมดแดงที่สุดแล้ว เนื่องเพราะท่าทางของเด็กน้อยดูคล้ายกับลูกแมวที่เมามายจนอยู่ไม่สุขนั่นเอง
การฝึกวิชาที่ดีที่สุด ควรฝึกให้เข้ากับลักษณะประจำตัวของผู้ฝึกวิชา หาไม่แล้วก็เหมือนเอาช้อนไปขุดดิน เอาตะหลิวมาแคะฟัน ทั้งเปลืองแรงทั้งเสียเวลา
เด็กน้อยตอนนี้ก็เหมือนเป็นลูกแมวที่เมามายตามชื่อวิชา ด้วยความตื่นเต้นดีใจที่จะได้เป็นฮีโร่ทำให้เธอเต้นไปเต้นมาอย่างอยู่ไม่สุข จนชายชราแค่มองดูก็เริ่มเมามายเวียนหัวตามไปด้วยมั่งแล้ว
"แล้วจะฝึกหมัดแมวเมาเป๋นี่ต้องเริ่มยังไงกันล่ะคุณปู่ หรือต้องกินเหล้าให้เมาก่อน ?"
"แมวเมามายไม่ใช่แมวเมาเป๋ อย่าสับสน"
ชายชราแก้คำผิดให้ ก่อนจะเริ่มอธิบายถึงตัววิชา
"ไอ้แมวเมามายนี่มันก็แค่คำเปรียบเทียบ หมายถึงวิชาที่เลียนแบบการเคลื่อนไหวของแมวที่ไร้รูปแบบเหมือนเมามาย ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่ต้องกินเหล้าก็ได้ แค่ทำตัวให้เหมือนแมวก็พอ"
"แล้วมันทำยังไงอ่ะ ? ต้องร้องเหมียวแล้วกินปลาใช่ไหม ?"
"ไอ้แบบนั้นมันแค่ผิวเผิน เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าแค่ตั้งใจทำท่าให้เหมือนก็จบกัน มันมีอะไรมากกว่านั้น แต่ของแบบนี้อธิบายไปก็วุ่นวาย เอาเป็นว่าฝึกๆไปมันก็ทำได้เองแหละ แต่จะนานขนาดไหนนี่ไม่รู้นะ"
"ที่ว่านานนี่ถึงชั่วโมงรึเปล่าอ่ะ ?"
ชายชราแสยะยิ้ม ลูบเคราแล้วตอบว่า
"ถ้าฝึกทุกวันก็ซักสิบปีล่ะมั้ง"
เด็กน้อยตกใจจนหงายหลัง สำหรับเธอแค่เพียงชั่วโมงเดียวก็ถือว่านานมากแล้ว ถ้าต้องฝึกกันเป็นปีมีหวังกลับบ้านช้าโดนลุงดุหูชาแน่ๆ
"ไง รู้แบบนี้แล้วยังจะอยากฝึกอีกมั้ย ?"
"ถ้าฝึกนานขนาดนั้นหนูก็กลับบ้านช้าจนโดนดุน่ะสิ"
"ถ้ามาฝึกตอนเช้าวันละชั่วโมงสองชั่วโมงก็คงกลับไม่ช้าหรอก แต่ต้องมาทุกวันนะ ทำได้รึเปล่าล่ะ ?"
ชายชรากล่าวพึมพำแถมท้ายอีกว่า
"ไอ้การตื่นเช้ามาฝึกทุกๆวันนี่มันลำบากนา การ์ตูนรอบเช้าก็ไม่ได้ดู นอนตีพุงจนสายก็ทำไม่ได้ อยู่บ้านยังสบายกว่ากันตั้งเยอะ"
มดแดงหหยิบภาพโปสการ์ดใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ในภาพมีคุณลุงคนหนึ่งกำลังยิ้มร่า เป็นคุณลุงท่าทางใจดีในชุดสูท สวมรองเท้าบู๊ทขี่มอเตอร์ไซด์
คุณลุงคนนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เธออยากเป็นฮีโร่ คุณลุงต่อสู้กับเหล่าร้ายเพื่อปกป้องเด็กๆทุกอาทิตย์ ดังนั้นเธอจึงอยากเป็นคนที่เท่ห์และเข้มแข็งเหมือนกับคุณลุง
คุณลุงเองก็ยังต่อสู้กับเหล่าร้ายโดยไม่กลัวลำบาก แล้วเธอจะมากลัวลำบากอยู่ได้ยังไงกัน
พอคิดได้ดังนั้นความกล้าหาญก็พลุ่งพล่านขึ้นมา เธอตอบชายชราอย่างมุ่งมั่นว่า
"หนูไม่กลัวลำบากหรอก เพราะว่าหนูจะเป็นฮีโร่ !!"
------------------------------------------------------------------------------------------
เด็กคนหนึ่ง จักรยานคันหนึ่ง ผ้าพันคอผืนหนึ่ง
หมวกกันน๊อคใบหนึ่ง หน้ากากราคาถูกอันหนึ่ง กับหัวใจที่พองโตดวงหนึ่ง
นั่นเป็นตัวเอกในละครอันราบเรียบธรรมดาเรื่องหนึ่ง เป็นละครชีวิตอันแสนธรรมดาของเด็กคนหนึ่ง
ในอดีตมีคนพูดเอาไว้ว่า ชีวิตคนก็เปรียบเหมือนละคร แต่จะเป็นละครชนิดไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวเอกจะเดินเรื่องอย่างไร
สำหรับมดแดงแล้ว เธอเลือกที่จะให้ชีวิตตัวเองเป็นหนังฮีโร่
บางทีละครเรื่องนี้อาจจะไม่เลิศหรูอลังการ การจะไม่มีเรื่องราวอันตื่นเต้นเร้าใจ เป็นเพียงหนังฮีโร่ทุนต่ำเรื่องหนึ่งเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นฮีโร่อะไร ฮีโร่ก็ยังเป็นมิตรแห่งความเที่ยงธรรม เป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือปวงประชาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
การฝึกมวยจีนของเธอจะประสบผลอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของอนาคตอันแสนไกล แต่เรื่องที่เธอเป็นตัวเอกในหนังฮีโร่ของตัวเองนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้จริงแท้แน่นอน
มดแดงไม่ได้คิดถึงเรื่องของโลก ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนแปลงยุคสมัย เธอเพียงต้องการเป็นฮีโร่บนเส้นทางละครชีวิตของตนเองเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นเพียงละครเรื่องเล็กๆเรตติ้งติดดินก็ตามที แต่ถึงกระนั้นก็ตาม หากในยุคมืดนี้จะมีหนังฮีโร่เล็กๆเพิ่มขึ้นอีกสักเรื่องสองเรื่อง ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
เป็นหนังฮีโร่ทุนต่ำ เป็นเรื่องของฮีโร่ตัวเล็กๆ ที่คอยรักษาความยุติธรรมเล็กในโลกเล็กๆเท่าที่มือจะเอื้อมไปถึง
ในวันนี้ ในสายลมมีเสียงร่ำไห้อย่างโศกเศร้าปะปนมา และก็มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดๆของจักรยานติดล้อเสริมดังขึ้นด้วยในเวลาเดียวกัน
สายลมพอพัดมาวูบหนึ่ง ผ้าพันคอสีแดงสดก็ปลิวไสวไปตามทิศทางลม แสงตะวันพอทอดมา ก็กระทบหน้ากากสีเขียวรูปร่างประหลาดจนเป็นประกาย
นั่นล่ะคือตัวเอกของเรื่องนี้ ฮีโร่ตัวเล็กๆในละครเรื่องเล็กๆที่ไม่มีอะไรหวือหวาอลังการ
แต่ขอเพียงเป็นฮีโร่ แม้จะไม่เท่ห์ไม่เก่งกาจ แต่ก็ยังสามารถเปลี่ยนน้ำตาของผู้คนเป็นรอยยิ้มได้เสมอ
สำหรับละครเรื่องหนึ่ง แค่เพียงเท่านั้นก็ดีถมไปแล้วไม่ใช่หรือ ?
------------------------------------------------ จบ ------------------------------------------------
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น