คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 ++ คนรักของโฮยอน (100%)
ตอนที่ 2
ฉันหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา
ทั้งๆ ที่ฉันก็เจอพวกเขาเมื่อเช้าแต่ทำไมถึงเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ว่าเขากับยัยเตี้ยเป็นคู่รักกัน
แถมไอ้หน้าตาเอ๋อๆ ของนักเรียนทั้งโรงอาหาร รวมทั้งจูอาที่นั่งข้างๆ
ฉันมันก็ยิ่งชวนให้น่าสงสัย
“ยัยนี่เป็นคนรักของฉัน” มยองมุนย้ำอีกครั้ง
“ใช่ๆ เรารักกันม๊ากมาก” ยัยเตี้ยรีบเสริม
“นายคิดว่าฉันจะเชื่อนายหรือไง” ฉันถามกลับ ลองยั้งเชิงดูปฏิกิริยาของทั้งคู่
“ฉิบ!
ก็ฉันบอกอยู่นี่ไงเล่าว่ายัยนี่เป็นคนรักของฉัน!”
“แล้วยังไงล่ะ
นายอาจจะโกหกก็ได้นี่หรือต่อให้มันเป็นเรื่องจริง ยังไงซะ สัญญาก็ยังมีผลบังคับใช้
ถ้าฉันทุ่มนายลงพื้นได้ นายก็ต้องเป็นเจ้าบ่าวของฉันอยู่ดีนั่นแหละ” ฉันว่ากลับและฉันสาบานได้เลยว่าฉันเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาที่ขมับทั้งสองข้างของมยองมุน
อา ช่างเป็นภาพที่ดูดีจริงๆ ให้ตายสิ
“ยัยบ้าเอ๊ย
เธออยากตายมากนักหรือไงวะ ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันจำเรื่องบ้าบอนั่นไม่ได้!”
“แต่ไม่ว่ายังไง
นายก็จะเป็นเจ้าบ่าวของฉันอยู่ดีนั่นแหละ”
ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มหวานไปให้ ซึ่งมันก็ทำให้มยองมุนมองฉันตาแทบถลน
โครม!
ด้วยความโมโห
มยองมุนจึงทุบโต๊ะอย่างแรง เสียงดังโครม ขโมยลมหายใจไปจากทุกคนที่อยู่ในโรงอาหาร
รวมทั้งฉันด้วย แต่ลมหายใจของฉันไม่ได้หายไปเพราะมยองมุนหรอก แต่มันหายไปเพราะพิบิมบับของฉันหกกระจายเต็มโต๊ะ
ทั้งๆ ที่ฉันเพิ่งกินไปนิดเดียวเอง!
พิบิมบับของช้านนนนน
“เธออยากตายหรือไง” มยองมุนพูดด้วยเสียงต่ำเบา
ฉันไม่ตอบแต่ส่งยิ้มไปให้
ฉันต้องให้นายชดใช้ค่าพิบิมบับของฉันให้ได้เลยคอยดู!
“เธอ!”
“มยองมุน ฉันจัดการเอง” ยัยเตี้ยร้องพร้อมดึงแขนมยองมุนเอาไว้ ดันเขาไปยืนข้างหลัง
ก่อนที่เธอจะหันมามองฉันและถาม “เธอชอบมยองมุนใช่ไหม?”
“ไม่เลยสักนิด” ฉันตอบ และสิ่งที่ฉันได้กลับมาก็คือมยองมุนมองฉันตาเหลือก อ้าปากพะงาบๆ
พูดอะไรไม่ออก ก่อนจะสบถออกมายาวเหยียด
“แล้วทำไม...”
“เพราะเขาสัญญาแล้ว
เขาเป็นคนเซ็นสัญญาเอง เพราะฉะนั้นถ้าฉันทุ่มเขาลงพื้นได้ เขาก็จะต้องเป็นเจ้าบ่าวของฉัน” ฉันตัดบทก่อนที่ยัยเตี้ยจะพูดจบ
ยัยเตี้ยมองฉันกับมยองมุนสลับกันไปมา
แล้วก็ทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะพูดว่า “แต่...แต่ฉันเป็นคนรักของมยองมุน
เธอไม่คิดว่าตัวเองใจร้ายไปหน่อยเหรอ”
ฉันหรี่ตามองทั้งสองคนอีกครั้ง
ฉันจะบอกสองคนนี้ดีไหมนะว่าต่อให้นั่งดู นอนดู ตะแคงดูยังไง
คู่นี้ก็ไม่เหมือนคนรักกันเลยสักนิด
หึ! มยองมุน
นายคิดว่าฉันจะโง่เชื่อนายหรือไง ฉันรู้ทันนายหมดทุกอย่างนั่นแหละ
“เธอจะเอาอะไรมายืนยันว่ามยองมุนเป็นคนรักของเธอล่ะ?” ฉันถามกลับ
“ทุกอย่างนั่นแหละ
ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับยูนมยองมุน ตั้งแต่หัวจรดเท้า”
ยัยเตี้ยพูดด้วยท่าทางมั่นใจ
ท่าทางมั่นใจของยัยเตี้ยทำเอาฉันเสียความมั่นใจไปไม่น้อยทีเดียว
เพราะถึงสองคนนี้จะไม่ใช่คนรัก แต่ดูแล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่น่าจะเป็นแค่เพื่อนธรรมดา
“ถามมาเลย
ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับยูนมยองมุนล่ะก็ ฉันตอบได้ทุกอย่าง
แม้กระทั่งวันนี้เขาใส่ชั้นในสีอะไรฉันก็ตอบได้”
ผลัวะ!
ยัยเตี้ยหัวคะมำด้วยฝ่ามือของมยองมุนทันทีที่เธอพูดจบ
“ยัยบ้าเอ๊ย! พูดอะไรวะ!!”
“ก็ฉันพูดจริงนี่
ฉันเป็นคนจัดตู้เสื้อผ้าให้นายนะอย่าลืมสิ!”
“ฉิบ!” มยองมุน
ฉันมองทั้งสองคนเถียงกันแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่า
ทั้งคู่ไม่ใช่คนรักกันแน่ๆ และฉันก็ต้องคลี่ยิ้มนิดๆ เมื่อสมองน้อยๆ
ของฉันคิดอะไรบางอย่างออก “งั้นก็จูบสิ”
มยองมุนกับยัยเตี้ยที่กำลังเถียงกันอย่างเมามันหันมามองฉันด้วยท่าทางงงงวย
ฉันยักคิ้วนิดๆ พูดอีกครั้ง
“จูบไง”
“หา!”มยองมุนกับยัยเตี้ยร้องเสียงหลง
ตาแทบถลนหลุดจากเบ้าทั้งคู่
“ก็ถ้าพวกนายคบกันจริง
แค่จูบกันก็ไม่น่าจะทำไม่ได้นี่ ใช่ไหม?” ฉันพูดอีก
ยิ่งเห็นท่าทางแตกตื่นของทั้งสองคน ฉันก็ยิ่งมั่นใจว่ายัยเตี้ยไม่ได้เป็นคนรักของมยองมุนแน่ๆ
คนรักกันทำไมจะต้องทำท่าตกใจเหมือนฉันสั่งให้นอกใจแฟนอย่างนั้นล่ะ
“ว่าไงล่ะ ไม่กล้าใช่ไหมล่ะ
ที่พวกนายไม่กล้าก็เพราะพวกนายไม่ได้คบกันจริงๆ” ฉันว่ากลับ
“เธอคิดว่าใครจะเล่นเกมโง่ๆ
กับเธอกันหา!!”
“แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนรักของนายสินะ”
“ฉิบ!”
“ใช่ไหมล่ะ เธอไม่ใช่คนรักของนาย
นายถึงจูบเธอไม่ได้ และฉันก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ฉันจะต้องทำตามสัญญาให้ได้
ฉันจะทุ่มนายลงพื้นและนายจะต้องเป็นเจ้าบ่าวของฉัน” ฉันพูด เอามือกอดอกมองคนตรงหน้าที่กำลังจะกลายร่างเป็นยักษ์
หน้าของมยองมุนเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวแล้วตอนนี้
อา ช่างสะใจจริงๆ
“ได้สิ!” ยัยเตี้ยร้องขึ้นเสียงดังทำให้ฉันกับนายมยองมุนต้องหันไปมองเธอ
มยองมุนมองเธอเหมือนเธอบ้าไปแล้ว
ส่วนฉันมองเธออย่างไม่แน่ใจนัก
ยัยนี่เป็นคนรักของมยองมุนจริงๆ
หรือว่าบ้าไปแล้วกันแน่
“แค่จูบเองนี่ ใช่ไหม!”
ยัยเตี้ยพูดจบก็หันหน้าไปหามยองมุนที่ตอนนี้ได้แต่เบิกตามองยัยเตี้ยอย่างตกใจ
เขาทำท่าเหมือนกลัวนิดๆ ด้วยซ้ำ ยิ่งพอยัยเตี้ยเอามือประกบแก้มทั้งสองข้างของเขา
มยองมุนก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกเลยทีเดียว
“ยัยบ้า...เธอจะทำอะไรน่ะ!” มยองมุนร้องเสียงหลง ท่าทางเขากลัวยัยเตี้ยเอามากๆ เลยทีเดียว
บอกตามตรงฉันไม่ชอบใจเลยที่เห็นมยองมุนทำท่าแบบนี้
ไม่ชอบที่เห็นว่ายัยเตี้ยนี่มีผลต่ออารมณ์ของเขาแบบนี้
“คนรักกัน แค่จูบน่ะ
มันเรื่องเล็ก!” ยัยเตี้ยร้องลั่น
แต่ดูท่าทางแล้วน่าขำเอามากๆ ทีเดียว เพราะมันเหมือนคนกัดฟันพูดยังไงก็ไม่รู้
มยองมุนเองก็น่าขำ เพราะเขามองยัยเตี้ยตาเหลือก
พร้อมพยายามเอามือยันหน้าผากยัยเตี้ยเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
เพื่อไม่ให้ยัยเตี้ยจูบเขาได้สำเร็จ
ฉันมองภาพตรงหน้าแล้วก็รู้สึกขำๆ
เพราะดูยังไง พวกเขาสองคนก็ไม่ใช่คนรักกันแน่ๆ
เฮือกกกก
จู่ๆ ฉันก็รู้สึกถึงไอเย็นสะท้าน
รู้สึกถึงรังสีอันตรายที่แผ่กระจายทำเอาคนทั้งโรงอาหารสะดุ้งเฮือกรอบที่สอง
มยองมุนเองก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน เพราะเขาหยุดร้องโวยวายและหันไปมองด้านหลังเขาทันที
“เธอกำลังทำอะไรอยู่เหรอยูโฮยอน” เสียงเย็นชาดังขึ้น
ฉันรู้สึกว่าอากาศโดยรอบกดต่ำลงอย่างน่ากลัว
ความเย็นยะเยือกของเจ้าของน้ำเสียงนั้นก็ทำเอาฉันกลัวจนขนลุก
ฉันยอมรับอย่างไม่อายเลยล่ะ ว่าแค่ได้ยินเสียง ฉันก็แทบอยากจะวิ่งหนีแล้ว
ยัยเตี้ยดูจะปฏิกิริยาฉับไวที่สุด
เพราะเธอวิ่งมาหลบหลังฉันอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ฉันเองยังมองตามไม่ทันด้วยซ้ำ ก่อนจะโผล่ออกมาแค่หน้า
มองตรงไปยังเจ้าของเสียงและไอเย็นยะเยือกคนนั้น ที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา
ฉันมองผู้ชายตรงหน้าก่อนจะลอบกลืนน้ำลาย
ฉันยอมรับเลยว่าผู้ชายตรงหน้าน่ากลัวมากทีเดียว ผู้ชายคนนี้เป็นประเภทที่จะสบประมาทไม่ได้เด็ดขาด
แม้ว่าเขาจะหล่อเหมือนพวกดารานายแบบในหน้านิตยสารก็ตาม ไม่ว่าจะประเมินยังไง
ผู้ชายคนนี้ก็น่ากลัวไม่ต่างจากมยองมุน
จะต่างกันก็เพียงแค่ผู้ชายคนนี้เป็นประเภทน่ากลัวแบบมีสมอง
ส่วนมยองมุนเป็นประเภทน่ากลัวแต่ไร้สมอง
“ยูโฮยอน” เขาเรียก สายตาเขาจับจ้องอยู่ที่ยัยเตี้ยเท่านั้น
ขณะที่มยองมุนก็ได้แต่โบกมือโบกไม้เป็นเชิงปฏิเสธไปมา
“ตาเขาขวางๆ
เขางอกออกมาจากหัวหรือยังอ่ะ” เสียงยัยเตี้ยถามดังมาจากด้านหลัง
ทำเอาฉันแทบหลุดหัวเราะออกมา
“ยัง”
ฉันกระซิบตอบ สายตายังคงเพ่งมองคนตรงหน้านิ่ง เพื่อระวังตัว
เขาละสายตาจากยัยเตี้ยที่เอาแต่หลบอยู่ด้านหลัง
เลื่อนสายตามองมาที่ฉัน บอกตามตรง ตอนที่สบตากัน หัวใจฉันเต้นผิดจังหวะเลยทีเดียว
ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแค่หน้าตาดีเท่านั้น แต่สายตาเขายังคมเข้มลึกน่าค้นหาอีกต่างหาก
“ห้ามหลงเสน่ห์ก้อนน้ำแข็งเดินได้ของฉันนะ” เสียงกระซิบดังมาจากด้านหลังอีกครั้ง
ก้อนน้ำแข็งเดินได้?...หมายถึงผู้ชายคนนี้น่ะเหรอ
แล้ว...ของฉัน?...งั้นก็แสดงว่า...
นายก้อนน้ำแข็งเดินได้ไม่พูดอะไรอีก
เขาเดินตรงเข้ามาหาเราสองคน มาหยุดอยู่ด้านข้างยัยเตี้ย
ที่ตอนนี้ก็ยังเอาแต่แอบอยู่ด้านหลังฉันอยู่โดยไม่คิดจะเงยหน้ามองสถานการณ์
“ยูโฮยอน” นายก้อนน้ำแข็งเดินได้ก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูยัยเตี้ย
“แว้กกกกกกก” ยัยเตี้ยร้องลั่น ก่อนทำท่าจะวิ่งหนี แต่เธอไปได้ไม่เกินสองก้าว เพราะนายก้อนน้ำแข็งเดินได้คว้าเอวเธอเอาไว้ได้ซะก่อน
“ละ ลีชิน...สวัสดี...ทำไมกลับเร็วจังล่ะ
ไหนว่าไปสัมมนากับคุณพ่อที่ภูเก็ตจะกลับอาทิตย์หน้าไม่ใช่เหรอ แหม
ไม่ต้องทำเซอร์ไพรซ์ฉันหรอกนะ ถ้านายบอกฉันล่ะก็ ฉันจะได้ไปรับนายที่สนามบินไง”
“เมื่อกี้เธอคิดจะทำอะไรเหรอยูโฮยอน” นายก้อนน้ำแข็งเดินได้ที่รู้สึกจะชื่อลีชินถามด้วยเสียงเย็นยะเยือก เขาจับตัวยัยเตี้ยให้หันไปเผชิญหน้าเขา
“ง่า ฉัน...ฉัน...” ยัยเตี้ยร้องเสียงอ่อย ก่อนที่เธอจะหันมามองฉัน “ฉันอยากแนะนำให้เธอรู้จัก
นี่ก้อนน้ำแข็งเดินได้ของฉัน ชื่อลีชิน”
ฉันอยากจะหัวเราะซะให้ได้
ขนาดในสถานการณ์อย่างนี้ ยัยเตี้ยนี่ยังพูดเล่นได้อีก
“สวัสดี ฉันลีชิน” เขาแนะนำตัว
“แชอึนยอง
เพิ่งย้ายมาวันนี้”
“ถ้ายังไง
ฉันกับโฮยอนต้องขอตัวก่อน” นายลีชินพูดพร้อมลากยัยเตี้ยออกไป
ส่วนยัยเตี้ยก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ซะให้ได้
ฉันหันกลับมามองมยองมุน
สีหน้าเขาไม่มีความเสียใจแม้แต่น้อย มีแต่สีหน้ายุ่งๆ เหมือนประมาณ เกือบซวยแล้วไหมล่ะ
“งั้นก็แสดงว่าลีชินคือคนรักของยูโฮยอนสินะ” ฉันถามกลับและมั่นใจได้ในทันที เพราะเสียงคนทั้งโรงอาหารที่ร้องอือออกมาพร้อมกัน
รวมถึงสีหน้าโมโหเดือดของมยองมุนด้วย
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วยสินะ
แผนตื้นๆ แบบนี้คิดเหรอว่าจะเอามาหลอกฉันได้น่ะ
“เธอจะเอายังไงก็ว่ามาเลย” มยองมุนพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำเบา น่ากลัว
“ก็อย่างที่บอกนายไปแล้วเมื่อเช้า
จนกว่าสัญญาจะครบกำหนด นายก็จะยังคงเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของฉัน”
มยองมุนสบถลั่น
ก่อนจะหันหลังและเตรียมจะเดินจากไป
แต่นายอย่าหวังว่าฉันจะยอมให้นายไปง่ายๆ
นะ
“เดี๋ยว!”
มยองมุนหันกลับมามองฉันตาขวาง
“นายเป็นหนี้ฉัน”
“อะไรอีกวะ!”
“ก็นายทุบโต๊ะซะโครมใหญ่
ทำให้พิบัมบิบของฉันหกหมด ทั้งที่ฉันยังกินไม่อิ่มเลย นายเป็นคนทำให้ฉันอดกิน
เพราะฉะนั้น นายต้องซื้อพิบิมบับมาชดใช้ให้ฉัน” หน้าของมยองมุนตอนนี้ดูตลกมากทีเดียว
เพราะมันไม่แค่เปลี่ยนสีไปมาเท่านั้น แต่มันยังบิดเบี้ยวจนหมดหล่ออีกด้วย
ส่วนคนทั้งโรงอาหารตอนนี้ก็กลับไปกลั้นหายใจต่ออีกครั้ง
“เธอ!!”
“หยุดก่อนมยองมุน” ก่อนที่มยองมุนจะทันได้เข้ามาลากคอฉัน เสียงทุ้มแต่เซ็กซี่บาดหูก็ดังขึ้นซะก่อน
นายขี้เก๊กยึดไหล่ของมยองมุนเอาไว้ ก่อนที่เขาจะหันมาทางฉัน พร้อมรอยยิ้มสุดเท่
ที่ทำเอาสาวๆ ในโรงอาหารถึงกับถอนหายใจอย่างเคลิบเคลิ้ม
แต่ทำไมนายนี่ต้องมาส่งยิ้มให้ฉันด้วย
บอกก่อนเลยนะ ฉันไม่ชอบรอยยิ้มของนายขี้เก๊กนี่สักนิด!
“ถ้ายังไง
ฉันขอเลี้ยงข้าวเธอแทนก็แล้วกัน หวังว่าเธอคงไม่รังเกียจ”
“ฉันรังเกียจ!” ฉันสวนทันที นายขี้เก๊กชะงักไปนิดนึง ก่อนจะยิ้มออกมาเหมือนเดิม
ทำท่าเหมือนไม่ได้ใส่ใจคำตอบของฉัน
อะไรจะหน้าด้านขนาดนี้เนี่ย
“เธอนี่น่ารักดีนะ
ไม่ต้องเกรงใจหรอกเพราะฉันเต็มใจจะเลี้ยง”
เขาพูดจบก็เดินไปที่ร้านขายอาหาร จัดการสั่งพิบิมบับให้ฉันแล้วเดินกลับมา
วางจานพิบิมบับลงตรงหน้าฉัน ก่อนจะพูดว่า “กินให้อร่อยนะ”
และเขาไม่เพียงแค่พูดเฉยๆ นะ เขายังจะขยิบตาส่งให้ฉันด้วย!
ฉันมองนายขี้เก๊กที่สุดแสนจะหน้าด้านอย่างงงๆ
ต้องยอมรับว่าฉันอึ้งเลยล่ะ
ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นใครหน้าด้านกว่าฉันเลยนะ(!?)
หมอนี่เป็นคนแรกเลย
“อ๊ายยย ฉันอิจฉาเธอจริงๆ
เลยอึนยอง” จูอาร้องลั่นเมื่อหนุ่มหล่อทั้งหกคนพร้อมยัยเตี้ยยกขบวนออกจากโรงอาหารไปแล้ว
“อะไรอีกล่ะ?”
“ก็แหม เธอถูกฮันมีโซชมว่าน่ารัก
เธอรู้ไหม ฉันยอมทำอะไรก็ได้เพื่อให้ฮันมีโซพูดคำนั้นกับฉัน”
จูอาพูดพร้อมท่าเคลิ้มใหญ่อีกรอบ
ส่วนผู้หญิงทั้งโรงอาหารก็ส่งรังสีพิฆาตใส่ฉันเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจนตัวฉันพรุนไปหมดแล้ว
ฉันก้มลงมองจานพิบิมบับของตัวเองอย่างเซ็งๆ
ถ้าคนที่ซื้อให้เป็นมยองมุนล่ะก็ ฉันคงกินมันลง แต่นี่...แค่คิดถึงหน้าคนซื้อให้
ฉันก็อิ่มแล้วล่ะ
“นี่ เธอจะไม่กินต่อเหรอ?”
“ถ้าเธออยากกินต่อ ฉันยกให้” ฉันพูดจบก็เดินออกจากโรงอาหารทันที
ไม่สนใจว่าจูอาจะทำอะไรกับพิบิมบับจานนั้น
ยูนมยองมุน นายคิดว่าจะหนีฉันไปไหนได้
เรื่องสนุก มันไม่จบแค่นี้หรอกน่า มันก็แค่เพิ่งต้นเท่านั่นแหละ
เย็นนี้แหละ สนุกของจริง!
หลังเลิกเรียน
ฉันกำลังเงยหน้ามองหอพักสองชั้น สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจ
ยูมยองมุน นายจะทำหน้ายังไงนะ
ตอนที่เห็นฉัน
ฉันคลี่ยิ้มเมื่อภาพนั้นมันนึกได้ไม่ยากเลย
ฉันกระชับกระเป๋าเป้และเดินเข้าไปในหอ ทันทีที่ฉันเข้ามา ฉันก็บอกได้เลยว่าคนที่อยู่หอนี้กำลังอยู่ที่ไหน
เสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากห้องทางด้านขวามือของฉัน
ฉันเดินตามเสียงไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ซึ่งดูแล้วก็คงจะเป็นห้องนั่งเล่น
ในห้องนั่งเล่นมีคนอยู่ทั้งหมดห้าคน
มยองมุนกำลังล็อกคอหนุ่มหน้าสวยอยู่ด้านขวาของห้อง
ผู้ชายขี้เก๊กนั่งหลับตาเหยียดขาไปบนโต๊ะกลางของโซฟา ข้างๆ นายขี้เก๊กผู้ชายท่าทางเซอร์ๆ
กำลังดีดกีตาร์อยู่ข้างๆ ส่วนนายลีชินนั่งอ่านหนังสือที่โซฟาด้านซ้าย
ฉันยืนมาได้สักพักแล้ว แต่ก็ไม่มีใครคิดจะสนใจฉันเลย
ฉันจึงต้องร้องขึ้น
“อะแฮ่ม!”
ทุกคนหันมามองฉันทันที
แม้แต่นายขี้เก๊กก็ลืมตาขึ้นมองฉัน ทุกคนมีสีหน้าตกใจมากอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะมยองมุน
จะยกเว้นก็คนเดียวเท่านั้นที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลย นั่นก็คือผู้ชายที่ชื่อลีชิน
สีหน้าเขาไม่ได้ต่างจากที่ฉันคิดเลยจริงๆ
“สวัสดีทุกคน”
“เธอมาทำบ้าอะไรที่นี่!” มยองมุนคำรามเสียงดังลั่น
…………………………………………………………………………………………….
ความคิดเห็น