คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1++สาวแสบปะทะนายมาเฟีย (100%)
ตอนที่ 1
เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นทันทีที่ฉันเดินมา
พวกนักเรียนที่เดินกันอยู่เต็มระเบียงทางเดินต่างหันมามองฉันและพูดนินทาด้วยเสียงที่ไม่ได้เบาเลยสักนิด
เหมือนจะจงใจให้ฉันได้ยินเต็มสองหูเลยด้วยซ้ำ
“นั่นไง
เด็กที่ประกาศว่าจะแต่งงานกับยูนมยองมุน”
ฉันแค่บอกว่าหมอนั่นต้องเป็นเจ้าบ่าวของฉัน
ไม่ได้บอกว่าจะแต่งงานกับเขาสักหน่อย!
“สูงมากๆ เลยนะ ขาย๊าวยาว”
แน่นอนอยู่แล้วล่ะย่ะ ฉันนะเป็นสาวสวนสมบูรณ์แบบนี่
โฮะ โฮะ
ฉันชื่อ แชอึนยอง อายุสิบเจ็ดปี เรียนอยู่ม.ปลายปีสามที่อินชอน
แต่เหตุผลที่ฉันต้องมาเรียนอยู่ที่นี่ก็เพราะฉันต้องเข้าค่ายเก็บตัวเพื่อเตรียมเข้าแข่งขันยูโดระดับประเทศที่จะจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้านี้
ฉันเจาะจงมาเรียนมัธยมปลายแดซองแห่งนี้ ก็เพราะผู้ชายที่ชื่อยูนมยองมุนอยู่ที่นี่
ที่บ้านฉันเป็นโรงฝึก
ฉันจึงได้รับการฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวมาตั้งแต่เด็ก ฉันสามารถล้มผู้ชายที่น้ำหนักมากกว่าฉันสองเท่าหรือตัวสูงกว่าฉันเท่าตัวได้อย่างสบายๆ
แล้วคิดดูสิมันน่าโมโหไหมล่ะ ที่ฉันคนนี้สามารถล้มได้แม้กระทั่งผู้ใหญ่ตัวเบ้อเร่อ
แต่ฉันไม่สามารถแม้แต่จะทำให้เด็กผู้ชายข้างบ้านที่อายุเท่ากันมีรอยแผลได้แม้แต่รอยเดียว
เด็กผู้ชายที่หน้าตาน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิง
เขาก็ถือว่าสูงกว่าเด็กที่อายุเท่าๆ กัน แต่ถ้าเทียบกับฉันแล้วเขาก็ไม่ได้สูงไปกว่าสักเท่าไร
อย่างมากก็แค่ห้าเซนติเมตรเท่านั่นแหละ บ้านเราอยู่ติดกัน
ฉันจึงรู้จักเขามาตั้งแต่เด็ก และตั้งแต่เล็กจนโต
เขาเป็นคนเดียวที่ฉันไม่สามารถทำให้เขาได้แผลแม้แต่แผลเดียว
แม้แต่จะทุ่มเขาลงพื้นสักครั้งก็ยังไม่เคยทำได้ ฉันท้าเขาแข่งด้วยหลายครั้งผลที่ออกมาก็คือฉันแพ้เขาทุกครั้ง!
ที่สำคัญคือยูนมยองมุนไม่เคยแม้แต่จะเรียนศิลปะการป้องกันตัวอย่างจริงจังด้วยซ้ำ!
คิดดูสิว่ามันทำให้ชื่อเสียงในฐานะเจ้าของโรงฝึกอย่างฉันเสียหน้าแค่ไหน
แต่แล้วจู่ๆ
วันหนึ่งเด็กคนนั้นก็ย้ายบ้านไป โดยที่ไม่บอกฉันสักคำ เขาย้ายหนีไปโดยที่ฉันยังไม่ทันได้แก้แค้น
แต่ฉันไม่กังวลอะไรมากหรอก เพราะฉันมีสัญญาฉบับนั้นอยู่
และฉันก็ตั้งใจแล้วว่าจะต้องทำให้เด็กผู้ชายคนนั้นยอมแพ้ฉันให้ได้
ตลอดเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา
ฉันตั้งใจฝึกอย่างหนัก และวันนี้แหละ ฉันจะทำให้เขาแพ้ฉันให้ได้!
ความคิดต่างๆ ของฉันหยุดลงทันทีเมื่อจู่ๆ
บรรยากาศที่ระเบียงทางเดินเปลี่ยนไป
ฉันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่แผ่มาจากใครบางคนที่อยู่ด้านหลัง
บรรดานักเรียนที่อยู่ตามระเบียงทางเดินต่างเบียดตัวกันชิด แทบจะแทรกตัวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกำแพง
ถ้าพวกเขาวิ่งหนีทะลุกำแพงได้คงทำไปแล้ว ส่วนพวกที่โผล่หน้ามาจากหน้าต่างห้องเรียนก็รีบผลุบหัวหายกลับเข้าไปทันที
ฉันหยุดเดินและหันกลับไปทางต้นตอของแรงกดดันนั้น
และฉันก็เห็น เขา กำลังเดินตรงมาทางฉัน ฉันรู้สึกถึงรังสีพิฆาตที่เขาปล่อยออกมา
สีหน้าบ่งบอกอย่างดีถึงอารมณ์ที่พร้อมจะฆ่าคน แต่เขาไม่ได้มาคนเดียวนะ ที่ด้านหลังเขามีผู้หญิงตัวเล็กๆ
วิ่งตามมาด้วย พร้อมด้วยขบวนหนุ่มหล่ออีกสี่คน และพวกเขาทั้งหมดก็เดินมาหยุดตรงหน้าฉัน
“สวัสดียูนมยองมุน” ฉันเอ่ยทักพร้อมส่งยิ้มหวานไปให้ ขณะที่บรรดานักเรียนที่ออกันอยู่ตามทางเดินหายใจเข้าเฮือกใหญ่
ลุ้นกันตัวโก่ง
“ยัยบ้าเอ๊ย! เธอพูดบ้าอะไรบนเวทีนั่น!!” เขาเริ่มแหกปาก เดินเข้ามาประชิดตัวฉัน
ถ้าเขาจะหวังให้ฉันกลัวเสียงอันดังสนั่นและท่าทางข่มขู่ของเขาแล้วล่ะก็
ฉันคงต้องทำให้เขาผิดหวังแล้วล่ะ
“ก็ความจริงไงล่ะ
ฉันเป็นคนเปิดเผยนะ เพราะฉะนั้นฉันไม่ปิดบังสิ่งที่ตัวเองคิดจะทำหรอก”
“เธอ!!”
ฉันเชิดหน้าขึ้นอย่างท้าทาย แต่ก็ต้องแอบเคืองนิดๆ
ไม่ว่าเมื่อไรฉันก็ต้องแพ้หมอนี่ตลอดเลยสิน่า ขนาดความสูง ฉันก็ยังสู้เขาไม่ได้เลย
ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ทั้งๆ ที่ฉันสูงตั้งหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกเซนติเมตรแล้วนะ
แต่ฉันก็ยังเตี้ยกว่าเขาอยู่ดี
ถ้าให้ฉันกะความสูงคร่าวๆ
ของมยองมุนล่ะก็ คงไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรแน่ๆ
“เธออยากตายหรือไง
ถึงกวนโมโหฉันอย่างนี้!!”
มยองมุนพูดพร้อมเอื้อมมือมากระชากคอเสื้อฉัน ซึ่งเรียกเสียงหายใจเข้าแรงของบรรดาเกาหลีมุงได้อย่างดี
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ
ยูนมยองมุน!!” เสียงหวานตวาดลั่น ก่อนที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะวิ่งเข้ามาดึงมือของมยองมุนออกจากคอเสื้อฉัน
“นายกำลังจะทำบ้าอะไร!”
“เธอไม่ได้ยินสิ่งที่ยัยบ้านี่พูดบนเวทีหรือไง!” มยองมุนว่ากลับ แต่แทนที่เธอจะกลัว เธอกลับเอามือเท้าเอว มองหน้าเขาอย่างท้าทาย
ฉันมองผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้าอย่างพิจารณา
เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก หน้าตาน่ารัก แต่น้อยกว่าฉันนะ เธอตัวเล็กมากๆ
หรือถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือเธอเตี้ยมากๆ
ความสูงไม่น่าเกินหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรด้วยซ้ำ
แต่ทำไมเธอถึงดูมีพลังมากมายขนาดนี้ แถมเธอยังกำลังท้าทายผู้ชายที่สูงกว่าเธอตั้งหนึ่งฟุตอีกด้วย
“ได้ยิน เต็มสองหูเลย
แล้วก็เห็นนายหงายหลังตกเก้าอี้ด้วย” ยัยเตี้ย(อัพเกรดแล้ว)ว่ากลับ
“เฮ้
โฮยอนเรื่องนั้นไม่ต้องพูดก็ได้นะ” ผู้ชายท่าทางขี้เก๊กเอ่ยขึ้น
ก่อนที่เขาจะหันมาส่งยิ้มหวานเลี่ยนให้ฉัน “ไงจ๊ะ สาวสวย
ถึงมยองมุนจะไม่อยากเป็นเจ้าบ่าวของเธอ แต่ฉันเต็มใจจะเป็นให้นะ”
“เอาความเต็มใจของนายวางไว้ตรงนั่นแหละ
เพราะคนที่จะเป็นเจ้าบ่าวของฉันมีแค่ยูนมยองมุนเท่านั้น”
“อ๊า มีโซ มีผู้หญิงที่ปฏิเสธยิ้มพิฆาตของนายสองคนแล้วนะ
ฉันว่านายต้องหันไปบริหารเสน่ห์ใหม่แล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า”
ผู้ชายที่ดูยังไงก็เหมือนผู้หญิงร้องขึ้น ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะก๊ากออกมา
แต่เขาก็ทำได้แค่แป๊บเดียวนะ เพราะนายขี้เก๊กที่ชื่อว่ามีโซตบหัวเขาอย่างแรงจนหน้าเกือบคะมำ
“ถ้าไม่อยากตายก็อยากมายุ่งกับฉัน
จำเอาไว้” มยองมุนขู่เสียงเข้ม
ก่อนจะหันหลังและเตรียมจะเดินจากไป
แต่ถ้านายคิดว่าฉันจะยอมเชื่อฟังนายล่ะก็
นายก็กลับไปคิดใหม่ซะเถอะยูนมยองมุน
“คงไม่ได้หรอก
เพราะนายต้องเป็นเจ้าบ่าวของฉัน” ฉันตอบกลับ
มยองมุนชะงักฝีเท้า หันกลับมามองฉันตาขวาง
ฉันส่งยิ้ม(ที่คิดว่า)หวานไปให้เขาสองวินาที ก่อนจะปล่อยหมัดออกไป
เป้าหมายคือหน้าหล่อๆ ของยูนมยองมุน
หวืด!
มยองมุนดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย
แต่เขาก็หลบหมัดของฉันได้อย่างเฉียดฉิว และไม่เพียงแค่นั้น เขายัง
หมับ!
ข้อมือฉันถูกมยองมุนยึดไว้มั่นเมื่อฉันจะดึงมือกลับ
แต่แค่นั้นหยุดฉันไม่ได้หรอกน่า ฉันหมุนตัว ตั้งใจอัดศอกใส่แทน แต่เขาก็ยึดเอาไว้ได้อีกครั้ง
“เธอทำบ้าอะไรวะ!”
“ก็ทำให้นายเป็นเจ้าบ่าวของฉันไง” ฉันตอบกลับ ขณะสลัดแขนข้างหนึ่งจนหลุดจากการเกาะกุม
มืออีกข้างสอดเข้าไปใต้รักแร้ของมยองมุน ใช้ไหล่ช่วย เตรียมจะทุ่มเขาลงกับพื้น
ตอนนายเผลอนี่แหละดีที่สุด!!
เอ้า ฮึบ!
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เท้าของมยองมุนแทบไม่ขยับลอยขึ้นจากพื้นด้วยซ้ำ
ฮึบ!!
ผลก็ยังเหมือนเดิม
“เธอคิดว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
ยัยประสาท!” มยองมุนตวาดลั่น เสียงเขาดังอยู่เหนือหัวฉัน
แม้ว่าจะยังตกใจที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด
แต่ฉันก็มีสติพอที่จะวิ่งหนีออกมาจากระยะเอื้อมของมยองมุน
อย่างน้อยฉันก็ต้องยึดหลักความปลอดภัยไว้ก่อนล่ะนะ
“ฉันถามว่าเมื่อกี้เธอทำบ้าอะไร”
“ก็ทำให้นายเป็นเจ้าบ่าวของฉันน่ะสิ” ฉันว่ากลับ แต่ในใจรู้สึกหงุดหงิดเอามากๆ ทั้งๆ
ที่โจมตีติดต่อกันขนาดนั้น ยังทำอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด
“ด้วยการจับเขาทุ่มน่ะเนี่ยนะ!” ยัยเตี้ยร้องเสียงหลง
“ใช่!”
“ถ้าอย่างนั้นเธอไม่มีทางได้หมอนี่เป็นเจ้าบ่าวหรอก” ยัยเตี้ยบอกทันที
“จะได้ไม่ได้มันก็เรื่องของฉัน
เธอไม่เกี่ยว” ฉันว่ากลับ ทำให้ยัยเตี้ยหน้าเสียนิดๆ
“ฉันไม่สนว่าเธอจะบ้าหรือประสาทเสียมาจากไหน
แต่ถ้าเธอพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นกับโฮยอนอีก ฉันจะตีเธอแน่”
มยองมุนพูดเสียงเข้ม น้ำเสียงและท่าทางของเขาจริงจังมากกับสิ่งที่พูด ผู้ชายอีกสี่คนด้านหลังเขาก็ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับสิ่งที่มยองมุนพูดเหมือนกัน
“ก็ได้” ฉันตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ยังไงซะ
ฉันก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรยัยเตี้ยนี่อยู่แล้ว
“เธอจะยอมเลิกยุ่งกับมยองมุนงั้นเหรอ?” นายหน้าสวยถาม
“ใครบอกล่ะ ฉันหมายถึงฉันจะไม่ยุ่งกับยัยนี่ต่างหาก” ฉันพูดพร้อมชี้ไปที่ยัยเตี้ยที่ยังยืนหน้าเหวออยู่ “แต่ฉันไม่ได้บอกว่าจะยอมปล่อยยูนมยองมุนไปซะหน่อย
ยังไงเขาก็ต้องเป็นเจ้าบ่าวของฉัน”
“ฉิบ!
เธออยากหาเรื่องตายหรือไง!” มยองมุนโวยลั่น
“ยอมรับซะเถอะน่า ยังไงนายก็ต้องเป็นเจ้าบ่าวของฉัน” ฉันส่งยิ้มกลับไปให้มยองมุน ก่อนจะเปิดกระเป๋านักเรียนออก หยิบกระดาษที่ฉันนำไปเคลือบพลาสติกใสอย่างดีออกมาและยื่นมันไปตรงหน้าเขา
มยองมุนทำหน้างงเล็กน้อย
ก่อนที่พวกเขาทั้งห้าคนรวมทั้งมยองมุนจะยื่นหัวมาอ่านข้อความบนกระดาษ
“เอ่อ...ดูเหมือนจะเป็นลายมือนาย” ยัยเตี้ยพูดขึ้นเป็นคนแรก
“ช่างเป็นสัญญาที่น่ากลัวจริงๆ” นายมีโซพูดพร้อมพยายามกลั้นหัวเราะ ขณะที่นายหน้าหวานปล่อยหัวเราะก๊ากออกมาเสียงดัง
ส่วนหนุ่มหล่ออีกสองคนที่เหลือ หันหน้าหนี ไหล่สะท้านขึ้นลง
บอกได้อย่างดีว่ากำลังพยายามกลั้นหัวเราะเหมือนกัน
ส่วนผู้มีส่วนได้เสียกับสัญญาก็คือมยองมุน
ถึงกับเบิกตากว้าง และพยายามยื่นมือมาดึงสัญญาไปจากมือฉัน
แต่แน่นอนว่าฉันไม่มีทางปล่อยให้มันไปอยู่ในมือเขาง่ายๆ หรอก ฉันรีบดึงกลับมายัดใส่กระเป๋าเอาไว้ทันที
“สัญญานั่นมันอะไรกันวะ!”
“ก็สัญญาที่นายทำไว้เมื่อเจ็ดปีที่แล้วยังไงล่ะ” ฉันตอบกลับ รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นอีกนิด
นี่เขาจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ
แม้แต่เห็นสัญญาที่ตัวเองเป็นคนเซ็นเองก็ยังจำไม่ได้อีกงั้นเหรอ
“เอาสัญญาบ้านั่นมา!” มยองมุนพูดด้วยเสียงต่ำแทบไม่ลอดไรฟัน ก่อนจะหันไปตบหัวนายหน้าหวานจนหน้าเกือบคะมำเพราะเขาไม่ยอมหยุดหัวเราะสักที
“ไม่มีทาง”
“บ้าเอ๊ย!” มยองมุนสบถลั่น พุ่งตรงเข้ามาหาฉัน
มยองมุนเอื้อมมือมาหมายจะจับไหล่ฉัน
แต่ฉันไม่ยอมให้เขาจับได้ง่ายๆ หรอก ถึงฉันจะทุ่มเขาลงพื้นไม่ได้
แต่ฉันก็เป็นถึงแชมป์ยูโดระดับประเทศสี่สมัยซ้อนเชียวนะ ฉันเบี่ยงไหล่หลบ
แต่มยองมุนก็ปฏิกิริยาฉับไวมากเหมือนกัน เขาใช้มืออีกข้างคว้าต้นแขนของฉันแทน
ฉันจึงหมุนตัวหมายจะหลบ แต่ก็ไม่วายถูกรวบข้อมือไว้ได้อีก
ฉันเห็นว่าท่าไม่ดี ไม่รู้จะทำไงดี
เพราะตอนนี้ข้อมือฉันถูกยึดไว้แน่น มยองมุนเองก็เผยรอยยิ้มสะใจออกมา
และเขาก็ออกแรงดึงข้อมือฉัน
แต่ขอโทษ ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
หรอกน่า
พอเขาออกแรงดึง
ฉันก็ทำเป็นขืนตัวเล็กน้อย ทำให้มยองมุนต้องออกแรงเพิ่มขึ้นอีก
พอเขาออกแรงเพิ่มอีกครั้ง ฉันก็ปล่อยตัวตามแรงฉุด และก่อนที่มยองมุนจะทันรู้ตัว
ฉันก็เหนี่ยวแขนรวบต้นคอเขา โหนตัวขึ้นทันที
แน่นอนว่าปฏิกิริยาตอบสนองของมยองมุนก็คือตกใจ
แต่เขาก็ยังไวพอที่จะสอดแขนเข้าไปช้อนใต้ข้อพับเข่าฉัน
สุดท้ายฉันจึงตกอยู่อ้อมแขนของมยองมุนในท่าอุ้มเจ้าหญิง
ห่างไกลจากภาพที่ฉันคิดเอาไว้ว่าจะทำให้เขาต้องล้มคะมำไปมากทีเดียว
แต่ก็เอาเถอะ ใช่ว่าฉันจะรับมือสถานการณ์นี้ไม่ได้
“ว้าวว
ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยถูกอุ้มแบบนี้เลยนะ”
ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มหวานให้เขา
ใบหน้ามยองมุนบิดเบี้ยวสุดๆ ความรู้สึกผสมกันระหว่างความตกใจ
โกรธ และอึ้ง
แต่ก่อนที่เขาจะจับฉันทุ่มลงกับพื้น
ฉันก็กระโดดลงจากอ้อมแขนเขาซะก่อน แล้วรีบถอยหลังหนีให้พ้นระยะเอื้อมของเขา
“สามเดือนต่อจากนี้ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะจ๊ะ
คุณว่าที่เจ้าบ่าว” ฉันพูดพร้อมทำท่าส่งจูบให้เขา แล้วรีบเดินหนีจากมาทันทีโดยไม่คิดจะรอคำตอบ
“ยัยบ้าเอ๊ย!!!!” เสียงมยองมุนตวาดลั่น
เหอะ
ยูนมยองมุนถ้านายคิดจะเล่นงานฉันง่ายๆ เหมือนตอนเด็กๆ ล่ะก็ นายพลาดแล้วล่ะ
ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย
เพียงแค่คิดถึงหน้ามยองมุนตอนที่เขาแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายแล้ว มันก็ทำให้ฉันยิ่งฉีกยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเท่านั้น
แต่รอยยิ้มฉันก็ต้องเลือนหายไปเมื่อภาพผู้หญิงตัวเล็กหน้าหวานอย่างกับตุ๊กตาที่ยืนเคียงข้างเขาผุดขึ้นในสมอง
ยัยนั่นเป็นใครกันนะ แล้วทำไมมยองมุนถึงดูปกป้องเธอเหลือเกิน
“เอ่อ...สวัสดี” เสียงหวานของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ฉันต้องเงยหน้ามอง คนที่เข้ามาทักฉันเป็นผู้หญิงท่าทางน่ารักคนหนึ่ง
“ฉันชื่อคิมจูอา เราอยู่ห้องเดียว ที่นั่งของเราติดกันด้วย”
“ฉัน...แชอึนยอง” ฉันแนะนำตัวบ้าง ซึ่งสิ่งที่ฉันได้กลับมาก็คือรอยยิ้มหวาน
จูอาเป็นผู้หญิงน่ารัก แต่ก็แอบดูเท่นิดๆ เพราะผมซอยสั้นเข้ากับรูปหน้าเล็กๆ
ของเธอ ดวงตาจูอาเรียวเล็กจนแทบจะเห็นเป็นขีด จมูกก็เล็ก ริมฝีปากก็น่ารัก
กะจากสายตาจูอาคงสูงไม่เกินหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรแน่ๆ
และนั่นมันก็ทำให้เธอดูเหมือนเด็กม.ต้นมากกว่าจะเป็นเด็กม.ปลายปีสาม
“เธอรู้มั้ยว่าตอนนี้เธอกำลังเป็นที่สนใจของคนทั้งโรงเรียนเลยนะ”
“ฉันก็มั่นใจแบบนั้น” เรื่องแบบนี้ไม่ต้องบอกฉันก็พอเดาได้แหละ
ก็สายตาของนักเรียนทั้งห้อง(อาจจะทั้งโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ)กำลังจ้องมองมาที่ฉันนี่
“เพราะเธอประกาศว่าหนึ่งในหกเจ้าชายจะเป็นเจ้าบ่าวของเธอน่ะสิ” จูอาบอกก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ ฉัน
คำพูดของจูอาทำให้ฉันต้องเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
หกเจ้าชายงั้นเหรอ?
“อย่างแรกที่เธอควรจะรู้เกี่ยวกับการอยู่ที่นี่นะแชอึนยอง” จูอาพูดด้วยท่าทางจริงจังขึงขัง ทำเอาฉันต้องตั้งใจฟังตามที่เธอบอก “โรงเรียนมัธยมแดซองแห่งนี้ มีเทพบุตรอยู่หกคนด้วยกัน
พวกเขาย้ายมาเรียนที่แดซองเมื่อเทอมที่แล้ว แต่ละคนหล่อลากไส้ ยั่วน้ำลายสุดๆ
ไปเลยล่ะ คนแรกลีชิน หนุ่มเย็นชา แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ลึกลับอันน่าค้นหา
ในบรรดาทั้งหกคนเขาหัวดีที่สุด เขาสอบได้อันดับหนึ่งของระดับชั้นมาสองครั้งแล้วด้วยคะแนนเต็มทุกวิชา
แต่สำหรับคนนี้ผู้หญิงทุกคนหมดสิทธิ์เพราะเขามีสุดที่รักอยู่แล้ว คนที่สองก็คือยูนมยองมุน
ด้วยมาดดุ เท่ เถื่อนเหมือนพวกมาเฟียในหนัง ทำให้เขาได้คะแนนนิยมไม่แพ้ลีชินเชียวล่ะ
ในกลุ่มเทพบุตรทั้งหก ยูนมยองมุนต่อสู้เก่งที่สุด มาถึงคนที่สาม คนนี้ฉันขอเตือน
ถึงเขาจะหน้าตาดีและมีรอยยิ้มที่แสนจะบาดใจ แต่อย่าไปหลงรักเด็ดขาด เขาคือฮันมีโซ
เพลย์บอยตัวฉกาจ ตั้งแต่ฉันรู้จักเขามา ฉันไม่เคยเห็นเขาคบผู้หญิงคนไหนนานกว่าเจ็ดวันเลยสักคน
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผู้หญิงมากมายก็พร้อมจะยอมเป็นคนในหนึ่งสัปดาห์ของเขา
คนที่สี่เขาคือหนุ่มมาดเซอร์ปาร์คจุนซา เขามาพร้อมความสามารถด้านดนตรีเป็นเลิศ
เขาไม่ค่อยพูด แต่ถ้าพูดทีล่ะก็ กระอักเลือดตายเชียวล่ะ
มาถึงคนที่ห้าหนุ่มมาดเท่นักกีฬาชเวแทซอง
คนนี้ถ้ามองปกติเขาก็ไม่ได้ดูเท่โดดเด่นมากนักเมื่อเทียบกับอีกห้าคนที่เหลือ
แต่ในสนามกีฬา เขาคือเทพเจ้า และคนสุดท้ายหนุ่มหน้าหวาน แสนสวยมุนวอลกี
ผู้ชายคนนี้นิสัยน่ารักมาก หน้าหวานอย่างกับตุ๊กตา ความสวยของเขาทำให้ผู้หญิงหลายคนต้องแอบอิจฉาเลยล่ะ” จูอาพูดด้วยสีหน้ากระตือรือร้น และดูจากความรู้ของเธอแล้ว ฉันเดาว่าเธอต้องเป็นหอกระจายข่าวของโรงเรียนนี้แน่ๆ
และไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ชายที่จูอาพูดเป็นผู้ชายกลุ่มไหน
ฉันพบพวกเขามาแล้ว แต่ว่าเท่าที่เห็นพวกเขามีกันแค่ห้าคนเองนี่
“ฉันว่าเธอกล้ามากๆ เลยนะที่ประกาศแบบนั้นออกไป เธอรู้ไหมในบรรดาเจ้าชายทั้งหกคน
ยูนมยองมุนเป็นคนที่น่ากลัวที่สุด ที่เขาได้รับความนิยมเป็นอันดับสองก็เพราะท่าทางโหดๆ
เถื่อนๆ ของเขานั่นแหละ” จูอารายงานต่อ
และเธอก็ทำท่าเพ้อฝันราวกับคนที่กำลังพูดถึงมายืนอยู่ตรงหน้า แต่จู่ๆ จูอาก็หันขวับมามองฉัน
เล่นเอาฉันตามอารมณ์เธอไม่ทัน
อะไรของยัยนี่กัน!
“จริงหรือเปล่าที่พวกนักเรียนพูดกันว่าเธอรู้จักยูนมยองมุนก่อนย้ายมาเรียนที่นี่?” จูอาถามพลางหรี่ตามองฉันราวกับว่าตัวเองเป็นสายสืบ
ฉันมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างงงๆ
ก็เห็นๆ อยู่แล้วจะมาถามทำไม
เพราะรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมา
ฉันจึงกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง นักเรียนในห้องพากันสะดุ้ง
บางคนปฏิกิริยาไวหน่อยก็หันหน้าหนี บางคนปฏิกิริยาช้าก็ผงะตกใจ
ก่อนจะทำเป็นเสมองทางอื่น
ให้ตายสิ
คนพวกนี้ช่างไม่อยากรู้อยากเห็นเอาซะเลยนะ และต่อให้พวกเธอทำเป็นไม่สนใจ
แต่ฉันก็รู้ว่าหูแต่ละคน เปิดใช้งานชนิดประสิทธิภาพเต็มพิกัดเชียวล่ะ
“ว่าไงล่ะ?”
“ใช่”
พอฉันตอบก็มีเสียงฮึ่มฮั่มดังตามมาทันที
ให้ตายสิ
คนพวกนี้ไม่ค่อยอยากรู้เรื่องชาวบ้านเลยนะ!
“เธอ...” จูอาพูดพร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉัน “อา...มันต้องเป็นเรื่องรักแสนโรแมนติกแน่ๆ
เขาคือเด็กผู้ชายข้างบ้านที่หน้าตาดีมากๆ เวลาเธอเจอพวกเด็กผู้ชายมาแกล้ง
เขาก็จะเข้ามาช่วยปกป้องเธอ เพราะแบบนั้นเธอก็เลยประทับใจและหลงรักเขามาตั้งแต่ตอนนั้นใช่ไหม?”
ฉันมองจูอาอย่างงงๆ
ยัยนี่เป็นไปได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
แต่เรื่องที่จูอาพูดมาก็ใช่ว่าจะไม่ถูก
ยูนมยองมุนคือเด็กผู้ชายข้างบ้านจริงๆ แต่ฉันไม่ได้โดนเด็กผู้ชายแถวบ้านรังแก
ฉันเองต่างหากที่ชอบแกล้งพวกนั้น(นางเอก?)
และที่สำคัญฉันก็ไม่ได้ตกหลุมรักหมอนั่นด้วย ฉันก็แค่อยากเห็นสีหน้า ท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนของเขาเท่านั้นเอง
หมับ!
จู่ๆ
จูอาก็เอื้อมมือมากุมมือฉันเอาไว้ ทำเอาฉันตกใจอีกครั้ง
“ฉันจะเป็นกำลังใจให้เธอเองนะ
ต่อให้ผู้หญิงทั้งโรงเรียนเกลียดเธอ แต่ฉันจะอยู่ข้างเธอเอง”
ยัยนี่ต้องอ่านนิยายมากไปแล้วแน่ๆ!
ถึงแม้ว่าจูอาจะเป็นคนแปลกๆ แต่เธอก็เป็นเพื่อนคนเดียวของฉันหรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือจูอาเป็นคนเดียวที่ยอมคบกับฉัน
ช่วงเช้าที่ผ่านมาฉันต้องผ่านการเรียนแบบไม่มีสมาธิสุดๆ เพราะฉันรู้สึกได้ถึงสายตาทิ่มแทงที่ส่งตรงมายังฉัน
ตอนนี้ก็เหมือนกัน พอฉันเดินเข้ามาในโรงอาหาร สายตาทุกคู่ก็ดูเหมือนจะพุ่งเป้ามาที่ฉันทันที
ถ้าพวกเขาคิดว่าฉันจะสนใจหรือกังวลล่ะก็
พวกเขาก็คิดผิดแล้วล่ะ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญหรือกวนใจมากไปกว่าแผนการทุ่มยูนมยองมุนลงพื้นอีกแล้ว
แต่สำหรับเวลานี้สิ่งที่สำคัญกว่าคือมื้อเที่ยง
แต่ขณะที่ฉันกำลังนั่งกินข้าวเที่ยงอย่างเอร็ดอร่อย
ฉันก็ต้องถูกขัดจังหวะเพราะจูอาสะกิดแขนฉันอย่างแรงทำให้พิบิมบับ(ข้าวยำเกาหลี)อันแสนอร่อยของฉันหลุดจากตะเกียบ
ทั้งๆ ที่ฉันยังไม่ทันยกมันเข้าปากด้วยซ้ำ ฉันหันไปมองจูอาอย่างไม่พอใจทันที
แต่พอเงยหน้าขึ้นฉันก็พบว่าจูอาไม่ได้มองฉัน
เธอกำลังมองไปข้างหน้าด้วยอาการอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง ฉันจึงมองตามสายตาของจูอา
และก็พบว่าภาพที่จูอากำลังมองอยู่คือภาพที่มยองมุนกำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา
ข้างกายเขายังคงมียัยเตี้ยและสี่หนุ่มหล่อตามมาด้วยเหมือนเมื่อเช้า
เสียงพูดคุยที่ดังลั่นโรงอาหารเงียบลงทันที
บางคนที่กำลังกินข้าวอยู่ก็ถึงกับชะงักช้อนค้างคาอยู่ที่ริมฝีปาก
สายตาทุกคู่หันไปสนใจกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามาในโรงอาหาร
มยองมุนที่เดินนำหน้ามากวาดมองไปรอบๆ
ก่อนที่สายตาคมเข้มนั้นจะหยุดเมื่อสบเข้ากับสายตาของฉัน
“เขามาหาเธอแน่ๆ” เสียงจูอากระซิบเบาๆ
ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วล่ะ ก็พวกเขาเล่นเดินดิ่งเข้ามาทันทีที่เห็นฉันเลยนี่
มยองมุนเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน
หน้าตายังบึ้งตึงเหมือนเมื่อเช้าไม่มีผิด
“ถ้าฉันบอกว่าฉันมีผู้หญิงที่ชอบแล้ว
เธอจะเลิกยุ่งกับฉันหรือเปล่า?” มยองมุนถามเสียงเครียด
คำถามของเขาทำเอาฉันต้องเลิกคิ้วมองเขา
“นายจะบอกว่านายมีคนที่นายชอบอยู่แล้วงั้นเหรอ?”
“ใช่!”
“ไหนล่ะ?”
เขาหันไปมองยัยเตี้ยที่ยืนอยู่ข้างๆ
เอามือโอบไหล่ยัยเตี้ยเอาไว้แน่น “ยัยนี่เป็นคนรักของฉัน”
“หา!”
เสียงคนทั้งโรงอาหารร้องพร้อมกัน
ก่อนที่ทุกคนจะเงียบกริบลงอีกครั้งเมื่อเจอสายตาของมยองมุนที่ตวัดกวาดไปมอง
ความคิดเห็น