คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 ++ สวัสดียามบ่ายที่รัก (100%)
ตอนที่ 3
“เกิดอะไรขึ้น!” เสียงหวานดังมาจากด้านหลังฉัน ฉันจึงต้องหันกลับไปมอง และฉันก็พบว่าเจ้าของเสียงหวานนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน
เธอคือยัยเตี้ยยูโฮยอนนั่นเอง แต่ตอนนี้เธอไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนแล้ว
เธอสวมชุดไปรเวทที่มีผ้ากันเปื้อนสวมทับอยู่ ในมือข้างขวาของเธอคือทัพที
มือข้างซ้ายถือถ้วยใบเล็กๆ สำหรับชิมอาหาร
“เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ?” ยัยเตี้ยถาม สีหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามอย่างชัดเจน
“ก่อนจะตอบ ฉันขอถามหน่อย
ที่นี่เป็นหอพักแห่งเดียวที่โรงเรียนนี้มีถูกต้องไหม?”
“ใช่!” ทั้งหมดตอบพร้อมกัน
“งั้นฉันก็ขอตอบคำถามของเธอ...คำตอบของฉันก็คือ
ฉันจะมาอยู่ที่นี่”
“หา!!” เสียงร้องประสานเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ยกเว้นมยองมุนคนเดียวที่สบถลั่น
มยองมุนเดินพรวดเข้ามาตรงหน้าฉัน
ด่าฉันเสียงดังลั่น “ฉันไม่สนว่าเธอจะเป็นยัยบ้ามาจากไหน แต่ออกไปจากที่หอนี้เดี๋ยวนี้เลย”
“ความจริง
ฉันก็ไม่ได้เป็นบ้ามาจากไหน ฉันสติดีครบทุกประการ
แต่ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าฉันจะมาอยู่ที่นี่”
“ทำไมดื้อด้านอย่างนี้วะ!”
“ใจเย็นก่อนมยองมุน
ถามให้รู้เรื่องก่อน” นายลีชินที่ดูจะมีสติดีที่สุดพูดกับมยองมุนก่อนจะหันมามองฉัน
“เพราะอะไรเธอถึงย้ายมาอยู่ที่นี่?”
“เฮ้ออ
พวกนายอาจจะเข้าใจว่าฉันมาตามตื๊อนายนี่(ฉันชี้ไปที่มยองมุนที่ตอนนี้ยืนแยกเขี้ยวให้ฉัน)
แต่ต้องขอโทษที่ทำให้นายผิดหวัง(คราวนี้นายมยองมุนถลึงตามองฉัน)
เหตุผลที่ฉันบอกว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ก็เพราะที่นี่เป็นหอพักเพียงหอเดียวของโรงเรียนนี้”
“ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี” ยัยเตี้ยถามอีก
“ฉันเป็นนักเรียนพิเศษที่ขอมาเรียนที่นี่ระหว่างเตรียมแข่งขันยูโดระดับประเทศในอีกสามเดือนข้างหน้า
เพราะฉะนั้นเธอคิดว่าฉันจะไปอยู่ที่ไหนได้ ถ้าไม่ใช่หอพักของโรงเรียน” ฉันถามกลับ
“หมายความว่าเธอไม่มีญาติหรือคนรู้จักอยู่ที่โซลเลยงั้นเหรอ?” นายลีชินถามอีก
“มี”
ทุกคนก็ทำหน้าตั้งใจฟังทันที
แม้แต่มยองมุนก็ด้วย
ฉันยกมือขึ้น นิ้วชี้ชี้ตรงไปที่มยองมุนทันที
“นี่ไง”
“หา!”
ทั้งหมดร้องประสานเสียงอีกครั้ง
“บ้าอะไรกันวะ
ฉันไม่รู้จักเธอ!” มยองมุนรีบเถียง
“งั้นนายจะบอกว่าสัญญาฉบับนั้น
นายก็ไม่ได้เป็นคนเซ็นงั้นสิ” ฉันสวนกลับ
ซึ่งมันก็ทำให้มยองมุนถึงกับสะอึกพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“สรุปคือเธอต้องมาอยู่ที่นี่สินะ
ตลอดเวลาสามเดือนที่เหลือ”
นายขี้เก๊กมีโซถามพร้อมหรี่ตามองฉันอย่างเจ้าเล่ห์
ฉันเองก็มองกลับตรงๆ “ใช่!”
“เธอรู้เรื่องหรือเปล่าโฮยอน?” นายลีชินหันไปถามยัยเตี้ยที่ตอนนี้ยังยืนเหวอนิดๆ
“เอ่อ...ก็เหมือนจะคุ้นๆ
เหมือนพ่อฉันจะเคยบอกว่าจะมีนักเรียนแลกเปลี่ยนมาอยู่ด้วย แต่ฉันลืมไปแล้ว
เพราะถ้าฉันจำไม่ผิด เธอต้องย้ายมาก่อนเปิดเทอมไม่ใช่เหรอ?”
ประโยคสุดท้ายยัยเตี้ยย้อนกลับมาถามฉัน
“ใช่
ฉันควรจะต้องมาก่อนเปิดภาคเรียน แต่พอดีฉันติดธุระนิดหน่อย ก็เลยมาวันนี้”
“ถ้าเธอจะอยู่ที่นี่
ฉันจะย้ายออกเอง!” มยองมุนร้องลั่น ทำท่าปึงปังจะเดินออกไป
ฉันกำลังจะตะโกนเรียกเขาอยู่แล้ว ถ้าไม่เพราะ…
“หยุดเดี๋ยวนี้นะยูนมยองมุน!” เสียงหวานแต่เฉียบขาดดังขึ้น
และเสียงนั้นก็เหมือนคำประกาศิตสำหรับมยองมุนเสียเหลือเกิน เพราะเขาหยุดเดินทันที “นายไม่มีสิทธิ์ย้ายออกไปอยู่ที่ไหนทั้งนั้น”
มยองมุนหันมามองยัยเตี้ยตาขวาง
มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“นายต้องอยู่ที่นี่ ต่อให้ฟ้าถล่มก็ตาม” ยัยเตี้ยพูดอีก แถมเธอยังเอาทัพพีชี้หน้ามยองมุนด้วย
“จะทำอะไรก็ตามใจ!” มยองมุนบอกก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกไป
“กลับมาก่อนเที่ยงคืนนะยูนมยองมูนนนนน” ยัยเตี้ยตะโกนไล่หลังเขา
ฉันมองพวกเขาอย่างงงๆ
ดูท่ามยองมุนจะเชื่อฟังยัยเตี้ยนี่มากทีเดียว รวมทั้งคนอื่นๆ ด้วย ฉันหันมามองคนที่เหลือ
พวกเขาก็กำลังจ้องฉันอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะผู้ชายท่าทางเงียบๆ เขามองฉันด้วยสายตาไม่ชอบใจแบบไม่คิดจะปิดบังเลย
“เธอกำลังจะทำให้พวกเราวุ่นวาย” เขาพูดจบก็เดินถือกีตาร์หายขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของหอ
หน็อยยย พูดจบก็เดินหนีไปแบบนี้เลยงั้นเหรอ!
“อย่าสนใจจุนซาเลย
เขาก็เป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวก็ชิน มาเถอะ ฉันจะพาไปดูห้อง”
นายขี้เก๊กมีโซไม่พูดเปล่า เขาดึงแขนฉันให้เดินตามเขาไปชั้นสองของหอทันที
นายขี้เก๊กมีโซพาฉันเดินขึ้นมาที่ชั้นสอง
ระหว่างทางนายมีโซก็จะแนะนำว่าห้องที่ผ่านมาเป็นห้องใครบ้าง เขาบอกว่าฉันโชคดีมาก
เพราะที่หอนี้มีอยู่แปดห้องและเจ็ดในแปดก็ถูกจับจองไปแล้ว
ฉันมองตามหลังนายมีโซที่เดินนำอยู่อย่างสงสัย
ทั้งๆ ที่คนอื่นๆ ในหอดูเหมือนจะไม่อยากให้ฉันอยู่ ไม่อยากจะพูดกับฉัน แต่เขากลับทำท่าร่าเริง
แถมยังออกจะพูดมากไปด้วยซ้ำ
“เธอคิดจะทำตามสัญญานั่นจริงๆ
เหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่ว่ายังไง
ฉันก็ต้องทุ่มยูนมยองมุนลงพื้นให้ได้”
ฉันบอกด้วยเสียงหนักแน่น มันเป็นความตั้งใจของฉันมาตลอดเจ็ดปีเชียวนะ
“เธอแอบชอบมยองมุนเหรอ?”
“ใครบอกนาย!” ฉันแว้ดลั่นทันที
ทำไมใครก็ต้องคิดว่าฉันชอบมยองมุนด้วยนะ
“ฉันไม่ได้ชอบหมอนั่นสักนิด”
“อ้าว
แล้วทำไมเธอถึงอยากได้เขาเป็นเจ้าบ่าวล่ะ?”
“ก็เพื่อความสะใจไงล่ะ” พอฉันตอบออกไปแบบนั้น คิ้วนายมีโซก็ขมวดเข้าหากันเป็นปมทันที
และตอนนี้นายมีโซก็พาฉันเดินมาถึงห้องด้านในสุด
ซึ่งดูเหมือนว่าห้องนี้จะเป็นห้องของฉัน ตามที่เขาบอกนะ
“ขอบใจนายมากที่พามาที่ห้อง” ฉันพูดจบก็ดึงกระเป๋าเป้จากมือเขา เตรียมหันหลังเข้าห้อง แต่...
หมับ
ตุ้บ!
“นายจะทำอะไร?” ฉันถามด้วยเสียงขุ่นนิดๆ เพราะตอนนี้ฉันกำลังยืนหลังชิดประตู โดยมีนายมีโซใช้มือทั้งสองข้างยันประตูด้านหลังฉัน
แขนเขาคร่อมตัวฉัน
“เธอไม่คิดจะมองผู้ชายคนอื่นบ้างหรือไง
อย่างเช่น ผู้ชายหน้าตาดีอย่างฉัน”
นายมีโซพูดพร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ทั้งดวงตาและริมฝีปาก ส่อแววเจ้าเล่ห์ชัดเจน
เขาเหมือนที่จูอาพูดไม่มีผิด
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงละลายกองกับพื้นหรือไม่ก็จับกดเขาไปนานแล้วโทษฐานมีรอยยิ้มที่กระชากใจเกินไป
แต่นั่นไม่ได้ผลสำหรับฉัน เพราะถ้าเขาคิดจะให้ฉันมองเขาล่ะก็
เขาต้องเก่งกว่าฉันเท่านั้น!
“ว่าไงล่ะ” เขาถามด้วยเสียงเซ็กซี่ชวนจั๊กจี้หู
ฉันไม่ว่าอะไร
แต่เอาหน้าผากโขกหน้าผากเขาอย่างแรง พร้อมด้วยเข่าที่ลอยขึ้น
“โอ๊ย! อุ๊บ!!” นายมีโซถอยหลังไปยืนติดผนังอีกด้าน
มือข้างหนึ่งถูกหน้าผาก อีกข้างกุมท้องตัวเองเอาไว้แน่น
“โทษทีนะ
แต่ฉันไม่ชอบให้ใครเข้ามาใกล้ๆ น่ะ พอนายเข้ามาใกล้ๆ ฉันเลยตกใจมากไปหน่อย” ฉันบอก แสร้งทำหน้าเสียใจจริงๆ ทั้งๆ ที่ตอนนี้อยากหัวเราะใจจะขาด
เมื่อเห็นตาขวางๆ ของนายมีโซ
ถึงมันจะแค่แวบเดียวก็เถอะ
นายมีโซสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่
ก่อนจะยืดตัวขึ้นยืนตรงๆ เขายังพยายามส่งยิ้มสุดเท่มาให้ฉันอีกนะ
“ไม่เป็นไร
ฉันเองก็รุกเธอมากไปหน่อย ถ้ายังไงก็พักผ่อนนะ สามเดือนนี้ต่อจากนี้ก็ฝากตัวด้วยล่ะกัน” พูดจบนายมีโซก็เดินจากไปทันที
ฉันมองตามเขาอย่างขำๆ จะว่าไปเขาก็เป็นเพื่อนที่น่าคบอยู่หรอก
ถ้าไม่ติดท่าทางขี้เก๊กเจ้าชู้แบบนั้น
ในห้องพักมีเฟอร์นิเจอร์สามชิ้นคือโต๊ะเขียนหนังสือ
เตียงเดี่ยวและตู้เสื้อผ้า ฉันวางกระเป๋าเป้เอาไว้ที่ปลายเตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนหงาย
สายตาจ้องมองเพดาน แต่ความคิดลอยไปไกลกว่านั้น
ฉันไม่มีวันยอมแพ้หรอกน่ายูนมยองมุน
เกมนี้ฉันต้องชนะ
วันนี้เป็นวันที่สองที่ฉันย้ายมาเรียนที่โรงเรียนมัธยมแดซอง
ฉันตื่นแต่เช้า เพื่อวิ่งออกกำลังกายยามเช้าเหมือนที่ฉันทำเป็นประจำเสมอตั้งแต่อยู่ที่อินชอน
หลังจากวิ่งเสร็จฉันก็กลับมาที่หอเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะไปเรียนตามปกติ
แต่เมื่อฉันกำลังจะออกจากหอ เสียงหวานของใครบางคนก็ตะโกนเรียกฉันเอาไว้ซะก่อน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนเรียกฉันเป็นใคร
เพราะทั้งหอพักนี้มีผู้หญิงเพียงสองคนเท่านั้น ก็คือฉันกับยัยเตี้ยโฮยอน
ฉันหันไปมองคนเรียกที่ตอนนี้อยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อน
“เธอจะไปไหนน่ะ
อยู่กินข้าวเช้าก่อนสิ”
ฉันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
ก่อนจะตอบว่า “ไม่ดีกว่า ถ้าฉันอยู่คงมีคนกินข้าวไม่ลงแน่ หรือไม่เขาอาจจะล้มโต๊ะ
และคนที่เหลือก็อาจจะอดกิน”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก
มยองมุนน่ะถึงจะอารมณ์ร้ายไปหน่อย แต่เขาก็เป็นคนดีนะ”
“ช่างเถอะ ฉันไปหาอะไรกินที่โรงอาหารก็ได้” ฉันพูดจบก็ผละเดินจากมาทันที ไม่สนใจเสียงร้องเรียกของยัยเตี้ย
ฉันอยากจะบอกยัยเตี้ยนั่นกลับไปจริงๆ
ว่าฉันไม่สนหรอกว่ามยองมุนจะล้มโต๊ะอาหารเช้าหรือเปล่า
แต่ฉันไม่อยากเจอนายขี้เก๊กมีโซต่างหาก ที่สำคัญ ใช่ว่าฉันจะกวนประสาทมยองมุนได้วันเดียวเสียเมื่อไร
ฉันมีเวลาตั้งสามเดือน
“อรุณสวัสดิ์แชอึนยอง~~” เท้าของฉันชะงักค้างทันทีที่มีเสียงแหกปากระดับลำโพงยังอาย
ดังลั่นมาจากด้านหลัง
แค่ฉันเดินมาโรงเรียนคนเดียวธรรมดา
สายตาเกือบจะทุกคู่ก็เพ่งเล็งมาที่ฉันอยู่แล้ว แต่พอเสียงอันสนั่นนั่นดังขึ้น
สายตาทุกคู่ของนักเรียนที่อยู่ในสนาม กำลังเดินเข้าโรงเรียนก็หันมามองฉันทันที
และนี่ก็เป็นอีกคนที่ไม่ต้องเดา
“เมื่อคืนเธอได้แอบดูใครอาบน้ำมาหรือเปล่า” จูอาพูดขึ้นเมื่อวิ่งตามฉันทันที่กลางสนาม
แต่ประโยคที่เธอถามทำเอาฉันแทบสะดุดขี้มดล้มหน้าคะมำ
ยัยบ้าเอ๊ย!
ถามมาได้ยังไงเนี่ย
“อ๊า!
อย่าเพิ่งฆ่าฉันเลยน้า ฉันแค่ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง”
จูอาพูดร้องลั่นเมื่อฉันชูกำปั้นขึ้นกลางอากาศ
“ก็เล่นพูดไม่เข้าหูแต่เช้า”
“โธ่ ล้อเล่นนิดเดียวเองน่า” จูอาว่ากลับอีก
ขณะที่ฉันกำลังจะออกเดินอีกครั้ง ขาฉันก็ต้องชะงักอีกเป็นครั้งที่สองเมื่อเสียงใครบางคนดังขึ้นอีก
แต่คราวนี้เสียงนั้นไม่ได้เรียกฉันหรอก แต่เรียกคนที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ
ฉันต่างหาก พวกเราสองคนหยุดเดินและหันไปมองด้านหลังซึ่งเป็นที่มาของเสียงเรียกนั้น
ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาที่พวกเรา
โบกมือเรียกจูอาลั่น ก่อนจะมาหยุดตรงหน้าเราสองคนด้วยอาการหอบแฮก
“คิมจูอา!...” เขาพูดและหอบหายใจเข้าอีกเฮือกใหญ่ “ผู้หญิงคนนั้น...ผู้หญิงที่...”
ฉันมองผู้ชายที่กำลังยึดไหล่จูอาเอาไว้
หอบไปพูดไป ผู้ชายคนนี้ตัวค่อนข้างสูงทีเดียว อาจจะสูงกว่าฉัน
แต่ดูแล้วไม่น่าจะสูงกว่ามยองมุน ผิวเขาออกเป็นสีน้ำตาลแทน คิ้วหนา หน้าตาดูคมเข้ม
จะจัดว่าหล่อก็ได้ แต่ถ้าเทียบกับผู้ชายหกคนนั้นล่ะก็ ห่างกันลิบโลกเลยล่ะ
“ฉันว่านายหายใจเข้าให้หายเหนื่อยก่อนดีกว่า
ค่อยๆ พูด ไม่งั้นก็คงพูดกันไม่รู้เรื่องหรอก”
จูอาว่าเมื่อเห็นเขายังเอาแต่พยายามพูดอะไรฟังไม่ได้ศัพท์
“คิมจูอา! ผู้หญิงคนที่ย้ายมาใหม่น่ะ อยู่ห้องเธอใช่มั้ย?”
หลังจากหายใจเข้าจนหายเหนื่อยแล้วเขาก็พูดออกมา ฉันหันไปมองเขาอย่างสนใจ ก็จะไม่ให้สนใจได้ไง
เขากำลังพูดถึงฉันนี่
แต่ทำไมเขาถึงทำท่าเหมือนไม่เห็นฉันล่ะ
เด็กใหม่ที่นายพูดถึงกำลังยืนหัวโด่อยู่นี่ไง
“ว่าไงล่ะ
ผู้หญิงคนนั้น...ที่ย้ายมาจากอินชอนน่ะ อยู่ห้องเธอใช่ไหม?”
เขาถามอีกเมื่อจูอาเงียบ
“ใช่!”
“เยี่ยมเลย! เธอแนะนำฉันให้เธอรู้จักได้ไหม?”
“ได้สิ!”
“ฉันรักเธอจริงๆ คิมจูอา!” เขาพูดจบก็รวบตัวจูอาเข้าไปกอดทันที
“อ๊ากกก
ปล่อยฉันนะอีตาบ้าเฮซอง” จูอาโวยลั่น ก่อนจะผลักเขาออกห่าง “นายจะทำบ้าอะไรของนายหา! ก็เพราะนายชอบทำแบบนี้น่ะสิ
คนทั้งโรงเรียนถึงคิดว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน!!”
“โธ่ ก็ฉันดีใจนี่
ว่าแต่เธอจะแนะนำผู้หญิงคนนั้นให้ฉันรู้จักจริงๆ นะ” เขาถามอีก
“ได้แน่นอน” จูอายิ้ม เอื้อมมือมาคว้าแขนฉัน ลากเข้าไปอยู่ตรงหน้าผู้ชายที่เธอเรียกว่าเฮซอง
ก่อนจะพูด “นี่ไง ผู้หญิงที่ย้ายมาเมื่อวาน เธอชื่อแชอึนยอง”
ผู้ชายที่จูอาเรียกว่าเฮซองยืนอ้าปากค้าง
หน้าเขาค่อยๆ แดงขึ้นเรื่อยๆ “อ่ะ เอ่อ...”
“อึนยอง ฉันขอแนะนำนะ
หมอนี่ชื่อซองเฮซอง เพื่อนสนิทของฉันเอง บ้านเราอยู่ติดกัน พวกเราจึงสนิทกันมาก
แต่อย่าคิดว่าพวกเราเป็นแฟนกันเด็ดขาด อ้อ! แล้วก็นะ
หมอนี่น่ะ เป็นหัวหน้าชมรมยูโดของแดซอง”
“สวัสดี” ฉันทักเขา รู้สึกดีใจจริงๆ เพราะฉันเองก็อยากจะเจอหัวหน้าชมรมยูโดของที่นี่อยู่พอดีเลย
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้
“เอ่อ...” นายเฮซองเหมือนจะใบ้รับประทานไปแล้ว เขาเอาแต่ยืนเอามือเกาหัวตัวเองอย่างเก้อๆ
“โฮะ โฮะ
สงสัยหมอนี่จะเขินเธอแน่ะอึนยอง”
จูอาพูดพร้อมหัวเราะคิกคักชอบใจ
“คิมจูอา!” ฉันร้องออกมาพร้อมส่งศอกไปให้
“โอ๊ย เจ็บนะ” จูอาร้อง พร้อมเอามือกุมท้องตัวเอง
“สมน้ำหน้า” ฉันว่า ก่อนจะหันมาสนใจนายเฮซอง ที่ยังยืนยิ้มหน้าแดงค้างอยู่ “ยังไงฉันก็ต้องขอฝากตัวด้วยนะ ถึงแม้ว่าวันเสาร์อาทิตย์
ฉันต้องไปซ้อมที่ศูนย์ใหญ่ แต่ระหว่างสัปดาห์ ฉันก็อยากซ้อมด้วยเหมือนกัน”
“กะ ก็ได้...ฉะ
ฉันเองก็ดีใจ...เหมือนกัน”
นายเฮซองตอบกลับโดยที่ไม่ยอมมองหน้าฉัน
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน
หลังเลิกเรียนนายมาหาฉันที่ห้อง แล้วเราจะได้ไปที่ชมรมยูโดพร้อมกัน”
“ได้...หลังเลิกเรียนเจอกันนะ” นายเฮซองพูดจบ ก็แทบจะวิ่งหนีไปเลย
ฉันมองผู้ชายที่เพิ่งวิ่งผ่านหน้าไปอย่างงงๆ
ไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไร ตอนที่ยืนคุยกัน เขาก็เอาแต่หน้าแดง ยืนบิดไปบิดมาอยู่ได้
พอพูดจบก็วิ่งพรวดหนีไปอย่างกับเห็นผี
“ฉันว่า...หมอนั่นต้องหลงเสน่ห์เธอแน่ๆ
เลย” จูอากระซิบ ดูเหมือนจูอาจะรู้ตัวว่ากำลังจะตกอยู่ในอันตราย
เพราะทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็วิ่งหนีหายเข้าตึกเรียนไปอีกคน
ฉันมองตามหลังจูอาที่วิ่งหายแล้วอย่างเดือดๆ
ดีนะ ที่ยัยจูอาวิ่งหนีระยะเตะของฉัน
ไม่งั้นฉันไม่รับรองหรอกว่ายัยจูอาจะคอหักหรือเปล่า
ออดดดดดดดดด
เสียงออดพักเที่ยงดังขึ้นเหมือนเสียงสวรรค์ก็ไม่ปาน
“โอ้ยยย กว่าจะหมดคาบ
ฉันนึกว่าตัวเองจะตายซะแล้วนะเนี่ย” จูอาบ่นเสียงดังมาจากโต๊ะข้างๆ
ฉันเห็นด้วยกับสิ่งที่จูอาพูด
ฉันฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างหมดแรง เพราะคาบเรียนที่เพิ่งผ่านไปก็คือคาบเรียนวิชาคณิตศาสตร์
ซึ่งเป็นวิชาที่ฉันกลัวมากที่สุด
ก็ฉันน่ะมันพวกแพ้ตัวเลขนี่หน่า
“นี่ ไปกินข้าวกันเถอะ
ในหัวฉันตอนนี้มันมีแต่จังจามยองลอยเต็มไปหมดแล้ว” จูอาร้องขึ้นและเราสองคนก็รีบพากันเดินออกจากห้องเรียนเพื่อไปหาจังจามยอง
แต่ฉันกับจูอายังเดินไม่ทันพ้นหน้าประตูห้องเรียน เสียงใครบางคนก็ดังขึ้นซะก่อน
“อึนยองที่รัก”
คำพูดแบบนี้ไม่ต้องเดาเลยว่าเขาเป็นใคร
ก็มีอยู่คนเดียวเท่านั่นแหละ ที่หน้าด้านมากพอจะพูดอะไรเลี่ยนๆ ชวนขนลุกแบบนี้
ขนาดเมื่อวานโดนทั้งโขกหัว โดนทั้งตีเข่าแล้วยังไม่รู้จักเข็ดอีก
“นี่ มีโซเขาเรียกแน่ะ” จูอาสะกิดเมื่อฉันไม่ยอมหยุดเดิน ไม่คิดจะหันไปสนใจคนเรียกด้วย
“นี่แชอึนยอง
อย่าใจร้ายนักสิจ๊ะ” คนหน้าด้านยังพูดต่ออีก
“ไม่ต้องไปสนใจหรอกน่า!” ฉันดุจูอาเมื่อเธอทำท่าจะสะกิดเรียกฉันอีก
ตอนนี้ฉันอยากจะหันไปชกคนพูดสักหมัดเป็นการสั่งสอนจริงๆ
คนบ้าอะไรก็ไม่รู้หน้าด้านชะมัด แล้วดูสิมาพูดอะไรบ้าๆ ตอนที่นักเรียนเดินกันเต็มระเบียงไปหมด
ไม่รู้จักอายเอาซะเลย
“นี่แชอึนยอง
ฉันตกหลุมรักเธอขนาดนี้แล้ว ไม่คิดเห็นใจฉันเลยเหรอ”
“อีตาบ้า!” ฉันหันกลับไปแว้ดใส่คนหน้าด้านทันที
ตอนนี้ฉันรู้สึกหน้าตัวเองร้อนผ่าวไปหมด
ไม่ใช่เพราะความอายนะ แต่เป็นเพราะความโมโหที่แทบจะทะลุจุดเดือดอยู่แล้ว
พวกผู้หญิงที่เดินอยู่ตามระเบียงส่งสายตาอาฆาตมาทิ่มแทงฉัน
ถ้าพวกเธอปล่อยแสงเลเซอร์ทางสายตาได้ ตัวฉันคงพรุนหรือไม่ก็ตายไปแล้วแน่ๆ
“ในที่สุดก็ยอมหันมาแล้วสินะ” นายมีโซเดินยิ้มร่าเข้ามาหาฉัน
ไม่หันก็บ้าแล้ว!
เมื่อนายมีโซเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน
ฉันก็พูดด้วยเสียงกระซิบลอดไรฟันให้ได้ยินกันแค่สองคน “นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่”
“ทำไมพูดตัดรอนกันแบบนั้นล่ะ
ฉันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ” นายมีโซถามกลับ
หน้าเขาสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่ขอโทษ ฉันไม่เชื่อเขาหรอก
ก็ถึงหน้าจะสลด แต่ดวงตานี่เป็นประกายเชียว
“ไม่เลยสักนิด”
ทันทีที่ฉันตอบกลับไป
เสียงจากคนรอบข้างก็ดังขึ้นระงมเลย
“ยัยนั่นกล้าปฏิเสธมีโซ!”
“ยัยขี้เหร่นั่นบังอาจทำให้มีโซเศร้า!”
“ยัยบ้านั่นทำให้มีโซเศร้าใจ!”
อ๊ากกกก ฉันอยากจะบ้าตายจริงๆ
ยัยพวกนี้ตาบอดหรือไง หมอนี่เศร้าตรงไหนกัน!!
“นายต้องการอะไรกันแน่!” ฉันถามอีก พยายามไม่สนใจคำด่าที่ลอยละลิ่วมาตกใส่หัว
“หัวใจเธอ”
โอ้ ช่างเป็นคำตอบที่กวนบาทาเสียนี่กระไร
“ฉันไม่ชอบนาย!” ฉันตอบกลับด้วยเสียงอันดัง ไม่คิดจะกระซิบแล้ว
“ทำไมล่ะ
ฉันทำอะไรให้เธอรังเกียจเหรอ ไหนลองบอกเหตุผลที่เธอไม่ชอบฉันมาสักห้าข้อ
ถ้าเธอบอกได้ ฉันก็จะเลิกยุ่งกับเธอ” นายมีโซต่อรอง
แต่ขอบอกว่าสิ่งที่เขาขอมันง่ายมากเลย
“ข้อหนึ่ง ฉันไม่ชอบเพลย์บอย!”
ฉันรีบบอกทันที
ข้อนี้ไม่ต้องคิดมากเลยสักนิด
“อันนี้เปลี่ยนแปลงกันได้
ฉันยินดีรักเธอตลอดเจ็ดวัน” นายมีโซลอยหน้าตอบได้อย่างหน้าไม่อายเลย
”ข้อสอง!
ฉันไม่ชอบผู้ชายที่อ่อนแอกว่า!!”
เป็นไงล่ะ
ข้อนี้นายเถียงไม่ได้หรอก
“ถึงฉันจะไม่เก่งขนาดเป็นแชมป์ยูโด
แต่ฉันเชื่อว่าฉันปกป้องเธอได้แน่นอน ถ้าเธอยอมอยู่ในอ้อมกอดของฉัน” ไม่พูดเปล่า เขายังกางแขนทั้งสองข้างออกด้วย
พวกผู้หญิงที่อยู่ตามทางเดินแทบจะถลาเข้าไปซบ
โดยเฉพาะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉัน ถ้าฉันไม่ยึดแขนจูอาไว้เอาล่ะก็
รับรองยัยจูอาวิ่งแน่บเข้าเส้นชัยไปแล้ว
“ข้อสาม!”
“ยังหาข้อสามได้อีกเหรอ?” นายมีโซถาม ทำหน้าฉงน
“ข้อสาม ฉันไม่ชอบหน้านาย
ข้อสี่ฉันไม่ชอบตัวนาย ข้อห้าฉันไม่ชอบอะไรสักอย่างที่เป็นนาย!!” ฉันตอบกลับ ไม่ปล่อยโอกาสให้นายมีโซได้พูดแทรกอีก “ข้อหกก็ไม่ชอบนาย
ข้อเจ็ดก็ไม่ชอบนาย ได้ยินไหม ฉันไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบนาย!!”
และก็เหมือนที่ทุกครั้งฉันด่าเขา
แทนที่เขาจะสลดหรือเดินหนี เขากลับเดินเข้ามาหาฉันพร้อมรอยยิ้ม
“วันนี้ไม่ชอบ
แต่พรุ่งนี้อาจจะชอบก็ได้” พูดจบเขาก็จุ๊บเบาๆ
ที่กลางหน้าผากฉัน เรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่น
ส่วนฉันได้แต่ยืนอึ้งค้าง
อยากจะร้องก็ร้องไม่ออก ประโยคเดียวที่ดังในใจตอนนี้ก็คือ
สักวันฉันจะฆ่าฮันมีโซให้ได้!
“ให้ตายสิ
ผู้ชายบ้าหน้าด้านชะมัด!” ฉันบ่นออกมาอย่างอดไม่อยู่ “บ้าจริง! โมโหแล้วก็หิวชะมัด!!”
“หิว!
ยังจะบอกว่าหิวได้อีกเหรอ เมื่อกี้เธอล่อจังจามยองไปตั้งสามถ้วยแล้วนะ!” จูอาร้องเสียงหลง
“แล้วยังไงล่ะ ก็มันหิวนี่
พอนึกถึงหน้าอีตาบ้ามีโซ ก็ฉันหงุดหงิดขึ้นมาทันที พอหงุดหงิดท้องมันก็เลยหิว” ฉันว่ากลับ จูอามองฉันตาโต อย่างกับฉันเป็นตัวประหลาด
“เธอมีหลุมดำซ่อนอยู่ในกระเพาะหรือไง
ตัวก็นิดเดียว กินจุกว่าผู้ชายบางคนซะอีก”
ฉันไม่สนใจที่จูอาบ่น เพราะฉันได้ยินประโยคนี้มาทั้งชีวิตแล้ว
แต่ความจริงฉันไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน โดนเฉพาะเวลาที่ฉันโมโหเดือด
สิ่งเดียวที่จะระงับความโกรธและความหงุดหงิดได้ก็คือการกินเท่านั้น
“เรื่องกินช่างมันก่อน
ฉันว่าตอนนี้พวกผู้หญิงทั้งโรงเรียนต้องคอยจ้องเล่นงานเธอแน่ๆ”
“ทำไม?”
“ก็เธอน่ะประกาศว่ายูนมยองมุนเป็นเจ้าบ่าวของเธอ
แถมวันนี้ฮันมีโซยังมาบอกว่าชอบเธออีก คิดดูสิ หนุ่มฮอตถึงสองคนเชียวนะ!!” จูอาว้ากลั่น ท่าทางเธอเองก็อยากจะฆ่าฉันไม่น้อยเชียวล่ะ
“จะยังไงก็ช่าง
ฉันสนแค่ยูนมยองมุนเท่านั้น ส่วนอีตามีโซ ถ้าอยากได้ก็เอาไปเลย ฉันยกให้ถวายใส่พานพร้อมเงิดสดเลยด้วย!”
ฉันตอกกลับใส่หน้าจูอาทันที
ทำไม๊ ทำไมใครๆ ถึงหลงรักผู้ชายที่ชื่อฮันมีโซขนาดนั้นนะ
ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าเขาเป็นเพลย์บอยตัวฉกาจ หักอกผู้หญิงได้ไม่เว้นแต่ละวัน ท่าทางก็ไม่ได้แข็งแรงเท่าไรเลยสักนิด
โอเค เขาอาจจะสู้เก่ง แต่ฉันก็มั่นใจว่าเขาไม่มีทางเก่งกว่ามยองมุนแน่
ขณะที่ฉันกำลังคิดอย่างหงุดหงิด
และสาปแช่งฮันมีโซ เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้น
“สวัสดียามบ่ายที่รัก”
คำพูดที่ชวนขนลุกแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเท่านั้น
อ๊ากกก คราวนี้นายตายแน่!!
“นี่! ฮันมีโซนาย...” ฉันตะโกนพร้อมหันไป กำลังจะด่าว่า นายจะไปตายที่ไหนก็ไป
แต่ก็พูดไม่ออกได้แต่มองผู้ชายที่กำลังยืนส่งยิ้มมาให้อย่างตกตะลึง
!?
...............................................................................................................................................
ความคิดเห็น