ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FanFic Kuroko no Basket] Married to the Barbarian (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : สถานะที่เป็นอยู่

    • อัปเดตล่าสุด 26 ธ.ค. 57





    กิจวัตรยามเช้าของชาวเผ่าเสือ พวกผู้ชายทั้งหมดในค่ายจะตื่นแต่เช้า ควบม้าออกจากค่ายไปล่าสัตว์เพื่อเลี้ยงคนทั้งเผ่า ส่วนพวกผู้หญิงก็จะอยู่ในค่าย ซักผ้า เก็บฟืนและของป่าที่พอหาได้ เตรียมของต่างๆ รอพวกผู้ชายกลับมา เด็กๆ จะหาบน้ำ ช่วยเป็นแรงงาน บางครั้งก็เล่นต่อสู้กัน ซึ่งในสายตาคุโรโกะแล้ว จริงจังพอๆ กับฝึกทหารเลยทีเดียว คนฝึกพวกเด็กๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล กลับเป็นไอดะ ริโกะ ล่ามสาวที่เคยอยู่เคียงข้างไทกะในคืนแต่งงานของเขานั่นเอง ทั้งยังเป็นผู้ดูแลคอยช่วยเหลือเขาตลอดตั้งแต่คืนแต่งงานเป็นต้นมา ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนสำคัญไม่ใช่เล่นสำหรับเผ่า 
     

    "คุโรโกะซัง" หญิงสาวเผ่าเสือคนหนึ่งเรียกเขาจากด้านหลังเป็นภาษากลาง อย่างน้อยก็ดีที่ผู้หญิงที่นี่ส่วนใหญ่จะพูดภาษากลางได้ "ทำอะไรอยู่เหรอคะ?"

     
     "อ่าาา โซระซัง กำลังจะไปซักผ้าหรือครับ ให้ผมช่วยไหม"

     
    "อุ๊ย ไม่เป็นไรหรอกคะ คุโรโกะซังเป็นภรรยาของไทกะนะคะ จะให้มาทำงานพวกนี้ได้ยังไง แต่ถ้าคุโรโกะซังเหงา จะไปนั่งด้วยกันก็ได้นะคะ"


     
    สี่วันมาแล้วที่เขาแต่งงานกับไทกะของเผ่าเสือ แต่ว่าเขาก็ยังหาจุดยืนในบ้านใหม่ของเขาไม่ได้มากนัก ดูเหมือนว่าลอร์ดอิมาโยชิก็จะเห็นความอึดอัดใจของเขาดี จึงพาเจ้าหญิงและทหารส่วนใหญ่ไปสำรวจส่วนอื่นๆ ของเซย์ริน โดยทิ้งทหารไว้เพียงไม่กี่คน โดยมากคนพวกนั้นก็จะเฝ้ายาม คอยดูแลจากนอกค่าย ในช่วงกลางวันไม่มีอะไรให้ทำมากนัก เขาจึงคอยดูพวกผู้หญิงทำงาน แล้วก็พยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ต้องทำในเผ่า
     


    "ว้ายยยยย!!" 
     

    หญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งซักผ้าอยู่กับกลุ่มเพื่อนร้องขึ้น ทำให้คุโรโกะรีบรุดฝีเท้าเพื่อเข้าไปช่วย พวกผู้หญิงคนอื่นๆก็ลนลานลุกขึ้น คว้าอะไรใกล้ตัวที่พอจะเป็นอาวุธได้กันที เมื่อคุโรโกะไปถึงเขาก็เห็นว่าตัวต้นเหตุเป็นงูสีเขียวตัวเล็กๆ ที่โผล่หัวขึ้นมาจากพุ่มหญ้าริมน้ำนั่นเอง คุโรโกะใช้เวลาเพียงนิดเดียวเพื่อก้าวเข้าไปถึงตัวมันจากนั้นไปคว้าคอมันได้ในครั้งเดียว
     

    "ไม่เป็นไรนะครับ งูตัวนี้ไม่มีพิษหรอกครับ มันคงตกใจน่ะ" เขาพินิจมองเจ้างูสีสวยในแดนต่างถิ่นก่อนจะโยนมันไปอีกฟากฝั่งของลำธาร "ไม่ต้องห่วงนะครับ มันว่ายน้ำไม่เป็นหรอก" 
     

    "ขอบคุณค่ะ คุโรโกะซัง นึกว่าจะหัวใจวายตายซะแล้ว" หญิงสาวที่ร้องเป็นคนแรกเอ่ย 
     

    "ดีจังเลยนะ ถึงริมน้ำจะมีสัตว์หลายขนิด แต่พวกเราก็แทบไม่เคยเจองูเลย โชคดีนะที่คุโรโกะซังจับงูเป็น คว้าได้ในหมับเดียวเลย" หญิงสาวอีกคนในกลุ่มเอ่ย
     

    "ครับ ก็ผมเป็นชนเผ่างูนี่ครับ" 
     

    "แปลว่า คุโรโกะซังแปลงร่างเป็นงูได้ใช่ไหมคะ อยากเห็นจัง!"
     

    "ไม่ครับ คนบนแผ่นดินเทย์โควส่วนมากเราแปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตต้นกำเนิดเราไม่ได้แล้วล่ะครับ..น่าจะเป็นเพราะมีการแต่งงานข้ามเผ่าเกิดขึ้นบ่อย ๆ นั่นแหละครับ"
     

    ที่เทย์โควคือดินแดนอุดมสมบูรณ์ที่ประกอบไปด้วยชนเจ็ดเผ่า และถูกหลอมรวมอำนาจเป็นหนึ่งเดียวด้วยกษัตริย์มังกร เพื่อยุติสงครามแย่งชิงที่ดินและความอุดมสมบูรณ์ การแต่งงานข้ามเผ่าจึงกลายเป็นเรื่องปกติ และผู้คนที่เลิกสู้รบก็เลิกแปลงกายเป็นร่างสัตว์ต้นกำเนิดเผ่าพันธุ์ตัวเองแล้ว อย่างน้อย ๆ ก็สำหรับคนส่วนใหญ่ล่ะนะ
     

    "เอ๋ งั้นเหรอ พวกเราส่วนใหญ่ยังกลายร่างเป็นเสือได้อยู่นะ เพราะงั้นพวกผู้ชายถึงไว้ใจให้พวกเราดูแลกันเองเวลาไม่อยู่ได้ยังไงล่ะ แต่มีผู้ชายอยู่เพื่อปกป้องเราแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ เนอะ~~~" หญิงสาวคนหนึ่งหันไปพูดกับอีกคน ก่อนที่จะเริ่มเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายเพราะความวุ่นวายก่อนหน้านี้ แล้วก็นั่งลงซักผ้าต่อด้วยกันเหมือนเดิม โซระเองก็นั่งลงข้างเขาแล้วก็เริ่มซักผ้าเหมือนกัน
     

    "วันนี้เจ้าชายอยากรู้เรื่องอะไรหรือคะ โซระจะช่วยอธิบายให้ฟังเองค่ะ"
     

    "เรื่องริโกะซังน่ะครับ"
     

    "ค่ะ"
     

    "ทำไมเธอถึงเป็นคนสอนเด็กๆ หรือครับ ปกติเรื่องพวกนี้เป็นของผู้ชายไม่ใช่หรือครับ ดูเหมือนพวกผู้ชายหลายคนก็ดูจะเกรงใจเธอด้วย"
     

    "อ๋อ ไอดะ ริโกะซังเป็นข้อยกเว้นพิเศษค่ะ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มีฐานะเท่ากับนักรบในเผ่า เพราะพ่อของเธอเป็นครูฝึก เธอน่ะเก่งนะคะ ทั้งเรื่องภาษา ทั้งฝีมือดาบก็ไม่เป็นรองใคร แล้วเธอก็โชคดีที่ทาเกะโทระซัง พ่อของเธอน่ะเก่งมากๆ เมื่อก่อนก็เคยเป็นครูสอนดาบให้ไทกะคนปัจจุบันด้วย เพราะอย่างนั้นเลยไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องพ่อลูกไอดะเลย เธอก็เลยไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับใคร ได้ใช้ชีวิตในแบบตัวเอง โชคดีจังเลยนะ"
     

    "นั่นสินะ ฉันต้องแต่งงานตั้งแต่อายุสิบสาม แล้วสามีฉันก็แย่มากๆ ทำอย่างกับว่าชีวิตไม่เคยมีอะไรเป็นของตัวเอง พอตกกลางคืนก็ใส่ๆๆๆ อย่างเดียว ตอนนั้นฉันอายุสิบสามนะ! คืนแต่งงานน่ะเป็นคืนที่แย่แล้ว แต่หลังจากนั้นวันไหนที่เขาอารมณ์เสียน่ะ แย่ยิ่งกว่าวันนั้นอีก"
     

    "ฮึ สามีของเธอน่ะแย่แต่ยังดีที่หวงเธอบ้าง ของฉันสิเหล้าเข้าปากทีไรก็หายจ้อยไปหาคนอื่นทุกที ทิ้งฉันไว้กับพวกขี้เมาคนอื่นโดยไม่ช่วยฉันสักนิด แล้วก็มาหาว่าฉันน่ะหลายใจ ขู่จะยกฉันให้คนอื่นด้วยเอ้า!" 
     


    ไม่ทันไร บทเรียนประจำวันของเขาก็กลายเป็นนั่งฟังพวกผู้หญิงนินทาสามีของพวกเธอ ทำให้เขารู้ว่าผู้หญิงในเผ่าเสือทุกคนล้วนแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเฉพาะเด็กสาวที่สูญเสียผู้ชายในครอบครัวไป ที่นี่ไม่มีการใช้เงินตราในการดำรงชีพก็จริง เหยื่อทั้งหมดที่พวกผู้ชายล่ามาได้จะถูกจัดขึ้นโต๊ะให้กินร่วมกัน ไม่มีใครพิเศษไปกว่าใคร พวกผู้ชายจะออกล่าด้วยกัน ปกป้องเผ่าจากภัยภายนอกด้วยกัน แต่กระนั้นพวกเขาก็พร้อมจะแย่งชิงสิ่งอื่น ๆ กันตลอดเวลา ผู้หญิงที่ปราศจากผู้ชายคุ้มครองจะถูกใช้เหมือนกับของสาธารณะ หากพวกเธอไม่แต่งงาน ผู้ชายคนไหนก็จะข่มเหงเธอได้ แต่ถึงเธอจะแต่งงานแล้ว ถ้าทำตัวไม่ถูกใจสามี ก็อาจถูกสามีนำตัวเธอไปแบ่งปันกับผู้ชายอื่นได้อยู่ดี พวกเธอมีสิทธิจะถือมีดปกป้องตัวเอง แต่ก็ใช่จะชนะแรงผู้ชายเสมอไป ที่นี่แม้จะปราศจากอำนาจของเงินตราและอำนาจ ผู้ชนะคือผู้ที่อยู่รอด แต่ผู้หญิงก็ยังไม่แคล้วถูกปฎิบัติเหมือนกับสิ่งของ
     


    "คุโรโกะซังก็ต้องระวังนะคะ"
     

    "ครับ?"
     

    "คุโรโกะซังถึงจะเป็นภรรยาของไทกะแล้ว พวกนักรบจะไม่กล้ามายุ่งกับคุณก็จริง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาเริ่มส่งสัญญาณว่าเขาจะไม่ปกป้องคุณ..."
     
     

    .....ที่เขาต้องเป็นอยู่แบบนี้มันยังไม่พออีกเหรอ.....
     
     

    "เราไม่อยากให้คุณเป็นกังวลหรอกนะคะ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น...มันจะเป็นเรื่องที่แย่มากๆ นะ คุโรโกะซัง" 
     
    ...
    ..
     
     
    "พวกเราเตือนด้วยความหวังดีนะคะ"
     
     
     
    ===================
     
     
     
    "นี่เจ้าหญิงโมโมอิจะไม่ยอมคุยกับกระหม่อมเลยจริง ๆ เหรอ" ลอร์ดอิมาโยชิเอ่ยทักเมื่อเห็นใบหน้าเจ้าหญิงแห่งเทย์โควทำแก้มป่องซ้ำยังเบือนหน้าไปทางอื่น ซึ่งเขาก็รู้สาเหตุของอาการทรงพระงอนนั้นดีจนนึกอยากถอนหายใจดัง ๆ
     

     "กระหม่อมบอกแล้วใช่ไหมว่า มันไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต ทำไมยังทรงคิดมากอีก"
     

    "ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตงั้นเหรอ!! อิมาโยชิซัง คุณยอมให้เท็ตสึแต่งงานกับหัวหน้าคนเถื่อนนั่นแล้วยังบังคับให้ฉันทิ้งเขาให้เผชิญชะตากรรมอยู่ตรงนั้นคนเดียวอีก!!! ใครได้ยินเข้าคงหาว่าฉันเป็นคนใจร้าย" หญิงสาวผมสีชมพูเหวลั่น ตอนนี้เธออยู่ในแดนต่างถิ่น ไม่มีใครรู้จักเธออยู่แล้ว เธอจึงไม่ต้องมาคอยห่วงเรื่องภาพลักษณ์
     

    "เขาจะเป็นวีรบุรุษนะ เจ้าหญิง...ถ้าเขารอดมาได้"
     

    "วีรบุรุษงั้นเหรอ!! คุณคิดว่าทั้งอาณาจักรจะมองเขาแบบนั้นเหรอ! คุณจะบอกทั้งอาณาจักรยังไง ตอนที่คุณจะกลับเข้าไปในวัง แล้วบอกเขาว่าเราขายเจ้าชายของเราให้เป็น-" หญิงสาวชะงักกับคำพูดหยาบคายเกินไปสำหรับน้องชายแสนดีของเธอ ไม่ควรจะมีใครมองน้องชายของเธอแบบนั้น ..ไม่ควรเลย "...คุณจะขายเจ้าชายของเราให้กับหัวหน้าคนเถื่อนพวกนี้งั้นเหรอ เขาเป็นน้องฉันนะ เขามีเลือดมังกรอยู่ครึ่งหนึ่ง เหมือนกับเจ้าชายเจ้าหญิงทุกคน"
     

    "เจ้าหญิงเองก็มีเหมือนกันนั่นแหละ เจ้าหญิงโมโมอิ"
     

    "มันต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้สิ ให้ฉันแต่งงานก็ได้ หรือจะตั้งเท็ตสึคุงเป็นทูตสัมพันธไมตรีอยู่ที่นี่ หรือตำแหน่งอะไรก็ตามแต่ที่คนทั่วไปจะยอมรับได้ และทำให้ไทกะคนนั้นก็พอใจ แต่ไม่ใช่การให้เท็ตสึคุงแต่งงานแบบนี้ ถ้าทำแบบนั้น เขาจะไม่มีวันกลับไปที่เทย์โควได้อีก พวกนั้นจะตัดขาดเขา เพราะเขาจะไม่ยอมให้อาณาจักรไหนมาหัวเราะเยาะว่าเราขายเจ้าชายออกไปแบบนี้ได้ เทย์โควไม่ยอมรับการแต่งงานของเพศเดียวกันหรอก โดยเฉพาะการแต่งงานทางการเมือง ...พวกเขาต้องมีลูก"
     

    "เจ้าหญิง อย่าเอาแต่ใช้อารมณ์สิ อย่าลืมสิว่าตอนนี้เรากับฝ่ายเสือไม่ได้มีสถานะเท่ากัน ถ้าไม่ใช่การแต่งงาน เจ้าชายก็จะตกเป็นแค่ทาส หรือ เชลยของที่นี่เท่านั้นเอง ยังไงกระหม่อมก็เห็นด้วยกับการแต่งงานมากกว่า"
     

    อิมาโยชิข่มใจและค่อยๆ ชี้แจงออกมาเป็นเหตุผล
     

    "เราคือฝ่ายที่ต้องขอความเมตตาจากเขา เราไม่มีกองทหาร ไม่มีอำนาจที่นี่ เราไม่มีอะไรจะสู้เลย กษัตริย์กำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะทั้งเจ็ดเผ่าพร้อมจะฉวยโอกาสหากมีใครสักคนจุดชนวน เราไม่มีสิ่งที่เผ่าเสือต้องการ พวกเขาหยิ่งและทะนง ...การยกคนให้ ก็เหมือนการให้สมบัติ ซึ่งเขาจะทำยังไงกับสมบัติของเขาก็ไม่มีใครตั้งข้อครหากับเขาได้ แต่การแต่งงานคือการเข้าไปอยู่ในครอบครัวของเขา เจ้าบ่าวจะต้องปกป้องเจ้าสาวเหมือนปกป้องเกียรติของตัวเอง ถ้าเป็นการแต่งงานจะรับประกันความปลอดภัยของชีวิตเจ้าชายได้มากกว่า อย่างน้อยๆ ก็จากคนในเผ่าของเขาเอง ..."
     

    ...ทูตสัมพันธไมตรีงั้นเหรอ คำๆนั้นไม่มีผลกับดินแดนแห่งนี้หรอก...ไม่มีเหตุผลใดที่ไทกะจะปกป้องคนขาว ไม่ว่าคนขาวคนนั้นจะใหญ่มาจากไหน...
     

    "ถึงอย่างนั้นเท็ตสึคุงก็เป็นผู้ชาย อิมาโยชิซัง เขาจะมีปากเสียงเพื่อตัวเองได้ยังไง คุณโยนเขาลงในขุมนรกชัดๆ อิมาโยชิซัง ลูกคือสิ่งที่คาดหวังผู้คนจากการแต่งงาน และสิ่งที่สามีคาดหวังจากภรรยา หัวหน้าเผ่านั่นจะเบื่อเขาเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น"
     

    "เรื่องนั้นเราก็ได้แต่ภาวนาให้เจ้าชายพยายามหน่อยล่ะ ก็เจ้าชายน่ะออกจะหัวดื้ออยู่หน่อยๆ เหมือนกัน.."
     

    "อิมาโยชิซัง!!"
     

    "และตอนนี้กระหม่อมก็ช่วยเขาอยู่เหมือนกันนะพะยะค่ะ การที่กระหม่อมพาพระองค์ออกมากก็เพื่อลดแรงกดดันให้เขา แล้วก็ลดแรงกดดันให้เจ้าหญิงอยู่พะยะค่ะ"
     

    "คุณมันใจร้าย! อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าทั้งหมดน่ะเป็นแผนของคุณ คุณหลอกเท็ตสึคุงให้มาร่วมขบวนมาส่งฉันเพราะคุณตั้งใจจะใช้เขา! ให้เขาเป็นเหยื่อให้คนพวกนั้นรุมทึ้ง ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอาคาชิคุงยอมไว้ใจหมาป่าเจ้าเล่ห์แบบคุณ!!"
     

    "ความไว้วางใจจากกษัตริย์เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว กระหม่อมเห็นความมั่นคงของบัลลังก์มาเป็นอันดับหนึ่ง แม้แต่เจ้าชายก็ไว้ใจกระหม่อม เขาเป็นคนพูดเองว่าให้กระหม่อมทำทุกอย่างเพื่อช่วยคุณและปกป้องบัลลังก์"
     

    "แล้วคุณก็เอาความรู้สึกของเขามาใช้เป็นเครื่องมือ"
     

    "กระหม่อมผิดงั้นเหรอ ที่เขามาขอให้กระหม่อมช่วยพระองค์ .....แล้วมันถูกต้องแล้วอย่างนั้นหรือที่เขาเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเอง? โชคดีที่มันเป็นจุดอ่อนที่ใช้การได้ เขาจะได้ไม่ยอมแพ้ ในเมื่อเขาทำมันเพื่อปกป้องพระองค์" 
     

    "คุณทำให้ฉันรู้สึกผิด เหมือนฉันเป็นคนผิดที่ทำให้เท็ตสึคุงต้องมาลำบากที่นี่"
     
     
    ลอร์ดหมาป่ามองเจ้าหญิงที่เบะปากทำหน้าจะร้องไห้ด้วยความเหนื่อยใจ

     
    ....ถึงเจ้าหญิงจะฉลาดและมีรูปโฉมที่งดงาม แต่ก็ไม่พ้นมีอารมณ์อ่อนไหวอย่างผู้หญิงทั่วไปอยู่ดี..เฮ้อ..

     
     
    "เลิกงอแงได้แล้วน่า เจ้าหญิง คุณมีหน้าที่ที่จะต้องทำ คนแค่คนหรือสองคน ถ้ามันซื้อเวลาได้ เราก็ต้องยอมๆ เสียไป"
     

    "นั่น น้องชายฉัน!! และเขาก็เป็นน้องของกษัตริย์"
     

    "เขาเป็นแค่คนคนหนึ่ง คุณจะยอมเสียทหารทั้งหมดเพื่อเขางั้นเหรอ เพื่อสงครามงั้นเหรอ" อิมาโยชิเอ่ย ขณะมองเจ้าหญิงคนงามที่กำลังมองเขาด้วยความชิงชัง แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังอดเหลือเชื่อไม่ได้ที่ไทกะคนนั้นยอมปล่อยคนงาม ๆ เช่นเธอให้หลุดรอดมาได้ เจ้าหัวหน้าเผ่าโง่นั่นคิดแต่เรื่องตอกหน้าเทย์โควจนพลาดของดีอย่างนี้ได้อย่างไร ถ้าเป็นคนแบบเขา เขาไม่ปล่อยให้คนสวยที่มีอำนาจเช่นนี้ให้หลุดออกจากฝ่ามือหรอก
     

    .....เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เขาก็จะขโมยอำนาจทั้งหมดมาและครอบครองเอาไว้เองให้ได้...

     
    "ชูคอให้สูงไว้ดีกว่าเจ้าหญิง ความงามของพระองค์จะล่อพวกเหลือบไรทั้งหลายที่อยากได้อำนาจออกมา พระองค์จะทำอย่างนี้ได้ก็ต่อเมื่อพระองค์ยังโสดเท่านั้น และยังรั้งตำแหน่งรัชทายาทผู้มีสิทธิในราชบัลลังก์ ผู้ที่ได้แต่งงานกับพระองค์คือผู้มีสิทธิที่จะได้สวมมงกุฎกษัตริย์ ใครไหนเลยจะต้านทานความเย้ายวนของมันได้"
     

    โมโมอิปัดมืออิมาโยชิที่มาแตะต้องใบหน้าของเธอออกด้วยความรังเกียจ
     

    "ชนเผ่าเสือถึงจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ใช่ชนกลุ่มเดียวบนแผ่นดินเซย์ริน วันนี้เราจะลองไปเยือนชนกลุ่มอื่นกัน.."
     

    ดวงตาสีชมพูที่แปล่งประกายเหมือนอัญมณีนั้นเบิกกว้างขึ้นนิดนึง
     


    "อย่าบอกนะว่าคุณจะ.."
     

    "ไม่ใช่กระหม่อม เราต่างหาก เราจะยึดอำนาจบนแผ่นดินเซย์รินกัน พวกเสือน่ะจัดการยากเพราะเราไม่สามารถซื้อ หรือจูงใจพวกเขาได้ด้วยเงิน กษัตริย์ถึงได้ยอมเอาตัวคุณมาเพื่อลงเดิมพัน.. แต่ในเมื่อเจ้าชายทำหน้าที่ในส่วนนั้นแทนได้แล้ว ซึ่งทำให้งานที่เหลือของเราน่ะง่ายขึ้นเยอะ สิ่งต่อไปที่เราจะทำคือขยายฐานอำนาจที่นี่"
     

    "คุณ..." 
     

    "ถ้าเจ้าหญิงตั้งใจทำหน้าที่ดี ๆ และทำให้พวกขี้ฉ้อในวังเลิกฝันถึงสงครามได้เมื่อไหร่ พวกเราทุกคนก็จะได้กลับบ้านเร็วเท่านั้น.."
     
     
     
    "....แน่นอนว่า กระหม่อมหมายรวมถึงเจ้าชายด้วย..."
     
     
     
    ==================
     
     

    "คุโรโกะ!!!! ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเถลไถลไปไกล ที่นี่มันอันตรายนะ!!" หญิงสาวต่างเผ่าผู้มีลวดลายเขียนสีทั่วใบหน้าและลำตัวเอ่ยด้วยความโมโห แค่เรื่องต่าง ๆ ที่เธอต้องจัดการในเผ่าก็เยอะพอแล้ว เธอยังต้องมาดูแลเจ้างูต่างถิ่นตัวนี้อีก!
     

    "ขอโทษครับ ริโกะซัง ผมคงเหม่อไปหน่อย" ใบหน้านิ่งๆ นั้นเอ่ยด้วยอารมณ์คล้ายจะสำนึกผิด 

     
    "นายเนี่ยน้าาา ฉันก็เข้าใจนะว่านายเริ่มคุ้นกับที่นี่แล้ว แต่นายก็ยังไม่ควรไปไหนไกลสายตาพวกฉันนะ ถึงนายจะแต่งงานกับไทกะ แต่ฉันก็ไม่มั่นใจว่าพวกผู้ชายพวกนั้นจะทำอะไรนายหรือเปล่า พวกเขาตัวใหญ่กว่านายตั้งเกือบเท่านึง! ฉันรู้ว่านายไม่งี่เง่า แต่ฉันไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับนายนะ!"
     

    "ครับ ผมเข้าใจครับ ริโกะซัง ขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วง" ริโกะทำท่าจะโวยต่อ แต่พอเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมา อารมณ์โมโหก่อนหน้านี้ที่มีมหลายหายไปหมด
     

    "ช่างเถอะ ฉันเข้าใจ นายน่ะไม่ได้อยากมาที่นี่ แต่ถ้าเจ้าหญิงโมโมอิกลับมาเห็นนายเป็นแบบนี้ เธอจะรู้สึกยังไงล่ะ"
     

    "ขอโทษครับ"
     

    "งั้นก็อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ คุโรโกะ! ทำตัวแมนๆ หน่อย ตอนกลางวันฉันก็เห็นนายร่าเริงปกติดี ทำไมตอนใกล้ตกเย็นนายก็ชอบหนีหายออกมาแล้วทำตัวทึมๆ แบบนี้ล่ะ"
     

    คุโรโกะไม่ได้ตอบ
     

    "อย่าบอกนะว่านายไม่อยากเจอไทกะ?" ริโกะอุทานเมื่อเดาจากท่าทางนั้นได้ "คุโรโกะ จะบ้าเหรอ เขาเป็นสามีนายแล้วนะ"
     

    "คุณก็รู้นี่ครับว่าเขาแต่งงานกับผมก็เพื่อหักหน้าอาณาจักรของผม"
     

    "นายทำอะไรเรื่องนั้นไม่ได้แล้วล่ะ คุโรโกะ!! ถ้านายยังทำตัวแบบนี้ต่อไป การแต่งงานครั้งนี้ก็จะไม่ช่วยอะไรแก้ปัญหาอะไรเลยไม่ใช่เหรอ"
     

    "ผมรู้ครับ"
     

    "ถ้านายทำแบบนี้ต่อไป ไทกะก็จะเขี่ยนายทิ้ง แล้วเจ้าหญิงโมโมอิของนายก็อาจจะกลับมาต้องแต่งกับไทกะ นายยอมงั้นเหรอ"
     

    "ผมรู้"
     

    "แล้วนี่คือทั้งหมดที่นายทำเนี่ยนะ!!"
     

    "ริโกะซัง....ชอบไทกะตรงไหนงั้นเหรอครับ?"
     

    "หา!!!! ใครบอกว่าฉันชอบเจ้านั่นกันห๊ะ!!"
     

    "ก็ผมเห็นริโกะซังมักจะอยู่กับเขาเสมอเลยนี่ครับ"
     

    "เขาเป็นหัวหน้าเผ่านี่ จะให้ฉันไปเดินตามแมวที่ไหนได้ล่ะ!! ทั้งงี่เง่า อารมณ์ก็ร้อน แถมอ่านหนังสือก็ไม่ออก พูดภาษากลางก็ไม่ได้ มีแต่เรี่ยวแรง แต่ไร้สมองแบบนั้นเกิดพาเผ่าไปล่มจมก็ยุ่งกันพอดีน่ะสิ!!! ฉันก็แค่พยายามทำสิ่งที่ฉันทำได้เท่านั้นแหละ!!!"
     

    "เขาดูไว้ใจคุณมากเลยนะครับ"
     

    "มันก็ใช่อยู่.. แต่ฉันก็ไม่คิดจะแต่งงานกับเขาหรอกนะ และฉันก็ไม่คิดจะแต่งกับเสือตัวไหนด้วย! ผู้ชายเผ่าเสือน่ะไม่เคยเคารพผู้หญิงหรอก ผู้ชายห่วย ๆ ไม่มีใครทำตัวดี ๆ กับผู้หญิงสักคน ฉันน่ะถึงจะมีพ่อหนุนหลังอยู่ก็จริง แต่ก็อาจจะมีวันไหนสักวันหนึ่งที่เขาอาจจะช่วยฉันไม่ได้ก็ได้ เพราะงั้นฉันถึงดิ้นรนทั้งเรียนภาษาและฟันดาบ ทั้งพยายามทำหน้าที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่บทบาทของผู้หญิง เพื่อให้พวกเขาต้องเคารพฉัน และที่ฉันเป็นอยู่ในทุกวันนี้ได้ก็เพราะฉันสู้เพื่อให้ได้มันมา!"
     

    "ริโกะซัง.."
     

    "ฉันไม่ได้มันมาง่าย ๆ นะ และตอนนี้ฉันก็ต้องรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของนายระหว่างที่เขาไม่อยู่ด้วย"
     

    "ครับ"
     

    "แต่นายรู้ใช่ไหมว่าฉันก็ช่วยอะไรนายไม่ได้ถ้าเกิดเขาอยากจะเขี่ยนายทิ้ง"
     

    "วันนี้พวกผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็เตือนผมเหมือนกันครับ"
     

    "หืม? แล้วไงอีก?"
     

    "แต่ว่าผม...ไม่รู้จะทำยังไงเลยครับ ผมเป็นผู้ชาย พูดภาษาเขาก็ไม่ได้ มีลูกก็ไม่ได้ เรื่องงานต่าง ๆ ในเผ่าผมก็พยายามเรียนรู้อยู่ ผมรู้ว่าผมต้องต่อสู้เพื่อที่จะให้เป็นที่ยอมรับ...แต่ว่าแล้วเขาจะยอมรับผมในแง่ไหนงั้นเหรอครับ...."
     
     
     
    "......เขาแต่งงานกับผม แต่เขาคงไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องทำตัวเหมือนเป็นภรรยาเขาจริงๆ ใช่ไหมครับ??"


     
     
    ====================


     
    เมื่อเข้ากระโจมของครอบครัวมาแล้วเห็นพ่อของเธอนั่งเช็ดดาบที่เปื้อนเลือดจากการล่าวันนี้อยู่ ริโกะก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปถาม
     

    "พ่อจ้ะ"
     

    "จ๋า ลูกรัก"
     

    "เวลาที่พ่อเห็นคุโรโกะแล้วพ่อรู้สึกยังไงบ้างเหรอ?"
     

    ทาเกะโทร่า นักรบและนักล่าเหยื่อมือฉมังของกลุ่มเงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำอยู่ด้วยความแปลกใจ ใบหน้าของชายวัยสี่สิบกว่าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยและความจริงจัง ผมสีน้ำตาลอ่อนแซมด้วยผมขาวประปรายเพราะช่วงวัย เขาเป็นนักรบมากวัยที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนในที่นี้
     

    "ถามทำไมเหรอ?...อย่าบอกนะว่าลูกชอบมัน!! ไม่ได้นะลูก ถึงลูกจะไม่ชอบผู้ชายเผ่าเสือ แต่เขาเป็นภรรยาของ-อุ๊บส์!!!"
     

    ......และหวงลูกสาวอย่างร้ายกาจ....
     

    "ใช่ที่ไหนเล่าพ่อ อย่าคิดเองเออเองสิ!!!
     

    "โอเคจ้ะ ลูกรัก พ่อล้อเล่นน่ะ ลูกจะถามอะไรงั้นเหรอ" ทาเกะโทร่าพยายามทำหน้าจริงจังอีกครั้ง
     

    "หนูเข้าใจว่าคุโรโกะคงรู้สึกว่าสถานะของเขาตอนนี้น่ะคลุมเครือและน่าสับสนมาก แล้วไทกะน่ะก็ไม่ใช่พวกชอบพูดนัก ทั้งยังปากหนักอย่างกับอะไรดี..."
     

    "ผู้ชายที่เป็นผู้นำน่ะ ย่อมไม่เปิดเผยความลับของตัวเองแม้แต่กับภรรยาหรอกนะริโกะ"
     

    "ก็ใช่ แต่พ่อ... ตอนนี้คุโรโกะน่ะ ไม่เข้าใจกระทั่งว่าเขากำลังถูกคาดหวังให้ทำตัวเป็นภรรยาจริงๆ หรือเปล่า... ผู้ชายกับผู้ชายมีอะไรกัน มันก็คงไม่เหมือนกับผู้ชายมีอะไรกับผู้หญิง... จริงไหมจ้ะ?"
     

    "เอิ่มม.. เรื่องนั้นพ่อก็ไม่รู้หรอกนะ ริโกะ พ่อมีแค่แม่แกคนเดียว ไม่เคยมี....ผู้ชาย หรือ ผู้หญิงคนอื่น แล้วก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย เรื่องที่ไทกะจะคิดอะไรกับ..เจ้าเด็กนั่นพ่อก็ไม่รู้หรอก"
     

    "แล้วพ่อว่า ไทกะจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อเหยียดหยามคุโรโกะหรือเปล่า? หรือไม่ว่ายังไงมันก็จะแย่ลงไปอีก? จริงๆ แล้วไทกะอยากจะยอมรับคุโรโกะหรือเปล่า?"
     

    "พ่อไม่รู้หรอก ริโกะ พ่อไม่ได้มีประสบการณ์แบบนั้น ลูกก็รู้ว่าผู้ชายเผ่าเราไม่เคยพยายามรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวสักเท่าไหร่ พวกเราออกล่าโดยที่ไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่ง พวกเราจดจ่อกันอยู่แค่วันนี้ และพรุ่งนี้เราจะอยู่รอดต่อไปได้ไหม นั่นคือสาเหตุที่ผู้ชายเผ่าเราถึงไม่ต่อสู้เพื่อให้ได้ความรักมา และต้องการให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายหยิบยื่นให้ นั่นคือตอนก่อนทที่พ่อจะได้พบแม่ของลูกน่ะนะ"
     

    "พ่อคิดว่าควรให้คุโรโกะลองดู?"
     

    "พ่อรู้ว่ามันฟังดูบ้า แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พวกเขาต้องตกลงกันเองสองคน ถ้าไทกะยอมรับเขาในแบบไหน ทั้งเผ่าก็จะยอมรับเขาในแบบนั้น ไม่แน่ ตอนนี้เองไทกะก็อาจจะกำลังรอดูท่าทีของเขาอยู่ก็เป็นได้ ส่วนในเรื่องรายละเอียดพ่อคงเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้ไม่ได้...."
     

    "เห??? แต่พ่อฉลาดที่สุดในกลุ่มเราแล้วนะ!"
     

    "ถ้าเป็นเรื่องความสัมพันธ์ลูกก็ต้องไปถามคนที่เขาช่ำชอง.. ซึ่งเผ่าเราก็มีพวกแปลกแยกอยู่คนนึง"
     

    ริโกะนิ่งคิดไปสามวิ ก่อนคลี่ยิ้มด้วยความยินดี
     
     
     
    "ท่าทางว่าพรุ่งนี้หนูต้องไปเยี่ยมเจ้าเสือดำชีกอนั่นสินะ"
     
     
    ====================
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×