ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FanFic Kuroko no Basket] Short fic in Fantasy World (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #3 : [MidoKuro] Demon Student

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 57


    ทั้งเครื่องบินดีเลย์ ทั้งเหตุวุ่นวาย ทั้งหลงป่า ทั้งโดนหมูป่าเล่นงาน


    ต้องเป็นเพราะเขตนี้เป็นที่เกลียดชังของเทพธิดาแห่งโชคชะตาแน่ๆ



    มิโดริม่าเงยหน้ามองตำแหน่งดวงอาทิตย์อย่างหนักใจ ก่อนหันไปมองเพื่อนร่วมชะตากรรมที่หอบหายใจแรงและใบหน้าแดงเหมือนมีพิษไข้ แต่กระนั้นก็ยังกำลังเป้บนหลังเอาไว้ไม่ยอมให้เขาช่วยถือ ชุดลุยป่าเประเปื้อนดินและมีรอยฉีกขาดเพราะกระโดดเข้ามาใช้ตัวเองเป็นโล่ให้กับเขาตอนที่หมูป่าโจมตีใส่ เรียกได้ว่าสะบักสะบอมทีเดียว แต่สภาพของเขาเองก็ไม่ได้ดีกว่าสักเท่าไหร่ ชุดและใบหน้าที่มอมแมมเพราะต้องลงไปคลุกดินตั้งกี่ครั้งไม่รู้ต่อกี่ครั้ง และแหล่งน้ำในป่าแถวนี้ก็มีสัตว์อันตรายเยอะเกินไป สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือออกจากป่า ใช่..พวกเขาหลงป่ามาหลายวันแล้ว


    ...เขาตัดสินใจพลาดจริงๆ ที่มาที่นี่...


    "มิโดริม่าคุง..." เสียงอ่อนแรงนั้นเรียกพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเพราะเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว


    "คุโรโกะ!!!"


    =-=-=-=-=-=-=-=-=-=-


    สองอาทิตย์ก่อน




    "อะไรนะ!! จะให้ระงับการวิจัยชั่วคราว!!!!" นักศึกษามหาวิทยาลัยโตเกียวปีสี่เหวลั่นด้วยความตกใจใส่ศาตราจารย์ผู้เป็นครูที่ปรึกษา เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่มองกลับมาจากผู้ทรงคุณวุฒิกว่า เขาก็จำต้องลดความตื่นตกใจลง "แต่ว่าอาจารย์ อีกนิดเดียวงานวิจัยที่ผมทุ่มเทมาหกเดือนก็จะเสร็จแล้วนะครับ ผมไม่ยอมจบช้า หรือเปลี่ยนหัวข้อตอนนี้หรอก!"


    มิโดริม่า ชินทาโร่ คือ เด็กหนุ่มนักศึกษาที่ว่านี้เอง



    "นายไม่ได้ดูทีวีหรือไง ชินทาโร่ ตอนนี้ตัวอย่างทดลองแสนสำคัญของนายน่ะอยู่ในป่าในเขตที่มีเหตุจราจลทางการเมือง ถ้านายจะเสี่ยงชีวิตเข้าไปเอาผลมาแล้วเกิดตายไป มันก็สูญเปล่าน่ะสิ"


    .....เหตุจราจล!! ตอนนี้เนี่ยนะ!!.....



    "ทำไมนายไม่ชะลอไปก่อนล่ะ?" ศาสตราจารย์หนุ่มวัยยี่สิบกว่าๆ ผู้มีดวงตาสองสีอันเด็ดขาดและผมสีแดงเพลิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยแรงกดดัน เหมือนกับต้องการจะบอกว่า ยอมรับซะเถอะ ฉันยังไม่อยากทำเรื่องยุ่งยากในการอนุมัติเคสแบบนี้


    "แต่ผมอยากทำงานวิจัยนี้ให้สำเร็จจริงๆนะครับ!!"


    ....ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้ศาสตราจารย์หนุ่มผู้นี้พอใจได้ล่ะก็ คงเป็นสปิริต  และความตั้งใจอย่างแรงกล้าล่ะมั้ง....


    ศาสตาจารย์อาคาชิมองท่าทีนั้นอย่างครุ่นคิด


    "ถ้าอย่างนั้น....."




    -=-=-=-=-=-=-=-=-



    "หา!! นักศึกษาปีศาจ??" ทาคาโอะ คาซูนาริ นักศึกษาปีสี่แผนกวิศวกรรม เพื่อนสนิท(ที่มิโดริม่าไม่เคยออกปากยอมรับเพราะความซึนสักที) มองเพื่อนด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแก้มปริ


    "ใช่" มิโดริม่ายอมรับอย่างอับจน ว่ากันตามจริงเขาก็ไม่อยากมาขอให้ทาคาโอะช่วยนักหรอก แต่เป็นเพราะว่าเมื่อถึงเวลาแบบนี้ทีไร ก็นึกออกได้แค่คนคนนี้ทุกที (ไม่ใช่เพราะว่ามีเพื่อนน้อยหรอกนะ! มิโดริม่าบอกตัวเองในใจ)


    "แหมๆๆ ชินจางงงงง นักศึกษาที่เป็นปีศาจในมหาวิทยาลัยโตเกียวเนี่ยก็มีอยู่เยอะแยะไปหมด ไม่เห็นต้องมาถามฉันเลยนี่~~" ทาคาโอะด้วยน้ำเสียงขี้เล่นเอ่ยพร้อมใช้ข้อศอกกระทุ้งเพื่อนรักเบาๆ "ทั้งหมดก็เพราะชินจังมีมนุษยสัมพันธ์ต่ำเองนั่นแหละ"


    "อย่าทำเป็นเล่นน่า ทาคาโอะ นายก็ช่วยแนะนำมาหน่อยสิ!" มิโดริม่าดุพร้อมใช้นิ้วดันแว่นขึ้นแก้เก้อ ..ให้ตายเถอะ ทำไมฉันต้องรู้จักแต่คนแบบนี้ด้วยนะ...


    "แปลกจังนะที่อาจารย์อาคาชิยอมให้นายเข้าพื้นที่อันตรายง่ายขนาดนี้ เงื่อนไขแค่ให้พาคู่หูนักศึกษาที่เป็นปีศาจไปด้วย แค่นั้นเองเหรอ??"


    "ยังไงมันก็เป็นแค่เหตุจราจลทางการเมือง ถ้าเป็นคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็ไม่น่ามีปัญหายุ่งยากหรอกน่า"


    "ขอดูก่อนนะ... นักศึกษาลูกครึ่งปีศาจที่ฉันรู้จักมีอยู่หลายคนก็จริง แต่พวกที่จะไปบุกป่าฝ่าดงกับชินจังได้เนี่ยก็มีจำกัดอยู่นะ"


    "หา!?" มิโดริม่าเหวกับถ้อยคำกระแหนะกระแหน่นั้น เขาไม่ใช่พวกเรื่องมากขนาดถูกรังเกียจสักหน่อย


    "อย่าขัดสิชินจัง ฉันใช้ความคิดอยู่นะ ส่วนใหญ่พวกนั้นก็อยู่แผนกกีฬาทั้งนั้นล่ะ รู้สึกว่าใกล้ๆนี้ก็จะมีงานแข่งสำคัญน่าไปดูทั้งนั้นเลย อย่างศึกบาสเกตบอล คู่สิงโตปะทะเสือดำ ระหว่างคางามิ ไทกะและอาโอมิเนะ ไดกิ  การแข่งวอลเล่ย์บอลซาลาแมนเดอะปะทะหมีกริซลีย์ของฮิโรมุซังกับมุราซากิบาระคุงก็น่าไปเชียร์ไม่น้อย แล้วก็...."



    มิโดริม่ามองคนขี้แกล้งที่จงใจเอ่ยไล่ชื่อนักศึกษาปีศาจที่รู้จักไปเรื่อยๆ เพื่อตอกย้ำเขาและโอ้อวดว่าตนรู้จักคนมากกว่าแค่ไหน ขณะที่นักศึกษาหนุ่มผมสีเขียวกำลังเดือดปุดๆจวนจะระเบิดอยู่รอมร่อแล้ว ทาคาโอะก็ยอมเข้าสู่บทสรุป



    "...แล้วก็นะ ชินจัง นักศึกษาปีศาจที่ฉันสนิทด้วยน่ะ มีอยู่คนหนึ่งล่ะที่ไม่ได้อยู่แผนกกีฬา"


    บทใบหน้าของนักศึกษามนุษย์แผนกวิทยาศาสตร์การกีฬาคือรอยยิ้มที่มีเลศนัย


    "ใครล่ะ?"



    -=-=-=-=-=-=-=-=-




    "ไม่ยักรู้ว่านายรู้จักกับนักศึกษาผีแห่งแผนกครูอนุบาล" อาคาชิจ้องมองกระดาษข้อมูลชื่อและเบอร์ติดต่อที่มิโดริม่าส่งให้อย่างประหลาดใจ


    "อาจารย์ก็รู้จักด้วยเหรอ?" มิโดริม่าถามทั้งๆที่ไม่ได้อยากรู้มากนัก สำหรับเขาแล้ว เขาค่อนข้างจะผิดหวังกับรูปร่างของคู่หูที่ไม่เห็นว่าจะดูน่าพึ่งได้ตรงไหน


    "รู้จักสิ เป็นคนที่มีตัวตนเลือนลางอย่างเหลือเชื่อ เวลาไปออกค่ายอาสาทีไร ชาวค่ายก็ต้องมีเรื่องสยองขวัญในค่ายกลับมาทุกที ส่วนใหญ่แล้วก็เกิดจากความจืดจางของตัวเขานั่นแหละ" ศาสตรจารย์ผู้เข้มงวดเหมือนจะกำลังยิ้มอย่างขบขัน  "ฉันให้ผ่านนะ นายจะเดินทางเมื่อไหร่ก็แจ้งฉันด้วยล่ะ"


    ..ให้ผ่านง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ?...


    "นายออกไปได้แล้ว อ้อ ช่วยเรียกคาซุนาริที่รออยู่นอกห้องเข้ามาคุยกับฉันด้วย"


    เมื่อมิโดริม่าเปิดประตูออกไปก็เห็นว่าทาคาโอะกำลังยืนรออยู่อย่างกระดี้กระด้าเพราะอยากรู้ผล แต่คำพูดแรกของมิโดริม่าคือ


    "อาจารย์เรียกนายเข้าไปข้างในน่ะ"


    "เอ๋!!! ศาสตราจารย์ไม่ให้เท็ตจังผ่านเหรอ??" ทาคาโอะร้องอย่างแปลกใจ "เท็ตจังต้องผ่านสิ!!"



    ...ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าคนพวกนี้เห็นนักศึกษาผี ที่อยากเป็นครูอนุบาลมีดีตรงไหน...มิโดริม่าคิดในใจ ก่อนจะเอ่ยตอบเพื่อไม่ให้นักศึกษาหนุ่มจอมเพี้ยนตรงหน้าเลิกคร่ำครวญมุ้งมิ้งเสียที



    "ผ่านสิ ฉันต้องไปเตรียมการเดินทางแล้วล่ะ ไปล่ะ"


    "ชินจังอ่ะ!! ใจดีกับฉันหน่อยไม่ได้หรือไง ฉันอุตส่าห์ช่วยชินจังหาคนนะ!!" ทาคาโอะโวย แต่เมื่อเห็นมิโดริม่าเดินไปโดยไม่หันกลับมาสนใจตนอีก เขาก็เดินเข้าห้องพักครูไปอย่างงอนๆ


    "คาซุนาริ" อาจารย์หนุ่มเอ่ยเรียกเมื่อเห็นนักศึกษาหนุ่ม


    "ศาสตราจารย์~~~"


    "นายเป็นคนแนะนำสินะ"


    "แหม ก็แปลกอยู่นะที่ศาตราจารย์ตั้งเงื่อนไขแบบนั้น สถานการณ์ที่นั่นจริงๆ ร้ายแรงมากไม่ใช่เหรอ"


    "ต้องยอมรับนะว่า ฉันลืมไปว่ายังมีนักศึกษาที่ว่างพอจะไปเข้าป่าปีนเขาได้ในช่วงนี้อยู่อีกคน"


    "ศาสตราจารย์คิดว่าคู่นี้จะเป็นยังไงล่ะ" ทาคาโอะเอ่ยอย่างดี้ด้า


    "เป็นคู่ที่น่าสนใจดีนะ"


    "หวังว่าชินจังคงได้เรียนรู้อะไรมากกว่าการทำงานวิจัยบ้างล่ะนะ"



    -=-=-=-=-=-=-=-=-




    "สวัสดีครับ มิโดริม่าคุง"


    ไม่ คนคนนี้ไม่มีอะไรเหมือนนักศึกษาปีศาจที่แข็งแรงและพึ่งพาได้เลยสักนิดนึง เขาดูเหมาะจะไปอยู่บริษัทหลอนไม่จำกัด และสิงอยู่ตามโรงเรียนมากกว่า ไม่ต้องพูดถึงออกค่ายหรอก น่าจะยังตอกตะปูไม่ได้ด้วยซ้ำ


    "ไม่ต้องห่วงนะครับมิโดริม่าคุง ประสบการณ์ออกค่าย เข้าป่า ปีนเขาผมเยอะ ผมเคยไปสร้างโรงเรียนในพื้นที่กันดารกับทาคาโอะคุงจากแผนกวิศวะหลายครั้งเลยครับ ผมทำงานได้ในทุกส่วน รวมถึงมีทักษะเอาตัวรอดด้วย" เด็กหนุ่มหน้าตายพูดคล่องอย่างไร้อารมณ์พร้อมชูนิ้วโป้งให้ด้วยความตั้งใจจะบอกว่า เขาจะเป็นสุดยอดคู่หูในงานนี้แน่นอน


    แต่ดูจากรูปร่างแสนผอมบาง ส่วนสูงที่ไม่ต่างไปจากเด็กมัธยมแล้ว มิโดริม่าเชื่อไม่ลงแม้แต่คำเดียว


    ....เขาว่างานนี้เขาต่างหากที่ต้องมาดูแลเด็ก!!


    ช่างเถอะ เพื่องานวิจัย เพื่องานวิจัย เพื่องานวิจัย แล้วเขาก็จะเรียนจบหมดปัญหาเสียที



    แต่ทว่า กลายเป็นว่านักศึกษาผีผู้นี้ก็มีประโยชน์ในหลายๆ อย่างอย่างไม่น่าเชื่อ


    เวลาเดินผ่านพื้นที่อันตราย เด็กหนุ่มก็ดูจะเผื่อแผ่ความจืดจางมาพรางตัวเขาไว้ได้อย่างง่ายดาย ทำให้การเข้าถึงพื้นที่ที่เขาต้องการเป็นไปอย่างราบรื่น ร่างกายผอมบางเหมือนจะอ่อนแอก็ไม่มีปัญหาใดๆในการแบกเป้เดินทางไกล ซึ่งต้องแบกข้าวของเครื่องใช้สำหรับเข้าป่าหลายๆวัน ทั้งยังไม่ว่าอะไรและช่วยถือกระเป๋าเป้ใส่ลัคกี้ไอเท็มเต็มๆอีกหนึ่งใบของเขาอีกด้วย!! (จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคนอื่นมักจะโวยวายว่าจะเอามาให้เกะกะทำไม)


    แต่ดูเหมือนของนำโชคจะไม่ช่วยอะไร เพราะทุกอย่างยิ่งเลวร้ายลงเมื่อพวกเขาเก็บตัวอย่างการวิจัยสำเร็จแล้ว เครื่องมือนำทางพวกเขาเสีย เกือบสัมผัสถูกพืชมีพิษ เจอหมูป่าทำร้าย และตอนนี้ที่เลวร้ายที่สุด คือ หลงป่า


    "ดื่มน้ำหน่อยไหม คุโรโกะ" เขาปลดกระเป๋าเป้ลงและควานหากระติกน้ำส่งให้ "นายเจ็บ หรือมีแผลตรงไหนหรือเปล่า"


    ไม่โวยวาย ไม่บ่นอิดออด และไม่สติแตก นี่เลยกำหนดวันกลับมาหลายวันแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังไม่บ่นอะไรทั้งนั้น เหมือนกับมั่นใจว่าเขาจะนำทางออกไปได้ในที่สุด


    "นายควรกินอะไรบ้างนะ คุโรโกะ นายไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว"


    "ไม่เป็นไรครับ ผมไม่จำเป็นต้องกินอาหารมนุษย์ คุณต่างหากที่จำเป็นต้องกิน มิโดริม่าคุง ป่านี้มีพืชมีพิษมากเกินไป คุณต้องมีเสบียง"


    ขอบคุณพระเจ้าที่คนที่มาด้วยไม่ใช่คางามิ รายนั้นทั้งบ่นกระปอดประแปด และกินจุอย่างกับอะไรดี!


    คุโรโกะยอมรับน้ำไปดื่มแต่โดยดี แต่ทว่าสีหน้าก็ยังดูไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ มิโดริม่าเขยิบตัวเข้าใกล้เพื่อช่วยปลดเป้ลงจากไหล่ร่างเล็กให้ พร้อมๆ กับสำรวจหาบาดแผลที่อาจได้มาเพิ่มโดยไม่ทันระวังตัว และจับหน้าผากเพื่อวัดไข้ คุโรโกะมองท่าทีใจดีและเอาใจใส่ประหนึ่งเป็นหมอขึ้นมาอยู่เงียบๆ ถ้าเป็นปกติมิโดริม่าจะชอบบ่นและแสดงท่าทีหงุดหงิดชัดเจนเมื่ออะไรๆไม่เป็นไปอย่างที่คาดไว้ ความจริงใจหรือความเป็นห่วงก็จะแสดงออกมาแบบซึนๆ จนดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนเอาใจยาก แต่ตอนนี้ท่าทีเหล่านั้นก็หายไปโดยสิ้นเชิง นิสัยจุกจิกของมิโดริม่าอันตธานหายไปทันทีเมื่อต้องทุ่มเทสมาธิคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่ในตอนนี้  เพราะเขาจะปล่อยให้นักศึกษาปีศาจมาตายกลางป่าเพราะงานวิจัยบ้าบอของเขาไม่ได้หรอกนะ เขาต้องถูกตราหน้าชั่วชีวิตแน่ๆ


    คุโรโกะมองใบหน้าจริงจังและเยือกเย็นนั้นอย่างลังเล


    "มิโดริม่าคุง.." นักศึกษาหนุ่มเอ่ยเสียงเรียกแผ่วเบาและขยับตัวด้วยความอึดอัด มิโดริม่ากำลังเลิกขากางของคนเพื่อนขึ้นเพื่อหาแผล หรือ ปลิงดูดเลือดที่อาจเกาะมา


    "คือว่า... ทาคาโอะคุง...เคยพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวผมให้ฟังหรีอเปล่า..." มิโดริม่านั่งลงตรงที่ว่างตรงหน้าเด็กหนุ่ม และเห็นท่าทีอึดอัดของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน ใบหน้าแดงของคุโรโกะดูจะแดงจัดมากขึ้นอีกจนมิโดริม่านึกเสียใจที่ไม่ได้พกยาลดไข้มา


    "ไม่นี่ ถึงทาคาโอะดูจะเป็นพวกจุ้นจ้านเรื่องชาวบ้านก็จริง แต่ก็ไม่เคยพูดเรื่องไม่ดีของนายหรอกนะ แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่ได้รู้สึกแย่ที่มากับนายหรอกนะ" แม้จะไม่เข้าใจคำถามที่ฟังดูไม่มีมาที่ไป แต่ก็อาจเป็นอยากหาเรื่องชวนคุย หรือไม่ก็ความวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเองของคนป่วยละมั้ง?  


    "ที่ผมกังวลไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ" คุโรโกะเอ่ยพร้อมเบือนหน้าไปทางอื่น "มิโดริม่าคุงมี... คนที่ชอบอยู่หรือเปล่าครับ?"


    "หา!?" คำถามนี่ยิ่งฟังดูไม่มีที่มาที่ไปมากกว่าเดิมอีก


    "คุณชอบทาคาโอะคุงอยู่หรือเปล่า หรือ คบกับใครอยู่หรือเปล่าครับ หรือ-"


    "เดี๋ยว หยุด หยุด หยุด!! ทำไมอยู่ๆนายถึงพูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา!!" มิโดริม่าหน้าแดงขึ้นมาด้วยความตกใจกับคำถามและข้อสงสัยที่ไม่คาดคิด "นายจะบ้าหรือไง!! ทำไมฉันต้อง!! ฉันไม่ได้คิดอะไรกับทาคาโอะสักหน่อย แล้วฉันก็ไม่มี-"


    ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค มิโดริม่าก็รู้สึกว่าแผ่นหลังของเขาสัมผัสกับพื้นแข็ง เด็กหนุ่มผมสีฟ้านั่นเองที่ผลักเขาให้นอนลงแล้วขยับขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวเขา มิโดริม่ามองดวงตาสีฟ้าที่อ่านได้ยากอย่างตกตะลึง ความคิดต่างๆในสมองพยายามประมวลผลอย่างเร็วจี๋หลังจากกระตุกไปเพราะสิ่งไม่คาดคิดก่อนหน้า ...นี่คุโรโกะพยายามจะทำอะไรน่ะ!!...


    "ค..คราวนี้มีอะไร หมูป่า หรือ หมี หรือตัวอะไร?" มิโดริม่าพูดความเดียวที่พอจะคิดว่าเป็นเหตุเป็นผลขึ้นมาได้ออกมาดังๆ


    "ไม่ใช่หรอกครับ ตอนนี้รอบตัวเราไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายหรอก"


    ...คงไม่ใช่ว่านายเกิดคลั่งหรือกระหายเลือดหรืออะไรขึ้นมาหรอกนะ??



    "มิโดริม่าคุง ผมแค่ต้องการอะไรนิดหน่อยจากคุณเท่านั้นเอง...."



    ...นั่นไง! ตอนนี้ฉันกำลังจะต้องตายแล้วใช่ไหม!! ให้ตายสิ! ไม่นึกเลยว่าฉันต้องมาตายในที่แบบนี้! ลาก่อนงานวิจัยของฉัน น่าเสียดายเหลือเกินที่พ่อกับแม่จะไม่ได้เห็นฉันในวันจบการศึกษา...



    "มิโดริม่าคุง ผมไม่ได้จะเอาชีวิตคุณสักหน่อยนะครับ"



    ...ขอบคุณพระเจ้า!!!....



    "มันจะง่ายกว่าเยอะ ถ้าคุณจะให้ความร่วมมือสักหน่อย"



    แล้วจากนั้นจูบก็ตามลงมา



    -=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-




    "คาซูนาริ"


    "ไฮ่ ศาสตราจารย์"


    "ชินทาโร่กลับมาช้ากว่ากำหนดนะ"


    "อ๊า... ไม่ต้องห่วงหรอก เท็ตจังมีปีกซะอย่าง ต่อให้หลงป่าก็ไม่น่าจะถึงกับออกมาไม่ได้ สกิลจืดจางก็ช่วยพาชินจังออกจากพื้นที่จราจลได้อยู่แล้วล่ะ"


    "ถ้าชินทาโร่รู้น่ะนะ"


    "อ่าฮะ"


    "แล้วนายได้บอกชินทาโร่หรือเปล่า?"


    "เอ๋?"


    "ว่าเท็ตสึยะเป็นอินคิวบัสน่ะ"


    "อ๊า!!!!!!!!!!!!!! ตายแล้ว ลืมสนิทเลยอ่ะ เท็ตจังก็ขี้อายมากเกินกว่าจะพูดออกมาเองซะด้วย อาจารย์เราจองเครื่องบินไปช่วยสองคนนั้นกันเถอะ!!!"




    -=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-




    "ขอบคุณที่เลี้ยงนะครับ" คุโรโกะเอ่ยขึ้นหลังจากที่กลืนของเหลวในคอลงไปได้อึกใหญ่ เขากลับขึ้นมานั่งตัวตรงด้วยท่าทีที่กลับมามีเรี่ยวแรงแข็งขันและสีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติเหมือนเพิ่งได้กินอาหารเลิศรสมา ขณะที่เด็กหนุ่มนักศึกษาผมสีเขียวหน้าขึ้นสีและนอนพังพาบกับพื้นด้วยความอายเกินกว่าจะลุกขึ้นมาไหว เสื้อผ้าของทั้งคู่ยังอยู่ครบบนร่างกายมีเพียงกระดุมกางเกงของร่างสูงเท่านั้นที่ถูกปลด


    "มิโดริม่าคุงอยากกินอะไรหรือเปล่าครับ ในเป้ผมยังมีของกินอยู่"


    "ไม่ล่ะ ขอฉันเยียวยาแผลใจของฉันแป็ปนึง"


    ...นี่คือครั้งแรกที่มิโดริม่าต้องเจอเรื่องหน้าอายขนาดนี้  และหลังจากได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์อีกแบบหนึ่งของคู่หูคนปัจจุบัน เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะมองหน้าได้ด้วยความคิดแบบเดิม



    "ถ้ามิโดริม่าคุงไม่อยากเห็นหน้าผม ผมจะเอาถุงครอบหัวไว้ก็ได้นะครับ"


    "ม..ไม่ ไม่ต้องหรอก ขอเวลาฉันทำใจอีกสักพักก็พอ"


    "ผมขอโทษนะครับที่ต้องให้มิโดริม่าคุงทำเรื่องแบบนี้ ปกติแล้วผมไม่ได้ต้องกินแบบนี้ทุกครั้งที่ออกค่ายหรอกนะครับ ผมอดอาหารได้หลายวัน แต่ครั้งนี้มันค่อนข้างล่าช้ากว่ากำหนดหลายวันไปหน่อย"


    ด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายเสียใจ ทั้งๆ ที่เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดทำให้มิโดริม่ายอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคุโรโกะ


    "นายไม่ผิดหรอก ฉันมันงี่เง่าเองที่เอาแต่คิดถึงตัวเอง ตลอดทริปที่ผ่านมาฉันไม่เคยเอาใจใส่นายเลยจนนายจะหมดแรงอยู่รวมร่อ.... ฉันขอโทษนะ คุโรโกะ"



    แล้วดวงตาสีเขียวก็ได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ ที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนบนใบหน้าที่ไร้อารมณ์ เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นรอยยิ้มที่งดงามเหมือนส่งตรงมาจากเทพธิดาแบบนี้มาก่อน


    "ไม่เป็นไรครับ มิโดริม่าคุง" แม้แต่เสียงก็กังวานใสราวกับระฆังจากสวรรค์พร้อมกับปีกน้อยๆ ที่กระพือเบาๆ อยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่มราวกับหางของลูกสุนัขเวลาดีใจ


     เดี๋ยวนะ ปีก!!!!!!


    "คุโรโกะ นายมีปีก!!!" มิโดริม่าเผลอตะโกนออกมาเสียงดังจนคนตัวเล็กกว่าสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ


    "ครับ?.. ก็ผมเป็นอินคิวบัสนี่นา" ก็เป็นเรื่องธรรมดานี่นาที่เขาจะมีปีก


    "แล้วทำไมนายไม่บอก!!"


    แล้วนี่เขาหลงป่ามาตั้งนานเพื่ออะไร!!


    "ก็ถ้าผมจะบิน...ผมต้องกิน.....เยอะนี่ครับ" พอพูดถึงเรื่องกิน หน้าทั้งคู่ก็แดงขึ้นมาเหมือนจับไข้ ความทรงจำของเหตุการณ์น่าอายก่อนหน้าแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ


    "...หา?" มิโดริม่าเค้นเสียงตัวเองออกมาได้แค่นั้นจริงๆ


    "ผมคิดว่าถ้าเราเดินไปเรื่อยๆ เราก็จะต้องเจอทางออกเอง เพราะมิโดริม่าคุงไม่ค่อยโอเคกับการกินของผมใช่ไหมล่ะครับ?" คุโรโกะเสมองไปทางอื่นด้วยความอาย "ถ้าจะให้บิน มันจะยากขึ้นไปอีก ...พ...เพราะ..ร..เรา....ม..มัน.....คะ..คือ..ขั้น....สุดท้าย...."


    หน้าของมิโดริม่าแดงจัดจนคิดว่าไม่สามารถแดงไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว


    ".....ผมพูดต่อไปไม่ได้แล้วล่ะครับ..."


    แต่สุดท้าย พวกเขาก็ต้องทำอยู่ดี



    =-=-=-=-=-=-=-=-=-




    "ชินจางงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!" ทาคาโอะโผเข้ากอดเพื่อนผมสีเขียวทั้งน้ำตา ทันทีที่เพื่อนทั้งสองก้าวออกมาจากด่านผู้โดยสารขาเข้า มิโดริม่าพยายามยันร่างนั้นออกด้วยความลำบาก ขณะที่สายตาหันไปเห็นอาจารย์ที่ปรึกษายืนยิ้มมองมาโดยที่ไม่สามารถเข้าใจถึงความหมายของมันได้



    "ยินดีด้วยนะชินทาโร่ นายคงเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ ฉันยินดีเลี้ยงข้าวแดงพวกนายทั้งคู่ที่ร้านอาหารโปรดของฉันเลย" อาคาชิกล่าวพร้อมชูนิ้วโป้งให้ ข้างๆกันนั้น มีนักศึกษาชายอีกสองคนที่มิโดริม่ามั่นใจว่าเคยเห็นที่ไหนสักแห่งในโรงเรียนพุ่งเข้ามาหาร่างเล็กกว่า


     "เฮ้ คุโรโกะ นึกว่าจะแย่ซะแล้วนะ ถ้านายกลับช้ากว่านี้อีกวันเดียว อาโอมิเนะต้องแจ้นไปหานายถึงนู่นแน่ๆ"


    "ไม่ต้องมาพูดดีหรอกคางามิ นายนั่นแหละ ที่แทบไม่เป็นอันเรียนเมื่อเท็ตสึไม่กลับมาตามกำหนด คืนนี้ไปค้างบ้านคางามิกันนะ พวกฉันสองคนจะเติมให้ท้องนายอิ่มเอง"


    มิโดริม่ายังอดหน้าแดงไม่ได้เมื่ออาโอมิเนะพูดถึงการกินเสียงดังอย่างนั้น


    "อ่า.. ไม่จำเป็นหรอกครับ คางามิคุง อาโอมิเนะคุง ตอนนี้ผมอิ่มแล้วล่ะครับ"


    "หา!!!!" สองหนุ่มนักกีฬาปีศาจประจำมหาวิทยาลัยอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ขณะที่เด็กหนุ่มนักศึกษาวิศวะและอาจารย์ที่ปรึกษาซับน้ำตาแห่งความยินดีอยู่เงียบๆ ข้างเด็กหนุ่มผมสีเขียวที่หน้าเป็นสีแดงจัดเหมือนมะเขือเทศ


    "ถ้ามิโดริม่าคุงมีปัญหาอะไรอยากติดต่อมาผมก็พร้อมไปหาเสมอนะครับ"


    มิโดริม่านิ่งกลายเป็นรูปสลักด้วยความอายสุดขีดในทันที ขณะที่คุโรโกะรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตและมือหนาที่ตะปบลงมาบนศีรษะ


    "นี่มันหมายความว่าไงเท็ตสึ!! นายเสนอตัวให้มนุษย์ต่อหน้าเราสองคนงั้นเหรอ!!"


    "มนุษย์กับปีศาจไม่เหมือนกันนะครับ อาโอมิเนะคุง ถ้าจะเทียบกันก็เหมือนมิลค์เชค กับ น้ำประปาล่ะครับ" คุโรโกะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนทองไม่รู้ร้อน เมื่อต่อหน้าเพื่อนสนิททั้งสองคนความกล้าแบบบ้าๆจะแผ่มาถึงเขาโดยไม่รู้ตัวเสมอ


    "นายว่าใครเป็นน้ำประปานะ? คุโรโกะ พูดผิดพูดใหม่นะ"


    "โฮ่ ปากกล้ามากนะ เท็ตสึ สงสัยนายจะหลงป่าหลายวันจนสมองเสื่อมซะแล้วว่าพวกฉันดีได้มากกว่าเจ้าสี่ตานี่แค่ไหน คางามิ!!"


    "เยสเซอร์!!"


    "ไป กลับกัน!"  



    แล้วนักศึกษาปีศาจแผนกกีฬาสองคนก็แบกคุโรโกะและข้าวของของเด็กหนุ่มหายลับไปจากสนามบิน ทิ้งไว้แต่หนึ่งรูปปั้น และคนที่หัวเราะจะปวดท้องอีกสองคน




    -=-=-=-=-=-=-=-THE END=-=-=-=-=-




    ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆค่ะ

    รู้สึกทุกคนดูผิดคาแรกเตอร์ แต่ขำดีค่ะ ไม่อยากแก้เลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    จริงๆ อาคาชิอยากให้มิโดริม่ารู้จักสนใจความรู้สึกคนอื่นบ้างเท่านั้นเองค่ะ แต่กลับกลายเป็นว่า ได้รู้จักอย่างอื่นมาด้วยแทน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×