ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [AoKoro] Can I Bite you?
[AoKoro] Can I Bite you?
...ใครจะไปคิดล่ะว่าวันหนึ่งเรื่องแฟนซีของสาวน้อยจะเข้ามาอยู่ในหัวของคนอย่างอาโอมิเนะ ไดกิผู้นี้ได้...
...และถ้าจะเป็นความผิดของใคร ก็ต้องเป็นความผิดของยัยนั่นคนเดียวเลย!!!
วันนี้เขามาที่ห้องเปลี่ยนเสื้อเพียงลำพังเพราะติดเวรทำความสะอาดก่อนมาเข้าชมรม (ซึ่งถูกหัวหน้าห้องจี้ให้ทำและยืนคุม) ใครจะไปคิดว่าห้องล็อคเกอร์รูมที่น่าจะไม่มีใครอยู่จะกลายเป็นภาพอย่างนั้นมาปรากฎต่อสายตา
ภาพของร่างเพื่อนสนิทตัวเล็กผิวขาวซีดไม่มีสีเลือดกำลังหอบหายใจอย่างทุกข์ทรมานในอ้อมแขนของชายที่ไม่รู้จัก โลหิตสีแดงไหลลงมาจากร่องรอยเล็กๆบนต้นคอค่อยๆทิ้งตัวลงมาเรื่อยๆตามแรงโน้มถ่วง ริมฝีปากเผยอพยายามป้อนอากาศหายใจให้ตัวเอง ดวงตาสีฟ้าฉ่ำน้ำตากำลังร้องไห้และเว้าวอนขอชีวิต ภาพเหล่านี้แล่นขึ้นมาทันทีที่เขาเห็นร่องรอยประหลาดบนต้นคอของคู่หูคนสนิทของเขาซึ่งยืนเปลี่ยนเสื้ออยู่เพียงลำพัง
"เท็ตสึ... รอยที่คอนั่น..มันอะไร"
ใครคงเห็นว่าเป็นคำถามพื้นๆ เหมือนว่า เฮ้ นั่นต้นไม้หรือเปล่า ล็อคเกอร์รูมยังเป็นเหมือนเดิม เพื่อนของเขายืนอยู่มองเขาด้วยตาสีฟ้าใสปราศจากอารมณ์ แต่ในหัวของอาโอมิเนะกลับกำลังมีภาพจินตนาการที่ไกลสุดกู่ไปร้อยแปดพันเก้าอย่าง ไปจนถึงสถานการณ์เลวร้ายที่สุดว่าเพื่อนของเขากลายเป็นแวมไพร์ไปแล้วด้วย มือขาวที่กำลังถอดชุดนักเรียนเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดวอร์มสำหรับซ้อมบาสหยุดชะงัก
"อาโอมิเนะคุงคิดว่าอะไรล่ะครับ" ดวงหน้าเรียบนิ่งตอบประหนึ่งว่ากำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าร่างนั้นกำลังคิดอะไร
"คงไม่....ตอบว่าโดนแวมไพร์กัดหรอกนะ" ร่างสูงกว่าตอบโดยพยายามยิ้มเหมือนกำลังพูดเล่นสุดชีวิต แต่ในสายตาของคนช่างสังเกตอย่างคุโรโกะ เขาแทบจะเห็นสีหน้าที่แท้จริงที่กำลังเกิดขึ้นในใจของอาโอมิเนะเลยก็ว่าได้ ทันใดนั้นคุโรโกะก็ทรุดลงไปกับพื้นด้วยท่าทีกลั้นขำสุดชีวิตและหลุดหัวเราะออกมาเป็นเสียงใสทำให้เขารู้สึกหน้าร้อนฉ่า
ภาพในความคิดนั้นเป็นความผิดของยัยนั่นคนเดียวเลยที่ลากเขาไปดูหนังแวมไพร์บ้าบอพรรคนั้น!!
"หยุดหัวเราะทีเถอะเท็ตสึ ฉันพูดเล่นหรอกเฟ้ย" เขาตะโกนว่าอย่างอดไม่ได้ แต่ร่างนั้นดูจะสะกดความขำเอาไว้ไม่อยู่เสียที จนกระทั่งตัวเขาทนไม่ไหวเดินไปเปิดล็อคเกอร์ของตัวองและหยิบชุดมาเปลี่ยนทั้งที่หน้าขึ้นสีจัด กว่าร่างนั้นจะสะกดอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้ก็ตอนเขาเปลี่ยนชุดเสร็จนั่นแหละ
"ผมนึกว่าคุณไม่เคยไปดูหนังจำพวกนั้นซะอีก" คุโรโกะพูดหลังหยุดหัวเราะได้ หางตามีน้ำตาเล็ดออกมาหน่อยนึง และร่างเล็กก็หันไปเปลี่ยนชุดต่อ
"ขำมากนักหรือไง ไม่ขำให้ขาดใจตายไปเลยล่ะ" อาโอมิเนะประชด
"ก็เห็นคุณสนใจแต่หนังสือลับ ๆ ที่ซุกไว้ใต้เตียงนี่"
"เท็ตสึ!!" ขณะที่คำผรุสวาททั้งหลายกำลังจะหลุดออกมาจากปาก แต่ร่างเล็กก็กล่าวตัดบทออกมาเสียก่อน
"ครับๆ เด็กข้างบ้านก็ชอบเรื่องพวกนี้เหมือนกัน เด็กเจ็ดขวบน่ะครับ เขาเลยเอาปากกามาจุดไว้ให้เหมือน บอกว่าเผื่อจะช่วยป้องกันไม่ให้โดนแวมไพร์กัดได้ เพราะเคยถูกกัดแล้ว" คุโรโกะยังหัวเราะฮิฮิกับท่าทางของเพื่อนสนิทมาดดิบเถื่อนที่เชื่อเรื่องแฟนตาซีเหมือนเด็ก
"งั้นก็ไม่เห็นจะน่าขำเลย!!"
"ครับๆ ไม่ขำแล้วก็ได้"
ขณะที่พูด อาโอมิเนะก็มองสำรวจอิริยาบถของร่างเล็ก ท่าทางตอนกำลังกำลังถอดเสื้อเชิ๊ตออกเผยให้เห็นผิวขาวเนียนไร้รอยตำหนิ ผิวนั้นขาวซีดไปที่ตัวจนร่างนั้นแทบกลืนไปกับเสื้อยืดสีขาว อยู่ๆ ความคิดบางอย่างก็แว่บขึ้นมา ร่างกายเคลื่อนไปเร็วพร้อม ๆ กับความคิด แขนสีแทนก็โอบรอบร่างเล็กจากด้านหลัง แนบสัมผัสผิวเปลือยเปล่าเหนือขอบกางเกง ร่างกายแนบชิดจนเหมือนจะได้ยินเสียงหัวใจ
"นี่ เท็ตสึ.." อาโอมิเนะก้มลงเอ่ยเสียงพูดเบา ๆ เหมือนอยากจะกระซิบข้างหู ส่วนสูงที่ต่างกันช่างดูพอดีพอดีที่จะโอบกอดเอาไว้ อาโอมิเนะรู้สึกได้ว่าร่างเล็กแอบสะดุ้งเบาๆ เมื่อลมหายใจของเขาสัมผัสถูกใบหู อาการนั้นทำให้เขาแอบยิ้มกระหยิ่มในใจกว้างขึ้น และยิ่งอยากจะซุกใบหน้าลงไปแนบกับคอขาวนั้นให้มากกว่าเดิมอีก แต่กลัวไก่จะตื่นและดิ้นประท้วงเสียก่อน เขารู้ดีว่าสัมผัสแบบไหนที่ร่างนั้นจะแสร้งทำเป็นเฉย และสัมผัสแบบไหนที่จะทำให้ร่างนั้นร้อนจนอยู่ไม่สุข แน่นอนอาโอมิเนะยังอยากจะถามและได้รับคำตอบจากร่างนั้นมากกว่า เขาจึงต้องถอยใบหน้าออกมาเล็กน้อย "ถ้าฉันเป็นแวมไพร์ล่ะก็ นายจะยอมให้ฉันกินเลือดนายหรือเปล่า"
"เรื่องแบบนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นหรอกครับ" คนในอ้อมกอดตอบและขยับตัวเป็นการประท้วงเล็กน้อยเพราะอยากรีบเปลี่ยนเสื้อให้เสร็จเสียที
"ไม่เอาน่า เท็ตสึ แค่สมมุติน่ะ" อาโอมิเนะพูดอย่างร่าเริง มือข้างหนึ่งยังล็อคเอวบางไว้ไม่ให้ขยับหนี มือข้างเลื่อนขึ้นมาแตะที่ต้นคอขาว "นายจะยอมให้ฉันจะฝังเขี้ยวลงไปตรงนี้ และดื่มเลือดของนายหรือเปล่า มันคงหวานเหมือนวานิลามิลเชคที่นายชอบกินแน่เลย"
"ถามทำไมล่ะครับ" เสียงของคนหน้าตายยังดูราบเรียบเช่นเดิม แต่ร่างผิวแทนไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดใจอะไรในเมื่อลมหายใจเบา ๆ นั้นเริ่มสะดุดเพราะสัมผัสของเขาที่เริ่มสำรวจไปทั่วต้นคออย่างจงใจ
"ฉันก็แค่อยากจะรู้...ว่านายจะทำเพื่อฉันหรือเปล่า อยากอยู่กับฉันหรือเปล่า ได้อยู่ด้วยกันอยู่เล่นบาสด้วยกันไปชั่วนิรันดร์ก็คงไม่เลวนะ"
"ไม่เอาล่ะครับ"
"เห..ใจร้ายจัง ฉันไม่มีความหมายอะไรกับนายเลยหรือไง"
"ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย แวมไพร์เขามีแต่กินเลือดเพศตรงข้ามไม่ใช่เหรอครับ"
"โธ่เท็ตสึ"
"ผมคงไม่มีเลือดให้คุณกินนักหรอก" คำตอบนั่นทำให้อาโอมิเนะต้องหยุดคิด
"อืมมม.. ดูจากตัวนายก็คงจะอย่างนั้นล่ะ"
"อาโอมิเนะคุง คุณเข้าใจเรื่องแวมไพร์มากแค่ไหนกันครับ แวมไพร์เป็นแค่ซากศพตัวเย็นๆ ที่หล่อเลี้ยงร่างของตัวเองไว้ได้โดยการใช้เลือดจากคนเป็น ประสาทสัมผัสก็คงจะตายด้าน อยู่กลางแดดไม่ได้ ไปเล่นไล่จับแมลงไม่ได้ ไม่รู้รสของไอศกรีมในหน้าร้อน ไม่ได้รู้สึกถึงความอบอุ่นของร่างกาย นอนในโลงแข็งๆ ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ถูกกัดจะกลายเป็นแวมไพร์ด้วย ถ้าคุณอยากจะอยู่กับใครไปชั่วนิรันดร์ มันก็มีความเสี่ยงที่จะไม่สมหวังอยู่เหมือนกันนะครับ"
"หืม... ฟังดูไม่โรแมนติคเอาซะเลย" อาโอมิเนะยอมรับด้วยอารมณ์เซ็งๆ อ้อมแขนเขยิบขึ้นมาอยู่ที่ไหล่และปล่อยหน้าผากของตนซบที่บ่าของร่างเล็ก
"ความเป็นจริงก็คงเป็นอย่างนั้นละครับ" คุโรโกะตอบพร้อมกับขยับตัวเพื่อจะกลับไปใส่แต่งตัวต่อเสียทีหลังจากเปลี่ยนอารมณ์ร่างสูงเข้าสู่โซนปลอดภัยได้สำเร็จ แต่ร่างสูงก็ยังไม่ยอมปล่อย
"สารภาพตามตรงนะ ตอนที่คิดถึงเรื่องนี้ฉันคิดถึงแต่เรื่องเอ็กซ์"
"คุณนี่... ช่วยมองเรื่องการณ์ไกลหน่อยสิครับ" น้ำเสียงของคุโรโกะเริ่มสั่น ปนไปด้วยความสับสนปนตกใจกับคำพูดตรงๆ นั้น
"นั่นหน้าที่ของโมโมอิกับนาย แต่ตอนนี้ฉันน่ะ..." ผิวหน้าผากของร่าวผิวแทนยกลอยขึ้นจากบ่า ตามมาด้วยสัมผัสเบาๆ ที่มีไอร้อน แม้จะมองเห็นไม่เห็น แต่คุโรโกะบอกได้เลยว่ามันคือปลายจมูกของอาโอมิเนะที่เริ่มขยับชิดเข้ามาที่ต้นคอของเขา หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบระเบิดเมื่อเสียงกระซิบแหบพร่าอยู่ไม่ไกลจากหูเลยพูดว่า "อยากจะกินเลือดนายมากๆ"
คุโรโกะคิดจะใช้ศอกกระทุ้งร่างนั้นแรงๆ พร้อมกับที่พยายามจะร้องห้ามและเตือนสติว่าพวกเขายังต้องไปซ้อม แต่คนผิวสีแทนไวกว่า เขากอดรัดร่างนั้นไว้แน่นขณะที่ริมฝีปากเริ่มโจมตีจุดอ่อนที่ใบหูทำให้คำพูดที่ออกมาจากปากร่างนั้นกลายเป็นประโยคกระท่อนกระแท่น เขาเริ่มจากจูบที่โคนหลังใบหู ก่อนจะกัดเบาๆ พ่นลมหายใจร้อนๆ อย่างตั้งใจในจุดที่เขารู้ว่าไวต่อสัมผัสที่สุด ทำให้ร่างนั้นหลุดเสียงครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เสียงนั้นเหมือนประกาศความพ่ายแพ้แล้วสำหรับอาโอมิเนะ เขาจึงไล่จูบเบาๆลงมาที่ต้นคอที่อ่อนไหวต่อสัมผัสน้อยกว่า
"อาโอ..มิเนะ....คุง พวกเราต้องไป..อ๊ะ..ซ้อมนะครับ" คุโรโกะพยายามจะห้าม แต่ร่างสูงรุกหนักโดยการกัดที่ต้นคอเบาๆและจูบปิดปากนั้นเสีย ซ้ำยังใช้มือหนาข้างขวาเลื่อนไปสัมผัสที่ต้นขาอย่างจงใจ ร่างเล็กผมสีฟ้าหน้าตายก็ได้แต่ครางเสียงหลงอยู่ในลำคอสิ้นท่ายอมอยู่ใต้อ้อมแขนนั้นแต่โดยดี คุโรโกะเริ่มจูบตอบร่างสูงอย่างเร่าร้อน และหันกลับมาเผชิญหน้ากับร่างสูง
"ถ้าคุณไม่รีบทำให้เสร็จ อาคาชิคุงเอาพวกเราตายแน่ครับ"
"นายไม่ตายหรอก เพราะนายจะต้องอยู่กับฉันไปชั่วนิรันดร์"
"คุณน่ะไม่เหมาะกับที่มืดหรอก อาโอมิเนะคุง ผมว่าคุณเหมือนเทวดามากกว่า"
"ด้วยผิวสีนี้เนี่ยนะ" อาโอมิเนะพูดติดตลกกับคำพูดที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะออกมาจากปากของร่างเล็ก ...เค้าเหมือนเทวดาเนี่ยนะ...
"ครับ เป็นเทวดาที่อยู่ในโลกที่มีแสงสว่าง ตราบเท่าที่โลกยังมีแสงสว่าง ก็จะมีเงาอย่างผม อยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร์"
...
คุณคือเทวดาของผม
เพราะฉะนั้นอย่าลดตัวลงมาอยู่ในความมืดเลย
ในโลกมืดที่เดียวดาย และอ้างว้าง
ที่ที่หัวใจหยุดเต้น
ตายจากความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวล
โปรดส่องแสงของคุณเอาไว้
แล้วพาผมไปยังที่ของคุณ
...
=-=-=-=-=-=-=-=-=-=
ใสมาตลอด แต่จบให้ดาร์ก ตลกไหม
หวานปนขมเล็กๆก็ไม่เสียหายนี่ใช่ไหม?
...ใครจะไปคิดล่ะว่าวันหนึ่งเรื่องแฟนซีของสาวน้อยจะเข้ามาอยู่ในหัวของคนอย่างอาโอมิเนะ ไดกิผู้นี้ได้...
...และถ้าจะเป็นความผิดของใคร ก็ต้องเป็นความผิดของยัยนั่นคนเดียวเลย!!!
วันนี้เขามาที่ห้องเปลี่ยนเสื้อเพียงลำพังเพราะติดเวรทำความสะอาดก่อนมาเข้าชมรม (ซึ่งถูกหัวหน้าห้องจี้ให้ทำและยืนคุม) ใครจะไปคิดว่าห้องล็อคเกอร์รูมที่น่าจะไม่มีใครอยู่จะกลายเป็นภาพอย่างนั้นมาปรากฎต่อสายตา
ภาพของร่างเพื่อนสนิทตัวเล็กผิวขาวซีดไม่มีสีเลือดกำลังหอบหายใจอย่างทุกข์ทรมานในอ้อมแขนของชายที่ไม่รู้จัก โลหิตสีแดงไหลลงมาจากร่องรอยเล็กๆบนต้นคอค่อยๆทิ้งตัวลงมาเรื่อยๆตามแรงโน้มถ่วง ริมฝีปากเผยอพยายามป้อนอากาศหายใจให้ตัวเอง ดวงตาสีฟ้าฉ่ำน้ำตากำลังร้องไห้และเว้าวอนขอชีวิต ภาพเหล่านี้แล่นขึ้นมาทันทีที่เขาเห็นร่องรอยประหลาดบนต้นคอของคู่หูคนสนิทของเขาซึ่งยืนเปลี่ยนเสื้ออยู่เพียงลำพัง
"เท็ตสึ... รอยที่คอนั่น..มันอะไร"
ใครคงเห็นว่าเป็นคำถามพื้นๆ เหมือนว่า เฮ้ นั่นต้นไม้หรือเปล่า ล็อคเกอร์รูมยังเป็นเหมือนเดิม เพื่อนของเขายืนอยู่มองเขาด้วยตาสีฟ้าใสปราศจากอารมณ์ แต่ในหัวของอาโอมิเนะกลับกำลังมีภาพจินตนาการที่ไกลสุดกู่ไปร้อยแปดพันเก้าอย่าง ไปจนถึงสถานการณ์เลวร้ายที่สุดว่าเพื่อนของเขากลายเป็นแวมไพร์ไปแล้วด้วย มือขาวที่กำลังถอดชุดนักเรียนเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดวอร์มสำหรับซ้อมบาสหยุดชะงัก
"อาโอมิเนะคุงคิดว่าอะไรล่ะครับ" ดวงหน้าเรียบนิ่งตอบประหนึ่งว่ากำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าร่างนั้นกำลังคิดอะไร
"คงไม่....ตอบว่าโดนแวมไพร์กัดหรอกนะ" ร่างสูงกว่าตอบโดยพยายามยิ้มเหมือนกำลังพูดเล่นสุดชีวิต แต่ในสายตาของคนช่างสังเกตอย่างคุโรโกะ เขาแทบจะเห็นสีหน้าที่แท้จริงที่กำลังเกิดขึ้นในใจของอาโอมิเนะเลยก็ว่าได้ ทันใดนั้นคุโรโกะก็ทรุดลงไปกับพื้นด้วยท่าทีกลั้นขำสุดชีวิตและหลุดหัวเราะออกมาเป็นเสียงใสทำให้เขารู้สึกหน้าร้อนฉ่า
ภาพในความคิดนั้นเป็นความผิดของยัยนั่นคนเดียวเลยที่ลากเขาไปดูหนังแวมไพร์บ้าบอพรรคนั้น!!
"หยุดหัวเราะทีเถอะเท็ตสึ ฉันพูดเล่นหรอกเฟ้ย" เขาตะโกนว่าอย่างอดไม่ได้ แต่ร่างนั้นดูจะสะกดความขำเอาไว้ไม่อยู่เสียที จนกระทั่งตัวเขาทนไม่ไหวเดินไปเปิดล็อคเกอร์ของตัวองและหยิบชุดมาเปลี่ยนทั้งที่หน้าขึ้นสีจัด กว่าร่างนั้นจะสะกดอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้ก็ตอนเขาเปลี่ยนชุดเสร็จนั่นแหละ
"ผมนึกว่าคุณไม่เคยไปดูหนังจำพวกนั้นซะอีก" คุโรโกะพูดหลังหยุดหัวเราะได้ หางตามีน้ำตาเล็ดออกมาหน่อยนึง และร่างเล็กก็หันไปเปลี่ยนชุดต่อ
"ขำมากนักหรือไง ไม่ขำให้ขาดใจตายไปเลยล่ะ" อาโอมิเนะประชด
"ก็เห็นคุณสนใจแต่หนังสือลับ ๆ ที่ซุกไว้ใต้เตียงนี่"
"เท็ตสึ!!" ขณะที่คำผรุสวาททั้งหลายกำลังจะหลุดออกมาจากปาก แต่ร่างเล็กก็กล่าวตัดบทออกมาเสียก่อน
"ครับๆ เด็กข้างบ้านก็ชอบเรื่องพวกนี้เหมือนกัน เด็กเจ็ดขวบน่ะครับ เขาเลยเอาปากกามาจุดไว้ให้เหมือน บอกว่าเผื่อจะช่วยป้องกันไม่ให้โดนแวมไพร์กัดได้ เพราะเคยถูกกัดแล้ว" คุโรโกะยังหัวเราะฮิฮิกับท่าทางของเพื่อนสนิทมาดดิบเถื่อนที่เชื่อเรื่องแฟนตาซีเหมือนเด็ก
"งั้นก็ไม่เห็นจะน่าขำเลย!!"
"ครับๆ ไม่ขำแล้วก็ได้"
ขณะที่พูด อาโอมิเนะก็มองสำรวจอิริยาบถของร่างเล็ก ท่าทางตอนกำลังกำลังถอดเสื้อเชิ๊ตออกเผยให้เห็นผิวขาวเนียนไร้รอยตำหนิ ผิวนั้นขาวซีดไปที่ตัวจนร่างนั้นแทบกลืนไปกับเสื้อยืดสีขาว อยู่ๆ ความคิดบางอย่างก็แว่บขึ้นมา ร่างกายเคลื่อนไปเร็วพร้อม ๆ กับความคิด แขนสีแทนก็โอบรอบร่างเล็กจากด้านหลัง แนบสัมผัสผิวเปลือยเปล่าเหนือขอบกางเกง ร่างกายแนบชิดจนเหมือนจะได้ยินเสียงหัวใจ
"นี่ เท็ตสึ.." อาโอมิเนะก้มลงเอ่ยเสียงพูดเบา ๆ เหมือนอยากจะกระซิบข้างหู ส่วนสูงที่ต่างกันช่างดูพอดีพอดีที่จะโอบกอดเอาไว้ อาโอมิเนะรู้สึกได้ว่าร่างเล็กแอบสะดุ้งเบาๆ เมื่อลมหายใจของเขาสัมผัสถูกใบหู อาการนั้นทำให้เขาแอบยิ้มกระหยิ่มในใจกว้างขึ้น และยิ่งอยากจะซุกใบหน้าลงไปแนบกับคอขาวนั้นให้มากกว่าเดิมอีก แต่กลัวไก่จะตื่นและดิ้นประท้วงเสียก่อน เขารู้ดีว่าสัมผัสแบบไหนที่ร่างนั้นจะแสร้งทำเป็นเฉย และสัมผัสแบบไหนที่จะทำให้ร่างนั้นร้อนจนอยู่ไม่สุข แน่นอนอาโอมิเนะยังอยากจะถามและได้รับคำตอบจากร่างนั้นมากกว่า เขาจึงต้องถอยใบหน้าออกมาเล็กน้อย "ถ้าฉันเป็นแวมไพร์ล่ะก็ นายจะยอมให้ฉันกินเลือดนายหรือเปล่า"
"เรื่องแบบนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นหรอกครับ" คนในอ้อมกอดตอบและขยับตัวเป็นการประท้วงเล็กน้อยเพราะอยากรีบเปลี่ยนเสื้อให้เสร็จเสียที
"ไม่เอาน่า เท็ตสึ แค่สมมุติน่ะ" อาโอมิเนะพูดอย่างร่าเริง มือข้างหนึ่งยังล็อคเอวบางไว้ไม่ให้ขยับหนี มือข้างเลื่อนขึ้นมาแตะที่ต้นคอขาว "นายจะยอมให้ฉันจะฝังเขี้ยวลงไปตรงนี้ และดื่มเลือดของนายหรือเปล่า มันคงหวานเหมือนวานิลามิลเชคที่นายชอบกินแน่เลย"
"ถามทำไมล่ะครับ" เสียงของคนหน้าตายยังดูราบเรียบเช่นเดิม แต่ร่างผิวแทนไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดใจอะไรในเมื่อลมหายใจเบา ๆ นั้นเริ่มสะดุดเพราะสัมผัสของเขาที่เริ่มสำรวจไปทั่วต้นคออย่างจงใจ
"ฉันก็แค่อยากจะรู้...ว่านายจะทำเพื่อฉันหรือเปล่า อยากอยู่กับฉันหรือเปล่า ได้อยู่ด้วยกันอยู่เล่นบาสด้วยกันไปชั่วนิรันดร์ก็คงไม่เลวนะ"
"ไม่เอาล่ะครับ"
"เห..ใจร้ายจัง ฉันไม่มีความหมายอะไรกับนายเลยหรือไง"
"ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย แวมไพร์เขามีแต่กินเลือดเพศตรงข้ามไม่ใช่เหรอครับ"
"โธ่เท็ตสึ"
"ผมคงไม่มีเลือดให้คุณกินนักหรอก" คำตอบนั่นทำให้อาโอมิเนะต้องหยุดคิด
"อืมมม.. ดูจากตัวนายก็คงจะอย่างนั้นล่ะ"
"อาโอมิเนะคุง คุณเข้าใจเรื่องแวมไพร์มากแค่ไหนกันครับ แวมไพร์เป็นแค่ซากศพตัวเย็นๆ ที่หล่อเลี้ยงร่างของตัวเองไว้ได้โดยการใช้เลือดจากคนเป็น ประสาทสัมผัสก็คงจะตายด้าน อยู่กลางแดดไม่ได้ ไปเล่นไล่จับแมลงไม่ได้ ไม่รู้รสของไอศกรีมในหน้าร้อน ไม่ได้รู้สึกถึงความอบอุ่นของร่างกาย นอนในโลงแข็งๆ ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ถูกกัดจะกลายเป็นแวมไพร์ด้วย ถ้าคุณอยากจะอยู่กับใครไปชั่วนิรันดร์ มันก็มีความเสี่ยงที่จะไม่สมหวังอยู่เหมือนกันนะครับ"
"หืม... ฟังดูไม่โรแมนติคเอาซะเลย" อาโอมิเนะยอมรับด้วยอารมณ์เซ็งๆ อ้อมแขนเขยิบขึ้นมาอยู่ที่ไหล่และปล่อยหน้าผากของตนซบที่บ่าของร่างเล็ก
"ความเป็นจริงก็คงเป็นอย่างนั้นละครับ" คุโรโกะตอบพร้อมกับขยับตัวเพื่อจะกลับไปใส่แต่งตัวต่อเสียทีหลังจากเปลี่ยนอารมณ์ร่างสูงเข้าสู่โซนปลอดภัยได้สำเร็จ แต่ร่างสูงก็ยังไม่ยอมปล่อย
"สารภาพตามตรงนะ ตอนที่คิดถึงเรื่องนี้ฉันคิดถึงแต่เรื่องเอ็กซ์"
"คุณนี่... ช่วยมองเรื่องการณ์ไกลหน่อยสิครับ" น้ำเสียงของคุโรโกะเริ่มสั่น ปนไปด้วยความสับสนปนตกใจกับคำพูดตรงๆ นั้น
"นั่นหน้าที่ของโมโมอิกับนาย แต่ตอนนี้ฉันน่ะ..." ผิวหน้าผากของร่าวผิวแทนยกลอยขึ้นจากบ่า ตามมาด้วยสัมผัสเบาๆ ที่มีไอร้อน แม้จะมองเห็นไม่เห็น แต่คุโรโกะบอกได้เลยว่ามันคือปลายจมูกของอาโอมิเนะที่เริ่มขยับชิดเข้ามาที่ต้นคอของเขา หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบระเบิดเมื่อเสียงกระซิบแหบพร่าอยู่ไม่ไกลจากหูเลยพูดว่า "อยากจะกินเลือดนายมากๆ"
คุโรโกะคิดจะใช้ศอกกระทุ้งร่างนั้นแรงๆ พร้อมกับที่พยายามจะร้องห้ามและเตือนสติว่าพวกเขายังต้องไปซ้อม แต่คนผิวสีแทนไวกว่า เขากอดรัดร่างนั้นไว้แน่นขณะที่ริมฝีปากเริ่มโจมตีจุดอ่อนที่ใบหูทำให้คำพูดที่ออกมาจากปากร่างนั้นกลายเป็นประโยคกระท่อนกระแท่น เขาเริ่มจากจูบที่โคนหลังใบหู ก่อนจะกัดเบาๆ พ่นลมหายใจร้อนๆ อย่างตั้งใจในจุดที่เขารู้ว่าไวต่อสัมผัสที่สุด ทำให้ร่างนั้นหลุดเสียงครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เสียงนั้นเหมือนประกาศความพ่ายแพ้แล้วสำหรับอาโอมิเนะ เขาจึงไล่จูบเบาๆลงมาที่ต้นคอที่อ่อนไหวต่อสัมผัสน้อยกว่า
"อาโอ..มิเนะ....คุง พวกเราต้องไป..อ๊ะ..ซ้อมนะครับ" คุโรโกะพยายามจะห้าม แต่ร่างสูงรุกหนักโดยการกัดที่ต้นคอเบาๆและจูบปิดปากนั้นเสีย ซ้ำยังใช้มือหนาข้างขวาเลื่อนไปสัมผัสที่ต้นขาอย่างจงใจ ร่างเล็กผมสีฟ้าหน้าตายก็ได้แต่ครางเสียงหลงอยู่ในลำคอสิ้นท่ายอมอยู่ใต้อ้อมแขนนั้นแต่โดยดี คุโรโกะเริ่มจูบตอบร่างสูงอย่างเร่าร้อน และหันกลับมาเผชิญหน้ากับร่างสูง
"ถ้าคุณไม่รีบทำให้เสร็จ อาคาชิคุงเอาพวกเราตายแน่ครับ"
"นายไม่ตายหรอก เพราะนายจะต้องอยู่กับฉันไปชั่วนิรันดร์"
"คุณน่ะไม่เหมาะกับที่มืดหรอก อาโอมิเนะคุง ผมว่าคุณเหมือนเทวดามากกว่า"
"ด้วยผิวสีนี้เนี่ยนะ" อาโอมิเนะพูดติดตลกกับคำพูดที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะออกมาจากปากของร่างเล็ก ...เค้าเหมือนเทวดาเนี่ยนะ...
"ครับ เป็นเทวดาที่อยู่ในโลกที่มีแสงสว่าง ตราบเท่าที่โลกยังมีแสงสว่าง ก็จะมีเงาอย่างผม อยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร์"
...
คุณคือเทวดาของผม
เพราะฉะนั้นอย่าลดตัวลงมาอยู่ในความมืดเลย
ในโลกมืดที่เดียวดาย และอ้างว้าง
ที่ที่หัวใจหยุดเต้น
ตายจากความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวล
โปรดส่องแสงของคุณเอาไว้
แล้วพาผมไปยังที่ของคุณ
...
=-=-=-=-=-=-=-=-=-=
ใสมาตลอด แต่จบให้ดาร์ก ตลกไหม
หวานปนขมเล็กๆก็ไม่เสียหายนี่ใช่ไหม?
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น